จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 722 ข้าอุ้มเขากลับมาก่อน

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 722 ข้าอุ้มเขากลับมาก่อน

วี่อู๋เสียคิดไม่ถึง เจว๋กู่ที่รังเกียจเขามาตั้งแต่เด็ก กลับมาช่วยเขา

เจว๋กู่มองดูเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง คว้าดึงตัวเขา ให้วี่อู๋เสียยืนตัวตรง

“อ้าก เจ็บ เจว๋กู่รีบพาข้ากลับไป”

“ปัญญาอ่อน แค่คนธรรมดาคนหนึ่งก็สู้ไม่ไหว เจ้ายังมีหน้ากลับไป?” เจว๋กู่พูดขึ้นมาอย่างรังเกียจ

“คนธรรมดา พี่ใหญ่ สมองของเจ้าโดนลาเตะมาหรือ ถึงได้พูดว่าจวินหย่วนโยวเป็นคนธรรมดา ในสี่แคว้น ข้ายังไม่เคยเห็นใครแข็งแกร่งไปกว่าเขา” วี่อู๋เสียรีบพูดเถียง

สายตาเจว๋กู่เฉียบคมชั่วร้าย เหลือบมองดูจวินหย่วนโยวที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าเยือกเย็นราวกับคมมีด ตาคิ้วปราดเปรียว พลังรอบกายแข็งแกร่ง ตอนนี้กำลังถลึงตามองดูเขากับวี่อู๋เสียอย่างเกลียดชัง

“เจ้าคือจวินหย่วนโยว เจ้าเป็นคนฆ่าผิงหนานอ๋อง” เจว๋กู่พูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา ราวกับงูพิษที่ออกมาจากในนรก ฟังดูแล้วทำให้รู้สึกไม่สบาย

“ไม่ผิด ข้าเอง” จวินหย่วนโยวยอมรับต่อหน้าทุกคน พร้อมเลิกคิ้วหันไปมองเจว๋กู่

รูปร่างสูงขายาว ผ้าสีดำคลุมหน้าไว้ มองไม่เห็นรูปลักษณ์ แต่ดูจากภายนอกแล้วเหมือนคนชุดดำที่ช่วยผิงหนานอ๋องไปคนนั้นมาก ยิ่งไปกว่านั้น เขายังพูดถึงผิงหนานอ๋อง จวินหย่วนโยวจึงยิ่งมั่นใจในจุดนี้

“รนหาที่ตาย” เจว๋กู่ส่งเสียงเมินพร้อมพูดขึ้นมา รูปพระจันทร์เสี้ยวในมือพุ่งแทงไปหาจวินหย่วนโยว

“ซื่อจื่อ รับดาบ” หลงยีตะโกนขึ้นมา พร้อมรีบเอาดาบในมือโยนไปให้

จวินหย่วนโยวยื่นมือรับไว้ ก็ต่อสู้กับเจว๋กู่ขึ้นมาทันที

แต่ละกระบวนท่านั้นรุนแรงถึงชีวิต โหดเหี้ยมอย่างที่สุด

วี่อู๋เสียล้มกองลงบนพื้น เจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย กลับดูอยู่อย่างตื่นเต้น เขาสู้เจว๋กู่ไม่ได้มาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เห็นเขาต่อสู้อยู่กับจวินหย่วนโยว ทำให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากจริงๆ

“เจว๋กู่สู้ๆ จะต้องเอาชนะเขาให้ได้”

องครักษ์เงามังกรคนอื่นๆ ฆ่าคนของสำนักสิ้นรักไปพอสมควรแล้ว หลงยีมองเห็นวี่อู๋เสียนั่งดูอยู่อย่างสนุก ก็โกรธโมโหอย่างมาก

“หลงซานหลงซื่อ พวกเจ้าสองคนพาเขากลับไป เอาไปให้ซื่อจื่อเฟยจัดการ” หลงยีพูดสั่ง

“ขอรับ” หลงซานกับหลงซื่อรีบวิ่งไปหา

วี่อู๋เสียยังไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือ ก็ถูกหลงซานสะกดจุด แล้วเขากับหลงซื่อก็ช่วยกันหิ้วขึ้นมา แล้วยกจากไป

เจว๋กู่กับจวินหย่วนโยว ต่อสู้กันอยู่อย่างดุเดือด ไม่มีเวลาสนใจวี่อู๋เสีย

เจว๋กู่ถูกฝึกฝนอย่างสาหัสทรมานที่สุดมาตั้งแต่เด็ก ยังมีอาจารย์มากมาย ถึงแม้แม่จะไม่ชอบเขา แต่ก็ลงทุนอย่างมากกับการฝึกฝนเขา

ตอนนี้ เขาเป็นยอดฝีมืออันดับต้นของอาณาเขตนั้น กลับคิดไม่ถึงว่าจวินหย่วนโยว ที่เป็นเพียงคนธรรมดาของแคว้นต้าเยียน จะมีฝีมือขนาดนี้ พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วหลายสิบกระบวนท่า ซึ่งต่างก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน

คราวนี้ เจว๋กู่ไม่กล้าประมาทอีก แต่เขาไม่เห็นจวินหย่วนโยวอยู่ในสายตาเลย ก็แค่คนแคว้นต้าเยียน หนึ่งในสี่แคว้นคนหนึ่งเท่านั้นเอง ยังไงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา

จวินหย่วนโยวก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีฝีมือขนาดนี้ รับมือได้อย่างค่อนข้างยาก จวินหย่วนโยวลงมือโจมตีพร้อมกันด้วยมือทั้งสองข้าง

“อ้าก” ทั้งสองคนต่างก็ถูกกระแทกด้วยฝ่ามือของอีกฝ่าย

ฝ่ามือนี้ ทำให้เจว๋กู่รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ราวกับกระดูกแตกหักไปแล้วทั้งหมด เขาเห็นจวินหย่วนโยวเพียงก้าวถอยหลังไปสิบกว่าก้าว สีหน้าเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เจว๋กู่รีบปล่อยอาวุธลับออกไปอย่างมากมาย ช่วยโอกาสตอนที่จวินหย่วนโยวกำลังหลบเลี่ยงอย่างสุดชีวิต แล้วก็รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว

“รีบตามไป” หลงยีนำพาองครักษ์เงามังกร กำลังจะไล่ตามไป

“ไม่ต้องตามแล้ว” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาด้วยเสียงเยือกเย็น กระอักออกมาเป็นเลือด แล้วก็ล้มหมดสติไป

“ซื่อจื่อ ซื่อจื่อ” หลงยีรีบไปประคองเขาไว้

องครักษ์เงามังกรคนอื่น ต่างก็เป็นกังวลอย่างมาก รีบวิ่งมาหาทันที

“เร็ว พาซื่อจื่อกลับจวน” หลงยีแบกตัวจวินหย่วนโยวขึ้นมาแล้วรีบจากไป คนอื่นรีบตามคุ้มกัน

จวนซื่อจื่อ

หยุนถิงรออยู่ที่บ้านอย่างร้อนใจ ที่นางพาจวินเสี่ยวเหยียนกลับมา เพราะต้องการที่จะทำให้ศัตรูหลงกล แต่ให้นางรออยู่ที่บ้านเฉยๆ นางทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

จวินเสี่ยวเหยียนกลับไปแล้วก็มีไข้นิดหน่อย คงเป็นเพราะตากลมเย็นในค่ายทหาร หยุนถิงป้อนยาให้นางดื่ม เพิ่งกล่อมนางนอนหลับ แล้วก็มายืนรออยู่หน้าประตู

จากนั้นเงาร่างหนึ่งก็กระโดดลอยมาก ซึ่งก็คือโม่เหลิ่งเหยียน บนตัวสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ไว้หนึ่งผืน

“ซวนอ๋องเจ้า?” หยุนถิงสะดุ้งตกใจอย่างมาก

“วางใจ ช่วยเสี่ยวเทียนกลับมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว ข้าอุ้มเขากลับมาก่อน ระหว่างทางหนาวมาก ข้าจึงใช้ผ้าคลุมห่อตัวเขาไว้” โม่เหลิ่งเหยียนพูดตอบ

หยุนถิงรีบเดินไปหา ยื่นมือดึงเสื้อคลุมลงมา แล้วก็มองเห็นเงาร่างตัวน้อยที่คุ้นเคย

เขาซบอยู่แนบอกโม่เหลิ่งเหยียน หลับตาสนิท หายใจบางเบา หัวใจหยุนถิงที่หวั่นเกรงค่อยผ่อนคลายลง

“เสี่ยวเทียน เหนื่อยจนหลับไปแล้ว รีบอุ้มเขาเข้าไปเถอะ จวินหย่วนโยวช่วยเขาออกมาแล้ว เขายังกำลังต่อสู้กับคนของสำนักสิ้นรัก เชื่อว่าไม่นานก็จะกลับมา” โม่เหลิ่งเหยียนพูดตอบ

“ขอบคุณ ขอบคุณมาก” หยุนถิงตื่นเต้นดีใจจนตาแดง รีบอุ้มจวินเสี่ยวเทียนมา แล้วอุ้มกลับห้องไป

“ขอบคุณซวนอ๋อง ที่ช่วยซื่อจื่อน้อยของเราไว้” พ่อบ้านลั่วคุกเข่าลง ขอบคุณอย่างตื้นตันที่สุด

ซูหลินกับเยว่เอ๋อร์ก็รีบมา หลันซานที่รีบมาก็พูดขอบคุณไม่หยุด องครักษ์ลับกับองครักษ์เงามังกรของจวนก็ซาบซึ้งใจอย่างมาก ต่างพากันมาขอบคุณ

“พวกเจ้าไม่ต้องเกรงใจ จวินหย่วนโยวเป็นคนช่วยเขาออกมาได้ ข้าเพียงแค่สองเขากลับมาก่อนเท่านั้นเอง” โม่เหลิ่งเหยียนพูดอธิบาย

จู่ๆก็มีคนมาขอบคุณมากมายขนาดนี้ เขาค่อนข้างไม่คุ้นเคย

“ซื่อจื่อน้อยปลอดภัยดีก็พอ ข้าน้อยจะรีบไปสั่งให้ในครัว เตรียมของกินที่ซื่อจื่อน้อยชอบกินไว้ หลายวันมานี้ซื่อจื่อน้อยต้องทุกข์ทรมานแล้ว” พ่อบ้านค่อยโล่งอก พูดขึ้นพร้อมเดินไปด้วยเช็ดน้ำตาไปด้วย แล้วตรงไปยังห้องครัว

หลงเอ้อยกน้ำชามาให้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอบคุณที่ซวนอ๋องช่วยซื่อจื่อน้อยไว้ เชิญดื่มชา”

หลงเอ้อรู้ ต่อให้เขาเชิญซวนอ๋องไปยังห้องด้านข้าง ซวนอ๋องก็ไม่มีทางไปแน่

นี่เป็นครั้งแรกที่ดื่มชาที่องครักษ์เงามังกรยกมาให้ โม่เหลิ่งเหยียนยื่นมือรับมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ดี” พูดเสร็จ ก็รับถ้วยชาขึ้นมาดื่ม

ภายในห้อง หยุนถิงอุ้มลูกชายไปนั่งบนเตียง แล้วก็ไม่อยากที่จะวางเขาลง

มองดูเสื้อผ้าบนตัวเขายังเป็นชุดที่ใส่เมื่อสามวันก่อน เปื้อนไปด้วยฝุ่นกับเศษหญ้า ยังเปื้อนไปด้วยโคลน จนตอนนี้โคลนดินแห้งไปแล้ว

ใบหน้าจวินเสี่ยวเทียนผอมไปมาก ขอบตาก็ดำคล้ำ เห็นได้ชัดว่าหลายวันนี้ต้องทุกข์ทรมานไม่น้อย

หยุนถิงสงสารจับใจ ล้วนเป็นเพราะนางที่เป็นแม่ชะล่าใจเกินไป ทำให้ลูกชายเกือบเป็นอะไรไป

ตอนนี้มองดูจวินเสี่ยวเทียนที่กำลังหลับอยู่ หยุนถิงทั้งโทษตัวเองทั้งรู้สึกผิด

เยว่เอ๋อร์รีบตักน้ำร้อนมา เอาผ้าชุบน้ำเปียกยื่นมาให้ พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนู เช็ดหน้าให้ซื่อจื่อน้อยก่อน ไปวันมานี้เขาลำบากมากแล้ว”

“ดี” หยุนถิงรีบรับมา

นางเช็ดฝุ่นดินบนใบหน้าให้กับจวินเสี่ยวเทียนด้วยตนเอง จากนั้นก็ช่วยเขาถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนแล้วอย่างระมัดระวัง ค่อยวางลูกชายลง ห่มผ้าให้เขา แล้วเดินออกมา

นอกประตู โม่เหลิ่งเหยียนยืนหลังตรง รออยู่ตรงนั้นตลอด

หยุนถิงหันไปมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครเป็นคนลักพาตัวลูกชายของข้าไป?”

“สำนักสิ้นรัก วี่อู๋เสีย” โม่เหลิ่งเหยียนพูดตอบ

“ซูหลิน…..” หยุนถิงยังพูดไม่เสร็จ โม่เหลิ่งเหยียนก็พูดแทรกนางขึ้นมาว่า “เจ้าไม่ต้องลงมือ จวินหย่วนโยว พาคนทำลายล้างทั่วทั้งสำนักสิ้นรักแล้ว เจ้าดูแลลูกให้ดีก็พอ”

“ฆ่าพวกเขาเสียแบบนี้ เป็นการง่ายเกินไปสำหรับพวกเขา” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างเกลียดชัง

กล้าแตะต้องลูกชายของนาง นางไม่มีทางปล่อยไปแน่

จากนั้นหลงซานกับหลงซื่อก็กลับมา ยังนำตัววี่อู๋เสียที่หมดสติกลับมาด้วย  

  

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท