กู้หงเซินมองหมายเลขโทรศัพท์ที่แสดงบนหน้าจอ เดิมทีใบหน้าที่เคร่งขรึมเย็นชาก็อ่อนโยนลงมาชั่วพริบตา ดูเมตตาเอ็นดูอย่างไม่มีอะไรเปรียบเทียบได้
“ลูกสาว ในที่สุดก็โทรมาหาพ่อแล้ว”
ใช่แล้ว ที่โทรเข้ามาคือกู้ฉางซิน
จากท่าทีนี้ กู้หงเซินสามารถมองออกถึงความแตกต่างกันราวฟ้ากับดินของลูกสาวทั้งสองได้
“เชอะ ถ้าฉันไม่โทรมาหาคุณอีก คุณคงจะเอาบริษัทยกให้คนอื่นไปแล้วใช่ไหม?”
ในสาย กู้ฉางซินซักถามด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียน
“เป็นไปได้ยังไงกัน?”
กู้หงเซินพูดกับลูกสาวราวกับเป็นทาสของเธอ
“ลูกสาว คุณไปฟังข่าวซุบซิบอะไรมาใช่ไหม พ่อจะยกของของคุณให้คนอื่นตามอำเภอใจได้ยังไงกัน”
กู้ฉางชิงถอนหายใจอย่างเย็นชา: “ยังจะพูดว่าไม่มีอีก ฉันได้ยินมาว่าโครงการภายในบริษัทไม่น้อยที่ถูกเฟิงซื่อชิงดอาไป ความคิดนี้ยังเป็นของกู้ฉางฉิงหญิงชั่วคนนั้นด้วย
เธอพูดจบ ใบหน้าก็โกรธแค้น: “พ่อ ทำไมคุณถึงปล่อยให้หญิงชั่วคนนั้นมาทำแบบนี้ได้ห๊ะ!”
กู้หงเซินฟังถึงคำพูดนี้ ก็รู้ว่าเรื่องที่กู้ฉางซินพูดคือเรื่องอะไร
“ลูกสาว คุณใจเย็นก่อน ฟังพ่ออธิบายให้คุณฟัง ดีไหม?”
เขาปลอบโยน มีน้ำอดน้ำทนอย่างน่าประหลาดใจ
หากกู้ฉางฉิงอยู่ที่นี่ล่ะก็ เกรงว่าจะเข้าใจผิดว่าเขาถูกผีสิง
ถึงแม้ว่ากู้ฉางซินที่อยู่ในสายจะไม่พอใจ เพียงแต่พอถูกเขาปลอบโยน ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “เอาเถอะ ฉันจะให้โอกาสคุณอธิบาย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?”
กู้หงเซินเห็นเช่นนี้แล้ว จึงรีบนำเรื่องของบริษัทที่โดนชิงไปเล่าออกมา
สุดท้ายก็ยังไม่ลืมที่จะใส่ร้ายป้ายสี
“จะพูดก็คือหญิงชั่วคนนั้นไม่สามารถหว่านล้อมคนได้ และไม่มีทางปราบเฟิงจิงเหยาให้อยู่มือได้”
เขาพูดถึงตรงนี้ก็หยุดไปชั่วขณะ คล้ายกับนึกถึงอะไรได้ ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “ถึงแม้ว่าครั้งนี้บริษัทจะเสียหาย เพียงแต่ฉันก็ไม่ใช่คนใจดี โครงการที่ให้ไปล้วนเป็นผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆ ไม่ได้มีช่องทางเพิ่มมูลค่าอะไร ไม่ถือว่าเสียหาย ที่สำคัญที่สุดก็คือ การรักษาสมดุลในตอนนี้ก็ดี รอคุณกลับมา ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ก็ยังคงเป็นของคุณ รวมถึงเฟิงจิงเหยา ก็หนีไม่พ้นเหมือนกัน”
กู้ฉางซินฟังจบ ก็เข้าใจความหมายของเขา
เพียงแต่ในใจของเธอก็ยังไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก หันกลับมาพูดถึงสถานการณ์ช่วงนี้กับกู้หงเซิน
ยิ่งไปกว่านั้นทางด้านกู้ฉางฉิงนี้ ก็ไม่รู้เลยว่าจริงๆกู้ฉางซินโทรกลับมา
หลังจากเธอพักผ่อนไปครู่หนึ่ง ก็หมกมุ่นอยู่กับงาน
ในตอนเย็นวันเดียวกัน เฟิงจิงเหยากลับมา ก็รู้ว่าตอนกลางวันกู้ฉางฉิงไปโรงพยาบาลกับคุณนายเฟิง เลยสอบถามอาการ
“ตรวจแล้วเป็นยังไงบ้าง?”
กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ตอบรับว่า: “แจ้งว่าพรุ่งนี้ผลการรายงายถึงจะออก”
เฟิงจิงเหยาพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากคนทั้งสองรับประทานอาหารเสร็จ คนนึงก็ไปวาดภาพออกแบบ คนนึงก็ไปทำงานที่ห้องหนังสือ สอดคล้องกันได้ดี
จนถึงวันที่สอง พอคนทั้งสองตื่นขึ้น คุณนายเฟิงก็ส่งให้คุณอาหวางเข้ามา
“คุณชาย คุณนายรอง คุณนายเชิญทั้งสองท่านไปรับประทานอาหารที่บ้านใหญ่”
เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้ว พอดีกับที่เขาเตรียมจะถามว่ามีเรื่องอะไร คุณอาหวางก็คล้ายกับมองออกและกล่าวต่อไปว่า: “คุณนายบอกว่านายท่านก็อยู่ด้วย ให้คุณชายและคุณนายรองอย่าให้นายท่านรอนาน”
ไม่มีทางเลือก คนทั้งสองทำได้เพียงกลืนคำที่คิดจะพูดลงคอ พยักหน้าแสดงเจตนาให้รับรู้: “ฉันรับทราบแล้ว อีกสักครู่พวกเราจะเข้าไป”
คุณอาหวางได้รับคำตอบที่แท้จริงแล้ว พยักหน้าแล้วออกไป
หลังจากที่เธอเดินไปพร้อมกัน กู้ฉางชิงก็มองไปยังเฟิงจิงเหยาด้วยจิตสำนึก รู้สึกว่าที่คุณนายเฟิงเรียกพวกเขาเข้าไปคงไม่ใช่เรื่องดี
“คุณว่าที่แม่ให้พวกเราเข้าไปคือเรื่องอะไร?”
เธอถามอย่างประหลาดใจ เฟิงจิงเหยาส่ายหน้า
“ไม่แน่ใจ แต่เข้าไปก็จะรู้ ไปเถอะ อย่าให้คุณปู่รอพวกเรานาน”
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ก็ทำได้เพียงพยักหน้ากับเธอแล้วเข้าไป
ไม่นาน คนทั้งสองก็มาถึงบ้านใหญ่ ทันทีที่มาถึงก็พบว่าทุกคนกำลังนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก
นายท่านเฟิงมองคนทั้งสองที่มาถึง มองคุณนายเฟิงอย่างขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวอย่างไม่เข้าใจว่า: “สะใภ้ใหญ่ คุณเรียกพวกเราเข้ามาเช้าขนาดนี้ มีอะไรที่อยากจะพูดหรอ?”
คุณนายเฟิงได้ยิน ก็กวาดสายตามองไปที่กู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงสังเกตเห็นสายตาของเธอ ก็รู้โดยจิตสำนึกว่าต้องเกี่ยวข้องกับเธอ
พอดีที่เธอกำลังเดาว่าจะเป็นเรื่องอะไร ก็เห็นคุณนายเฟิงเอ่ยปากอย่างเคร่งขรึมขึ้นมาทันใดว่า: “คุณพ่อ ก็วันก่อนฉันไปตรวจกับกู้ฉางชิงมาไม่ใช่หรือไง? เมื่อวานพวกเราไปมาแล้ว วันนี้ผลตรวจออกมาแล้ว เพียงแต่ผลตรวจสอบนี้ฉันไม่เรียกทุกคนออกมาคงไม่ได้”
เพียงเธอพูดคำนี้ออกมา สีหน้าของคนทั้งหลายก็ประหลาดใจขึ้นมา
นายท่านเฟิงและเฟิงจิงเหยาต่างตกตะลึง มีเพียงเฟิงจิ้งหยวนที่สายตาเต็มไปด้วยการมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
เพียงแต่เธอไม่ได้ส่งเสียงออกมา นั่งสงบเสงี่ยมรอดูละครอยู่บนโซฟา
กู้ฉางฉิงกำลังฟังคำพูดนี้ ก็ถอนหายใจ
เพราะเธอรู้ออยู่แล้วว่าที่คุณนายเฟิงกำลังคิดจะพูดคือเรื่องอะไร
เธอนึกถึงตรงนี้แล้ว แสร้งทำเป็นประหม่าขึ้นมา
“หรือว่าจะมีปัญหาอะไรจริงๆ?”
คุณนายเฟิงเห็นเธอกระวนกระวายใจ ในสายตาก็ปรากฎความลำพองใจขึ้นมา เพียงแต่ถูกเธอระงับลงอย่างรวดเร็ว
เธอไม่ให้ความสนใจกู้ฉางฉิง และนำผลการรายงานวางลงบนโต๊ะ กล่าวอย่างองอาจว่า: “โชคดีที่ฉันเรียกเพื่อนฉันมาตรวจสอบอีกรอบนึง ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับตระกูลของพวกเรา คุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!”
เธอพูดพลาง เฉือดเฉือนสายตาอย่างโหดเหี้ยมมายังกู้ฉางฉิง ทันทีหลังจากนั้นก็กล่าวกับนายท่านเฟิงว่า: “พ่อ นี่คือรายงายที่โรงพยาบาลส่งมาเช้านี้ คุณลองดูสิ”
นายท่านเฟิงได้ยิน กวาดสายตามองกู้ฉางฉิงและเฟิงจิงเหยา ไม่ได้เคลื่อนไหว
เฟิงจิงเหยาเห็นเช่นนี้ หยิบผลการรายงานขึ้นมาดู
คนทั้งหมดต่างมองมายังเขาในเวลาเดียว แน่นอนว่ายกเว้นกู้ฉางฉิง
ถึงอย่างไรเธอก็รู้ว่าเนื้อหาผลการรายงานนี้ ก็เพียงบอกว่าเธอไม่สามารถให้กำเนิดอะไรได้ก็เท่านั้น
เพียงแต่นี่ไม่ส่งผลกระทบต่อเธอ ถึงแม้ว่าคุณนายเฟิงจะยืนยันว่าเธอไม่สามารถให้กำเนิดได้ เธอรู้ว่าทางด้านของกู้หงเซินนั้นจะต้องหาข้อพิสูจน์ว่าเธอสามารถให้กำเนิดได้ได้อย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น เธอก็ยังทำท่าทาง เสแสร้งว่าตึงเครียด รอให้คุณนายเฟิงตลบหลัง
ใครจะรู้ว่า เธอไม่ได้รอการตลบหลังของคุณนายเฟิง ทางกลับกันรอเสียงงุนงงของเฟิงจิงเหยา
“แม่ คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า ผลการตรวจนี้ก็แข็งแรงดีนี่ ไม่มีปัญหาอะไรนะ”
เขาพูดพลาง มองไปยังคุณนายเฟิงอย่างไม่เข้าใจ
“เป็นไปได้ยังไง?”
คุณนายเฟิงเอ่ยปากอย่างไม่เชื่อ
แม้แต่เฟิงจิ้งหยวนซึ่งเดิมกำลังดูการแสดงที่ดีอยู่ก็ยังหุบยิ้ม
นายท่านเฟิงจ้องมองสีหน้าที่ผิดปกติของเธอ ให้เฟิงจิงเหยานำใบรายงานผลส่งมาให้เขาดู
“ไม่มีปัญหาจริงๆ สะใภ้ใหญ่ คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า?”
นายท่านเฟิงและเฟิงซู่ยืนยันเหมือนกัน มองไปยังคุณนายเฟิง
คุณนายเฟิงไม่เชื่อความไม่ยุติธรรมนี้ แย่งใบรายงานผลจากในมือของเฟิงซู่มาตรวจสอบ
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”
เธอดูคำว่าแข็งแรงสองคำในใบรายงานผล ก็นิ่งอึ้งไป
รอเธอสติกลับคืน ใบหน้าก็เศร้าสร้อย
คนอื่นๆก็มองสีหน้าที่แสดงออกนี้ของเธอ ก็รู้สึกยากที่จะเข้าใจ
“สะใภ้ใหญ่ ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
นายท่านเฟิงซักไซ้ไล่เลียงอีกครั้ง
คุณนายเฟิงได้ยิน นึกถึงที่เธอเพิ่งพูดไปเมื่อกี้นี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ฝืนกล่าวว่า: “ฉันอาจจะดูผิดไปเอง”
เธอพูดพลางก็คิดที่จะทำให้เรื่องนี้เงียบไป แต่กู้ฉางฉิงไม่คิดที่จะปล่อยเธอไปง่ายๆ
เธอแสร้งทำเป็นเป็นห่วงเป็นใย: “แม่ คุณเป็นอะไรไป? ทำไมดูท่าทางไม่ค่อยดีใจเลยล่ะ?”
คุณนายเฟิงฟังคำพูดนี้ ก็กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันทันที แต่ต่อหน้านายท่าน เธอทำได้เพียงฝืนยิ้มว่าไม่เป็นไร