จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 833 นางมอบให้แล้วข้าต้องรับรึ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 833 นางมอบให้แล้วข้าต้องรับรึ

“คุณหนูใหญ่ นี่มันดอกกล้วยไม้ที่ท่านปลูกเองนี่ ไม่ได้วางไว้ในห้องคุณชายจิ่วฟ่างรึ หรือว่าโดนลมพัดลงมา ไม่สิ ไม่มีลมนี่นา?” หรงเอ๋อร์ถามอย่างไม่เข้าใจ

คำถามนี้เสียดหูวี่รั่วยีนัก สีหน้าไม่น่าดูมากขึ้น

ดอกกล้วยไม้นี้นางฟูมฟักเอาใจใส่ กระถางดอกไม้เองก็เป็นของล้ำค่า กระถางดอกไม้หนักขนาดนี้จะโดนลมพัดลงมาได้อย่างไรกัน นอกเสียจากว่า?

“คุณหนูใหญ่ คงไม่ใช่คุณชายจิ่วฟ่างโยนลงมากระมัง จิ่วฟ่างนี่ก็ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนัก ตอนนี้ข้าน้อยจะไปถามเขาว่าคิดอย่างไรกันแน่?” หรงเอ๋อร์พุ่งขึ้นชั้นสองอย่างโกรธขึ้ง

ครั้งนี้วี่รั่วยีไม่ได้ห้ามนาง

นางเองก็อยากรู้ว่า เป็นความคิดของจิ่วฟ่างจริงหรือไม่ พูดให้ถูกคือ เป็นความคิดของจวินหย่วนโยว

หรงเอ๋อร์พุ่งไปที่ห้องจิ่วฟ่าง ถีบประตูกระเด็นเปิดออก “จิ่วฟ่าง ดอกกล้วยไม้กระถางเมื่อครู่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงหล่นไปที่ชั้นหนึ่งได้ นั่นน่ะเป็นกระถางที่คุณหนูใหญ่เลี้ยงดูปลูกมาด้วยตัวเอง ตั้งใจมามอบให้เจ้าเลยนะ?”

จวินหย่วนโยวเหล่มองหรงเอ๋อร์ที่ยืนสองมือเท้าเอวท่าทางใหญ่โตอยู่หน้าประตูห้องตน ใบหน้าหล่อเหลาเย็นเยียบนั้นเต็มไปด้วยแววรังเกียจและดูถูก

“ข้าเป็นคนโยนกระถางดอกไม้นั้นทิ้งเอง นางมอบให้แล้วข้าต้องรับงั้นรึ?” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น

น้ำเสียงไม่เบานัก ทำให้วี่รั่วยีที่อยู่ชั้นหนึ่งยังได้ยิน

วินาทีนี้วี่รั่วยีรู้สึกแก้มร้อนผ่าวแสบร้อน คำพูดของจวินหย่วนโยวเหมือนตบหน้านางฉาดใหญ่

เขารังเกียจเดียดฉันท์ตนถึงเพียงนี้

“เจ้านี่มันช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง คุณหนูใหญ่ของข้าไม่เคยมอบดอกไม้ให้บุรุษใดมาก่อน เจ้าเป็นคนแรก กล้าปฏิเสธคุณหนูใหญ่ของข้า หาเรื่องตาย—“ หรงเอ๋อร์แค่นเสียงอย่างเดือดดาล

เพียงแต่นางยังพูดไม่ทันจบ จวินหย่วนโยวสะบัดแขนเสื้อพรึ้บ กำลังภายในอันแข็งแกร่งสายหนึ่งโจมตีเข้าไป ซัดหรงเอ๋อร์ลอยกระเด็นออกไปเลย

“อ๊า!” เสียงร้องดังขึ้น ตัวหรงเอ๋อร์ลอยกระเด็นออกไปสิบกว่าเมตร ไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่เข้าพอดี ทำเอาต้นไม้ใหญ่หักโค่นไปด้วยเลย นางกระอักเลือดสลบไปเลย

สีหน้าวี่รั่วยีไร้ซึ่งสีเลือด กระดูกข้อนิ้วมือในแขนเสื้อค่อยๆซีดขึ้น โกรธจนสั่นไปทั้งตัว

คำโบราณว่าไว้จะตีหมาก็ต้องดูเจ้าของก่อน จวินหย่วนโยวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเช่นนี้ กล้าทำร้ายสาวใช้ตนจนสลบ นี่มันตบหน้านางฉาดใหญ่ชัดๆ

นางคือคุณหนูใหญ่แห่งเกาะเทียนหลง มีแต่คนยกย่อง ประจบเอาใจนางแต่เด็ก นางเคยได้รับความอัปยศและการเหยียดหยามเช่นนี้เมื่อไหร่กัน

เสียแรงที่ก่อนหน้านี้ตนช่วยเขาปิดบังฐานะ วินาทีนี้สายตาวี่รั่วยีฉายแววเหี้ยมเกรียมขึ้น

นางหมุนตัวพุ่งไปเรือนเซียวหลันทันที ตอนนี้งานวันเกิดของฮูหยินเจ้าทะเลผ่านไปแล้ว คนอื่นในเขตทะเลต่างพากันลากลับไปแล้ว เกาะเทียนหลงกลับสู่ความสงบอย่างวันวาน

ความเคลื่อนไหวเมื่อคืนกระเทือนไปถึงเซียวหลันเช่นกัน เสียงระเบิดดังสนั่นฟ้านั่นทำให้พื้นที่ทั่วทั้งเกาะเทียนหลงสะเทือนไปตามๆกัน

เซียวหลันตกใจสั่นระรัว ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เช้าวันต่อมารีบส่งคนไปตรวจสอบดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ตอนนี้องครักษ์หลายคนกำลังรายงาน “ฮูหยิน ความเคลื่อนไหวเมื่อคืนคือเมืองซ่งและเมืองหลี สองเกาะนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อคืนโดนทำลายราบเป็นหน้ากลอง

ได้ยินว่าทหารเดนตายของเมืองซ่งไม่มีใครรอดเลย และอาวุธของเมืองหลีโดนทำลายหมดไม่เหลือ ขอฮูหยินโปรดสั่งการด้วย!”

เซียวหลันเหมือนโดนสายฟ้าฟาด อึ้งอยู่นานไม่พูดอะไร

นางติดตามเซียวหรูซื่อมาหลายปี ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า สองเมืองนี้สำคัญต่อเซียวหรูซื่ออย่างไร ทหารเดนตาย อาวุธ ทรัพย์สินที่นางเลี้ยงสะสมมาหลายปีล้วนเก็บไว้ที่สองเมืองนี้ทั้งสิ้น

แต่อีกฝ่ายกลับทำลายสองเมืองนั้นโดยง่ายดายไม่กระเทือนถึงผู้อื่น เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ลงมือนั้นฝีมือร้ายกาจ โหดเหี้ยมอย่างมาก

ทันใดนั้นเซียวหลันพลันนึกถึงหยุนถิง หรือว่าเป็นนาง?

ก็จริง นางสามารถแฝงตัวเข้าไปในสำนักหมอเทวดาได้ เข้ามาในเกาะเทียนหลงฆ่าผู้อาวุโสอวี๋ได้ ยังมีอะไรที่นางไม่กล้าทำอีก

เซียวหลันเดิมคิดว่าหยุนถิงนำตัวเซียวหรูซื่อไปเพื่อต้องการทรมานนาง ตอนนี้ดูแล้ว นี่พึ่งจะเริ่มต้น

นี่มันทำให้เซียวหรูซื่อทรมานเสียยิ่งกว่าฆ่านางอีก

“เรื่องนี้อย่าเอิกเกริกไป ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร ออกไปเถอะ!” เซียวหลันพูดเสียงเรียบ

“ขอรับ”

องครักษ์จากไปไกล เซียวหลันยิ้มมุมปากเย้ยหยัน “เซียวหรูซื่อ นี่ล่ะกรรมของเจ้า!”

วี่รั่วยีที่เดินมาถึงหน้าประตูพลันได้ยินคำนี้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดถึงคำพูดพวกนั้นก่อนหน้านี้ของอูเหอแล้ว นางยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตนเองมากขึ้น

แต่นางไม่คิดจะเข้าไปถามเซียวหลันทันที แต่กลับเดินเข้ามาอย่างอ่อนโยน และคารวะเซียวหลัน “คารวะท่านแม่”

“ยีเอ๋อร์มาแล้ว มานั่งคุยกันนี่สิ” สีหน้าเซียวหลันเปลี่ยนเป็นความสุขุมนุ่มลึกอย่างปกติ

“ท่านแม่ สองวันนี้ข้าพบว่าฐานะจิ่วฟ่างน่าสงสัย บางทีเขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของผู้อาวุโสอวี๋” วี่รั่วยีแกล้งกระซิบ

เซียวหลันมองมาอย่างตกใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

“ก่อนหน้านี้ท่านแม่บอกให้ยีเอ๋อร์ไปลองทำความรู้จักกับจิ่วฟ่างดู ดังนั้นยีเอ๋อร์เลยไปเยี่ยมเยียนจิ่วฟ่าง แต่เขาไม่อยู่ในห้อง ตอนนั้นยีเอ๋อร์คิดว่าเขาแค่ออกไปเดินเล่น สุดท้ายผ่านไปสองวันเขาถึงปรากฏตัว

ศิษย์คนอื่นเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน เหมือนปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศเสียอย่างนั้น ข้าเห็นในห้องจิ่วฟ่างว่างเปล่า เลยให้หรงเอ๋อร์ยกกระถางดอกไม้เข้าไปสองกระถาง

หรงเอ๋อร์ไม่ทันระวังส่งดอกกล้วยไม้ที่ข้าปลูกเข้าไป สำหรับคนที่เรียนแพทย์ย่อมรู้ดีว่า ดอกกล้วยไม้เป็นตัวยาที่ราคาแพงยิ่งนัก ยากที่หามาได้

แต่จิ่วฟ่างกลับไม่ระวังทำกระถางดอกไม้ตกแตก ดังนั้นดูแปลกพิกล ไม่เหมือนกิริยาของเขา ปีก่อนจิ่วฟ่างยังเก็บรวบรวมตัวยาราคาแพงอยู่เลย” วี่รั่วยีพูดข้อสงสัยออกมา

สีหน้าเซียวหลันเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน “คำพูดของเจ้าแม่จำไว้แล้ว ข้าจะให้คนไปสืบดู หากจิ่วฟ่างมีปัญหาจริงๆ เจ้าอย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาดเชียว!”

“เจ้าค่ะ!” วี่รั่วยีพูดอีกไม่กี่คำ จากนั้นถึงได้ออกไป

“ฮูหยิน ดอกกล้วยไม้นั่นเป็นแก้วตาดวงใจของคุณหนูใหญ่มิใช่รึ หรงเอ๋อร์รับใช้นางมาหลายปีขนาดนั้น มีหรือจะยกผิด?” คนรับใช้คนสนิทถามเสียงเบา

เซียวหลันเลิกคิ้วบอก “หรงเอ๋อร์ติดตามนางมาหลายปี มีหรือจะไม่รู้จักดอกกล้วยไม้ นอกเสียจากว่านางจะให้หรงเอ๋อร์ยกไปเอง

ดูท่าจะโดนจิ่วฟ่างปฏิเสธมา ดังนั้นเลยมาใส่สีตีไข่เอากับข้าที่นี่ แต่จิ่วฟ่างผู้นี้ทำให้ข้าประหลาดใจนัก เขาไม่แยแสดอกกล้วยไม้ เจ้าแอบส่งคนไปสืบเรื่องจิ่วฟ่างผู้นี้ดูนะ”

“ขอรับ!” คนสนิทรีบไปจัดการทันที

วี่รั่วยีที่เดินออกไปแล้ว พอกลับถึงเรือนตัวเอง ก็อาละวาดทำลายข้าวของในห้องหนังสือเสียเละตุ้มเป๊ะ หลังจากนางอาละวาดเสร็จ ก็เปิดหน้าตาด้านหลังห้องหนังสือ ปรบมือเบาๆสามที

องครักษ์ลับชุดดำผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น “คุณหนูใหญ่มีสิ่งใดจะสั่งการรึ?”

“เจ้าเอาผงยาขวดนี้ไปใส่ในอาหารของเหล่าศิษย์เรือนตะวันตกพวกนั้น จำไว้ ห้ามให้ผู้ใดจับได้เด็ดขาด!” วี่รั่วยียื่นขวดหนึ่งไปให้

องครักษ์ลับรับมาอย่างนอบน้อม “ขอรับ!”

พอเห็นองครักษ์ลับหายไปไร้ร่องรอย วี่รั่วยียิ้มมุมปากอย่างเย็นชา

จวินหย่วนโยวเจ้าอย่าโทษข้าล่ะ เจ้าบังคับข้าเอง

อีกด้านหนึ่ง จวินหย่วนโยวที่อยู่ในห้องพลันจามออกมาสองที หยุนถิงหันมองเขา อดเย้าหยอกไม่ได้ว่า

“ท่านพี่ เมื่อครู่ที่ท่านปฏิเสธไปน่ะคือคุณหนูใหญ่แห่งเกาะเทียนหลงนะ ตอนนี้คุณหนูใหญ่นั่นน่าจะด่าท่านเละไปแล้ว”

จวินหย่วนโยวมีสีหน้ารำคาญ พลางหันมองหยุนถิง “นางอยากด่าก็ด่าไป ข้าไม่สนใจนาง นางจะมาเทียบเคียงกับถิงเอ๋อร์ของข้าได้อย่างไรกัน”

“ท่านไม่กลัวนางแก้แค้นท่าน หาเรื่องท่านรึ?”

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท