รอนามมาก จนฉันง่วงนอนเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้ แล้วรู้สึกว่ามีเสียงคนเดินออกมาจากข้างใน ฉันถึงจะพยายามนั่งขึ้นมาให้ตัวตรง ๆ
ผู้ชายสามคนที่เดินออกมาจากห้องประชุมมองมาที่ฉันพร้อม ๆ กัน คุณกวินยักคิ้วเล็กน้อย แม้มฝีปากที่บาง ๆ และหันหน้าไปคุยกับเฉินยี่ ไม่ทราบว่าเขาสองคนคุยอะไรกัน เห็นเฉินยี่มองหน้าฉัน แล้วก็เดินออกไป
อาธิปมองหน้าฉัน สายตาสื่อความหมายอย่างลึกล้ำ ฉันรู้สึกว่าเขาเหมือนจะมีอารมณ์โกรธกำลังจะระเบิดใส่ฉัน
พอนึกถึงเรื่องของคุณลู่ ฉันเลยรีบลุกขึ้นมา และอธิบายกับเขาว่า “คุณอาธิปคะ เรื่องที่ทำให้บริษัทเสียหายที่เกิดขึ้นสองวันนี้ ดิฉันยินยอมรับผิดชอบทั้งหมดค่ะ”
เขาขมวดคิ้วตา ไม่ได้พูดอะไรเลย แต่กลับเป็นเฉียวจิ่นเหยนคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อาธิปพูดขึ้นมาว่า “คุณดารัณนี่เก่งจังเลยนะครับ โครงการตั้งหลายร้อยล้าน คุณดารัณทำให้ผัวตัวเองต้องเสียหายไปหลายสิบร้านภายในสองวัน สุดยอดมากเลยฮะ”
พูดแบบนี้ ประชดชัด ๆ
ฉันมองหน้าอาธิป เห็นเขาหน้าบึ้ง ไม่พูดไม่จา แล้วฉันก็เหลือบมองดูเฉียวจิ่นเหยนแว้บนึง และพูดว่า “คุณเฉียวเป็นนายอำเภอเหรอคะ”
“พูเชะ” คุณกวินขำ เขาเอามือล้วงกระเป๋าสองข้าง จ้องตาดูเราสองคนแบบสานตาใส ๆ เหมือนเขาไม่เกี่ยวข้องด้วยเลย
เฉียวจิ่นเหยนเหลือบตามองคุณกวิน ทำหน้าบึ้ง และมองหน้าฉันบอกว่า “ดารัณ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร กล้ามาพูดแบบนี้กับผมฮะ”
ฉันขี้เกียจคุยกับเขาจริง ๆ เขาไม่ชอบขี้หน้าฉันอยู่แล้ว เขาคิดว่าฉันเป็นคนแย่งอาธิปจากนัชชา จึงไม่เคยพูดดีกับฉัน
ยังไงก็รู้จักกันมานานแล้ว ฉันก็ไม่เกรงใจเขาหรอก ฉันเลยย้อนปากไปว่า “คุณเฉียวนี่เป็นฮ่องเต้สามพันปีที่แล้วข้ามเวลามายุคนี้เหรอคะเนี่ย สงสัยคนที่มีสิทธิ์พูดคุยกับคุณเฉียวก็ต้องมีแต่พวกหุ่นทหารและม้าที่อยู่ในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้แล้วแหละค่ะ เพราะว่าพวกเขาอยู่ยุคเดียวกันกับคุณเฉียว จะคุยกันรู้เรื่องมากกว่าฉันเนอะ”
เฉียวจิ่นเหยนเข้าใจว่าฉันหมายถึงอะไร เขาโกรธจนหน้าแดงถึงลำคอ แล้วก็พูดอะไรมาไม่ไตร่คิดว่า “ถึงจะเป็นวิญญาณก็มีสิทธิ์สูงมากกว่าเธอ เธอเป็นผู้หญิงใจร้าย ขนาดลูกในท้องตัวเองก็ยังทำแท้งได้…”
“จิ่นเหยน!!!” คุณกวินหยุดเขาไว้ ขมวดคิ้วตาและบอกเฉียวจิ่นเหยนต่อว่า “อาธิปกับคุณดารัณยังมีธุระต้องคุยกัน ผมจองร้านอาหารไว้แล้ว เดี๋ยวเราไปรอเขาสองคนที่ร้านอาหาร”
คุณกวินหยุดพูดสักครู่ แล้วก็มองมาที่ฉันคุยกับฉันว่า “คุณดารัณก็ยังคงไม่ทันได้กินข้าวใช่ไหมครับ เดี๋ยวเสร็จธุระแล้วก็มากินข้าวด้วยกันนะครับ”
ฉันกำลังจะพูดปฏิเสธ แต่ก็ไม่ทัน คุณกวินพูดจบก็พาเฉียวจิ่นเหยนออกไปก่อนแล้ว
ในห้องออฟฟิศกว้างใหญ่นั้นก็เหลือแต่ฉันกับอาธิปสองคน ฉันไม่รู้ว่าเขาจะจัดการยังไงกับเรื่องคุณลู่ ฉันเลยเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “เรื่องของคุณลู่ ฉันพลาดเอง หลังจากทำแท้งมาแล้ว ฉันก็พักผ่อนอยู่แต่บ้าน มัวแต่เสียใจกับเรื่องลูก ก็เลยลืมเรื่องคุณลู่ไปเลย”
เห็นเขาหน้าบึ้ง ไม่พูดไม่จา ฉันเลยพูดต่อว่า “ฉันรู้ว่าครั้งนี้ ฉันทำให้บริษัทเสียหายไปเยอะ ฉันขอลาออกเองก็ได้ค่ะ”
“นี่อ่ะแหละ วิธีแก้ไขปัญหาของเธอ” เขาพูดขึ้นมาแบบกะทันหัน น้ำเสียงเย็นชา และจับจ้องหน้าฉันด้วยสายตาอย่างน่ากลัว
“อืม” ฉันวางแผนมาตั้งแต่แรกแล้ว มีข้ออ้างลาออก และก็ย้ายไปจากเมืองเจียงเฉิงโดยธรมชาติ
อาธิปยืนต่อหน้าฉัน ตัวสูง หุ่นร่างกายแข็งแรง และหัวเราะแบบเสียดชี เขาก็พูดต่อว่า “แท้งลูกไปแล้ว สัญญาหย่าก็เซ็นไปแล้ว ตอนนี้ยังจะมาลาออกจากงานอีก ดารัณ เธอวางแผนอะไรอยู่ฮะ”
ที่เขาพูดมานั้นทำให้ฉันสะดุ้งใจจนฝ่ามือมีเหงือออก และด้วยความกดดันของเขา ฉันเลยถอนหลังด้วยสัญชาตญาณของมนุษย์ ทันใดนั้น เขาก็มากอดเอวฉันแบบกะทันหัน และมองหน้าฉันถามว่า “คิดจะย้ายไปอยู่ที่ไหน”