คุณนายเฟิงทนไม่ได้และต่อว่าออกมา: “แล้วมีความหมายอะไร? ลู่ซือยวี่ถูกลูกชายแกเชิญกลับบ้านแล้ว เขาไม่โกรธเคืองเราก็ดีแค่ไหนแล้ว”
เฟิงซู่ได้ยินเช่นนี้มองไปที่ใบหน้าไม่พอใจของเธอและรับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แววตาไม่เห็นด้วย
“ฉันคิดว่าจิงเหยาทำแบบนี้ก็ไม่ผิด หลายปีมานี้ซือยวี่ก็มาอาศัยอยู่บ้านแบบไม่มีฐานะ ในสายตาคนอื่นเป็นแค่แขก คนอื่นจะคิดยังไงพวกเราเองก็รู้อยู่แก่ใจ มันไม่ดีต่อชื่อเสียงเธอเลย”
คุณนายเฟิงยังคงไม่พอใจ
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนึกถึงถ้าได้ปองดองกับบ้านลู่ป่านนี้ก็คงพลอยได้ประโยชน์ไปด้วยแล้วก็ทำให้สายตายิ่งขุ่นเคืองมากขึ้น
เธอทนไม่ไหวและบ่นออกมา: “พูดจริงๆ ถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่านายท่านคิดยังไง ก่อนหน้านี้ซือยวี่ก็เป็นตัวเลือกภรรยาที่ดีที่สุดอยู่แล้ว ฐานะดี ตระกูลก็ดี ต่อมายังเป็นผู้ช่วยที่ดีของจิงเหยา ไม่รู้ว่าปีก่อนไปทำข้อตกลงอะไรไว้ให้จิงเหยาต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงไร้ค่าและหวังแต่ผลประโยชน์แบบนี้”
เฟิงซู่ได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วทนไม่ได้และต่อว่า
“พ่อมุ่งมั่นจะทำอะไรเธอเองก็ไม่ใช่ไม่รู้ ต่อไปนี้คกพูดพวกนี้อย่าพูดอีก เดี๋ยวก็ไปถึงหูพ่อทางนุ้น”
เขาเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม คุณนายเฟิงที่ไม่พอใจแค่ไหนก็ทำได้แค่เก็บไว้
……
เช้าวันรุ่งขึ้น กู้ฉางชิงก็ได้รับข่าวการเลื่อนขั้นของตระกูลลู่ทำให้เธองุนงงไปชั่วขณะ
ห้ะ ไล่เธอออกจากบ้านปุ้บพ่อของเธอก็รุ่งทันที
ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วคนอื่นจะต่อว่าเธออย่างไร
เรื่องพวกนี้ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ
คิดเช่นนี้เธอก็รู้สึกปวดหัวและขมวดคิ้ว
เดิมทีเธอมาที่บ้านตระกูลเฟิงเพื่ออยากมามีบทบาทที่ดีไว้ แต่ใครจะรู้ว่าปัญหานี้ยังไม่ทันจบก็มีปัญหาใหม่มาในเวลาเดียวกัน
ในตอนนี้เธอทำได้แก้ไขไปทีละขั้น
หวังว่าปัญหาความวุ่นวายอย่ามาไวขนาดนั้นเลย
ในใจเธอคิดแบบนี้ แต่ว่าในความคิดกลับคิดตรงข้ามกัน
เนื่องจากตระกูลลู่ได้เลื่อนขั้นจึงจะจัดงานฉลอง
ถึงแม้ว่าตำแหน่งพวกเขาจะสูงขึ้น แต่เมื่อทำการเรื่องใดก็ยังต้องการความเป็นส่วนตัว
อีกอย่างคุณพ่อลู่เคยทำงานที่กังนัมและตอนนี้ก็อยู่ที่เกียวโตแถมยังเป็นพนักงานใหม่ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็เป็นที่จับตามอง เพราะเช่นนี้ก็คงไม่จัดงานฉลองใหญ่โต แค่ชวนเพื่อนสนิทญาติพี่น้องมาพบปะฉลองยินดีเล็กๆกันในบ้าน
ข่าวนี้กู้ฉางชิงได้ยินผู้ดูแลบ้านพูดขึ้นมาอีกในตอนกลางคืน
เพราะว่าตระกูลลู่ก็ได้ชวนตระกูลเฟิงไปทานข้าวที่บ้านทั้งครอบครัว
ตอนแรกเธอคิดว่าไม่เกี่ยวกับเธอแต่อย่างใด
แน่นอนว่าลู่ซือยวี่ไม่พอใจเธออย่างมากและคนในบ้านใหญ่ก็ไม่มีใครมาแจ้งอะไรเธอ เมื่อถึงเวลาค่ำเธอก็ดูแลตัวเองอยู่บ้านและให้ผู้ดูแลบ้านเตรียมอาหาร
ในขณะที่เธอกำลังจะทานอาหาร เฟิงจิงเหยาก็มาพอดี
“ไม่ใช่ไปทานมื้อค่ำที่บ้านตระกูลลู่หรอ?”
เขาจ้องมองไปที่กู้ฉางชิงขมวดคิ้วและถาม
กู้ฉางชิงตะลึง ตั้งสติและตอบว่า: “ไม่มีใครแจ้งอะไรฉันเลย ฉันคิดว่าฉันไม่ได้อยู่ในรายชื่อแขกรับเชิญของบ้านตระกูลเฟิง”
เธอพูดอย่างแนบเนียน เฟิงจิงเหยาได้ยินต่างออกไป
เขาขมวดคิ้วและคาดเดาได้ว่านี่เป็นฝีมือแม่แน่ๆ
“เธอเป็นภรรยาของฉัน เป็นคนในบ้านคนหนึ่งของตระกูลเฟิง แน่นอนก็ควรอยู่ที่นั่นด้วย”
เขาอ้าปากพูดอย่างเคร่งขรึม กู้ฉางชิงที่ฟังอยู่ก็ตกใจใจสั่นแต่ไม่ได้สนใจอะไร
เพราะว่าเธอกำลังให้ความสนใจกับอีกเรื่องอยู่
ถ้าหากเธอตามไปด้วยรู้สึกได้ว่าอยู่ดีๆก็ถูกหาเรื่องแน่นอน
แต่ในตอนนี้เธอเองก็ไม่มีข้ออ้างอะไร ทำได้แค่เมื่อถึงเวลาก็ดูสถานการณ์เอาละกัน
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เธอก็ขึ้นไปแต่งตัวอย่างเรียบง่าย
กระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนสไตล์เรียบง่าย แต่งหน้าสวยหรู ไม่หวือหวาเกินไป
ในงานเลี้ยงฉลองไม่ได้มีแค่บ้านตระกูลเฟิงของพวกเขา
ส่วนเฟิงจิงเหยาก็ยังคงเป็นชุดสูทดูดีไม่เปลี่ยน
ทั้งสองคนแต่งตัวเรียบง่าย กำลังจะไปบ้านหลักเพื่อที่จะออกเดินทางไปพร้อมคุณนายเฟิง
ในห้องนั่งเล่นขณะที่คุณนายเฟิงกับเฟิงจิ้งหยวนกำลังพูดคุยหยอกล้อกัน ทันทีที่เห็นกู้ฉางชิง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็เปลี่ยนไป
โดยเฉพาะเฟิงจิ้งหยวนมีอาการทันทีและถามว่า: “กู้ฉางซิน แกมาทำไม?”
กู้ฉางชิงไม่ได้ตอบแต่มองไปที่เฟิงจิงเหยา
เฟิงจิงเหยามองเธอและขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“คุณป้าเล็ก ฉางซินจะไปบ้านลู่กับพวกเราด้วย ทำไม เธอไปไม่ได้หรอครับ?”
เสียงคำสุดท้ายมีน้ำเสียงประชดประชันเล็กน้อย ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดและอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“แกยังมีหน้าจะไปได้ยังไง แก……”
เฟิงจิ้งหยวนกำลังจะต่อว่าเรื่องที่กู้ฉางชิงไล่ลู่ซือยวี่แต่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกคุณนายเฟิงขัดจังหวะเอาไว้
“พอเถอะ จิ้งหยวนในเมื่อจิงเหยาจะพาเธอไปด้วยก็ให้พาไป มีจิงเหยาคอยดูอยู่ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
คุณนายเฟิงไม่อยากทะเลาะกับลูกชายเพราะเรื่องนี้อีก
เธอรู้ดีในใจ ถ้ายิ่งทะเลาะกับจิงเหยาเพราะเรื่องนี้ จิงเหยาจะยิ่งเข้าข้างนังผู้หญิงคนนั้น
ต่อมาเธอไม่ไล่กู้ฉางชิงกลับ แถมยังทำให้ความสัมพันธ์แม่ลูกดีกัน
คิดแบบนี้แล้ว เธอก็เปลี่ยนจากน้ำเสียงแข็งกร้าวและพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย: “จำไว้ไปถึงบ้านลู่แล้วระวังพฤติกรรมอย่าให้ตระกูลเฟิงต้องขายหน้า ต่อให้จิงเหยาจะช่วยแก ฉันก็ไม่ปล่อยแกไว้แน่”
กู้ฉางชิงได้ยินคำพูดเสแสร้งของเธอเช่นนี้ก็หัวเราะในใจ
แค่เกรงว่าเมื่อถึงเวลาแล้วไม่ใช่เรื่องของเธอ แต่พวกเขาก็จะยัดเยียดให้เป็นความผิดเธอ
เธอพึมพำในใจ ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกออกมาและเธอพยักหน้าเพื่อแสดงออกว่ารับรู้แล้ว
เช่นนี้แล้วทั้งครอบครัวก็ออกเดินทางไปบ้านลู่
เมื่อถึงบ้านตระกูลลู่ ทั้งบ้านสว่างไสวตกแต่งสวยงามสไตล์ยุโรป ถึงแม้ว่าตระกูลเฟิงจะไม่มีรากฐานความเป็นยุโรป แต่ก็มีสไตล์เข้ากับงานได้
เมื่อครอบครัวเฟิงมาถึง สามีภรรยาตระกูลลู่และลู่ซือยวี่ก็ยืนต้อนรับอยู่หน้าประตู
“นายท่านเฟิง คุณนายเฟิง”
บ้านลู่เมื่อเห็นผู้คนก็รีบทักทาย
ลู่ซือยวี่ที่อยู่ข้างหลัง ก็ทักทายอย่างมีมารยาท
เฟิงซู่กับคุณนายเฟิงเมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นของพวกเขา ในใจโล่งและปล่อยความกังวลทั้งหมดออกไป
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องที่ซือยวี่กลับมา จากนั้นผู้ใหญ่ของทั้งสองบ้านก็คุยกัน
ลู่ซือยวี่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่หยุดที่หันไปมองข้างหลัง
เธอรู้ว่าวันนี้พี่จิงเหยาต้องมา แต่งตัวตั้งแต่ตอนเย็นเพื่อให้พี่จิงเหยาเห็นเธอแวบแรกต้องตกตะลึงเพราะเธอ
หลังจากเหตุการณ์ที่แล้ว ในใจเธอก็ยังไม่พอใจ
เธอไม่เชื่อว่าตัวเองสู้กู้ฉางชิงผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้!
ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านมองเธอด้วยสายตาเอ็นดูไม่ได้ตัดสินอะไรเธอ
ผ่านไปไม่นาน เฟิงจิงเหยากับกู้ฉางชิงที่ตามมาทีหลังก็มาถึง
เฟิงจิงเหยาลงจากรถก่อน
ลู่ซือยวี่เห็นเขาปุ้บ รีบก้าวไปหาด้วยความดีใจแต่หลังจากก้าวไปแล้วรู้สึกชาไปทั้งตัว
เมื่อเฟิงจิงเหยาลงจากรถเขาไม่ได้เข้ามาทันที แต่กลับเดินไปอีกฝั่งของรถเพื่อเปิดประตูให้กู้ฉางชิงและเชิญเธอลงจากรถ
ลู่ซือยวี่จ้องมองที่กู้ฉางชิง สีหน้าเปลี่ยนไป
เธอไม่คิดว่ากู้ฉางชิงคนแบบนี้ยังจะกล้ามาอีก!
ทันใดนั้นไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จากใบหน้าที่บึ้งตึงรีบเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและพูดว่า: “พี่จิงเหยามาแล้วหรอคะ พวกเรารอพี่มานานแล้ว”
เธอเดินไปล้อมรอบเฟิงจิงเหยาหันไปซ้ายก็พี่จิงเหยาหันขวาก็พี่จิงเหยา
จากนั้นก็หันไปมองกู้ฉางชิงเสแสร้งพูดขอโทษ: “ฉางซิน ขอโทษด้วยนะเมื่อกี้ลืมทักทายเธอเลย คงเพราะว่าไม่ได้เจอพี่จิงเหยามานาน รู้สึกตื่นเต้นมากไปหน่อย”