จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 599 สิ่งที่ซื่อจื่อข้าทำ ข้าชอบทั้งนั้นแหละ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 599 สิ่งที่ซื่อจื่อข้าทำ ข้าชอบทั้งนั้นแหละ

ประมาณครึ่งชั่วยาม ไทเฮาถึงมา พอเห็นซูชิงโยวมาถึงก่อนแล้ว และยังนั่งสวดมนต์ตรงนั้นอย่างสำรวม ก็พอใจมาก

“นังหนูซู มาแต่เช้าเชียว นั่งคนเดียวได้นานขนาดนี้ ไม่เลวจริงๆ!” ไทเฮาพูดอย่างมีเมตตา พลางเดินเข้ามา

ซูชิงโยวรีบลุกขึ้นทำความเคารพ “ถวายบังคมไทเฮา!”

“ลุกขึ้นเถอะ!” ไทเฮาเดินเข้ามา

“เพคะ!” ซูชิงโยวตามสวดมนต์ขอพรต่อไป

วันๆหนึ่งผ่านไปเร็วมาก ซูชิงโยวออกจากวังตอนเย็น เห็นหยุนไห่เทียนที่ยืนรออยู่หน้าประตูวัง ซูชิงโยวยินดีนัก รีบพุ่งเข้าไปหาทันที

“ท่านมาได้อย่างไรน่ะ?

“ข้ามารับเจ้า วันนี้ที่ค่ายทหารไม่ยุ่งเท่าไหร่ เลยได้กลับมาเร็ว!” หยุนไห่เทียนตอบ

ซูชิงโยวพยักหน้า ทั้งสองเดินไปขึ้นม้าของหยุนไห่เทียน

“สวดมนต์ไหว้พระเหนื่อยมากกระมัง” หยุนไห่เทียนถาม

“ยังดีอยู่ มิได้เหนื่อยมาก แต่นั่งอยู่ทั้งวัน น่าเบื่อเล็กน้อย!” ซูชิงโยวตอบ

“พรุ่งนี้ข้าไปเข้าเฝ้าไทเฮา ให้นางเปลี่ยนคนมาสวดมนต์ดีหรือไม่?” หยุนไห่เทียนเสนอ

“มิต้อง ไทเฮาทรงมีพระเมตตามาก ใจดีมากด้วย หายากที่ไทเฮาจะให้ข้าไปสวดมนต์ไหว้พระ ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไรกัน”

“ได้ อย่าเหน็ดเหนื่อยเกินไปแล้วกัน อาหารเย็นอยากกินอะไรเล่า?”

“อะไรก็ได้นะ”

“ข้าพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่งแล้วกัน!” หยุนไห่เทียนควบม้าแล่นไป

เวลาประมาณหนึ่งก้านธูป หยุนไห่เทียนพาซูชิงโยวไปที่เรือนเล็กของชาวบ้าน ด้านหน้าแขวนป้ายคำว่าเส้นเอาไว้ ในเรือนจัดตกแต่งสวยงาม สะพานน้อยและสายน้ำไหลผ่าน พอมองแล้วทำให้คนรู้สึกสบายอารมณ์นัก

“แม่ทัพหยุนท่านมาแล้ว ท่านนี้คงเป็นฮูหยินหยุนกระมัง รีบเข้ามาด้านในเถิด!” ลุงคนหนึ่งซึ่งผมแซมเทาเดินออกมาบอก

“ฮูหยินหยุนช่างงดงามนัก เหมาะสมกับแม่ทัพหยุนประหนึ่งชายหล่อหญิงงาม สมกันราวกิ่งทองใบหยก!” สตรีวัยกลางคนเดินออกมาบอก

ซูชิงโยวแก้มแดงเรื่อฉับพลัน เก้อเขินยิ่งนัก

“รบกวนลุงหลิวป้าหลิวแล้วล่ะ” หยุนไห่เทียนเอ่ยปาก

“มิรบกวนดอก นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่แม่ทัพหยุนพาสตรีมาทานข้าว รีบเข้าไปในห้องเถิด ข้าจะไปจัดเตรียมเดี๋ยวนี้ รับรองว่าฮูหยินหยุนต้องพอใจแน่” ป้าหลิวพูดอย่างตื่นเต้น

หยุนไห่เทียนพาซูชิงโยวเดินเข้าไป

ในห้องจัดวางของไว้อย่างประณีต ไม่มีอะไรที่หรูหรา แต่กลับสะอาดงดงามนัก

“ไม่คิดว่าในเมืองหลวงจะมีสถานที่สุขสงบเช่นนี้” ซูชิงโยวยินดีนัก

“ที่นี่เป็นเรือนของลุงหลิวป้าหลิว พวกเขาสองสามีภรรยาทำการค้าเกี่ยวกับอาหารเส้น ถึงเรือนจะไม่ใหญ่ แต่อาหารเส้นที่ทำรสชาติไม่เลวจริงๆ คนมากมายล้วนมาเพราะได้ยินชื่อเสียง ยามข้าไม่ยุ่งก็จะมากิน” หยุนไห่เทียนอธิบาย

“ข้าตั้งตารอแล้วล่ะ”

ไม่นาน ลุงหลิวและป้าหลิวยกอาหารออกมา กับข้าวสี่อย่างน้ำแกงหนึ่งอย่าง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับสองชาม ล้วนเป็นอาหารชาวบ้าน

“ฮูหยินหยุนอย่าได้เกรงใจเลย อยากกินอะไรก็บอกข้า ข้าจะไปทำมาให้อีก เรือนเล็กๆของเราไม่มีอาหารเลิศรสอะไร ล้วนเป็นผักที่ปลูกเอง แต่รับรองว่าสดแน่นอน” ป้าหลิวบอก

“เช่นนี้ก็ดีมากแล้ว ลำบากป้าหลิวแล้ว”

“ไม่ลำบากหรอก พวกท่านชอบกินก็ดีแล้ว ค่อยๆกินนะ” ป้าหลิวรีบลากลุงหลิวออกไป

ซุชิงโยวหยิบตะเกียบคีบอาหารเข้าปากหนึ่งคำ “รสชาติไม่เลวจริงๆ”

“เจ้าชอบก็กินมากหน่อย” หยุนไห่เทียนช่วยคีบอาหารให้นาง

“ได้!”

อาหารมื้อหนึ่ง หยุนไห่เทียนคอยช่วยคีบอาหารให้ซูชิงโยวตลอด ทั้งสองกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยนัก

พอเห็นคราบน้ำแกงที่มุมปากของซูชิงโยว หยุนไห่เทียนหยิบผ้ายกเข้ามาช่วยเช็ดให้นางจนสะอาด

ซูชิงโยวเก้อเขิน “ข้าทำเองดีกว่า”

“เกรงใจข้าทำไมกัน เจ้าเป็นฮูหยินของข้า ช่วยเช็ดให้เจ้าก็สมควรอยู่แล้ว!” หยุนไห่เทียนเช็ดให้อย่างอ่อนโยน

ซุชิงโยวซาบซึ้งยิ่งนัก ไม่คิดว่าหยุนไห่เทียนจะละเอียดอ่อน เอาใจใส่เพียงนี้

ทั้งสองคนกินข้าวเสร็จ หยุนไห่เทียนไม่ได้รีบส่งซูชิงโยวกลับไป แต่เป็นเดินเล่นกลับไป

ระหว่างทางเห็นข้างทางมีลุงคนหนึ่งขายน้ำตาลปั้นหยุนไห่เทียนเดินตรงเข้าไป ควักเงินหนึ่งก้อนยื่นให้ท่านลุง “ข้าทำเอง!”

ท่านลุงดีใจนัก ยกพื้นที่ให้ทันที

หยุนไห่เทียนคว้าทัพพีตักน้ำตาลร้อนขึ้นมาจากด้านข้าง จากนั้นเริ่มวาดตามหน้าตาของซูชิงโยว

ซูชิงโยวประหลาดใจนัก รีบยื่นหน้าเข้ามาดู ราวกับไม่คิดว่าแม่ทัพหยุนจะมีฝีมือเช่นนี้ด้วย

ไม่นาน บนโต๊ะก็ปรากฏภาพใบหน้าสตรีนางหนึ่งขึ้นมา

ท่านลุงช่วยยกน้ำตาลปั้นขึ้นมาให้ พลางยื่นให้ซูชิงโยว “ฮูหยิน น้ำตาลปั้นของท่านเสร็จแล้ว!”

ซูชิงโยวมองเห็นหัวของน้ำตาลปั้นนั่นเหมือนกับตนอยู่หลายส่วน ก็ยินดีนัก “แม่ทัพหยุน ท่านเก่งกาจจริง!”

“เจ้าชอบก็ดีแล้ว!”

ทั้งสองคุยเล่นล้อต่อกระซิก ทั้งๆที่ทางไม่ใกล้เลย แต่ทั้งสองคนกลับรู้สึกว่าเร็วนัก หยุนไห่เทียนส่งซูชิงโยวกลับจวนตระกูลซู ทั้งสองคนอาลัยอาวรณ์กันนัก หยุนไห่เทียนมองดูซูชิงโยวเข้าไป แล้วถึงจากไป

ทั้งหมดนี้ล้วนถูกใครบางคนที่ซ่อนอยู่ในที่ลับเห็นทั้งหมด เขารีบกลับวังไปรายงานหลิ่วเฟยทันที

ทางด้านจวนซื่อจื่อ หยุนถิงได้ยินว่าพี่ใหญ่ทำน้ำตาลปั้นรูปใบหน้าคนให้ซูชิงโยว ก็ประหลาดใจมาก “ไม่คิดเลยจริงๆว่า พี่ใหญ่จะมีฝีมือแบบนี้ด้วย เขาไม่เคยทำให้ข้ามาก่อนเลยนะ”

“หากเจ้าต้องการ ข้าจะให้คนไปนำแผงน้ำตาลปั้นมาจวนซื่อจื่อ ทำให้เจ้าทุกวันเลย!” จวินหย่วนโยวบอกอย่างรักใคร่

“หยุดเลย ข้าไม่สามารถกินของหวานมากเกินไปได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่ดีต่อลูก ข้าแค่ไม่คิดว่าในที่สุดพี่ใหญ่ก็ฉลาดขึ้นมาเสียที!” หยุนถิงกระเซ้า

“เจ้าชอบกินอะไร ตอนนี้ข้าจะให้คนไปนำมาเลย?” จวินหย่วนโยวถาม

“ซื่อจื่อ ท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ดอก ในจวนพวกเราอาหารเลิศรสอันใดไม่มีเล่า ไม่ต้องหรอก”

“ได้ ฟังเจ้านะ”

หยุนถิงรู้ว่าซูชิงโยวไม่เป็นอะไร ก็วางใจละ ตนคงคิดมากไปเอง

สุดท้ายพอตกกลางคืน จวินหย่วนโยวก็ให้คนไปเอาแผงน้ำตาลปั้นมาสองแผง และเรียนทำกับหยุนไห่เทียน

เขาไม่ได้มองหน้าหยุนถิงเลย เอาแต่ก้มหน้าทำ เพราะหน้าตาของหยุนถิงสลักไว้ในหัวเขานานแล้ว

ตอนหยุนถิงออกมาก็เห็นจวินหย่วนโยวในสวน อยู่ในชุดสีขาวยืนอยู่หน้าแผงเล็ก การกระทำคล่องแคล่วว่องไว เย็นชาหล่อเหลา แสงจันทร์กระจ่างสาดส่องลงมาที่ร่างเขา ยิ่งเพิ่มความหล่อเหลาให้ใบหน้านั้นราวกับเทพเซียน

เพียงแต่น้ำหวานนี้มิเหมือนกับวาดภาพ ล้วนต้องควบคุมเวลาสั้นยาวและความเร็วของมือให้ดี ดังนั้นน้ำตาลปั้นอันแรก จวินหย่วนโยวล้มเหลวแล้ว

หยุนถิงมองมา “ไม่คิดว่าซื่อจื่อของข้าจะมีฝีมือเช่นนี้ด้วย ข้าดูสิว่าทำเป็นอย่างไรบ้าง?”

จวินหย่วนโยวมีสีหน้ากระดากอาย “ถิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าดูเลย ทำไม่ค่อยดี”

“ไม่เป็นไร ซื่อจื่อทำน่ะข้าชอบทั้งนั้นล่ะ” หยุนถิงยื่นหน้าเข้ามาดู สุดท้ายหลุดหัวเราะขำออกมา

ไม่เหมือนตนเองจริงๆด้วย พูดให้ชัดคือหน้าอ้วนไปหน่อย

“รั่วจิ่ง อันนี้ให้เจ้าละ!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงบอก

“ขอบคุณซื่อจื่อ!” รั่วจิ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว หยิบน้ำตาลปั้นไปอวดกับทุกคน นี่ซื่อจื่อทำเองนะ แถมยังเป็นอันแรก เขาเชิดอย่างมากเลย

จวินหย่วนโยวทำอันที่สอง คราวนี้ผอมเกินไป เลยยกให้หลิงเฟิง

อันที่สามน่าเกลียดเกินไป อันที่สี่พอประมาณแล้ว แต่ทรงผมไม่สวย—-คนรับใช้ในจวนซื่อจื่อคืนนี้ได้กินน้ำตาลปั้นกันทุกคนเลย

พอเห็นจวินหย่วนโยวทำอย่างตั้งอกตั้งใจ หยุนถิงทำใจซ้ำเติมเขาไม่ได้ “ซื่อจื่อ อันต่อไปต้องได้แน่!”

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท