จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 913 ท่านมาแล้ว ข้าคิดถึงท่านจัง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 913 ท่านมาแล้ว ข้าคิดถึงท่านจัง

หลายปีมานี้ นางรักเจว๋กู่ฝังใจมาโดยตลอด นางรู้ภูมิหลังที่ไม่ได้สดใสรุ่งโรจน์ของเจว๋กู่ เคยสารภาพรักหลายครั้งแต่กลับถูกเจว๋กู่ปฏิเสธ แต่นางก็ไม่เคยหยุดรักเจว๋กู่มาก่อน

จนก่อนหน้านี้ไม่นาน นางรวบรวมความกล้าไปหาเจว๋กู่อีกครั้ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเห็นเจว๋กู่ในสภาพที่เจ็บปวดทรมานอย่างอนาถเช่นนั้น เขาถูกทรมานจนไม่มีสภาพความเป็นคน

สุดท้ายเจว๋กู่ก็จากไป พร้อมด้วยความแค้นเคืองใจและความเจ็บปวด เหยียนซู่เสวี่ยและวี่อู๋เสียฝังศพให้เขาด้วยตัวเอง รับรู้มาว่าหยุนถิงวางยาพิษเจว๋กู่ เหยียนซู่เสวี่ยจึงรีบให้ลูกน้องจับตามองความเคลื่อนไหวทุกอย่างของจวนซื่อจื่อไว้

นางรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อกรของจวินหย่วนโยวและหยุนถิง ด้วยเหตุนี้นางจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมาได้ นั่นก็คือการเลียนแบบหยุนถิง

นางสืบทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหยุนถิง เรียนรู้ทุกการเคลื่อนไหวของนาง ทุกการขมวดคิ้วทุกรอยยิ้ม จนถึงขั้นที่พอที่จะสามารถเอาของปลอมมาปนกับของจริงได้

วันนี้เป็นวันแต่งงานของเป่ยหมิงฉี่ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะพอดี ดังนั้นเหยียนซู่เสวี่ยจึงรีบเข้ามาก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหยู่อ๋องจะก่อกบฏ ก็เปิดโอกาสให้นางพอดี

ชาถ้วยนั้น เหยียนซู่เสวี่ยทุ่มเทสุดความสามารถแล้ว แต่ทุกครั้งก็ยังเหมือนกับก่อนหน้านี้ ชาของหยุนถิงที่คนรับใช้หนุ่มเอามาได้นั้นยังคงมีความแตกต่างอยู่เล็กน้อย แต่เหยียนซู่เสวี่ยรอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

นางกำลังเดิมพันตำแหน่งของหยุนถิงในจิตใจของจวินหย่วนโยว หากว่าจวินหย่วนโยวรักหยุนถิงเพียงพอ ไม่ว่าชาจะมีรสชาติยังไง เขาก็จะต้องเชื่อ จะไม่สงสัย

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จวินหย่วนโยวจะเฉลียวฉลาดได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่นางเห็นว่าจวินหย่วนโยวดื่มลงไปแล้ว แต่เขากลับไม่เป็นไร สมควรตายจริงๆ

“เจว๋กู่เขาสมควรตาย!” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความโมโหเป็นอย่างมาก

“เช่นนั้นท่านก็สมควรตาย ลูกสาวของท่านก็สมควรตาย ข้าจะสังหารพวกท่านซะเดี๋ยวนี้ ฝังศพพวกท่านไปเป็นเพื่อนกับเจว๋กู่ ลงมือ!” เหยียนซู่เสวี่ยคำรามด้วยความโกรธเสียงหนึ่ง

ฉับพลันนั้นก็มีคนชุดดำนับร้อยคนเหาะลงมาจากกลางอากาศ ยิงอาวุธลับในมือมาทางจวินหย่วนโยวทางนี้ด้วยความดุดัน

“ปกป้องซื่อจื่อน้อย!” หลงยีตะโกนเสียงดังขึ้นครั้งหนึ่ง แล้วรีบคุ้มกันจวินเสี่ยวเทียนไว้ด้านหลังทันที และคนทั้งสองกลุ่มก็ต่อสู้กันในพริบตา

จวินหย่วนโยวจ้องมองไปทางเหยียนซู่เสวี่ยด้วยความโกรธเกรี้ยวสีหน้าเย็นชาเฉียบคม หญิงบ้าสมควรตายผู้นี้ เขาจะไม่ปล่อยให้นางทำร้ายจวินเสี่ยวเหยียนเด็ดขาด

แต่เบื้องหน้ามีคนในชุดดำนับไม่ถ้วน อีกอย่างก็มากันด้วยการเตรียมพร้อม อาวุธลับที่ร่วงลงสู่พื้นล้วนเปล่งประกายแสงสีฟ้าอันเย็นยะเยือก เพียงแค่ดูก็รู้ว่าเป็นของอาบยาพิษ

จวินหย่วนโยวฉวยช่วงโอกาสที่เหมาะเจาะโจมตีเหยียนซู่เสวี่ยทันที ฝ่ามือนั้นเขาออกแรงเต็มที่

และจวินเสี่ยวเหยียนที่กำลังร้องไห้โวยวายในเดิมทีก็ฉวยจังหวะที่เหยียนซู่เสวี่ยไม่ได้ป้องกัน เรียกหนอนพิษกู่ในแขนเสื้อออกมาอย่างรวดเร็ว หนอนขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวไต่ขึ้นไปตามมือของเหยียนซู่เสวี่ย

เหยียนซู่เสวี่ยสังเกตได้ถึงการโจมตีของจวินหย่วนโยว แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดที่แขนอยู่เล็กน้อย แต่นางก็ไม่ทันได้คิดมากรีบลากจวินเสี่ยวเหยียนหลบเลี่ยงไปด้วยความรวดเร็ว

แต่จวินหย่วนโยวไม่เปิดโอกาสให้นางได้หลบหนีโดยสิ้นเชิง แต่ละกระบวนท่ารุนแรงดุดันและอันตรายไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ โจมตีเพียงแค่จุดสำคัญ คิดไม่ถึงว่าเหยียนซู่เสวี่ยคนโฉดชั่วจะดึงจวินเสี่ยวเหยียนมาขวางไว้เบื้องหน้าของตัวเอง จวินหย่วนโยวเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกสาว จึงลงมือด้วยความกังวลทั้งยังถูกจำกัดอีกด้วยเป็นธรรมดา

ฉับพลันนั้นในบรรยากาศก็มีแรงสังหารอันดุดันเฉียบคมอบอวลไปทั่วฟากฟ้า ทำให้เหยียนซู่เสวี่ยอกสั่นขวัญผวา นางยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกโม่เหลิ่งเหยียนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันโจมตีเข้ามาฝ่ามือหนึ่ง โจมตีเข้าระหว่างกลางของเหยียนซู่เสวี่ยและจวินเสี่ยวเหยียนโดยตรง

เหยียนซู่เสวี่ยรู้สึกใจสั่น ยังจะสนใจจวินเสี่ยวเหยียนได้อีกอย่างไร ปล่อยมือจวินเสี่ยวเหยียนแล้วหลบไปโดยสัญชาตญาณ

จวินหย่วนโยวถือโอกาสปกป้องจวินเสี่ยวเหยียนใว้ในอ้อมกอด พลิกมือแล้วโจมตีเข้าไปอีกฝ่ามือหนึ่ง และในเวลาเดียวกันโม่เหลิ่งเหยียนก็ฝาดผ่ามืออันดุดันเข้ามาอีกฝ่ามือหนึ่ง

เหยียนซู่เสวี่ยถูกโจมตีทั้งหน้าและหลัง รู้สึกเพียงแค่อวัยวะภายในโดนสะเทือนจนแหลกไปแล้วเช่นนั้น ทั้งคนกระเด็นลอยออกไปสิบกว่าเมตรกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้ก็ถูกสะเทือนกระเด็นออกไปพร้อมกัน ล้มลงกับพื้นกระอักเลือดไปตรงนั้นและไม่สามารถขยับตัวได้อีก

หลงซานและหลงซื่อเหาะไปดู ทาบดาบในมือลงไปบนคอของเหยียนซู่เสวี่ยโดยตรง แทบอยากจะสับนางให้กลายเป็นแยมเนื้อ คิดไม่ถึงว่านังผู้หญิงสมควรตายผู้นี้จะกล้าคิดร้ายกับซื่อจื่อน้อยและจวิ้นจู่น้อย

“เจ้าสำนัก!” ทันทีที่ลูกน้องของสำนักหิมะเห็นว่าเจ้าสำนักเกิดเรื่อง ก็ตะโกนขึ้นด้วยความเป็นห่วง รีบพุ่งเข้ามา แต่กลับถูกองครักษ์เงามังกรสกัดฆ่าไปทั้งหมด

และลูกน้องของหอดวงจันทร์ก็เข้ามาช่วยแล้วเช่นกัน โจมตีสังหารลูกศิษย์สำนักหิมะที่แอบวางอาวุธลับเหล่านั้นและหมอบอยู่ตรงสันกำแพงทั้งหมดไป เหยียนซู่เสวี่ยโกรธจนสีหน้าไม่น่าดูยิ่งขึ้น

ทันทีที่องครักษ์เงามังกรเห็นคนของหอดวงจันทร์ ก็วางใจในพริบตา

“เสี่ยวเหยียน เจ้าเป็นยังไงบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” จวินหย่วนโยวถามด้วยความเป็นห่วง รีบตรวจดูลูกสาวอย่างละเอียดทันที

แม้ว่าเสี่ยวเหยียนจะไม่ได้ออกไปจากสายตาของตัวเอง แต่เมื่อเห็นรอยเลือดตรงคอของลูกสาว จวินหย่วนโยวก็สงสารเป็นอย่างยิ่ง สันกรามตึงแน่น ลมปราณทั้งตัวคนเยือกเย็นจนติดลบ

โม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ข้างๆเห็นบาดแผลตรงคอของจวินเสี่ยวเหยียน สายตาก็เคร่งขรึมอย่างยิ่ง แทบอยากจะฟันแทงเหยียนซู่เสวี่ยนับพันครั้งหมื่นครั้ง

ยังไม่รอให้เขาลงมือ จวินเสี่ยวเหยียนก็เปิดปากแล้ว “ท่านลุงซวนอ๋อง ท่านมาแล้ว ข้าคิดถึงท่านจังเลย อุ้มอุ้ม!”

ใบหน้าน้อยๆของจวินเสี่ยวเหยียนที่มีหยดน้ำตาในเดิมทีเต็มไปด้วยความดีใจ ยื่นมือออกมาก็ต้องการให้อุ้ม

โม่เหลิ่งเหยียนเก็บความดุดันไว้ในพริบตา จากนั้นสีหน้าก็อ่อนโยนเป็นอย่างมาก มองไปทางจวินเสี่ยวเหยียนด้วยความรักความเอ็นดู แต่เมื่อครู่หากว่าไม่ใช่เพราะโม่เหลิ่งเหยียนปรากฏตัวได้ทันเวลา เสี่ยวเหยียนก็คงจะไม่ได้รับการปล่อยตัวอย่างราบรื่นเช่นนี้ ดังนั้นจึงทำเป็นการตอบแทนน้ำใจเขา จวินหย่วนโยวไม่ได้พูดอะไร

เพราะเขารู้ว่า โม่เหลิ่งเหยียนใส่ใจความปลอดภัยของเสี่ยวเหยียนมากกว่าตัวเขาเอง

นาทีนั้นที่จวินหย่วนโยวปล่อยมือ เหยียนซู่เสวี่ยยกเท้าขึ้นก็วิ่งพุ่งไปยังที่ไม่ไกลนัก สะบัดแขนเสื้อด้วยความรวดเร็วและรุนแรง เหยียนซู่เสวี่ยยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกพลังฝ่ามือของจวินหย่วนโยวหักขาไปข้างหนึ่ง นางเจ็บปวดจนกรีดร้องอย่างน่าอนาถ สีหน้าซีดเผือด

“อ้า ขาของข้า จวินหย่วนโยวเจ้าจะต้องไม่ตายดี ข้าเป็นผีก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป!” เหยียนซู่เสวี่ยสาปแช่งด่าทอด้วยความแค้นเคือง

“กล้าทำร้ายลูกสาวข้า ผลที่ตามมาเจ้ารับไม่ไหว!” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว ชักดาบในมือของหลงซานออกมาทันที ดาบหนึ่งฟาดเข้าไป

เหยียนซู่เสวี่ยกรีดร้องอย่างน่าอนาถขึ้นอีกครั้งหนึ่ง รู้สึกเพียงแค่ความเจ็บปวดเล็กน้อยพร้อมด้วยความเย็นเฉียบโจมตีเข้ามาที่ลำคอ ทันทีจากนั้นก็มีของเหลวหนืดไหลออกมา นางเอื้อมมือไปคลำด้วยสัญชาตญาณ สัมผัสโดนบาดแผลและเลือดเนื้อ เจ็บปวดจนสูดลมหายใจอันเย็นยะเยือกเข้าไปด้วยความตกใจ สีหน้าของเหยียนซู่เสวี่ยซีดเผือดในพริบตา

แม้ว่าการมาลอบสังหารครั้งนี้นางจะไม่เคยคิดว่าจะรอดชีวิตกลับไป แต่ความเจ็บปวดที่คอก็ทำให้นางหวาดกลัวเล็กน้อย จวินหย่วนโยวน่ากลัวกว่าที่ตัวนางคาดคิดไว้ ต่อกรยาก สมควรตายจริงๆ

“เจ้าคิดว่าเป็นเช่นนี้แล้วเจ้าก็จะชนะงั้นหรือ ยัยเด็กน้อยนั่นโดนยาพิษไปแล้ว เมื่อครู่บนกริชของข้าก็ทายาพิษไว้” เหยียนซู่เสวี่ยกล่าวด้วยความลำพองใจ

ทันทีที่พูดโพล่งออกมา สีหน้าของจวินหย่วนโยวก็โหดเหี้ยมมากขึ้น หันหน้าไปมองจวินเสี่ยวเหยียนด้วยสัญชาตญาณ เห็นสีหน้าของนางไม่น่าดูเล็กน้อยจริงๆ

“เสี่ยวเหยียน เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?” โม่เหลิ่งเหยียนเอ่ยถามทันที

“ท่านลุงซวนอ๋อง ข้าเวียนหัวเล็กน้อยเพคะ!” ทั้งตัวของจวินเสี่ยวเหยียนไร้เรี่ยวแรง ทั้งคนฟุบลงไปที่ไหล่ของโม่เหลิ่งเหยียน

โม่เหลิ่งเหยียนเป็นกังวลไปทั้งใจ ในสายตาของเขาชีวิตของเสี่ยวเหยียนนั้นสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง เขากำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นหยุนถิงวิ่งเข้ามา

แค่แวบเดียวนางก็เห็นความผิดปกติของเสี่ยวเหยียน รีบตรวจชีพจรให้นางทันที “ซวนอ๋อง เสี่ยวเหยียนเป็นอะไร แล้วท่านมาได้ยังไง?”

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท