ที่ตระกูลเฟิง กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาออกไปจับคน
ข่าวที่เธอได้รับคือเฟิงจิ่งเหยามีการสังสรรค์เฉพาะกิจ เฟิงจิ่งเหยาน่าจะดื่มเหล้า เธอเลยตั้งใจต้มซุปแก้เมาค้างไว้ นั่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขกดูทีวีรอคนกลับมา
เธอรอจนเกือบจะหลับไป ในที่สุดก็ได้ยินการเคลื่อนไหวด้านนอก
เธอสะดุ้งตกใจ รีบลุกจากโซฟาเดินไปด้านนอก
เห็นเฟิงจิ่งเหยาลงจากรถคนเดียว และรถก็ถูกชวี่ยี่ขับออกไป
“ทำไมยังไม่นอน ไม่ได้บอกว่าให้คุณอย่ารอฉันไม่ใช่หรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นสาวน้อยปรากฏตัวที่หน้าประตู ถึงแม้ปากจะพูดไม่พอใจ แต่แววตาที่อบอุ่นยังหักหลังอารมณ์ของเขาในเวลานี้
“คิดว่าคุณน่าจะดื่มเหล้า กลับมาอย่างไม่สบาย ก็เลยรอคุณ ใช่สิ ซุปแก้เมาค้างในห้องครัวยังอุ่นๆอยู่ คุณดื่มเหล้ามาใช่ไหม?”
กู้ฉางฉิงพูดจบ ก็ไม่รอให้เฟิงจิ่งเหยาตอบกลับตนเอง เดินไปตรงหน้าเขาแล้วเขย่งเท้าขึ้น ดมกลิ่นบนตัวเขา
เฟิงจิ่งเหยาเห็นท่าทีนี้ของเธอ ในใจก็ชอบอย่างมาก
เขาโอบเอวกู้ฉางฉิง พูดเสียงต่ำว่า : “เช่นนี้จะได้กลิ่นที่แม่นยำได้อย่างไร ต้องวิธีนี้ถึงได้รับมัน”
กู้ฉางฉิงยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบกลับ ใบหน้าที่หล่อเหลาก็กดลงมา จากนั้นริมฝีปากก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเล็กน้อย
เฟิงจิ่งเหยาหลับตาลิ้มรสกลิ่นหอมของกู้ฉางฉิงอย่างละเมียดละไม
ปากประกบกัน ด้วยความอ่อนโยนสุดจะพรรณนา
กู้ฉางฉิงอดไม่ได้ที่จะถลำเข้าไป จนค่อยๆอ่อนลง ได้แต่จับเสื้อที่หน้าอกของเฟิงจิ่งเหยาไว้แน่น จึงฝืนให้ตนเองยืนได้อย่างมั่นคง
ก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เฟิงจิ่งเหยาจึงปล่อยเธอออก
กู้ฉางฉิงยังคงสติเลอะเลือน จ้องมองเฟิงจิ่งเหยาด้วยแววตาที่หลงใหล
ด้วยท่าทางเช่นนี้ เฟิงจิ่งเหยาจะทนได้อย่างไร หัวเราะเบาๆ กอดเอวอุ้มขึ้นแล้วเดินไปที่ห้อง
ค่ำคืนยังอีกยาวนาน……
วันต่อมา กู้ฉางฉิงที่ถูกทรมานมาตลอดทั้งคืนก็นอนตื่นเกือบเที่ยง แน่นอนว่าข้างๆมามีคนแล้ว
เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ ลุกขึ้นจัดการตัวเอง แล้วเดินลงไปทานอาหารชั้นล่าง
มั่วหลีเห็นเธอ ก็โกรธจนหน้าหงิกหน้างอ
กู้ฉางฉิงทำเป็นไม่เห็น กินข้าวเสร็จก็ไปวาดภาพที่สวน
ในเวลาเดียวกัน ที่เฟิงซื่อกรุ๊ป
เฟิงจิ่งเหยาทางด้านนี้เพิ่งจัดการงานในมือเสร็จ ก็ติดต่อมั่วจุยที่อยู่ต่างประเทศ
“พี่ เพิ่งได้รับข่าวจากมั่วเยี่ยน รหัสผ่านแฟลชไดร์ฟที่คุณได้ส่งมาก่อนหน้านี้ เขาเกือบจะเปิดสำเร็จแล้ว”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำนี้ ในแววตาก็เป็นประกาย
“ดีมาก ที่นี่จะร่วมมือกับคุณอย่างเต็มที่ มีข่าวอะไร แจ้งให้ฉันทราบโดยเร็วที่สุด
มั่วจุยรับทราบ จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา เป็นจริงจังเล็กน้อย : “พี่ ก่อนที่แฟลชไดร์ฟจะถูกเปิดได้ ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้อาจจะเกิดความยุ่งเหยิงมาเยือนถึงหน้าประตู คุณอยู่ในประเทศก็จำเป็นจะต้องระมัดระวัง”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึม
อย่างไรก็ตามมั่วจุยจะไม่พูดอะไรแปลกๆเช่นนี้
“คุณพบอะไรใช่ไหม?”
เขาถามจบ แต่คำตอบก็ไม่ได้เป็นที่หน้าพอใจ
“ยังไม่พบข้อมูลใหม่ ได้แต่รู้สึกว่าช่วงนี้ กองกำลังต่างชาติกำลังเล็งเป้าหมายแฟลชไดร์ฟนี้ ตอนนี้สูญเสียผู้คนไปมาก เกรงว่าพวกเขาจะไม่ยอมวางมือ”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยิน ก็ไม่ได้พูดอะไร
การวิเคราะห์ของมั่วจุยนี้ เขาก็เคยคิดแล้ว
แต่ตอนนี้สถานการณ์ของเขาศัตรูอยู่ที่ลับ เขาอยู่ที่แจ้ง จะเคลื่อนไหวก็ไม่ดี
“ฉันรู้แล้ว ฉันจะจัดการให้ดีๆ”
……
ประเทศ I ที่JKกรุ๊ป
เย่าซือนั่งอยู่ที่ห้องทำงานและฟังข่าวสารล่าสุดของเมืองหลวงในประเทศX
หลังจากนักสังหารgถูกจับตัวไปแล้ว ทางด้านของเฟิงจิ่งเหยาก็คล้ายกับจิตใจสงบลงมา ไม่มีปฏิบัติการใดๆมาโดยตลอด
เขายืนอยู่ที่หน้าต่างที่ยาวจรดพื้น เมื่อมองไปที่การจราจรที่วุ่นวายนอกหน้าต่างก็ครุ่นคิดขึ้นมา
ลางสังหรณ์บอกเขาว่า เฟิงจิ่งเหยาไม่เงียบสงบเช่นนี้แน่นอน
ยิ่งกองกำลังสองสามกองลงมือกับเขาอย่างต่อเนื่องด้วยแล้ว
คิดพลาง ก็มีแสงวาบขึ้นมาในความคิดของเขา ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก
“ไปจองตัวเครื่องบินไปประเทศXไฟล์ทที่เร็วที่สุดให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปประเทศX”
พอเขาพูดคำนี้ ผู้ช่วยที่เดิมทีรายงานอยู่ก็ทึมทื่อไป แต่ด้วยสายตาที่โหดร้ายของเจ้านาย ก็ยังคงแสดงความรับผิดชอบทันที หันตัวไปจัดการ
ในคืนวันเดียวกัน เย่าซือก็มาถึงเมืองหลวงประเทศX
เขาไม่ได้ไปพักผ่อนที่โรงแรมทันที แต่หยิบมือถือขึ้นมาติดต่อมู่เฉาเกอ
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่คลับเฮาส์985 คุณเข้ามาหน่อย”
พูดจบ เขาก็ไม่สนใจว่ามู่เฉาเกอจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็วางสายโทรศัพท์ไปโดยตรง
มู่เฉาเกอมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสาย ก็โมโหอย่างมาก
เดิมทีเธอก็วางแผนที่จะไม่สนใจ ก็กลัวว่าคนคนนี้จะทำตัวปลิ้นปล้อนขึ้นมาอีก ถึงอย่างไรในมือเขาก็ยังมีความผิดของตนเองอยู่
สุดท้ายเธอก็จัดการแต่งตัว แล้วมุ่งไปยังคลับเฮาส์
ผ่านไปสิบกว่านาที เธอก็มาถึงคลับเฮาส์ บริกรก็พามายังห้องวีไอพี
ใครจะคาดคิด พอเข้าไป ก็ถูกกลิ่นบุหรี่ด้านในทำให้สำลัก
เขาไออยู่หลายครั้งจึงคลี่คลายลง อดกลั้นอาการใจร้อนที่อยากจะด่าคนเพื่อระงับบรรยากาศ ในเวลาเดียวกันก็เดินไปที่โซฟาตรงข้ามเย่าซือและนั่งลง
“พูดมา เรียกฉันมามีเรื่องอะไร?”
เย่าซือได้ยิน ก็เงยหน้าขึ้นจากโซฟาอย่างเกียจคร้าน
“ฉันต้องการให้คุณหาทางหลอกให้เฟิงจิ่งเหยาออกมา”
มู่เฉาเกอฟังถึงคำพูดนี้ ก็ตื่นตัวขึ้นมาโดยตรง
“คุณคิดจะทำอะไรอีก?”
เย่าซือถินหายใจอย่างเย็นชา: “ทำอะไรคุณก็ไม่ต้องมายุ่ง คุณหลอกคนออกมายังสถานที่ที่ฉันกำหนดก็พอ”
มู่เฉาเกอได้ยิน สีหน้าก็ไม่น่าดูขึ้นมา
ยังไม่รอให้เธอได้โต้แย้ง เย่าซือก็คล้ายกับมองออกถึงคงามคิดของเธอยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า: “วางใจได้ ฉัรไม่ลงมือกับคนที่อยู่ในใจของคุณหรอก”
มู่เฉาเกอเห็นเขาพูดความกังวลภายในใจของตนเองออกมา ก็ไม่หลีกเลี่ยงในทันที กล่าวถากถางว่า: “คุณคิดว่าคนคนหนึ่งที่ผิดคำพูดกับฉัน ฉันยังสามารถเชื่อเขาได้ไหม?”
เย่าซือหรี่ตา เขารู้ว่าที่มู่เฉาเกอพูดคือเรื่องของกู้ฉางฉิงที่เขาลงมือล้มเหลวก่อนหน้านี้
“คุณมู่มั่นใจได้ คุณน่าจะรู้ดีว่า เฟิงจิ่งเหยาไม่ใช่คนธรรมดา ลงมือกับเขา ก็เปลืองแรงไม่ใช่น้อย จะพูดไป ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นประเทศX ถ้าฉันทำเรื่องผิดกฎหมาย ก็คงหนีไม่พ้น”
มู่เฉาเกอไม่พูดจา เหมือนกับว่ายังไม่เชื่อ
เย่าซือก็ไม่โกรธ กล่าวอย่างใช้วาทศิลป์ว่า: “ต้องการเพียงคุณช่วยฉันเอาสิ่งของในมือของเฟิงจิ่งเหยา หลังจากเรื่องสำเร็จแล้ว คุณอยากจะกำจัดกู้ฉางซิน ฉันก็สามารถช่วยเหลือได้”
ถึงแม้มู่เฉาเกอจะใจสั่น แต่ก็รับความเสี่ยงไม่ไหว
ถ้าไม่สำเร็จอีกครั้งหนึ่ง เธอก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะถูกเปิดเผยต่อหน้าเฟิงจิ่งเหยา
จะว่าไปแล้ว เธอก็ไม่เชื่อคำพูดของผู้ชายคนนี้
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นจุดอ่อนหนึ่งที่อยู่ในมือของเขา ถ้าต่อไปเขาคิดจะทำอะไร ต้องการความช่วยเหลือของตนเอง ไม่ใช่จะมาคุกคามเธออีกหรอ
“แผนการที่คุณพูดไม่เลว แต่คนคำนวณก็ไม่สู้ฟ้าลิขิต อีกอย่าง และฉันก็ต้องเสียใจด้วยอย่างมาก ไม่ชอบทำเรื่องที่เสี่ยงๆแบบนี้ ขอโทษที่รับปากไม่ได้”
มู่เฉาเกอปฏิเสธโดยไม่คิด
เย่าซือไม่คาดคิดว่าจะได้ผลลัพธ์แบบนี้
เขาหรี่ตาอย่างอันตราย พิจารณามู่เฉาเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า: “คุณต้องการปฏิเสธ ไม่ร่วมมือจริงๆใช่ไหม?”
ถึงแม้ว่ามู่เฉาเกอจะเม้มปากไม่พูดจา แต่ความหมายก็ยังคงชัดเจน
เย่าซือถอนหายใจเบาๆ: “ดูท่าคุณมู่จะลืมไปแล้วว่าตอนนี้คุณลงเรือลำเดียวกับฉันแล้ว คุณอยากจะเสแสร้งเป็นคนดีต่อหน้าเฟิงจิ่งเหยา ไม่กลัวหรอว่าฉันจะเปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้เฟิงจิงเหยารู้?”