จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 680 เสด็จอาเก้า ท่านเป็นอย่างไรบ้าง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 680 เสด็จอาเก้า ท่านเป็นอย่างไรบ้าง

“ฟู่ซื่อจื่อ ท่านตาบอดรึ มีไก่ปลอมที่ไหนกัน ข้าว่าท่านตาลายมากกว่ากระมัง?” ทหารคนหนึ่งดูถูก

“เมื่อคืนหากพวกท่านไม่หลบหนี บางทีวันนี้ก็ได้กินไก่กับพวกเราแล้ว สุดท้ายพวกท่านหลบหนี ทำเอาพวกเราต้องเหนื่อยแทบตายกว่าจะตามหาพวกท่านเจอ พวกท่านหาเรื่องเอง โทษพวกเราไม่ได้นะ”

เหล่าทหารพูด พลางกินกันเอร็ดอร่อย

ฟู่ซื่อจื่อกับเฉินอ๋องแล้วอย่างไร ในสายตาเหล่าทหาร พวกเขานับถือเพียงองค์หญิงหนานชวนที่ร่วมเป็นร่วมตายกับพวกเขาเท่านั้น

วินาทีนี้ฟู่อี้เฉินและโม่ฉือชิงเสียใจยิ่งนัก ต่างมองหน้ากัน ยิ่งดูยิ่งเดือดดาล

“เพราะเจ้าน่ะล่ะ เมื่อคืนเสนอให้หลบหนี คราวนี้ดีล่ะ ไม่มีไก่ให้กินแล้ว” โม่ฉือชิงกล่าวโทษ

“เจ้ายังมีหน้ามาว่าข้า เมื่อคืนข้าโดนงูพิษกัดเข้า เจ้าไม่เพียงไม่ช่วย ยังหนีเอาตัวรอดคนเดียว เจ้ายังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่หา” ฟู่อี้เฉินยิ่งเดือดดาลหนัก

ทั้งสองคนเถียงกันหนักขึ้น สุดท้ายเริ่มลงไม้ลงมือกัน ต่อสู้กันดุเดือดมาก

เหล่าทหารเห็นดังนั้น พากันไปรายงานองค์หญิงหนานชวน “ไม่ต้องสนใจ ยังมีแรงทะเลาะกัน แสดงว่าไม่หิว”

“ขอรับ!”

ส่วนในเมืองหลวงของแคว้นเทียนจิ่ว

พอผิงหนานอ๋องได้ยินลูกน้องรายงานว่ากู่ในตัวกู้จิ่วเยวียนถูกถอนออกไปแล้ว ก็โกรธจนปัดของทุกอย่างบนโต๊ะเกลื่อนลงพื้น

ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ พิษกู่อยู่ในตัวกู้จิ่วเยวียนนั้นมาได้หลายปีไม่มีใครสังเกตเห็นเลย ทำไมจู่ๆก็ถูกจับได้และยังทำการถอนออกไปแล้วด้วย?

ยิ่งไปกว่านั้น พิษกู่เป็นสิ่งที่คนผู้นั้นให้ตน คนปกติไม่มีทางจับสังเกตได้แน่

พอคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาดำขลับคมปลาบของผิงหนานอ๋องฉายประกายโหดเหี้ยมขึ้น “ให้หมอตี๋และมู่เซียวเซียวมาพบข้า!”

“ขอรับ!” องครักษ์รีบวิ่งออกไปทันทั

มือที่อยู่ในแขนเสื้อของผิงหนานอ๋องกำหมัดแน่น “องครักษ์ลับ!”

คนชุดดำคนหนึ่งปรากฏร่างออกมา “ท่านอ๋อง มีสิ่งใดจะสั่งการรึ?”

“เจ้าไปจับตาดูแปรพระราชฐานไว้ ดูว่าข้างกายหยุนถิงกับจวินหย่วนมีใครน่าสงสัยบ้าง หากพวกมันมีการเคลื่อนไหวอะไร รีบกลับมาบอกข้าทันที!” ผิงหนานอ๋องสั่งการ

“ขอรับ!”

ไม่นาน มู่เซียวเซียวเดินเข้ามาจากด้านนอก “ท่านอ๋อง มีสิ่งใดสั่งการรึ?”

หลายวันมานี้มู่เซียวเซียวพักฟื้นอยู่ในจวนผิงหนานอ๋องมาตลอด นางใช้ตัวยามากมายของจวนอ๋องได้ตามสบาย ถึงมู่เซียวเซียวจะยังถอนพิษในตัวไปได้ไม่หมด แต่ก็ถอนไปได้กว่าครึ่ง ถึงสีหน้าจะยังซีดเผือดอยู่ แต่ก็ดูดีขึ้นมาก

ผิงหนานอ๋องเหล่มองนาง “คนของข้ามารายงานว่า พิษกู่ในตัวกู้จิ่วเยวียนถูกถอนออกไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้นพิษกู่ในตัวจวินหย่วนโยวน่ากลัวจะโดนถอนไปในไม่ช้านี้ จะรออีกไม่ได้แล้ว หากให้พวกจวินหย่วนโยวได้สติคิดได้ ต้องต่อกรได้ยากแน่ เตรียมตัวซะ คืนนี้ข้าจะส่งเจ้าเข้าวัง”

มู่เซียวเซียวคิดไม่ถึงเลยว่าจวินหย่วนโยวก็โดนพิษกู่เหมือนกัน พอคิดถึงแค้นที่ล้างสำนัก มู่เซียวเซียวเดือดดาลทะลุฟ้า “ได้!”

พอฟ้ามืด มู่เซียวเซียวปลอมตัวเป็นคนรับใช้คนหนึ่งตามผิงหนานอ๋องเข้าวัง

เริ่นเซวียนเอ๋อร์ที่เฝ้าฮ่องเต้และไท่จื่อ พอได้ยินว่าผิงหนานอ๋อง สีหน้าเย็นชาลงทันที

นับจากวันที่ได้รู้ว่าเสด็จอาเก้าโดนกู่ เริ่นเซวียนเอ๋อร์ก็สงสัยผิงหนานอ๋องแล้ว

หากมิใช่หยุนถิงห้ามไว้ ให้นางอย่าวู่ว่าม เริ่นเซวียนเอ๋อร์คงพุ่งไปจวนผิงหนานอ๋องเค้นถามผิงหนานอ๋องแล้ว

เสด็จอาเก้าจงรักภักดีต่อเสด็จพ่อยิ่งนัก ยิ่งต้องมาขี้โรคเช่นนี้เพราะปราบกบฏภายใน แต่ไม่คิดเลยว่าผิงหนานอ๋องจะอาศัยจังหวะวางยาพิษเสด็จอาเก้า หลายปีมานี้เสด็จอาเก้าอยู่มาได้อย่างไรกัน เริ่นเซวียนเอ๋อร์รู้ดียิ่งกว่าใครทั้งนั้น

สงสาร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เริ่นเซวียนเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยดุจเดิม “เสด็จอา ท่านมาได้อย่างไรกัน?”

“ข้ามาเยี่ยมฝ่าบาทและไท่จื่อ พวกเขาเป็นอย่างไรบ้างรึ?” ผิงหนานอ๋องถามอย่างเป็นห่วง

หากมิใช่รู้มาว่าเสด็จอาเก้าโดนกู่ เริ่นเซวียนเอ๋อร์ต้องเชื่อแน่ว่าผิงหนานอ๋องเป็นห่วงเสด็จพ่อและไท่จื่อ แต่ในตอนนี้เริ่นเซวียนเอ๋อร์ไม่เชื่อเขาเลยสักนิด

แต่สีหน้าเริ่นเซวียนเอ๋อร์กลับยังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์ใดๆ “ขอบพระทัยเสด็จอาที่เป็นห่วง เพียงแต่ว่าเสด็จพ่อและไท่จื่อยังคงสลบไสลบไม่ได้สติอยู่ ไม่สะดวกจะรบกวน ดังนั้นขออภัยด้วยเสด็จอา”

ผิงหนานอ๋องไม่คิดเลยว่า เริ่นเซวียนเอ๋อร์จะปฏิเสธตน ดูท่านางจะเริ่มระแวงตนแล้ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเสด็จพี่และไท่จื่อพักผ่อนแล้วกัน เจ้าอย่าเหนื่อยมากเกินไปล่ะ!” ผิงหนานอ๋องไม่ได้ตอแยต่อ แต่กลับหมุนตัวออกไปเลย

เริ่นเซวียนเอ๋อร์มองตามแผ่นหลังผิงหนานอ๋องไปแล้วอดแปลกใจไม่ได้ เสด็จอายอมแพ้ง่ายดายเยี่ยงนี้ สายตานางจับจ้องไปที่คนรับใช้ด้านหลังเสด็จอาพลางร้องขึ้น “เดี๋ยวก่อน!”

มู่เซียวเซียวชะงักกึก หายใจกระชั้น หรือว่าเริ่นเซวียนเอ๋อร์จะจำตนได้ ไม่น่าสิ นางตั้งใจปลอมแปลงใบหน้าเสียยกใหญ่

“คนรับใช้ข้างกายเสด็จอาคนนี้ เหตุใดข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์เดินเข้ามา พลางมองสำรวจคนรับใช้คนนั้น

รูปร่างผอมบาง ตัวเล็ก มองหน้าไม่ชัด เป็นพวกที่มองแล้วไม่สังเกจเห็นหรอก

ผิงหนานอ๋องหมุนตัวหันมา “ก่อนหน้านี้เขาอยู่แต่ด้านนอก สองวันนี้ทำงานเสร็จพึ่งกลัยมา หากเซวียนเอ๋อร์อยากได้ ข้ายกให้เลย”

“คนของเสด็จอา ข้ามีหรือจะกล้าขอ แค่รู้สึกไม่คุ้นหน้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าไม่รบกวนเสด็จอาละ!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์บอก

“ได้” ผิงหนานอ๋องหมุนตัวเดินจากไป

เขายังออกไม่พ้นตำหนัก ก็เห็นองครักษ์คนหนึ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาอย่างรีบร้อน พลางว่า “องค์หญิงสามแย่แล้ว มีคนลอบโจมตีจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง เซ่อเจิ้งอ๋องได้รับบาดเจ็บแล้ว”

“อะไรนะ เสด็จอาเก้าบาดเจ็บ พวกเจ้าหลายคนไปจวนเซ่อเจิ้งอ๋องกับข้า คนอื่นอยู่เฝ้าที่นี่!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ร้อนใจยิ่งนัก รีบพาคนจากไปทันที

ผิงหนานอ๋องยิ้มมุมปาก ไม่พูดอะไร หมุนตัวจากไป พอเดินผ่านสองทางเดิน เห็นรอบด้านมิมีใครก็พูดขึ้น

“ตอนนี้เริ่นเซวียนเอ๋อร์ไม่อยู่ เป็นเวลาที่ดีที่สุด เจ้ารู้นะว่าควรจะทำอย่างไร!”

“ท่านอ๋องโปรดวางใจ” มู่เซียวเซียวรีบไปทันที อ้อมผ่านองครักษ์พวกนั้น กระโดดเข้าไปทางหน้าต่างด้านหลังตำหนัก

อีกด้าน จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง

พอเริ่นเซวียนเอ๋อร์ไปถึง นักฆ่าหลบหนีไปหมดแล้ว มีซากศพองครักษ์วางอยู่ในสวนหลายศพ เริ่นเซวียนเอ๋อร์เครียดจัด พุ่งเข้าไปด้านในทันที

“เสด็จอาเก้า ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

กู้จิ่วเยวียนกำลังเอนพิงอยู่บนเตียง โดนฟันที่แขนไปหนึ่งที พ่อบ้านพึ่งช่วยเขาตัดแขนเสื้อเสร็จ

“ข้ามิเป็นไร แผลเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ต้องเป็นห่วง” กู้จิ่วเยวียนปลอบ

“จะแผลเล็กน้อยได้อย่างไร รีบให้ข้าดูเร็ว” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พุ่งเข้าไปดูทันที

พ่อบ้านรีบเบี่ยงหลบให้อย่างรู้หน้าที่ เริ่นเซวียนเอ๋อร์มองดูแผลโดนฟันที่แขนของเขาไม่ได้ลึกมาก และไม่ได้ลึกถึงกระดูก ถึงถอนหายใจโล่งอก

“แค่แผลภายนอกเท่านั้น โชคดีไม่มีพิษ ข้าช่วยทำแผลให้ท่านนะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์คว้ายาจินชวงข้างๆมาใส่ให้เขาทันที

ความเจ็บปวดเสียดแทงใจเข้ามา กู้จิ่วเยวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ส่งเสียง เขาไม่อยากให้เซวียนเอ๋อร์เป็นกังวล

“เหตุใดจู่ๆก็มีนักฆ่าได้ สืบรู้หรือไม่ว่าฝีมือใคร?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ถาม อันที่จริงนางพอเดาได้อยู่

“ข้าเองก็ไม่รู้ คนพวกนั้นมาเร็วไปเร็ว ไมเหมือนจะมาเอาชีวิตข้า เหมือนมาถ่วงเวลา ในวังมีอะไรผิดปกติหรือไม่?” กู้จิ่วเยวียนถามสิ่งที่สงสัยออกมา

“ในวัง ไม่มีอะไรผิดปกตินี่ เมื่อครู่เสด็จอาผิงหนานพาคนรับใช้คนหนึ่งเข้ามา อยากเยี่ยมเสด็จพ่อโดนข้าขวางไว้แล้ว หรือว่าท่านสงสัยเสด็จอา?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ถามอย่างตกใจ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท