จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 568 ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 568 ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่

แก้มของซูชิงโยวแดงก่ำด้วยความเขินอายทันที แต่ที่นี่ไม่มีรถม้า ก็ได้แต่ขี่ม้าแล้ว

“ตกลง!”

หยุนไห่เทียนยื่นมือมาอุ้มซูชิงโยวขึ้นไปบนหลังม้าในแนวนอน จากนั้นตัวเองก็กระโดดตัวขึ้นม้า จากไปอย่างสง่าผ่าเผย

ม้าสั่นโคลนเคลง เป็นครั้งแรกที่ซูชิงโยวขี่ม้าที่วิ่งเร็วขนาดนี้ เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย นางต้องการจะจับอะไรเอาไว้ แต่ไม่มีอะไรให้จับเลย รู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก

“จับบังเหียนเอาไว้ ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่!” หยุนไห่เทียนยื่นบังเหียนมาให้

ซูชิงโยวรีบจับเอาไว้ทันที อานม้ามีขนาดใหญ่เท่านี้ ซูชิงโยวอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของหยุนไห่เทียน ร่างกายของทั้งคู่สัมผัสกันเป็นระยะๆ นี่ทำให้ซูชิงโยวยิ่งรู้สึกอายมากขึ้น

แต่ในใจของนางรู้สึกหวานซึ้งจริงๆ ขี่ม้ากับแม่ทัพหยุนเป็นครั้งแรก ทั้งสองคนอยู่ใกล้ชิดกันและกัน ได้กลิ่นลมหายใจที่เย็นยะเยือกจากร่างกายของเขา ซูชิงโยวรู้สึกสบายใจอย่างมาก

“แม่ทัพหยุน ท่านส่งข้าไปที่จวนซื่อจื่อได้ไหม ข้าอยากไปเยี่ยมหยุนถิง?” ซูชิงโยวเอ่ยปาก

“ตกลง!”

จวนซื่อจื่อ

ซูชิงโยววิ่งเข้าไปด้วยความกระวนกระวาย แต่แล้วก็เห็นหยุนถิงที่อยู่ในลานกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ กินขนมอบและแอบแดดอยู่ อย่าให้พูดเลยว่าสบายแค่ไหน

“หยุนถิงเจ้าไม่เป็นอะไรช่างดีจริงๆ ข้าเป็นห่วงเจ้าจะตายอยู่แล้ว สุขภาพของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง พิษที่ถูกได้รับการรักษาหรือยัง?” ซูชิงโยววิ่งเข้ามาด้วยความเป็นห่วง

หยุนถิงรู้สึกประทับใจมาก“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไรแล้ว นี่เดิมทีก็เป็นแผนการที่ข้ากับซื่อจื่อและคนอื่นๆวางเอาไว้อยู่แล้ว จุดประสงค์ก็เพื่อกักตัวองค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วเอาไว้ ทำให้เจ้าเป็นห่วงแล้ว เหตุผลที่ไม่ได้บอกเจ้า ก็เพราะว่าเจ้ากับข้ามีความสัมพันธ์ที่ดี หากเผยพิรุธต้องถูกคนสงสัยอย่างแน่นอน!”

ซูชิงโยวถึงได้ปล่อยวางใจที่รู้สึกเป็นกังวลลง“ขอเพียงเจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เจ้าสบายดีและปลอดภัยอยู่เหนือกว่าทุกสิ่ง องค์หญิงใหญ่เป็นคนเจ้าเล่ห์เกินไป ไม่สามารถเผยพิรุธออกมาได้จริงๆ ข้าสามารถเข้าใจได้”

หยุนถิงยื่นมือไปจับมือของนางขึ้นมา“ชาตินี้ ได้มีเพื่อนคนนี้ ข้าซาบซึ้งใจและดีใจอย่างมาก”

“พูดอะไรน่ะ ข้าต่างหากที่รู้สึกเป็นเกียรติที่มีเพื่อนอย่างเจ้า!” ซูชิงโยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หยุนถิงกับซูชิงโยวพูดคุยกันอีกพักหนึ่ง ในขณะที่จวินหย่วนโยวไปพูดคุยกับหยุนไห่เทียน ถึงแม้หยุนไห่เทียนจะกำลังพูดคุยอยู่ แต่สายตากลับมองไปทางซูชิงโยวเป็นระยะๆ

หยุนถิงเห็นทุกอย่างนี้ในสายตา เข้าไปใกล้ซูชิงโยว“เจ้ากับพี่ใหญ่ข้าสำเร็จแล้ว?”

ใบหน้าของซูชิงโยวแดงก่ำขึ้นมาในทันใด“เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล”

“ข้าพูดจาเหลวไหลที่ไหน ข้ากลัวว่าเจ้าจะได้รับความคับข้องใจในพระราชวัง ก็เลยให้คนส่งจดหมายไปให้พี่ใหญ่ เขาเร่งเดินทางมาที่พระราชวังในคืนนั้นเลย ข้าให้เขารอเจ้าอยู่ที่หน้าประตูพระราชวัง ใครจะไปคิดว่าเขาจะเข้าไปหาเจ้าเลย นี่ยังไม่ชอบอีกหรือ?” หยุนถิงจงใจเย้าแหย่นาง

ซูชิงโยวรู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ มองไปทางหยุนไห่เทียนโดยสัญชาตญาณ สายตาของทั้งคู่มองประสานกัน ซูชิงโยวรีบหลบสายตาออกไปทันที เพียงแต่ว่าลำคอก็แดงก่ำไปด้วย

“ดูท่าจวนตระกูลหยุนกำลังจะได้จัดงานมงคลแล้ว”

“เจ้าอย่าพูดเหลวไหล!”

หยุนถิงกับซูชิงโยวพูดคุยกันอีกพักหนึ่ง ถึงได้จากไป ก่อนจากไปหยุนไห่เทียนย่อมเป็นคนส่งนางไปอยู่แล้ว

“ดูท่าข้าต้องกลับไปที่จวนตระกูลหยุนสักครั้งแล้ว!” หยุนถิงเอ่ยปาก

“ข้าไปกับเจ้า!” จวินหย่วนโยวกล่าว

จวนตระกูลหยุน

เมื่อหยุนเฉิงเซี่ยงได้ยินว่าหยุนถิงกลับมา ก็มารับที่หน้าประตูด้วยตัวเองอย่างตื่นเต้น ยังให้พ่อบ้านไปเตรียมอาหารที่หยุนถิงที่ห้องครัวทันที

“ท่านพ่อ ลูกกลับมาเยี่ยมท่านแล้ว!” หยุนถิงเดินเข้ามา

“ดี กลับมาก็ดีแล้ว รีบเข้ามานั่นเร็วเข้า พ่อรู้ว่าปกติเจ้ากับจวินซื่อจื่อต่างก็ยุ่งมาก ยังคิดถึงพ่อได้ช่างดีจริงๆ” หยุนเฉิงเซี่ยงทอดถอนใจ

“ท่านพ่อพูดอะไรกัน ไม่ว่าข้าจะแต่งงานไปที่ไหน ไม่ได้กลับมานานเท่าไหร่ ท่านก็เป็นท่านพ่อของข้าเสมอ ข้าเพิ่งเขียนภาพอักษรขึ้นมาใหม่อีกสองสามภาพนำกลับมามอบให้กับท่านพ่อ” หยุนถิงเอ่ยปาก

หลงเอ้อยื่นเข้ามาด้วยความเคารพนบนอบ

“ถิงเอ๋อร์รู้ใจข้าที่สุด พ่อบ้านรีบเอามาให้ข้าดูเร็ว!” หยุนเฉิงเซี่ยงแทบทนรอไม่ไหว เอาแต่ชื่นชมอย่างเดียว

“ท่านพ่อ ครั้งนี้มากลับมาเพราะมีเรื่องหนึ่งจะบอกท่าน งานแต่งงานของพี่ใหญ่ควรจะจัดได้แล้ว!” หยุนถิงกล่าว

“ไห่เทียน งานแต่งงานของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นเลย อีกอย่างเขาก็เป็นคนหัวรั้นคนหนึ่ง วันๆเอาแต่อยู่ในค่ายทหาร ผู้หญิงตระกูลไหนจะชอบเขาได้ ข้ายังกลัวว่าเขาจะเป็นโสดไปทั้งชาติ?” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าวด้วยจิตใจว้าวุ่น

“ไม่ต้องให้ท่านพ่อเป็นห่วง พี่ใหญ่สนใจซูชิงโยว ทั้งสองคนรักใคร่ชอบพอกันและกัน คาดว่าเรื่องดีๆจวนจะมาถึงแล้ว!”

“ชิงโยว ลูกสาวของซูโหวเย่?” หยุนเฉิงเซี่ยงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“ใช่ นางนั่นแหละ”

“นังหนูคนนั้นเป็นคนดีจริงๆ ข้าชอบมาก แต่ว่านางชอบพี่ใหญ่เจ้าได้อย่างไร?”

หยุนถิงตอบด้วยรอยยิ้ม“ย่อมถูกตาต้องใจเป็นธรรมดา”

“ฮ่าๆ ดี นังหนูคนนั้นอ่อนโยนสง่างาม มีความรู้มีมารยาท เป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งเลย ข้าจะให้คนไปขอแต่งงานเดี๋ยวนี้!” หยุนเฉิงเซี่ยงสั่งการ

“ท่านพ่อ ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น อย่างไรเสียพี่ใหญ่กับชิงโยวก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น รออีกสักพักก็ไม่ยังสาย” หยุนถิงกล่าว

“ไม่รีบร้อนได้หรือ พี่ใหญ่เจ้าใกล้จะยี่สิบแล้ว หากยังไม่แต่งงานอีกก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ ไม่ง่ายกว่าเขาจะเจอผู้หญิงที่ตัวเองชอบ และก็ชอบตัวเอง พ่อบ้านเจ้าไปเตรียมความพร้อมเดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปขอแต่งงานด้วยตัวเอง!” หยุนเฉิงเซี่ยงออกคำสั่ง

“ขอรับ นายท่าน!” พ่อบ้านให้คนไปเตรียมความพร้อมทันที

“คุณหนูใหญ่ ขอท่านโปรดช่วยหลิงเอ๋อร์ด้วยเถิด นางหมดสติไปหลายเดือนแล้ว ขอท่านโปรดช่วยนางเถิด” เสียงร้องไห้ปรับทุกข์ดังมา มันคือเสียงของนางจ้าวมารดาของหยุนหลิง

ในช่วงที่ผ่านมานางจ้าวได้เชิญหมอทุกคนในเมืองหลวง กราบไหว้มาแล้วทุกวัด ขอเครื่องรางแคล้วคลาด ทุกวิถีทางที่สามารถคิดได้ก็คิดหมดแล้ว นางยังเคยไปที่จวนซื่อจื่อหลายครั้ง เพียงแต่ว่าทุกครั้งก็ถูกผู้คุมหน้าประตูจวนซื่อจื่อขับไล่ ดังนั้นจะไม่ได้พบหยุนถิงมาโดยตลอด

วันนี้ได้ยินว่าหยุนถิงกลับมาแล้ว นางจ้าวก็รีบมาทันที ร้องไห้คุกเข่าให้กับหยุนถิง

สีหน้าของหยุนเฉิงเซี่ยงเคร่งขรึมทันที“นางจ้าวเจ้าทำเช่นนี้ทำไม หลิงเอ๋อร์นางต้องการจะฆ่าถิงเอ๋อร์ ก็แค่หมดสติไปไม่กี่เดือน ไม่ถือว่าเป็นการลงโทษอะไร ยังไม่กลับไปที่ลานของตัวเองอีก”

“นายท่าน ล้วนเป็นความผิดของข้าทั้งนั้น เพราะข้าไม่ได้สั่งสอนลูกสาวให้ดีเอง หลิงเอ๋อร์นางรู้ตัวว่าผิดไปแล้วจริงๆ นายท่านหลิงเอ๋อร์ก็เป็นลูกสาวของท่านเหมือนกัน ขอท่านโปรดเมตตาด้วยเถิด” นางจ้าววิงวอนขอร้อง

“หากนางไม่ใช่ลูกสาวของข้า อาศัยที่นางต้องการจะฆ่าถิงเอ๋อร์ ข้าก็ให้คนฆ่านางไปนานแล้ว!” หยุนเฉิงเซี่ยงคำรามด้วยความโกรธ

นางจ้าวโกรธแค้นและหงุดหงิดโมโห“นายท่านทำไมท่านถึงลำเอียงขนาดนี้ได้อย่างไร เป็นลูกสาวของท่านเหมือนกัน ท่านรักและโปรดปรานคุณหนูใหญ่มาตั้งแต่เด็ก แต่กลับไม่แยแสหลิงเอ๋อร์เลย ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“ข้าก็เป็นอย่างนี้ของข้า หากเจ้าไม่ยินดีสามารถไสหัวไปได้เลย เด็กๆนำตัวนางจ้าวออกไป ห้ามนางออกจากลานอีกเป็นอันขาด!” หยุนเฉิงเซี่ยงคำรามด้วยความโกรธ

บ่าวรับใช้ชายสองคนรีบเข้ามาในทันที หิ้วตัวนางจ้าวก็ออกไปเลย

หยุนถิงมองดูอย่างเย็นชา แต่กลับไม่ได้สนใจ หยุนหลิงต้องการจะฆ่าตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า นางเคยให้โอกาสหยุนหลิงมากมายหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ก็แค่ให้นางหมดสติในระยะยาว ถือว่าถูกเกินไปสำหรับนางแล้ว

“ให้ซื่อจื่อหัวเราะเยาะแล้ว!” หยุนเฉิงเซี่ยงมองไปทางจวินหย่วนโยวอย่างขอโทษ

“ไม่เป็นไร หยุนเฉิงเซี่ยงเที่ยงธรรมเช่นนี้ สมกับที่เป็นขุนนางสามราชวงศ์แห่งแคว้นต้าเยียนข้า!” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างราบเรียบประโยคหนึ่ง

หยุนเฉิงเซี่ยงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน นัยยะนอกเหนือคำพูดของเจ้าหมอนี่คือ หากตัวเองไม่ยึดหลักความเที่ยงธรรม เกรงว่าเขาก็จะลงมือแล้ว

นางจ้าวก็จริงๆเลย ออกมาเวลาไหนไม่ออก ดันออกมาตอนที่จวินซื่อจื่อมา อาศัยแค่ความโปรดปรานที่เขามีต่อถิงเอ๋อร์ จะฆ่านางจ้าวในทันทีก็ไม่เกินความเป็นจริง ผู้หญิงผมยาวไร้ความรู้คนนี้

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท