สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 240 คนสองบุคลิก

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ทั้งสองคนนัดเวลาทานข้าวกัน เพราะว่าฮั้วเฉินมีธุระที่ต้องขอตัวก่อน

เฟิงจิ่งเหยามองเขาออกไป ด้วยสีหน้าที่ไม่อาจคาดเดาได้

หวังว่างานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้จะสามารถพบอะไรบางอย่าง

เขาคิดอยู่เงียบๆ แล้วก็ก้มหน้าเริ่มทำงานต่อ

ถึงเวลาเลิกงานตอนเย็น เขาก็กลับไปที่คฤหาสน์ชายทะเล

กู้ฉางฉิงวาดแบบร่างการออกแบบอยู่ในห้อง เห็นเขาเข้ามาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะตึงเครียด ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังโกรธอยู่หรือเปล่า

“กลับมาแล้วหรอ”

เธอคิดๆดูแล้ว หากว่าก็ยิ้มทักทาย

เฟิงจิ่งเหยามองไปที่รอยยิ้มที่ฝืนใจของเธอ ก็กระพริบๆตา พยักหน้าทำเสียงตอบรับ

พูดจบ เขาก็ถอดเสื้อคลุมและเดินไปที่ห้องแต่งตัว

กู้ฉางฉิงมองไปที่ด้านหลังของเขา กัดริมฝีปากล่างของเธออย่างอึดอัดใจ เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้ยังโกรธอยู่ แล้วก็ไม่อยากสนใจเธอ

เธอหันกลับมาอย่างหดหู่ จ้องมองภาพวาดการออกแบบบนกระดานวาดภาพเป็นเวลานาน

ก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เฟิงจิ่งเหยาเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านแล้วเดินออกมา

เขามองไปที่กู้ฉางฉิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ขมวดคิ้วพูดว่า : “ใช่สิ อีกไม่กี่วันฮั้วเฉินก็ต้องไปแล้ว พรุ่งนี้มีกินข้าวกับเขา ถือว่าเลี้ยงส่งเขา”

กู้ฉางฉิงตกตะลึงเล็กน้อย หันกลับมาอย่างประหลาดใจ

เห็นว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้มองตน แต่จัดระเบียบตนเอง ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาเมื่อกี้พูดไปอย่างตามอำเภอใจ

แต่เช่นนี้ เธอยังอดประหลาดใจไม่ได้ ถึงอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น คาดไม่ถึงว่าเขายังจะเรียกเธอไปทานข้าวกับเพื่อนของเขาด้วย

ในทันที ความน้อยใจในใจของเธอก็คลี่คลายลงมาก

“ฉันรู้แล้ว”

เธอยิ้มตอบกลับ

เฟิงจิ่งเหยาเห็นท่าทางเธอไม่มีความสุขเมื่อกี้นี้ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นอารมณ์ดี ก็ประหลาดใจเล็กน้อย เพียงแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

……

เที่ยงวันต่อมา เพราะว่าต้องไปร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนของเฟิงจิ่งเหยา เธอจึงแต่งตัวเป็นพิเศษ

ชุดเดรสสีม่วงอ่อน เผยให้เห็นความตัวเล็กกระทัดรัดของเธอ

การแต่งหน้าอ่อนๆแต่ดูดี ทำให้เธอดูมีชีวิตชีวามาก

ผมดำเงางามถูกม้วนไว้ด้านหลังครึ่งหนึ่ง เหลือปอยผมไว้ที่แก้มทั้งสองข้าง

เฟิงจิ่งเหยายังคงเป็นชุดสูทแฮนด์เมดสีดำที่ไม่เปลี่ยน ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันทว่ากลมกลืนกันอย่างบอกไม่ถูก

“ไปเถอะ”

กู้ฉางฉิงเดินไปใกล้ๆเฟิงจิ่งเหยาแล้วพูด

เฟิงจิ่งเหยาระงับความประหลาดใจในแววตา พยักหน้าแล้วขึ้นรถ

จากนั้นทั้งสองก็มาถึงร้านอาหารที่จองกันไว้ ฮั้วเฉินก็รอิยู่ที่ห้องวีไอพีแล้ว

“จิ่งเหยา คุณกู้ เจอกันอีกครั้งนะ”

เขายิ้มทักทาย แสดงออกอย่างสุภาพอ่อนโยนเหมือนเคย

กู้ฉางฉิงยิ้มตอบกลับ : “หมอฮั้ว”

หลังจากที่ทั้งสามคนนั่งลง เฟิงจิ่งเหยากับฮั้วเฉินพูดคุยเกี่ยวกับบริษัทกัน

กู้ฉางฉิงก็ฟังอย่างเงียบๆ ดูแลอาหารของเฟิงจิ่งเหยาเป็นครั้งคราว

ทั้งสองคนพูดจบ ฮั้วเฉินก็มองมาทางเธอ เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ยิ้มพูดว่า : “คุณกู้ ฉันได้ยินมาว่าคุณทำงานที่บริษัทของจิ่งเหยาตลอด คุณเป็นดูแลเกี่ยวกับการเงินใช่ไหม? ฉันจำได้ว่าคุณจบเศรษฐศาสตร์”

กู้ฉางฉิงได้ยินคำพูดนี้ ก็ตะลึง จึงตอบกลับว่า

“อืม วิชาเอกเศรษฐศาสตร์ เพียงแต่ไม่ได้ดูแลการเงิน ฉันไปอยู่แผนกออกแบบ”

คำตอบกลับง่ายๆของกู้ฉางฉิง ทำให้ฮั้วเฉินประหลาดใจ

“แผนกออกแบบ? คุณกู้เคยเรียนออกแบบด้วยหรอ?”

กู้ฉางฉิงเห็นท่าทีที่เขาตกใจ ก็ไม่ได้คิดมาก ก่อนหน้านี้ฉันก็ต้องอธิบายกับเฟิงจิ่งเหยาซ้ำๆ

ฮั้วเฉินฟังแล้ว ก็ดูเหมือนกับว่าจะเชื่อ โดยทั่วไปก็ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ชีวิตประจำวันและการทำงานของกู้ฉางฉิง

กู้ฉางฉิงไม่ได้ตระหนักถึงการหยั่งเชิงตั้งแต่ตื้นไปจนถึงลึกของเขา ตอบคำถามต่างๆกับเขาอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้ของเฟิงจิ่งเหยาไม่เลวเลย คุ้มค่ากับมิตรภาพที่ลึกซึ้ง

“ขอโทษนะคะ ฉันขอไปห้องน้ำหน่อย”

ระหว่างการสนทนา เพราะปัญหาทางสรีระกู้ฉางฉิงลุกขึ้นแล้วออกไป

พอเธอออกไป ฮั้วเฉินก็ยกแก้วเหล้าข้างๆมือมาจิบเบาๆทีหนึ่ง

“เป็นยังไงบ้าง? ดูอะไรออกไหม?”

เฟิ่งจิ่งเหยาอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม

ฮั้วเฉินมองไปยังเขา วางแก้วเหล้าในมือลง กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า: “จากการสนทนาเมื่อกี้นี้ ตัดสินโดยทฤษฎีทางการแพทย์มืออาชีพ ภรรยาของคุณเป็นปกติในทุกด้าน”

เฟิงจิ่งเหยาเลิกคิ้ว: “แล้วความหมายของคุณคือ?”

ฮั้วเฉินพยักหน้า: “เธอไม่เหมือนกับอาการของคนหลายบุคลิก อย่างน้อยในบทสนทนาเมื่อกี้นี้ เธอไม่ได้มีท่าทีหรืออาการใดๆที่แสดงออกมา”

พูดถึงตรงนี้ เธอก็คล้ายกับว่านึกถึงอะไรได้อีก ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“แต่ในใจของเธอคล้ายกับว่ามีบางอย่างที่คนอื่นสัมผัสไม่ถึง ด้านนี้ทำให้เธอ……….”

เขาพูดถึงตรงนี้ก็คล้ายกับหาคำบรรยายไม่ได้ ด้วยเหจุนี้จึงหยุดไปสองวินาทีแล้วจึงกล่าวต่อไปว่า: “กังวล ใช่ น่าจะกังวลและหวาดกลัว”

เฟิงจิ่งเหยาฟังคำพูดนี้ของเขาจบ คนก็นิ่งอึ้งไป ทันทีก็ขมวดคิ้วแน่น

ตามที่เขารับรู้ กู้ฉางซินไม่เกรงกลัวเทวดาฟ้าดิน ก่อนที่เขาจะกลับประเทศ ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน ใครก็ไม่อยู่ในสายตา

แน่นอนว่าการรับรู้นี้ หลังจากที่เขากลับมา ก็ล้มล้างไปทั้งหมดแล้ว เกี่ยวกับข่าวลือเหล่านั้นท่าทีทุกอย่างของกู้ฉางซินก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

“คุณแน่ใจหรอว่าในใจของเธอมีความหวาดกลัว?”

ไม่ว่ายังไง เฟิงจิ่งเหยาก็ยังไม่เชื่อข้อวินิจฉัยนี้

ฮั้วเฉินก็มองออก กล่าวด้วยสีหน้าปกติว่า: “นี่เป็นเรื่องที่แน่นอน หรือว่าคุณไม่เชื่อฉัน”

เฟิงจิ่งเหยาสำลักคำพูด ถ้าเขาไม่เชื่อฮั้วเฉิน เขาก็ไม่สามารถเชื่อหมอบนโลกใบนี้ได้แล้ว

“งั้นคุณรู้ไหมว่าเรื่องที่เธอหวาดกลัวอยู่ในใจคืออะไร?”

ฮั้วเฉินส่ายหน้า ขมวดคิ้วกล่าวว่า: “เรื่องนี้ฉันไม่สามารถตัดสินออกมาได้ในชั่วครู่ชั่วยาม”

เขาพูดพลาง มองไปที่ใบหน้ารูปงามของเฟิงจิ่งเหยา ในสายตาก็เป็นประกาย คล้ายกับมีความคิดเห็น

“ถึงแม้ว่าฉันจะตัดสินออกมาไม่ได้ แต่คุณสามารถติดตามดูในชีวิตประจำวันได้ หลังจากนั้นก็พูดคุยสถานการณ์ของเธอกับฉัน บางทีฉันอาจจะเข้าใกล้ได้อีกสักก้าวหนึ่ง”

พูดจบ กู้ฉางฉิงก็กลับมา เฟิงจิ่งเหยาเห็นก็ทำได้เพียงกลืนคำที่อยากจะพูดลงคอไป พยักหน้ากับฮั้วเฉินอย่างเงียบๆ

หลังจากนั้นคนทั้งสองก็ปิดประเด็นสนทนา แล้วพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจในขณะนี้

ไม่นาน คนทั้งสามก็รับประทานอาหารเสร็จ เพราะฮั้วเฉินมีธุระเลยออกไปก่อน

หลังจากเฟิงจิ่งเหยากล่าวลากับฮั้วเฉินแล้ว ก็เอียงหน้าไปถามกู้ฉางฉิงว่า: “คุณอยากไปไหน?”

กู้ฉางฉิงกวาดสายตามองไปยังถนนที่รถวิ่งขวักไขว่ ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง

เธอคล้ายกับว่านอกจากกลับคฤหาสน์แล้วก็ไม่มีสถานที่อื่นที่จะไป

เธอกำลังคิดที่จะพูดว่ากลับบ้าน เสียงของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังขึ้นข้างหูอีกครั้งว่า: “อยากไปสำนักงานใหญ่ไหม?”

กู้ฉางฉิงได้ยินคำพูดนี้ ก็มองไปยังเฟิงจิ่งเหยาอย่างแปลกใจ ในสายตามีความไม่เข้าใจ

เฟิงจิ่งเหยามองออกถึงความไม่แน่ใจของเธอ หรี่ตาแล้วกล่าวว่า: “ยังไงถ้าตอนนี้คุณไปที่ZARYไม่ได้ กลับบ้านก็ไม่มีปัญหาอะไร สามารถทำงานในด้านของฉันชั่วคราวได้ แน่นอน ถ้าคุณไม่เต็มใจก็ช่างเถอะ”

กู้ฉางฉิงเม้มปาก ไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับยังไง

เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ความยุ่งเหยิงในใจของเธอ เห็นเธอไม่พูดอยู่นาน ก็เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ

“ทำไม ตบตีครั้งเดียวทำให้คุณล้มเลิกเลยหรอ?”

กู้ฉางฉิงรู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องตบตีคนก่อนหน้านี้

“ออกแบบเป็นสิ่งที่ฉันชอบ ฉันไม่มีทางล้มเลิก”

สายตาที่เด็ดเดี่ยวของเธอมองไปยังเฟิงจิ่งเหยา

เฟิงจิ่งเหยาถูกท่าทางที่เด็ดเดี่ยวของเธอทำให้ตกใจเล็กน้อย เป็นเวลานานจึงดึงสติกลับมาแล้วกล่าวว่า: “งั้นก็ดี ตามฉันมา”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท