จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 566 เลื่อยขาเก้าอี้ต่อหน้านาง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 566 เลื่อยขาเก้าอี้ต่อหน้านาง

โม่หลานกลอกตามองนางครู่หนึ่ง“นี่ก็คือการปกป้องข้าของท่าน?”

โม่ฉือชิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน“ข้าสู้ไม่ไหวไม่ใช่หรือ?”

โม่หลานคิดทบทวน ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ“ไปอยู่ด้านหนึ่งเลยไป!”

“ได้เลย!” โม่ฉือชิงรีบปล่อยแขนเสื้อของโม่หลานทันที ไปยืนอยู่ด้านหลังของโม่หลานอย่างเชื่อฟัง ราวกับสะใภ้ที่เพิ่งแต่งงานใหม่ที่ว่านอนสอนง่าย

“ผู้ที่พ่ายแพ้ให้กับข้า ยังจะสู้อีกหรือ?” โม่หลานมองไปทางจี้อวี๋อย่างดูหมิ่น

จี้อวี๋จ้องมองมาด้วยความโมโห“ข้าพ่ายแพ้ให้เจ้าก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าครั้งหน้าข้าจะแพ้ให้เข้าอีก อีกสามวันให้หลังค่อยสู้กันใหม่!”

“เมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น!”

“จี้อวี๋ ข้าให้เจ้าสั่งสอนนาง ไม่ให้เจ้าไปท้าประลองกับนาง!” องค์หญิงใหญ่โกรธอย่างมาก

จี้อวี๋หันหน้ามองไปทางองค์หญิงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ“องค์หญิงใหญ่ ข้าสู้นางไม่ได้!”

นัยยะนอกเหนือคำพูด ก็คือไม่สามารถสั่งสอนนางได้

องค์หญิงใหญ่โกรธจนหน้าเขียว“ขยะไร้ประโยชน์!”

“ถึงแม้นางจะพ่ายแพ้ให้ข้า แต่นางก็มีความสามารถจริงๆ อย่างไรเสียคนที่สามารถเอาชนะข้าได้ในแคว้นต้าเยียนก็มีแค่ไม่กี่คน ดังนั้นนางไม่ใช่ขยะไร้ประโยชน์อย่างที่ท่านพูด!” เสียงของโม่หลานเย็นชาและหนักแน่น

ถึงแม้จี้อวี๋จะพ่ายพ้ายให้กับตัวเองจริงๆ แต่โม่หลานกลับเคารพนางมาก หากไม่มียาบำรุงที่หยุนถิงมอบให้เมื่อคืนนี้ เกรงว่านางก็อาจจะไม่ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ใครแพ้ใครชนะก็ยังไม่แน่นอนเลย

จี้อวี๋ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน นางคิดไม่ถึงว่าโม่หลานจะพูดแทนตัวเอง

“ข้าสั่งสอนคนของตัวเอง เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตำหนิ?” ดวงตาคู่สวยขององค์หญิงใหญ่กวาดมองมาอย่างเฉือนคม

“ติดตามเจ้านายที่กำเริบเสิบสานและโอหังอวดดี ไม่รู้จักเคารพคนอื่นเช่นท่าน มันช่างน่าเศร้าจริงๆ จี้อวี๋ข้าชื่นชมเจ้ามาก หากวันไหนเจ้าออกจากแคว้นเทียนจิ่ว สามารถมาหาข้าได้ ข้ารับปากว่าจะให้ตำแหน่งรองแม่ทัพแก่เจ้า!” โม่หลานกล่าวด้วยความจริงจัง

“เฮอะๆ คุณหนูโม่สมองถูกลาถีบจนโง่หรือ ยังตำแหน่งรองแม่ทัพอีก แม่ทัพจี้อยู่ที่แคว้นเทียนจิ่วเป็นถึงแม่ทัพหลัก นางจะเห็นตำแหน่งรองแม่ทัพของเจ้าอยู่ในสายตาหรือ น่าขำจริงๆ?” หลัวหรูจี๋กล่าวอย่างดูหมิ่น

“ตำแหน่งรองแม่ทัพใช้คนไม่สมกับความสามารถจริงๆ หากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ ข้ายินดีจะยกตำแหน่งแม่ทัพให้เจ้า!” โม่หลานตอบอย่างจริงจัง

“ซ้ายขวาก็แค่ตำแหน่งแม่ทัพ แม่ทัพจี้อยู่ที่แคว้นเทียนจิ่วดีๆ จะไปเข้าร่วมกับเจ้าทำไม?” หลัวหรูจี๋ถามกลับ

“แม่ทัพกับแม่ทัพแตกต่างกัน ติดตายนายที่ไม่เห็นลูกน้องเป็นคนเช่นนี้ ทุ่มเทสุดชีวิตก็ไม่มีจุดจบที่ดีอะไรหรอก ถ้าหากมีคนต่ำทรามเช่นเจ้าวางแผนทำร้ายอีก เช่นนั้นจี้อวี๋จะไม่ตายอย่างไม่เป็นธรรมหรอกหรือ

แต่มาที่แคว้นต้าเยียนก็แตกต่างออกไปแล้ว ขอเพียงนางมีความสามารถจริงๆสามารถทำให้บรรดาทหารนับถือได้ จะต้องมีทหารนับแสน นับล้านติดตามอย่างภักดีอย่างแน่นอน

และค่ายทหารของเราไม่ได้มีเพียงการฝึกซ้อมและสู้รบ เรายังมีตำราพิชัยสงคราม การวางแผนจัดทัพ สามสิบหกกลยุทธ์ ตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ อันคำว่ารู้เขารู้เรา ถึงจะสามารถรบร้อยครั้งไม่เป็นอันตราย——” โม่หลานจงใจท่องสิ่งที่หยุนถิงสอนนางก่อนหน้านี้ออกมา

จู่ๆจี้อวี๋ก็ได้ยินโม่หลานพูดขึ้นมา ดวงตาสองข้างจ้องเขม็ง“ตำราพิชัยสงครามที่เจ้าพูดถึงทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน?”

“เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่หยุนถิงสอนข้าทั้งนั้น กลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยจ้าว กลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเล กลหญิงงามต่างๆ——สรุปคือมีเยอะแยะมากมาย สิ่งที่หยุนถิงเป็นไม่ได้มีเพียงตำราพิชัยสงครามเท่านั้น นางยังให้พวกข้าซ้อมต่อสู้จริง อย่างไรก็ตามเจ้ามาแล้วก็จะพบว่า สิบกว่าปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ของตัวเองสูญเปล่าแล้ว ข้างหลังต่างหากถึงจะเป็นชีวิต!” โม่หลานเอ่ยถึงหยุนถิง อดที่จะชื่นชมและนับถือไม่ได้

“พอแล้ว ข้าไม่มีเวลามาฟังเจ้าพูดจาไร้สาระ จี้อวี๋ข้าขอสั่งให้นางสั่งสอนนาง เดี๋ยวนี้!” องค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

โม่หลานที่สมควรตายนี่ ถึงกับเลื่อยขาเก้าอี้นางต่อหน้าต่อตา ยังคิดจะลักพาตัวแม่ทัพที่มีความสามารถของนางไป นางไม่มีทางยอมเด็ดขาด!

“องค์หญิงใหญ่จะโมโหขนาดนี้ทำไม ก็แค่ตราพยัคฆ์อันเดียวเท่านั้น ที่ท่านพูดถึงคืออันนี้ใช่ไหม!” ขณะที่โม่หลานกล่าวไป ก็หยิบตราพยัคฆ์ออกมาจากกระเป๋า

สีหน้าขององค์หญิงใหญ่เปลี่ยนไปทันที แตะไปยังแขนเสื้อของตัวเองโดยสัญชาตญาณ หายไปแล้วจริงๆ“เจ้าถึงกับกล้าขโมยตราพยัคฆ์ของข้าหรือ?”

“เมื่อคืนตอนที่ท่านนอนหลับ มันหล่นออกมาจากแขนเสื้อของท่านเอง ข้าก็เลยเก็บเอาไว้ เดิมทียังคิดจะคืนให้ท่าน แต่ถ้าหากท่านพูดจาเหมือนผายลม ผิดคำพูดเช่นนี้ เช่นนั้นเฉินอ๋องจะไม่เสียเปรียบเกินไปหรอกหรือ ดังนั้นข้าจึงเก็บเอาไว้ให้ท่านก่อน ตอนนี้ดูท่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของข้าเป็นเรื่องที่ฉลาดมากจริงๆ เฉินอ๋องตอนนี้ตราพยัคฆ์นี่เป็นของท่านแล้ว!” โม่หลานกล่าวพร้อมกับยื่นมาให้

โม่ฉือชิงตื่นเต้นอย่างยิ่ง รับมาทันที“เจ้าช่างมีญาณที่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจริงๆ”

ความโหดเหี้ยมแผ่ซ่านจากรอบตัวองค์หญิงใหญ่ในชั่วพริบตา ถึงแม้เมื่อคืนนางจะพูดเช่นนั้น แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าจี้อวี๋จะแพ้ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าโม่หลานจะขโมยตราพยัคฆ์ของตัวเอง

“องครักษ์ลับอยู่ไหน?” องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา

ทันใดนั้นองครักษ์ลับในชุดดำลอยตัวมาจากทุกทิศทุกทางเป็นร้อยคน คำนับให้กับองค์หญิงใหญ่ด้วยความเคารพนบนอบ

“ข้าขอสั่งให้พวกเจ้าไปแย่งตราพยัคฆ์มา ฆ่าโม่หลานกับเฉินอ๋องซะ!”

“ขอรับ!”

“โม่หลาน เราจะตายกันแล้วใช่ไหม?” โม่ฉือชิงตกใจจนพูดตะกุกตะกัก

จู่ๆก็ถูกคนชุดดำเป็นร้อยล้อมเอาไว้ กองทัพหลวงก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ความแตกต่างนี่มันจะมากเกินไปแล้ว

“กลัวอะไร มีข้าอยู่ทั้งคนไม่ปล่อยให้ท่านเป็นอะไรไปหรอก อีกเดี๋ยวก็หาที่ซ่อนตัวให้ดี!” โม่หลานกล่าวอย่างเย็นชา จับดาบในมือเอาไว้แน่น

“ตกลง!” โม่ฉือชิงกำลังคิดอยู่ว่าจะซ่อนตัวตรงไหน แต่แล้วก็เห็นคนชุดดำพวกนั้นบุกเข้ามา

แต่ละคนถือกระบี่ยาวเอาไว้ ไอสังหารทำให้คนเกรงกลัว

โม่หลานถือดาบบุกเข้ามา องครักษ์ลับหลายสิบคนโอบล้อมโม่หลานเอาไว้ องครักษ์ลับที่เป็นผู้นำตรงเข้าหาโม่ฉือชิง

โม่ฉือชิงกำลังวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต จู่ๆเท้าก็ไม่รู้ว่าไปสะดุดอะไรเข้า คนทั้งคนกรีดร้องขึ้นมา ล้มลงไปบนพื้น ตราพยัคฆ์ที่อยู่ในมือกระเด็นออกไปในทันที

องครักษ์ลับนายหนึ่งวิ่งเข้าไปทันที เพียงแต่ว่าเงาร่างหนึ่งเร็วยิ่งกว่าเขา รับตราพยัคฆ์ที่อยู่กลางอากาศ จากนั้นโม่เหลิ่งเหยียนก็หันกลับมาตบไปยังองครักษ์ลับคนนั้นหนึ่งฝ่ามือ

เสียงกรีดร้องดังมา คนผู้นั้นถูกตบกระเด็นออกไป สิ้นลมในทันที

“ซวนอ๋อง ช่วยด้วย!” โม่ฉือชิงตะโกนขึ้นมา ราวกับเห็นผู้มาช่วยชีวิตทันที

โม่เหลิ่งเหยียนมองเขาอย่างเย็นชาครู่หนึ่ง“สายลับของแคว้นเทียนจิ่วแอบเข้ามาในพระราชวัง ลอบสังหารเฉินอ๋อง สังหารให้หมดทันที!”

น้ำเสียงที่เย็นชา โหดเหี้ยมไร้ความปรานี ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกหวาดกลัว

ทันใดนั้นลูกธนูนับไม่ถ้วนก็ยิงมา องครักษ์ลับพวกนั้นขององค์หญิงใหญ่ ส่วนใหญ่ถูกลูกธนูล้มลงไปเสียชีวิต คนอื่นๆตื่นตระหนกในทันที มาไม้นี้อีกแล้ว พวกเขารีบวิ่งหนีทันที

หมิงจิ่วซางที่อยู่ในที่ลับดักซุ่มเอาไว้นานแล้ว ชมการแสดงใหญ่โตขนาดนี้ รอแค่เวลาลงมือเท่านั้น

“พี่น้องทั้งหลาย ฆ่า!”

ดังนั้นคนของหอดวงจันทร์ล้วนยกปืนขึ้นมา องครักษ์ลับที่วิ่งหนีไปพวกนั้นยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมาก็ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเสียชีวิตอย่างไร

องค์หญิงใหญ่เห็นองครักษ์ลับที่ตนเองฝึกฝนมาอย่างยากลำบากล้มลงไปเสียชีวิตกับพื้นทีละคน สีหน้าซีดขาว โกรธแค้นสุดขีด

“หยุดนะ หยุดให้หมดเดี๋ยวนี้!”

คนของหมิงจิ่วซางไม่ฟังคำพูดของนาง สังหารต่อไป จนกระทั่งคนสุดท้ายล้มลงไปกับพื้น

องค์หญิงใหญ่โกรธจนสั่นเทาไปทั้งตัว มองดูศพที่เต็มพื้นนั่น นั้นเป็นสิ่งที่นางทุ่มเทกำลังกายกำลังสมองมาหลายปี มาถูกสังหารไปเช่นนี้ ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว

ไฟโกรธจู่โจมหัวใจ องค์หญิงใหญ่กระอักเลือดออกมา คนทั้งคนก็จะหมดสติไป

“องค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่ววางยาพิษฝ่าบาท หลักฐานแน่นหนา แกล้งหมดสติก็ไม่มีประโยชน์ เด็กๆคุมตัวองค์หญิงใหญ่และคนของนางทั้งหมดไปที่คุก!” เสียงที่เย็นชาของซวนอ๋อง ดังก้องไปทั่วทั้งลาน

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท