สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 237 คุกเข่าขอโทษ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

กู้ฉางฉิงคิดถึงตรงนี้ ใจก็อดตึงเครียดไม่ได้

และในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้

ต้องรู้ว่ามู่เฉาเกอตั้งแต่เด็กมาก็เหมือนกิ่งทองใบหยก ไม่เคยถูกตี ตอนนี้ถูกคนตบต่อหน้าสาธารณะชน ตระกูลมู่จะไม่จัดการเลยหรอ?

“นี่คือลูกสะใภ้ของคุณหรอ?”

คุณนายมู่กับคุณนายเฟิงเดินมาตรงหน้ากู้ฉางฉิง ไม่รอให้คุณนายเฟิงเอ่ยปากก็พูดก่อนเลย

“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็ไม่อยากมีลูกสะใภ้เช่นนี้หรอก”

คุณนายเฟิงมองกู้ฉางฉิงด้วยสายตาเย็นชา พูดอย่างรังเกียจ

กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดของพวกเขา ก็อ้าปากคิดอยากจะพูดอะไร แต่ก็พูดไม่ออก แล้วก็ถูกคุณนายมู่ตัดบท

“ดูๆแล้วคุณกู้น่าจะเดาตัวตนของฉันได้นะ ก็คงรู้ว่าที่ฉันมาในวันนี้มีจุดประสงค์อะไร”

เธอพูดแล้วก็พินิจพิเคราะห์กู้ฉางฉิงหัวจรดเท้า พูดอย่างเยือกเย็นว่า : “ดูคุณยังอายุน้อยอยู่เลย แต่ถือดีอย่างมาก เฉาเกอของเราคุณก็กล้าตบด้วยหรอ?”

กู้ฉางฉิงรู้อยู่แล้วว่าเธอมาที่นี่เพื่อคิดบัญชี บวกกับเรื่องนี้เป็นการเสียมารยาทของเธอ เช่นนี้จึงยอมรับคำตำหนิของเธอทั้งหมด ในขณะเดียวกันก็แสดงท่าทียอมรับผิด

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ คืนนั้นฉันดื่มมากไป จึงไปหยาบคายกับคุณมู่ หวังว่าคุณนายมู่แล้วก็คุณมู่โปรดให้อภัยด้วย”

เธอพูดขอโทษอย่างนอบน้อม แต่ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะพูดจบ น้ำเสียงเย้ยหยันของเฟิงจิ้งหยวนก็ดังขึ้นข้างๆหู

“ใครจะไม่รู้ว่าคุณหนูจองตระกูลกู้คอแข็งจะตาย อย่ามาโกหกเลย ดื่มจนเมา? ไร้สาระ!”

กู้ฉางฉิงได้ฟังคำนี้ ก็รู้ว่าแย่แล้ว

เป็นอย่างที่คิด ความโกรธบนใบหน้าของคุณนายมู่มากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าเธอไม่เคยคิดว่าหลังจากที่กู้ฉางฉิงขอโทษแล้วก็จบกันไป

เพียงแต่เวลานี้มีเหตุผลที่ดีที่สามารถทำให้เธอยืมหัวข้อมาแสดงความคิดเห็นได้

“หึ คุณกู้น่าจะอบรมสั่งสอนดีจริงๆ ทำให้ฉันได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ชื่อเสียงภายนอกของตนเองจะไม่ดีก็ช่าง แล้วยังคิดอยากมาพัวพันกับเฉาเกอของเราอีก แม้แต่ผู้อาวุโสก็พูดกระด้างกระเดื่องด้วย วันนี้ฉันจะพูดไว้ที่นี่เลย เรื่องนี้ตระกูลเฟิงของพวกคุณไม่ได้ชี้แจงให้ฉันทราบ ให้เฉาเกอของพวกเราหนีจากความยุติธรรม มิตรภาพของทั้งสองตระกูลเราก็นับว่าสิ้นสุดลงแล้ว!”

กู้ฉางฉิงได้ฟังคำนี้ ในแววตาก็ประกายความตกตะลึง

เธอคาดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะลุกลามไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล

เธอตกตะลึงมองไปทางคุณนายเฟิงด้วยความกระวนกระวายใจ

แต่คุณนายเฟิงอยากจะจัดการกู้ฉางฉิงมานานแล้ว เพียงเพราะว่ายังไม่มีโอกาส ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปกป้องกู้ฉางฉิงในตอนนี้

เธอกวาดสายตามองกู้ฉางฉิงอย่างเย็นชา ยิ้มพูดว่า : “คุณนายมู่ เรื่องนี้เดิมทีตระกูลเฟิงของเราไม่ต้องช่วยสั่งสอน พวกคุณอยากจะลงโทษอย่างไร ตระกูลเฟิงเราก็ไม่ต่างกัน”

ความหมายในตอนนี้ เธอลงโทษกู้ฉางฉิงได้ตามสบาย

เป็นธรรมดาที่คุณนายมู่จะฟังความหมายในคำพูดของเธอออก มองกู้ฉางฉิงแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า : “คุณกู้ ฉันก็จะไม่ให้คุณลำบากใจหรอก ขอแค่คุณคุกเข่าขอโทษเฉาเกอของเรา เรื่องนี้ก็เลิกแล้วต่อกันไปได้เลย”

กู้ฉางฉิงไก้ฟัง ก็มองคุณนายมู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วมองไปยังมู่เฉาเกอที่อยู่ด้านหลังทันที

มู่เฉาเกอก็มองเธอ อย่างทันที

มู่ฉางฉิงถอนสายตาอย่างลำบากใจ เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไร น้ำเสียงของคุณนายเฟิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“คุณกู้ คุณก็อย่ารู้สึกว่าตระกูลมู่ของเราอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้อื่นเลย คุณน่าจะเข้าใจ เฉาเกอถือเป็นสมบัติล้ำค่าในตระกูลมู่มาโดยตลอด นี่เพิ่งมาตระกูลเฟิงของพวกคุณได้ไม่กี่วันก็ได้รับความไม่เป็นธรรมแล้ว เรื่องนี้ทำให้นายท่านของตระกูลเราตกใจอย่างมาก นายท่านเขาโกรธอย่างมาก ถ้าไม่ใช่คิดว่าคุณเป็นเด็กรุ่นหลัง ยังไม่ถึงให้เขาออกหน้ามาแก้ปัญหา มิเช่นนั้นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคุณก็คงเป็นนายท่านของตระกูลเรา แน่นอนว่าผลลัพธ์นั้นไม่ง่ายเหมือนการทำให้คุณคุกเข่าขอโทษง่ายๆเช่นนี้หรอก!”

กู้ฉางฉิงฟังคำพูดนี้จบ ก็เข้าใจแล้ว วันนี้เธออาจจะต้องคุกเข่าจริงๆ

ถ้าไม่คุกเข่า อาจทำให้ทั้งสองตระกูลเกิดความวุ่นวายอย่างมาก

เวลานี้ ในใจเธอก็น้อยใจอัปยศอดสูอย่างมาก

แต่ว่าไม่มีใครเข้าใจ

“ฉันทราบแล้ว”

เธอตอบกลับด้วยสีหน้าซีดเผือด

คุณนายมู่กับคุณนายเฟิงเห็นเช่นนี้ ก็รอเธอคุกเข่าลงอย่างสงบๆ

แต่ทว่าเวลานี้ เสียงของเฟิงจิ่งเหยาก็ปรากฎจากด้านหลังกลุ่มคน

“นี่จะทำอะไร?”

เห็นมือข้างหนึ่งของเขาห้อยเสื้อโอเวอร์โค้ท มือหนึ่งหิ้วกระเป๋าเดินทาง ยืนอยู่หน้าประตูอย่างเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง

ทุกคนเห็นเขา ในสายตาต่างก็แปลกใจ

“จิ่งเหยา คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไร?”

คุณนายเฟิงได้สติก่อน จึงกล่าวถาม

มู่เฉาเกอสายตาคลุมเครือ ยิ้มแล้วกล่าวทักทายเขา

มีแต่คุณนายมู่แล้วก็กู้ฉางฉิงที่ไม่ได้พูดจา สีหน้าแตกต่าง

เฟิงจิ่งเหยามองการแสดงออกของทุกคนอยู่ในสายตา กล่าวถามอีกครั้งว่า: “แม่ คุณเอาคนมากมายขนาดนี้เข้ามา ต้องการทำอะไร?”

คุณนายเฟิงเห็นเช่นนี้ เลยจำต้องพูดถึงวัตถุประสงค์ในการมาของพวกเขาสักหน่อย ก็ไม่ได้ปกปิดกับการที่ขอให้กู้ฉางฉิงคุกเข่ากล่าวขอโทษกับตระกูลมู่

เฟิงจิ่งเกยาฟังจบ ก็กวาดสายตามองกู้ฉางฉิง กล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า: “คุณนายมู่ คืนนั้นที่ฉางซินทำร้ายเฉาเกอ คือเธอไม่ถูกต้องจริงๆ กล่าวขอโทษเป็นสิ่งที่สมควร”

คุณนายมู่ได้ฟังคำพูดนี้ สีหน้าที่บึ้งตึงก็อ่อนลงไม่น้อย

เหมือกันคุณนายเฟิงแล้วก็เฟิงจิ้งหยวนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

เดิมทีพวกเขายังกังวลว่าเฟิงจิ่งหยวนจะปกป้องกู้ฉางฉิงอีกครั้ง

ตรงกันข้ามกับที่ทุกคนโล่งใจ ใจของกู้ฉางฉิงก็เศร้าหมองลงไป

ดูท่าแล้วเรื่องครั้งนี้ แม้แต่เฟิงจิ่งเหยาก็ไม่อยากที่จะปกป้องเธอ

“คุณยังเข้าใจอะไรควรไม่ควร”

คุณนายมู่มองกู้ฉางฉิงที่ไม่ขยับเขยื้อน กล่าวอย่างมีความหมายแฝง

ใครจะรู้ว่าพอพูดจบ ทันใดเฟิงจิ่งเหยาก็หัวข้อสนทนา กล่าวอย่างเคร่งครัดว่า: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันก็จะคุกเข่าเป็นเพื่อนเธอ ถึงอย่างไรฉันและเธอก็เป็นสามีภรรยากัน สามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกัน เธอทำผิดพลาด ฉันที่เป็นสามีก็ควรจะแสดงการขอโทษด้วย”

เพียงคำพูดนี้ออกมา คนทั้งหมดก็ตะลึงตาค้าง

กู้ฉางฉิงก็นิ่งอึ้งไป

ฉากนี้ คล้ายกันกับครั้งที่แล้ว

เวลานั้นที่คุณนายเฟิงเรียกเธอไปคุกเขาต่อวงศ์ตระกูล เขาก็พูดแบบนี้

กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าจะบรรยาความรู้สึกภายในใจของเธอเวลานี้ยังไง

คนหนึ่งที่เย่อหยิ่ง มีเกียรติสูงส่งขนาดนี้ เพื่อเรื่องนี้ เพื่อเธอ……คุกเข่ากล่าวขอโทษคนอื่น

เธอแทบไม่สามารถจินตนาการถึงภาพดังกล่าวได้

และคุณนายเฟิงก็อยู่ในอารมณ์เดียวกันกับเธอ

เธอค่อยๆดึงสติกลับมา ทั้งตกใจทั้งโมโห

“เฟิงจิ่งเหยา คุณบ้าไปแล้วหรอ? เรื่องนี้กู้ฉางซินทำผิด คุณจะมายุ่งอะไร?”

“ใช่ จิ่งเหยา คุณเลอะเลือนไปแล้วหรอ? หรือว่าถูกนังจิ้งจอกนี่ทำให้หลงเสน่ห์?”

คุณนายมู่ฟังคนทั้งสองดุด่ากัน ก็ดึงสติกลับมา ในสายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“จิ่งเหยา คุณทำเพื่อผู้หญิงคนนี้ ไม่นึกเลยว่าจะทำได้ถึงขนาดนี้ มันคุ้มที่คุณตะทำขนาดนี้เพื่อเธอซะที่ไหน?”

เฟิงจิ่งเหยาเผชิญหน้ากับคำถามของพวกเขา กวาดสายตามองกู้ฉางฉิง กล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ตอนนี้เธอเป็นคนของตระกูลเฟิง!”

ความหมายโดยนัย เธอทำเรื่องผิดพลาด ตระกูลเฟิงต้องรับผิดชอบ

เพียงคำพูดนี้ออกมา คนทั้งหมดต่างก็นิ่งเงียบไป ในเวลาเดียวกันสีหน้าก็เปลี่ยนไปจนไม่น่าดูอย่างมาก

เวลานี้บรรยากาศก็นิ่งไม่ไหวติงขึ้นมา

กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ในใจก็ซาบซึ้งใจไม่หยุดกับการปกป้องของเฟิงจิ่งเหยา แต่ก็ทนไม่ได้ที่จะต้องให้เขามาเสียศักดิ์ศรีเพราะตนเอง

“จิ่งเหยา คุณไม่ต้องคุกเข่า ฉันคุกเข่าก็พอ เดิมทีแล้วเรื่องนี้เป็นฉันที่ทำผิด ฉันทำคนเดียวก็รับผลคนเดียว!”

เธอพูดจบ ดวงตาก็มองไปยังมู่เฉาเกอ

“คุณมู่ เรื่องที่ฉันหยาบคายกับคุณในวันนั้นต้องขอโทษคุณด้วย”

พูดจบ เธอก็ทำท่าทางจะคุกเข่าลง……..

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท