“เปลี่ยนไปมาก “
เฟิงจิ้งหยวนพูดอย่างประชดประชัน “เธอคงไม่รู้สินะ ตั้งแต่เฟิงจิงเหยากลับมา เธอคนนี้ก็แสดงเก่งขึ้น เทียบเท่ากับรางวัลออสการ์ แสร้งจนคนอื่นหาข้อบกพร่องไม่เจอ “
ได้ยินเช่นนี้แล้ว หน้าของเฟิงจิ้งซูเต็มไปด้วยความสงสัย “มีเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยหรอ?”
คนแบบกู้ฉางซินเธอก็เข้าใจในไม่กี่นาที
คนแบบนี้จะอยู่ด้วยได้หรอ?
”จะโกหกเธอไปทำไม ตอนนี้ก็เหลือแต่จิงเหยาคนเดียว ถูกเธอครอบงำไว้ “
เฟิงจิ้งหยวนพูดอย่างหวังดี
เฟิงจิ้งซูขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น “จิงเหยาเด็กคนนี้มีความคิดของตัวเอง ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง”
“โธ่ คุณพี่สี่ไม่เชื่อล่ะสิ “
เฟิงจิ้งหยวนโกรธและมองไปที่กู้ฉางชิง “ปกติจิงเหยาเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ทำไมถึงไปหลงผู้หญิงคนนี้ ทั้งสมองว่างเปล่าแล้วหรือไง ตอนนี้ฉันอยากจะแงะหัวเขาดูจริงๆ ดูสิ้ว่าผู้หญิงคนนี้ฝังอะไรแย่ๆเข้าไป! “
ยิ่งพูดยิ่งหงุดหงิด เธอตอบ “ครั้งก่อนเพราะผู้หญิงคนนี้จิงเหยาก็เข้าใจผิดฉัน “
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ?”
เฟิงจิ้งซูพูดและหันไปทางคุณนายเฟิง “พี่สะใภ้ต้องดูให้ดี อย่าให้เธอคิดอะไรแผลงๆแบบที่เรียกว่าหมากัดคนโดยไม่ต้องเห่า “
คุณนายเฟิงนั่งฟังพวกเขาอยู่ข้างๆ มองกู้ฉางชิงด้วยความไม่พอใจ พูดอย่างเยือกเย็น “ระวังตัวให้ดีเถอะ! “
ทั้งสามคนต่างคนต่างพูด ไม่มีใครสังเกตว่าลู่ซือยวี่ก็นั่งอยู่ข้างๆ
กำลังชะเง้ยมองเฟิงจิงเหยาที่กำลังคุยโทรศัพท์
เห็นเฟิงจิงเหยากำลังเดินกลับมาจากสวนหลังบ้าน เธอก็ตื่นเต้นในใจ
วิ่งไปหาไม่กี่ก้าว อยากที่จะพูดคุยกับเฟิงจิงเหยา
เฟิงจิงเหยาวางสายโทรศัพท์ เห็นกู้ฉางชิงยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ก็รีบเดินไปหาทันที
ฝีเท้าที่เร่งรีบของลู่ซือยวี่ หยุดนิ่งกับพื้น เมื่อเห็นทั้งคู่ใต้ต้นไม้
ทั้งสองคนสวมเสื้อสีดำสีขาวเสื้อสูทกับกระโปรงเดรส รูปร่างสูงเพรียวโดดเด่น
กู้ฉางชิงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ไม่รู้ทั้งสองคนคุยอะไรกัน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เส้นผมปลิวพัดไปโดนหน้าเฟิงจิงเหยา เขาเลยยื่นมือไปถักผมไว้ที่ใบหูของเธอ บรรยากาศโรแมนติก
ลู่ซือยวี่ทนไม่ได้ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ดวงตาเศร้าหมองที่ปิดไม่มิด
ดูเหมือนพร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ
ทันใดนั้นเธอก็สะกิดตัวเอง ลู่ซือยวี่เห็นคุณนายเฟิงกำลังมองเธอด้วยความกังวล
“คุณน้าหมิง “ ลู่ซือยวี่พูดด้วยใบหน้ายิ้มจางๆ
“ไม่สบายหรือเปล่า?” คุณนายเฟิงใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและมองไปทางกู้ฉางชิง สีหน้าก็ไม่ดีนัก
ลู่ซือยวี่ส่ายหัว “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะคุณน้าหมิง”
พูดจบ พวกเขาก็เห็นเฟิงจิงเหยายื่นมือไปลูบหัวกู้ฉางชิง
“ปีศาจจิ้งจอก! “ คุณนายเฟิงพูดเคืองในใจ
“เธอลองคิดๆดู ฉันเข้าไปดูคุณปู่เขาข้างในก่อน”
เฟิงจิงเหยายกมือดูนาฬิกา “เธอเองก็อย่าอยู่ข้างนอกนานนักนะ “
กู้ฉางชิงพยักหน้าและโบกมือให้เขา “อืม ไปเถอะ”
เฟิงจิงเหยาพยักหน้าเบาๆและเดินเข้าบ้านไป
หันไปก็เห็นคุณชายเฟิงกับนานท่านเฟิงนั่งอยู่ริมหน้าต่าง
“ผิดแล้วผิดแล้ว หมากแบบนี้จะลงได้อย่างไร? แกยังอยากจะกลับมาเดินหมากใหม่อีกหรอ? “
“ไม่กล้าหรอกพ่อ ถ้าอย่างนั้นให้เฟิงจิงเหยามาเล่นเกมถัดไปกับท่านดีกว่า ฝีมือของเขาดีกว่า”
เหงื่อของคุณชายเฟิงแตกพลั้ก เมื่อเขาเห็นเฟิงจิงเหยาราวกับเห็นฮีโร่ช่วยชีวิต “จิงเหยามานี่หน่อย มาเล่นกับปู่แกสองสามเกม”
นายท่านตื่นเต้นมากเห็นหลานชาย อดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “พ่อแกนี่ใช้ไม่ได้เลย”
เฟิงจิงเหยาหัวเราะ “ฉันเล่นกับท่านเอง!”
“มาเร็วๆ “ นายท่านเฟิงเร่ง “ เอาหมากดำหรือขาว?”
“ดำ!”
เฟิงจิงเหยายื่นมือไปในตะกร้าหมากรุก มองแล้วมองอีกก็หยิบหมากรุกมาวางบนกระดาน
นายท่านเฟิงพยักหน้าและใบหน้ากำลังครุ่นคิด
ผู้ชายเล่นหมากรุกอยู่ในบ้าน ผู้หญิงนั่งคุยกันอยู่ในสวน ดูแล้วกลมกลืนเข้ากันมาก
กู้ฉางชิงวางมือไว้ที่คาง กำลังคิดอย่างละเอียดเรื่องที่เฟิงจิงเหยาบอกเธอเมื่อกี้
บริษัทที่ก่อตั้งใหม่เสร็จแล้ว อาทิตย์หน้าเธอก็เข้าร่วมได้แล้ว เป็นส่วนนึงของเฟิงซื่อกรุ๊ป
คิดถึงตรงนี้ กู้ฉางฉิงก็อยากลองทำดู
เป็นการทำงานครั้งแรกของเธอ เฟิงจิงเหยาได้แนะนำเธอไปไม่น้อย
โดยเฉพาะควรนำภาพงานออกแบบไปด้วย
กู้ฉางชิงไม่ได้มีปัญหาอะไรกับข้อนี้ อยากอยู่ในบริษัทใหญ่ของเฟิงซื่อ ไม่มีฝีมือหน่อยจะได้ยังไง
พูดแล้วก็นี่เป็นเวลาพัฒนาฝีมือเพื่อเป็นรากฐานอาชีพในอนาคต จะประมาทไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกของกู้ฉางชิงที่เข้าทำงานในบริษัทอย่างเป็นทางการ ในใจเต็มไปด้วยความปรารถนา
กำลังคิดอย่างเคลิบเคลิ้ม ก็ได้ยินเสียง”ตุ๋ม”ราวกับว่ามีของบางอย่างตกลงไปในน้ำ
กู้ฉางชิงเดินตามเสียงนั้นไป ก็เห็นลูกสาวของเฟิงจิ้งหยวนเป้ยเป้ยยืนอยู่ข้างบ่อน้ำ ดูท่าทางกังวลมาก
ลูกหมาบนฝั่งได้หายไปตัวนึง ปรากฏว่าตกลงไปในน้ำ กำลังร้องคร่ำครวญ
กู้ฉางชิงขมวดคิ้ว
บ่อน้ำนี้เป็นบ่อน้ำที่ใหญ่มากแถมข้างในบ่อยังเลี้ยงปลาทองสายพันธ์ต่างๆมากมาย
เมื่อนายท่านเฟิงมีเวลาว่าง ชอบมาให้อาหารปลาที่นี่
ถึงแม้ว่าบ่อน้ำจะไม่ลึกมาก แต่ถ้าเทียบกับเด็กอายุ5ขวบแล้วก็ถือว่าอันตรายมาก
กู้ฉางชิงเลิกขมวดคิ้วและมองไปข้างๆ เฟิงจิ้งซูกับคุณนายเฟิงกำลังคุยกัน ในขณะที่คุยกันก็ให้อาหารปลาไปด้วย
เห็นได้ชัดใครก็ไม่ได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกันทางนั้น
เป้ยเป้ยพยายามที่จะยื่นมือลงไปในบ่อน้ำเพื่อช่วยลูกหมาตัวนั้น
ลูกหมาที่ตกลงไปในน้ำเป็นที่รักของเฟิงจิ้งหยวน แค่คิดก็รู้แล้วว่าคุณน้าต้องโมโหเธอแน่ๆ เป้ยเป้ยกลัวมาก
แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามยังไง ก็ทำได้แค่มองลูกหมาตัวนั้นยิ่งอยู่ยิ่งลอยไปไกล
กู้ฉางชิงเลิกขมวดคิ้วและเดินไปหาเธอ
เห็นคนเดินมา เป้ยเป้ยน้ำตาคลอและพูดว่า “ลูกหมาตกลงไปในน้ำแล้ว “
กู้ฉางชิงมองไปตามมือที่เธอชี้ ก็เห็นหมาตัวสีขาวกำลังดิ้นรนอยู่ในน้ำ
เฟิงจิ้งหยวนเลี้ยงมันจนตัวอ้วนๆขาวๆ เลี้ยงดีกินแพงกว่าคน มันว่าน้ำไม่เป็นกำลังเห่าอย่างคร่ำครวญ
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะไปจับให้เธอเอง” กู้ฉางชิงลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ
พูดเสร็จเธอก็ก้มตัวลงไปจับลูกหมาสีขาว เป้ยเป้ยเฝ้ามองอยู่ข้างๆตาไม่กระพริบ
ลูกหมาดิ้นอยู่สักพัก ก็ลอยออกไปไกลกว่าเดิม
กู้ฉางชิงยื่นแขนออกไปสุดๆ แต่ก็ไม่สามารถเอื้อมถึงได้
ในใจก็เริ่มกังวลเล็กน้อย
เด็กสาวก็ไม่หยุดก้มทำท่าทียื่นมือยื่นตัวลงไป
คนสองคนอยู่ในสายตาของคนอื่นดูเหมือนจะไม่เข้ากันมากนัก
เฟิงจิ้งซูหันไปเห็น ตกใจทันทีและตะโกนเสียงดังว่า “พวกเธอกำลังทำอะไรกัน? “
เสียงของเธอ ทำให้เป้ยเป้ยตกใจ
ร่างกายของเด็กอ่อนไหวไม่มั่นคงอยู่แล้ว ยิ่งเสียงดังตกใจทำให้ตกลงไปในบ่อน้ำ
กู้ฉางชิงรีบคว้าเธอไว้
แต่ใครจะรู้มือที่เปียกน้ำไม่สามารถคว้าเด็กน้อยไว้ทัน