จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 618 ทำไมเจ้าถึงต้องลักพาตัวข้ากับหยุนถิง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่618 ทำไมเจ้าถึงต้องลักพาตัวข้ากับหยุนถิง

“ถิงเอ๋อร์หายตัวไป นางเข้าวังมารักษาเฟิ่งจาวหยีแต่กลับเกิดเรื่องขึ้น” จวินหย่วนโยวตอบสั้นๆ

สีหน้าของเหมยเฟยตึงเครียดในทันที”จะเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน ฝีมือของคุณหนูหยุนยอดเยี่ยม จะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”

จวินหย่วนโยวหันมองเหมยเฟย”เหนียงเหนียงได้โปรดบอกข้าได้หรือไม่ ในวังนี้มีห้องลับหรือทางลับหรือไม่?

ในวังมีองครักษ์ลับและองครักษ์เงามังกร บอกกับกองทหารหลวงออกตัวทั้งหมด แต่ก็ไม่หาไม่เจอ ดังนั้นจวินหย่วนโยวจึงไม่สงสัยไม่ได้

เหมยเฟยเข้าใจในทันที”ในวังมีทางลับหนึ่งจริงอยู่ที่ตำหนักเย็น จวินซื่อจื่อตามข้ามา”

จวินหย่วนโยวกับหลิงเฟิงและคนอื่นๆตามไปทันที

ตำหนักเย็น ลานที่ทรุดโทรม ต้นหญ้าและใยแมงมุมเต็มไปทั่ว ทรุดโทรมยิ่งนัก และยังมีนางสนมสองสามคนที่ถูกจับขังตำหนักเย็น เสื้อผ้าที่รุงรังและผมยุ่งเหยิง สภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้กลับเดินเท้าเปล่าบนพื้น เมื่อเห็นคนมาก็ตกใจกลัวจนรีบไปหลบซ่อน

ห้องหนึ่งในตำหนักเย็น เหมยเฟยเดินไปยังตรงหน้าของพระพุทธรูปที่สีถลอก เอื้อมมือไปแตะพระพุทธรูปองค์ใหญ่นั้น จากนั้นก็มีประตูลับปรากฏขึ้นจากด้านหลังพระพุทธรูป

“ทางลับนี้ข้าบังเอิญพบในก่อนหน้านี้ เจ้าเข้าไปดูเถิด” เหมยเฟยกล่าว

“ขอบคุณ!” จวินหย่วนโยวเดินเข้ามาทันที หลิงเฟิงและคนอื่นๆก็เดินตามไป

ในขณะนี้ จวินหย่วนโยวเพียงแค่อยากหาหยุนถิงเจอโดยเร็ว ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องอื่นเลย บางทีมันอาจเป็นกับดัก ด้านในมีอันตราย หรืออาจเป็นกับดักของเหมยเฟย แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร จวินหย่วนโยวก็ต้องเข้าไป

เพราะ นี่คือความหวังเดียวของเขา

เหมยเฟยไม่ได้เข้าไป แต่ยืนเฝ้าอยู่ที่ประตู

“เหนียงเหนียง ท่านไม่เข้าไปหรือ?” สาวรีบใช้ถาม

“ไม่ต้อง จวินซื่อจื่อพวกเขารับมือได้อยู่แล้ว ข้าเฝ้านี้อยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว หากมีคนแอบจู่โจมหรือทำอะไรที่ไม่ดีต่อพวกเขาอย่างกะทันหัน ก็สามารถเตรียมพร้อมและรับมือได้ หวังว่าพวกเขาจะหาหยุนถิงเจอ!” เหมยเฟยตอบ แต่สีหน้ากลับตึงเครียด

ใครกันแน่ที่สามารถลักพาตัวหยุนถิงไปอย่างต่อหน้าต่อตาจวินหย่วนโยวได้?

จวินหย่วนโยวเข้าไปในใต้ดิน หลิงเฟิงก็เปิดตะบันไฟออกทันที เพื่อทำให้ทางลับนั้นสว่างขึ้น เพียงแต่ว่าพื้นเป็นหลุมเป็นบ่อ จวินหย่วนโยวเกือบสะดุดหลายครั้ง แต่เขามิอาจสนใจสิ่งเหล่านี้ได้ และเร่งความเร็วของฝีเท้า

ถิงเอ๋อร์จะเกิดอะไรขึ้นไม่ได้เด็ดขาด ในขณะนี้จวินหย่วนโยวอธิษฐานในใจนับครั้งไม่ถ้วน และเสียใจภายหลังนับครั้งไม่ถ้วน ทำไมตัวเองไม่ตามเข้าไป ทำไมไม่สังเกตเห็นเร็วกว่านี้

จวินหย่วนโยวเพียงรู้สึกว่าทั้งใจทั้งดวงของตัวเองว่างเปล่ายิ่งนัก แม้แต่หายใจก็ยังลำบากขึ้นเรื่อยๆ

หยุนถิง ก็คือชีวิตของเขา

จวินหย่วนโยวเดินไปตามถนนลับ และเดินต่อไปเรื่อยๆ ตรงหน้ามีเพียงความมืด แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ และเดินต่อไป ไม่รู้ว่าเดินไปนานแค่ไหน และในที่สุดก็เห็นแสงสว่างอยู่ตรงหน้า และเมื่อพวกเขาออกมาก็พบว่านี้เป็นหลังเขาของพระราชวัง

เมื่อเห็นแสงอาทิตย์ จวินหย่วนโยวก็รู้สึกไม่ชินเล็กน้อย และก้มหัวลงโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็ชำเลืองเห็นผ้าชิ้นหนึ่งที่แขวนอยู่บนกิ่งไม้ที่อยู่ข้างๆอย่างไม่ได้ตั้งใจ

จวินหย่วนโยววิ่งไปไม่กี่ก้าว หยิบผ้าชิ้นนั้นขึ้นทันที และมองดูดีๆคนทั้งคนก็ตกตะลึงและตื่นเต้นยิ่งนัก”นี่คือเนื้อผ้าบนเสื้อของถิงเอ๋อร์ ถิงเอ๋อร์ต้องอยู่แถวนี้แน่ ทุกคนรีบกระจายกันออกไปหา!”

“ขอรับ!”

ในขณะเดียวกัน ตระกูลหยุน

หยุนไห่เทียนไปรับขบวนเจ้าสาวจากจวนตระกูลซูกลับมา คู่แต่งงานเข้าประตูมา หยุนเฉิงเซี่ยงและซูอี๋เหนียง นางจ้าวกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งสูง มองดูคนสองคนตรงหน้าที่สวมชุดสีแดงกำลังเดินเข้ามา หยุนเฉิงเซี่ยงกพอใจยิ่งนัก

ในจวนเต็มไปด้วยแขก และพวกเขาต่างก็แสดงความยินดีแม่ทัพหยุน ที่ได้แต่งงานกับหญิงที่ตัวเองรัก

“หนึ่ง….คำนับฟ้าดิน!”

“สอง….คำนับพ่อแม่!”

“สาม….คำนับกันและกัน!” พิธีกรตะโกนลั่น

หยุนไห่เทียนกับซูชิงโยวคำนับหนึ่ง คำนับสอง คำนับสาม ทั้งสองคำนับโดยหันหน้าเข้าหากัน เมื่อหยุนไห่เทียนเงยหน้าขึ้นเห็นมือที่สั่นเทาของซูชิงโยว คนทั้งคนก็ตกตะลึง

เพราะที่มือซ้ายของชิงโยวนั้นมีไฝสีแดงเล็กๆหนึ่ง แต่มือของเจ้าสาวตรงหน้านี้กลับไม่มีอะไรเลย

วินาทีต่อมา ก่อนที่ทุกคนยังไม่ทันตั้งสติ หยุนไห่เทียนก็ยกผ้าแพรแดงบนหัวของเจ้าสาวออก

เมื่อเห็นหญิงแปลกหน้าตรงหน้า หยุนไห่เทียนก็รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า”เจ้าเป็นใคร ชิงโยวอยู่ไหน?”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ลูกสะใภ้ของข้าอยู่ที่ใด?” หยุนเฉิงเซี่ยงก็ตกตะลึงเช่นกัน สีหน้าเย็นชาลงทันที

“ทำไมเจ้าสาวถึงเปลี่ยนคนล่ะ?” นางจ้าวกล่าว

“พี่ชิงโยวล่ะ?” หยุนหลีก็ตกใจเช่นกัน

หยุนซูยิ่งตกตะลึงไปเลย นางคิดไม่ถึงว่าเจ้าสาวจะไม่ใช่ซูชิงโยว ในขณะที่ตกตะลึงนางก็รีบให้สาวรับใช้คนสนิทไปส่งจดหมายให้จวนซื่อจื่อทันที

สาวรับใช้ที่มาด้วยก็ตกตะลึงเช่นกัน”คุณล่ะ คุณหนูของข้าล่ะ เจ้าเป็นใคร?”

นางเป็นคนเห็นกับตาว่าคุณหนูใส่ชุดแดงสวมผ้าแพรแดง ต่อมนางออกไปตรวจดูของ กลัวว่าคุณหนูจะลืมไรไว้ จึงเดินจากไปชั่วขณะหนึ่ง ทำไมเจ้าสาวถึงได้เปลี่ยนคนไปล่ะ และระหว่างทางนางก็ไม่รู้เลย

แม่สื่อก็ตกตะลึงเช่นกัน”แม่ทัพหยุน หยุนเฉิงเซี่ยงต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่เลย”

แขกคนอื่น ๆ ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กัน เพราะไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อนเลย

ผู้หญิงคนนั้นตกใจกลัวจนคุกเข่าลงบนพื้น”แม่ทัพหยุนโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าก็ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ไปไหนแล้ว มีคนใช้คนในบ้านของข้ามาข่มขู่ข้า ให้ข้าแสร้งเป็นคุณหนูใหญ่แล้วแต่งงานกับท่าน เขาบอกว่าหากให้ท่านรู้เข้า ก็ให้เอาจดหมายนี้ให้ท่าน!”

ขณะที่พูด ผู้หญิงคนนั้นก็หยิบจดหมายออกมาจากอกทันทีแล้วยื่นให้หยุนไห่เทียน

หยุนไห่เทียนเอื้อมมือไปรับมาทันที เปิดออกดู สีหน้าเคร่งขรึมมาก หันและจากไป

“ไห่เทียน เจ้าไปไหน?” หยุนเฉิงเซี่ยงรีบถาม

“ข้าจะไปรับชิงโยวกลับมา!” หยุนไห่เทียนจากไปโดยทิ้งประโยคนี้ไว้

“ต้องพาชิงโยวกลับมาอย่างปลอดภัย!” หยุนเฉิงเซี่ยงกำชับ หยุนไห่เทียนได้จากไปไกลแล้ว

แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หยุนเฉิงเซี่ยงรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา เปลี่ยนตัวเจ้าสาวไปอย่างเงียบๆเช่นนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจตนาที่แท้จริงของอีกฝ่ายนั้นยากแก่การหยั่งรู้

“ทำให้ทุกท่านเห็นเรื่องตลกแล้ว ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทุกคนเข้าประจำที่นั่งในงานต่อ พ่อบ้านไปสั่งให้เริ่มงานได้ ขั้นตอนพิธีแต่งงานนี้ก็ไม่ต้องทำแล้ว!” หยุนเฉิงเซี่ยงพูดเสียงดัง

แขกต่างก็เข้าประจำที่นั่งกัน แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน งานเลี้ยงเริ่มขึ้นโดยไม่มีพิธีแต่งงาน แต่หยุนเฉิงเซี่ยงก็พูดแบบนี้แล้ว พวกเขาเองก็พูดอะไรไม่ได้อีก จึงกินเลี้ยงงานแต่งต่อ

ซูอี๋เหนียงแลหยุนซูทำหน้าที่ดูแลแขก ส่วนนางจ้าวก็ยุ่งอยู่กับงานเช่นกัน หยุนหลีเล็ดลอดออกไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น แน่นอนว่าก็ต้องไปไล่ตามหยุนไห่เทียนอยู่แล้ว

ที่ไหนสักแห่งบนหน้าผา

ซูชิงโยวสะลึมสะลือรู้สึกเพียงว่าลมแรงมาก พัดแรงจนนางหนาวมาก นางลืมตาขึ้นโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเห็นทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน ซูชิงโยวก็ตะลึงงัน นางอยู่บนขอบหน้าผา ความเจ็บปวดของมือและเท้าจึงค่อยทำให้ซูชิงโยวตระหนักได้ว่ามือและเท้าของนางถูกเชือกมัดเอาไว้

วันนี้เป็นวันแต่งงานของนางกับหยุนไห่เทียน นางอยู่ในจวนตระกูลซูชัดๆ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?

และห่างออกไปไม่กี่เมตร หยุนถิงก็นอนอยู่บนพื้นโดยหมดสติไป ซูชิงโยวกังวลยิ่งนัก

“หยุนถิง หยุนถิง——-” ซูชิงโยวตะโกนไปหลายครั้ง แต่หยุนถิงที่อยู่บนพื้นกลับไม่ตอบสนองแม้แต่นิดเลย ซึ่งทำให้ซูชิงโยวยิ่งกังวลไปใหญ่

มือและเท้าของซูชิงโยวถูกมัดไว้ ไม่สามารถขยับได้ นางทำได้เพียงค่อยๆกลิ้งไป จากนั้นก็เห็นในไม่ไกลนั้นมีคนสวมเสื้อคลุมสีดำกำลังเดินมา

คนคนนั้นสวมโต้วลี่เอาไว้ มองไม่เห็นใบหน้า สีหน้าของซูชิงโยวตึงเครียด และปกป้องอยู่ตรงหน้าของหยุนถิงโดยสัญชาตญาณ

“เจ้าเป็นใคร ทำไมต้องลักพาตัวข้ากับหยุนถิง?”

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท