เวลานี้ผู้ลี้ภัยรอบๆต่างพากันมองไปยังชายร่างกำยำ
พวกเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก พวกเขาต่างต้องการหยุดชายคนนี้
เมื่อเห็นดังนั้นชายร่างกำยำรู้สึกเขินอายขึ้นมา เขาเอามือแตะที่หลังศีรษะและมองไปยังผู้ลี้ภัย พยายามพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้:
“ อย่าเข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ข้าแค่อยากจะถามท่านลอร์ดเรื่องเดียว”
เย่เฉินเห็นผู้ลี้ภัยพากันเข้ามาล้อมรอบชายร่างกำยำ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่น จากนั้นเขาก็เก็บหอกสังหารในมือกลับไปและถอนหายใจออกมา เขามองไปที่ชายร่างกำยำและถามว่า:
“ เจ้าอยากจะถามอะไร”
“ เป็นความจริงหรือไม่ที่เจ้าพูดว่าจะแบ่งที่นาให้กับทหารในกองทัพ” ชายร่างกำยำมองไปที่เย่เฉินและถามออกมาอย่างห้วนๆ
“เจ้า!! เจ้ากล้าใช้น้ำเสียเช่นนี้ … ” จู่ๆเสียงที่โกรธเกรี้ยวของเตียวเหิงก็ดังขึ้น
เย่เฉินยกมือขึ้นห้ามเตียวเหิงไม่ให้พูดต่อ จากนั้นมองไปที่ชายร่างกำยำและพยักหน้าและกล่าวว่า:
“ ที่ข้าพูดเป็นความจริงและมีอีกสิ่งหนึ่งที่ข้าลืมบอกไปในเมืองหลุนฮุยนั้นจะจัดเก็บภาษีเพียง 10% เสมอ เช่นเดียวกันกับช่วงเวลาเก็บเกี่ยว หากเกิดภัยพิบัติขึ้นภาษีอาจจะลดลงหรือได้รับการยกเว้นตามสถานการณ์ ”
เมื่อเย่เฉินพูดเช่นนี้เขาก็เห็นชายร่างกำยำเงียบอยู่พักหนึ่งแล้วจึงพูดต่อ:
“ งั้นบอกข้าได้ไหม ว่าทำไมเจ้าถึงถามข้าแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเจ้าต้องการเป็นทหาร ข้าคิดว่าเจ้าไม่สมควรเป็นทหาร!”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเย่เฉิน ความโกรธของชายคนนั้นก็พุ่งสูงขึ้น กลิ่นอายของเขารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
คำพูดของเย่เฉินทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก ไม่ว่าจะฟังยังไงนี้ก็เป็นการดูถูกเขาเหมือนว่าเขาเป็นขยะ
เนื่องจากกลิ่นอายที่ถูกปลดปล่อยออกมาของชายคนนั้น ผู้ลี้ภัยที่อยู่รอบ ๆ จึงก้าวถอยกลับโดยไม่ตั้งใจ
แต่พวกเขาก็ตั้งหลักและก้าวออกมาอีกครั้งเข้าล้อมรอบชายร่างกำยำโดยไม่หวาดกลัวความตาย
เพราะพวกเขาจำสิ่งที่เย่เฉินพูดได้
ภาษีจะเป็น 10% เสมอ และจะลดหรือยกเว้นในปีที่เกิดภัยพิบัติและยังมีรางวัลมากมายสำหรับการเป็นทหาร!
คนยุคนี้ให้ความสำคัญกับที่ดินมากกว่าสิ่งอื่นใด!
และคำสัญญาของเย่เฉินก็เอาชนะใจพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกเขาไม่ต้องการให้นายท่านคนนี้ได้รับบาดเจ็บ
หากไม่แล้ว หลังจากนี้ชีวิตของพวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอกับอะไรอีก
ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะกลัว แต่พวกเขาก็ยังคงกัดฟันปิดล้อมชายร่างกำยำไว้
เนื่องจากแรงกดดันที่ถูกปลดปล่อยจากชายร่างกำยำนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ มันเหมือนสัตว์ร้ายที่หลุดมาจากป่า
เหล่าผู้ลี้ภัยต้องใช้ความกล้าเป็นอย่างมากในการต่อต้าน
ในขณะที่ดวงตาของชายร่างกำยำแดงก่ำเหมือนกำลังจะระเบิดเย่เฉินก็ยิ้มและถามว่า:
“เจ้ามีพละกำลังที่ดี ทำไมเจ้าถึงอยากเป็นเพียงทหารธรรมดา เจ้าไม่หวังจะเป็นแม่ทัพหรืออย่างไร”
“ฮะ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้แรงกดดันของชายคนนั้นก็สลายไปทันที จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่เย่เฉินด้วยสายตาว่างเปล่า
ผู้ลี้ภัยที่ได้ยินต่างก็ตกใจเช่นกัน มีคำถามเกิดขึ้นในใจของพวกเขาทุกคน
นั่นคือตั้งแต่มองครั้งแรกพวกเราก็รู้แล้วว่าชายร่างกำยำที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นคนแข็งแกร่งอย่างมาก ทำไมท่านลอร์ดถึงบอกว่าชายคนนี้เป็นทหารไม่ได้
ผู้ลี้ภัยทุกคนต่างเข้าใจผิด พวกเขาคิดว่าเย่เฉินกำลังดูถูกชายที่น่าเกลียดคนนี้อย่างไม่มีเหตุผล แต่กลับกันท่านลอร์ดเพียงแค่สงสัยว่าทำไมชายคนนี้ถึงไม่อยากเป็นแม่ทัพ
ผู้ลี้ภัยรู้สึกผ่อนคลายในทันที เนื่องจากชายร่างกำยำในขณะนี้มีใบหน้าที่เขียวคล้ำและไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่รุนแรงออกมาเหมือนก่อนหน้านี้
เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้เป็นเช่นเดียวกับพวกเขาที่เข้าใจเย่เฉินผิดไป
“ อะไรกันเจ้าไม่อยากมาเป็นแม่ทัพให้ข้าเหรอ?” เย่เฉินจ้องมองชายคนนั้นด้วยท่าทีโกรธเคืองแล้วถาม
“ นี่ … นี่ … ข้า ข้าเป็นได้จริงๆหรอ?” ชายคนนั้นใช้มือแตะด้านหลังศีรษะและถามออกมาด้วยเสียงเบา
“ คิดว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติพออย่างนั้นหรอ เจ้ากำลังดูถูกตัวเองอยู่!” เย่เฉินหรี่ตาและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่! ข้าไม่ได้ดูถูกตัวเอง ข้า … ข้าเคยเข้าร่วมกองทัพ แต่ไม่มีเคยมีใครบอกข้าว่าให้เป็นแม่ทัพ พวกเขาให้ข้าเป็นทหารธรรมดา … พวกเขายังคิดว่าข้าทำได้ … แค่กิน … “
ชายร่างกำยำกล่าวออกมาด้วยเสียง แต่เสียงของเขาก็เบาลงหลังจากกล่าวออกมา
เย่เฉินอดที่จะตกตะลึงไม่ได้เมื่อได้ยินสิ่งนี้
นี้มันไม่ควรเป็นแบบนี้ … ขอบเขตต้นกำเนิดไม่ใช่หัวผักกาดขาว …
แต่หากไม่เป็นแบบนั้น ข้าก็คงไม่ได้เจอกับชายคนนี้ …
เมื่อคิดได้ดังนั้น เย่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะโค้งมุมปากของเขา แล้วกล่าวออกมาว่า:
“ถ้าเจ้ามีทักษะในการเป็นผู้นำ ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้บัญชาการทหาร แต่หากเจ้ามีพละกำลังเพียงอย่างเดียวข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นองครักษ์ของของข้า ตอนนี้บอกทางเลือกของเจ้ามา!”
“ ข้าจะเป็นองครักษ์!” ชายร่างกำยำกล่าวออกมาโดยไม่ลังเล
เมื่อเย่เฉินได้ยินคำพูดของชายคนนั้นเขาก็ผงะอีกครั้ง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง
สิ่งที่เย่เฉินต้องการอย่างยิ่งในตอนนี้คือแม่ทัพที่จะนำเหล่าทหารออกไปทำสงครามไม่ใช่องครักษ์ส่วนตัว
แต่เย่เฉินก็ไม่ได้แสดงความผิดหวังออกมาให้เห็น แม้ว่าชายคนนี้จะเป็นองครักษ์ส่วนตัว แต่เขาก็สามารถนำมันเข้าสู่สนามรบได้
ยิ่งไปกว่านั้นจากแรงกดดันที่ชายคนนี้เพิ่งระเบิดออกมา เย่เฉินมั่นใจว่าชายคนนี้ต้องแข็งแกร่งมาก!
“ งั้นบอกชื่อของเจ้ามา” เย่เฉินพยักหน้าแล้วพูด
“เตียนอุย” ชายร่างกำยำตอบเสียงดังลั่น
เย่เฉินพยักหน้าจากนั้นเขาก็ผงะมองไปที่ชายคนนั้น และถามออกไปอย่างรีบร้อนว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าชื่ออะไรนะ?”
“เตียนอุย” เมื่อเตียนอุยได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาลังเลเล็กน้อยแล้วจึงตอบออกมาอีกครั้ง
“เตียนอุย จากเมืองตันลิว คือเจ้าอย่างงั้นหรอ” เย่เฉินรีบถามด้วยท่าทางกระตือรือร้น
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเย่เฉิน เตียนอุยก็ระเบิดพลังออกมาทันที
สายตาที่เขามองเย่เฉินก็เปลี่ยนไปเหมือนคนแปลกหน้า เขาแสดงท่าทางระแวดระวังมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเย่เฉินเห็นดังนั้น เขาก็ผงะและจากนั้นเขาก็จำบางสิ่งเกี่ยวกับอดีตของเตียนอุยได้
ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ เตียนอุยได้สังหารเจ้าหน้าที่และกลายเป็นวีรบุรุษ ต่อมาเขาติดตามโจโฉและภัคดีต่อโจโฉมาก กองกำลังของเขาติดสามอันดับแรกในช่วงสามก๊ก
การจัดอันดับผู้บัญชาการทหารเป็นที่ถกเถียงกันมาโดยตลอด แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือเย่เฉินอยากรู้ว่าทำไมเตียนอุยถึงเปลี่ยนเป็นคนละคน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เย่เฉินก็ระบุตัวตนของชายตรงหน้าได้ทันที
เขาคือบุคคลที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ตันลิว เตียนอุย!
พระเจ้าช่วย!
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้เย่เฉินก็ไม่สนใจสายตาที่กำลังจ้องมองอย่างระมัดระวังของเตียนอุยและพูดกับเขาตรงๆ: “มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากจะบอกกับเจ้าให้ชัดเจน!”
เตียนอุนมองไปที่เย่เฉินและพยักหน้าอย่างว่างเปล่า รอให้เย่เฉินพูดต่อ
ถ้าเย่เฉินไม่ได้สร้างความรู้สึกดีๆกับเตียนอุยก่อนหน้านี้ เตียนอุยคงจะหนีไปนานแล้ว และแม้กระทั้งเขาอาจจะสังหารเย่เฉิน
“ เมืองหลุนฮุยไม่ได้บีบบังคับให้เจ้าเข้าร่วม แต่เมื่อเข้าร่วมเจ้าแล้วหากต้องการจากไปเจ้าไม่สามารถทำได้ ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเคยเป็นใครมาก่อนหรือเคยทำอะไรมาบ้าง ตราบใดที่เจ้าเข้าร่วมกับเมืองนี้แล้ว เจ้าจะเป็นคนของเมืองหลุนฮุยไม่ว่าเจ้าจะอยู่หรือตาย! “
เย่เฉินหยุดไปชั่วครู่ เขาหรี่ตาลงและจากนั้นก็พูดต่อ:
“ข้าเกลียดการทรยศที่สุด หากใครก็ตามที่ทรยศข้า ต่อให้โลกต้องดับสิ้นข้าก็จะไล่ล่าจนกว่ามันผู้นั้นจะตาย!”
เตียนฮุยตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เฉินพูด จากนั้นก็มองไปยังเย่เฉินด้วยสายตาแน่วแน่
ผ่านไปไม่นานเตียนฮุยก็เลิกจ้องมองเย่เฉิน จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง:
“ตันลิวเตียนฮุยขอคาระวะท่านลอร์ด!”
อธิบายเล็กน้อย เตียนฮุย เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก ชาวเมืองตันลิว เป็นองครักษ์คนสำคัญของโจโฉ เป็นคนรูปร่างใหญ่ ใช้ทวนคู่เป็นอาวุธ มีพลังแข็งแกร่ง