สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 80 วันนี้เรื่องนี้ไม่จบ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ลู่ซือหยี่พูดจบ ก็กลัวว่ากู้ฉางชิงจะสงสัย ยังเบี่ยงเบนไปที่คุณนายเฟิง พูดต่อว่า : “เดิมทีฉันก็หาไม่เจอ เพียงสาวใช้โง่ๆของคุณนี่ โขมยของแต่ไม่รู้จักซ่อนให้ดี มำให้คุณน้าหมิงมาเจอเข้า”

กู้ฉางชิงได้ยินว่าเรื่องนี้คุณนายเฟิงเป็นคนเจอ ก็รู้ได้เลยว่าเป็นเรื่องร้ายแรง

โขมย โขมยแล้วถูกจับได้ อีกทั้งยังถูกคุณนายเฟิงจับได้ เธอจะยอมยุติลงได้อย่างไร

ใบหน้าเธอมืดมนลง มองไปทางคุณนายเฟิง

“แม่ เรื่องวันนี้ ฉันจะมอบหมายให้ท่าน”

พูดจบ เธอก็หันไปมองเหอหลิน พูดตำหนิว่า : “บอกแล้วใช่ไหม ไม่จำเป็นอย่าขึ้นไปชั้นบน? ทำไมยังขึ้นไปอีก?”

เหอหลินได้ยินคำดุนี้ ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกน้อยใจ

“คุณหนู ฉันไม่เคยขึ้นไปเลย มีคนใช้ในบ้านหลักนี้ บอกว่าต้องการยกเครื่องดื่มไปให้คุณลู่ แต่ปวดท้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน เวลานั้นมีฉันอยู่ในห้องรับแขกพียงคนเดียว เธอรีบร้อนมาก ก็บอกว่าให้ฉันเอาขึ้นไปส่ง”

“ดังนั้นคุณก็ขึ้นไปหรอ?”

กู้ฉางชิงถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

เหอหลินหดไหล่กลับ เม้มปากพูด : “ทีแรกฉันปฏิเสธไป เด็กคนรับใช้คนนั้นดูเหมือนเป็นทุกข์มากจริงๆ ฉัน……เวลานั้นฉันก็ไม่ได้คิดมาก ก็แค่อยากช่วยเธอ ดังนั้นจึงยกขึ้นไป”

กู้ฉางชืงได้ฟังถึงตรงนี้ ชัดเจนว่ารู้สึกได้ถึงความผิดปกติในนั้น

บ้านหลักใหญ่ขนาดนี้ ทำไมห้องรับแขกถึงมีเธอเพียงคนเดียว ไม่มีคนรับใช้คนอื่น

เหอหลินไม่รู้ว่าในใจเธอคิดอะไร เห็นเธอไม่พูดจา จึงอธิบายอย่างร้อนรนใจอีกครั้ง : “คุณหนู ที่ฉันพูดเป็นความจริง ฉันไม่ได้โขมยของจริงๆ หลังจากยกเครื่องดื่มขึ้นไปก็ออกมาเลยทันที ใครจะรู้ว่าคุณลู่จะบอกว่าฉันโขมยของ”

เธอพูดจบ ก็ดึงกู้ฉางชิงไว้แน่น สะอื้นไห้พูดว่า : “คุณหนู คุณต้องเชื่อฉันนะ ฉันไม่ได้โขมยจริงๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าสร้อยข้อมือมาอยู่ที่ตัวเองได้อย่างไร”

กู้ฉางชิงมองเธอ ชั่วขณะก็ปวดหัวเล็กน้อย

เธอไม่สามารถพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้จริงๆ อีกทั้งไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าเหอหลินไม่ได้โขมยของ ก็คือคนนี้ เธอไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก

ขโมยไม่โขมย เธอไม่รู้จะตัดสินชี้ขาดได้อย่างไร

อีกอย่าง เรื่องนี้ก็ไม่สามารถตัดออกได้ว่ามีคนจงใจใส่ร้าย

เธอคิดอย่างนี้ แต่คิดว่าอย่างหลังมีโอกาสมากกว่า

ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ว่าลู่ซือหยี่จะไม่เคยทำเรื่องอย่างนี้ นอกจากนี้เหอหลินก็ดูไร้เดียงสา ไม่เหมือนคนที่จะกล้าโขมยแบบนั้น

แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความคิดส่วนตัวของเธอ ต้องการจัดการเรื่องนี้ ขณะนี้เธอจำเป็นต้องมีหลักฐาน

เธอมองไปรอบๆ ฉับพลันก็จ้องมองไปที่กล้องวงจรปิดที่มุมกำแพง หรี่ตาแล้วพูดว่า : “ฉันเห็นว่าในบ้านมีกล้องวงจรปิด ทำไมเราไม่ตรวจสอบก่อน แล้วค่อยตัดสินชี้ขาดอีกที?”

ใครจะรู้ว่าเพิ่งพูดจบ ก็ถูกคุณนายเฟิงพูดตัดบทว่า : “เรื่องเหล่านี้ตรวจสอบก่อนแล้ว เป็นเธอขึ้นชั้นบนไปส่งเครื่องดื่ม แต่ว่าหลังจากเข้าไปในห้อง ก็ไม่มีกล้องวงจรปิดแล้ว แม้ว่าจริงๆเธอจะออกมาเร็วมาก แต่เวลานั้นที่เข้าไปในห้องซือหยี่ ก็มีแค่เธอ สร้อยข้อมือต้องเป็นเธอที่โขมยอย่างแน่นอน”

พูดถึงตรงนี้ ดูเหมือนความอดทนเธอจะหมดไป พูดรวบรัดอย่างหงุดหงิดว่า : “ตอนนี้หลักฐานเพียงพอแล้ว คุณควรจะมอบหมายให้กับฉันไม่ใช่หรอ จะได้ไม่แพร่ออกไป ถูกคนว่าว่าคานบนไม่ตรงคานล่างย่อมบิดเบี้ยวตาม”

กู้ฉางชิงได้ฟังคำพูดนี้ ฉับพลันรู้สึกไม่สบายใจ

เธอขมวดคิ้วถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “ไม่ทราบว่าคำพูดนี้แม่เริ่มขึ้นจากที่ไหน?”

คุณนายเฟิงหัวเราะเยาะ

“ไม่นับเริ่มจากใจคุณหรอ? คุณขโมยแบบแผนการออกแบบในบริษัทเมื่อสองสามวันก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะซือหยี่หรอที่ช่วยคุณกลับไปด้วยดี คิดว่าฉันไม่รู้จริงๆหรอ?”

เธอพูดจบ สายตาดูถูก : “โชคดีที่คนของบริษัทไม่รู้ฐานะของคุณ ไม่อย่างนั้นตระกูลเฟิงก็เสียหน้าไปแล้ว คุณนี่ดีนะ อยู่บ้านก็เป็นเหมือนเดิม ไม่รู้จริงๆว่าในตอนนั้นคุณพ่อให้เธอแต่งงานเข้ามาอย่างนี้ได้อย่างไร!”

กู้ฉางชืงถูกเธอพูดจาถากถาง

เธอมองไปที่ลู่ซือหยี่ด้วยแววตาเคร่งขรึม พูกเย้ยหยันว่า : “คุณลู่ฝีมือเรื่องบิดเบือนข้อเท็จจริงนี่ ยังดีขึ้นทุกวันจริงๆ”

ทำไมลู่ซือหยี่จะฟังคำพูดเยาะเย้ยของเธอไม่ออก สีหน้าก็โกรธทันที

ที่จริงแล้วเรื่องนี้มันเป็นยังไง พวกเธอทั้งสองรู้อยู่แก่ใจ

ทันที ในตาของเธอก็ปรากฎความสับสนวุ่นวาย

เพียงแต่เมื่อเธอกวาดสายตาไปที่น้าหมิงที่อยู่ข้างๆ เธอก็สงบลงมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ตั้งหลังตรง เงยคางขึ้นแล้วกล่าวอย่างเยือเย็นว่า: “ตอนนี้ที่พวกเราพูดคือเรื่องของขโมย ยังหวังว่าพี่สะใภ้จะสามารถให้คำชี้แจงกับฉันได้สักคำ”

กู้ฉางชิงมองเธอพูดเรื่องนั้นของสำนักงานอย่างหลีกเลี่ยงข้อเท็จจริง ในสายตามีแสงอันเยือกเย็นรวมตัวกัน

“ฉันชี้แจ้งให้คุณฟังก็ได้”

เธอตอบรับด้สยเสียงเคร่งขรึม ไม่นานหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยน กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด: “แต่เรื่องนี้ก็ไม่สามารจะชี้ขาดได้ว่าเหอหลินขโมยไป”

ลู่ซือหยี่ฟังคำพูดนี้ ก็ต้องการที่จะโต้แย้งโดยจิตสำนึก

แต่ถูกกู้ฉางชิงชิงตัดบทไปเสียก่อน

“น้องซือหยี่อย่าเพิ่งรีบโต้แย้ง ฟังฉันพูดให้จบก่อน”

ลู่ซือหยี่กัดฟัน ทำได้เพียงแสดงเจตนาให้เธอพูดต่อไป

“ก่อนอื่น เรื่องนี้เป็นเพราะคนรับใช้ทางด้านบ้านหลักนี้ให้หลินเหอไปส่งของให้ จึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ และเวลานั้นหลินเหอก็แสดงการปฏิเสธอย่างชัดเจน แต่คนใช้บ้านหลักก็บังคับยัดของให้กับเธอ นี่ก็กลายเป็นความสนุกสนาเล็กน้อย”

กู้ฉางชิงพูดพลาง ก็กวาดสานตามองไปยังคุณนายเฟิงและลู่ซือหยี่ ไม่นานก็ยิ้มมุมปากขึ้นแปลกๆแล้วกล่าวต่อว่า: “ฉันจำได้ว่าสองสามวันก่อน แม่ก็เคยบอกไว้ว่า ไม่ได้รับอนุญาต ไม่สามารถขึ้นชั้นบนได้ ตอนนี้เหตุการณ์นี้ ถือว่าคนรับใช้ทางด้านบ้านหลักนี้ฝ่าฝืนกฎระเบียบ จะสั่งสอนคนที่อยู่ข้างฉัน ควรจะสั่งสอนคนรับใช้คนนั้นก่อนหรือไม่?”

คุณนายเฟิงและลู่ซือหยี่ต่างไม่คาดคิดว่ากู้ฉางชิงจะฟันคมปากคล่องเช่นนี้

คนทั้งสองถูกพูดจนไร้ปัญญาโต้แย้ง

โดยเฉพาะคุณนายเฟิง เดือดดาลยิ่งขึ้น

“ต่อต้านจริงๆ กู้ฉางซิน นี่คือคุณตำหนิชี้นิ้วสั่งสอนฉันหรอ?”

ลู่ซือหยี่เห็นคุณนายเฟิงโมโห ก็รีบปลอบโยนอยู่ข้างๆ แต่ก็ใส่ร้ายกู้ฉางชิงทุกสิ่งทุกอย่าง

“พี่สะใภ้ ดูสิคุณทำให้คุณน้าหมิงโกรธจนกลายเป็นยังไง เดิมทีเรื่องนี้ก็คือปัญหาของคนของคุณ ทำไมพี่สะใภ้ถึงมาตำหนิคุณน้าหมิงได้ล่ะ?”

คุณนายเฟิงฟังแล้ว ก็ยิ่งจ้องมองกู้ฉางชิงอย่างยากที่จะระงับความโกรธ ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า: “ฉันมองเห็นชัดเจนว่าเธอต้องการปกปิดคนทำผิด ปฏิเสธความรับผิดชอบ กู้ฉางซิน ฉันจะบอกคุณให้ ถ้าคุณไม่ให้คำตอบที่ทำให้ฉันพอใจ วันนี้เรื่องนี้ไม่จบ!”

ลู่ซือหยี่ได้ฟังคำพูดนี้ มองไปยังกู้ฉางชิงอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

กู้ฉางชิงสังเกตเห็นสีหน้าของเธอ ในสายตาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะเมื่อไรล้วนไม่ลืมสร้างสถานการณ์ความยุ่งยากให้เธอจริงๆ

เธอส่งสายตาอันโหดเหี้ยมไปยังลู่ซือหยี่ แล้วจึงเม้มปากแล้วกล่าวกับคุณนายเฟิงว่า: “แม่ ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย ฉันเพียงว่ากันไปตามสถานการณ์ คุณวางใจเถอะ เรื่องนี้ฉันสามารถให้คำชี้แจ้งที่คุณพอใจได้อย่างแน่นอน”

คุณนายเฟิงร้องเชอะไม่พูดจา

กู้ฉางชิงเห็นอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ใส่ใจ กวาดสายตามองลู่ซือหยี่ หรี่ตาแล้วกล่าวว่า: “น้องซือหยี่ ถึงแม้ว่าของที่ปรากฎออกมาจะอยู่ที่ตัวหลินเหอ แต่ใครจะรู้ว่าด้านในนี้เป็นการโยนความผิดให้คนอื่นหรือเปล่า คุณว่าจริงไหม?”

ลู่ซือกยี่ฟังคำพูดนี้แล้ว ก็ทำสีหน้าท่าทางกลัว

เธอรู้ว่านี่คือกู้ฉางชิงเตือนสติเธอเรื่องต้นฉบับการออกแบบ ในสายตาโกรธเดือดดาล

เธอหันสายตากลับไปยังกู้ฉางชิง แสร้งทำเป็นกล่าวอ่อนหวานว่า: “พี่สะใภ้นี้หมายความว่าอะไรกัน? คุณสงสัยว่าคุณน้าหมิงยัดของให้จริงๆหรอ…..”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท