หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 52 เป็นคู่ควงของผม

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เหลิ่งเซ่าถิงขับรถออกมาจากบ้านตระกูลเหลิ่ง พอมาถึงหน้าร้านอาหารที่ตกแต่งสวยงามก็หยุดรถแล้วลงไป หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงเดินเข้าไปในร้านอาหาร ก็เป็นจุดรวมสายตาของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นชุดที่เหลิ่งเซ่าถิงใส่อยู่หรือกิริยาท่าทางล้วนแต่ทำให้ทุกคนหันมามองเขา สายตานั้นจับจ้องไปเหลิ่งเซ่าถิงตลอดจนกระทั่งเขาเข้าไปในห้องอาหาร ถึงจะหันกลับ

แล้วตามมาด้วยเสียงแอบพูดคุยกันของใครหลายคน คนที่ได้เจอเหลิ่งเซ่าถิงเมื่อครู่เริ่มถกเถียงกันเรื่องฐานะและการงานของเหลิ่งเซ่าถิงโดยไม่ได้นัดหมาย และมีบางคนที่ค้นหารูปของเหลิ่งเซ่าถิงในอินเทอร์เน็ตอีกด้วย ตอนรู้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงความจริงแล้วคือคนที่ประสบอุบัติเหตุรถชนก่อนหน้านี้จนเลยกลายเป็นคนที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ นอนเป็นผักปลาเคลื่อนไหวไม่ได้ของตระกูลเหลิ่ง หลังจากที่เจ้าของร้านอาหารที่พึ่งได้สติ ก็รีบให้คนที่มีความกล้าพยายามลองเข้าไปในห้องอาหารของเหลิ่งเซ่าถิง

เพราะว่าพนักงานเป็นอุปสรรคในการพูดคุยของพวกเขา พวกคนที่ถูกส่งเข้าไปในห้องอาหารที่เหลิ่งเซ่าถิงอยู่ก็เลยถูกกั้นไว้ด้านนอก

เสียงเอะอะโวยวายด้านนอก ดังเข้าไปถึงในห้องอาหาร ทำให้เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้ว หลิวจื่อซิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเหลิ่งเซ่าถิงยิ้มเบาๆแล้วรินชาให้เหลิ่งเซ่าถิง พูดเสียงอ่อนโยน:“ขอโทษทีนะ ฉันไม่คิดว่าความอยากรู้ของคนที่นี่จะหนักขนาดนี้ แถมยังใจกล้าขนาดนี้ เป็นเพราะว่าฉันอยู่ที่ต่างประเทศมาตลอดหนึ่งปี ฉันเลยชอบชีวิตแบบเรียบง่ายไปแล้ว ตอนนี้กลับประเทศมาก็ยังคิดว่าคงเหมือนเมื่อก่อนที่แค่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารสบายๆเท่านั้น แต่ลืมฐานะของคุณสนิทเลย แค่คุณปรากฏตัวก็ทำให้ผู้คนสนใจได้ขนาดนี้ นี่เหมือนว่าฉันเป็นซินเดอเรลล่าที่แสนจะธรรมดาเลยนะ”

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้ว แล้วพูดเสียงขรึม:“ก่อนคุณจะไปคุณหยิบสร้อยคอของแม่ผมไปหนึ่งเส้น ตอนนี้คืนมาได้หรือยัง?”

“เซ่าถิง คุณไม่เปลี่ยนไปจริงๆด้วย ยังคงเย็นชาเหมือนเดิม” หลิวจื่อซิงก้มหน้าลง ส่ายหน้าด้วยความเศร้าสร้อย:“คุณอ่อนโยนสักนิดไม่เป็นเลยเหรอ ทั้งๆที่ตอนเด็กๆคุณอบอุ่นใจดีขนาดนั้น ทำไมตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วล่ะ?”

หลิวจื่อซิงพูดถึงตรงนี้ ก็ถอนหายใจออกมา:“ตอนนี้คุณเริ่มจะเหมือนพี่ชายของคุณเข้าไปทุกวันแล้วนะ บางครั้งฉันก็คิด พี่ชายของคุณโตขึ้นเขาจะเป็นยังไง ตอนนี้เจอคุณแล้ว ก็เหมือนฉันมองเห็นพี่ชายของคุณ แต่พี่ชายของคุณถึงแม้ว่าจะเย็นชา แต่เขาก็ดีกับฉันมาก ไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรมาก ตอนเด็กๆคุณกับหมิงอันไม่กล้าจะเข้าใกล้พี่ชายคุณ กลับมีแค่ฉันที่สามารถเข้าไปในห้องหนังสือของเขาได้ ส่งขนมให้เขา แม้แต่ก่อนหน้าที่เขาจะเกิดเรื่อง ยังกำชับคุณว่าให้ดูแลฉันดีๆ เขาเด็กขนาดนั้นกลับรอบคอบขนาดนี้ น่าเสียดายจริงๆ”

เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตามองหลิวจื่อซิง พูดเสียงเบา:“ฟังดูแล้วเหมือนคุณคิดถึงพี่ชายผมมากนะ? อย่าให้ผมต้องเตือนคุณ ตอนนี้พี่ชายผมเป็นคนที่คุณควรหลีกเลี่ยงของตระกูลเหลิ่ง อย่าพูดถึงเขา โดยเฉพาะต่อหน้าคุณย่า”

หลิวจื่อซิงรีบส่ายหน้า:“คุณเข้าใจฉันผิดอีกแล้ว เซ่าถิง บางครั้งฉันก็แค่คิดถึงเรื่องตอนเด็กๆ อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเยอะหน่อย เมื่อก่อนพวกเราเข้าใจผิดกันเยอะมาก ฉันว่าพวกเราหาเวลาค่อยๆปรับความเข้าใจดีกว่านะ”

เหลิ่งเซ่าถิงยกมุมปากขึ้น เผยให้เห็นว่าเขายิ้มเยาะ:“สรุปอยากจะอธิบายให้ผมฟัง หรือเตือนผมกันแน่? พี่ชายผมเคยกำชับผมว่าให้ดูแลคุณดีๆ? ตอนนั้นก็แค่คำพูดเล่นๆของเด็กเท่านั้น พี่ชายผมเป็นคนที่อายุน้อยแต่พูดจาเหมือนคนคนแก่แบบนั้นนั่นแหละ ตอนแรกที่เขากำชับผมให้ดูแลคุณ ก็เหมือนกับให้ผมเลี้ยงนกแก้วในห้องของเขาให้ดีๆ คุณไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำอย่างกับเป็นสัญญามั่นยังไงอย่างงั้น ต่อให้คุณไม่เตือนผม ผมก็ดูแลคุณอยู่ไม่น้อย เพราะนี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่เขาพูดกับผม ไม่อย่างนั้น คุณหยิบของที่แม่ผมทิ้งไว้ให้ก่อนตายไป ตอนนี้คงอยู่ในคุกเรียบร้อยไปแล้ว”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงตรงนี้ ก็ขมวดคิ้วมองหลิวจื่อซิง:“หรือว่าคุณจะลองอธิบายก่อนว่าทำไมหยิบของชิ้นนั้นของแม่ผมไปน่าจะดีกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะผมต้องรีบไปสนามบินไปเอาสร้อยคอคืน ผมก็คงไม่ต้องโดนรถชน ตอนที่คนที่อยู่ด้านนอกต่างก็คิดว่าเป็นเพราะผมไปพาคุณกลับมาเลยเกิดอุบัติเหตุ ทำไมคุณยังไม่เข้าใจอีก? ผมโดนรถชนจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ไม่มีความรู้สึกอะไร ทำไมคุณไม่กลับมา? ในตอนแรกผมตัดสินใจว่าจะคบกับคุณแล้ว ทำไมคุณต้องไปพัวพันกับเหลิ่งหมิงอันอีก?”

“ฉัน……ฉันไม่รู้จริงๆ……” หลิวจื่อซิงหยิบสร้อยคอออกมาจากกระเป๋าเป้ ส่งให้เหลิ่งเซ่าถิง:“ตอนแรกฉันไม่รู้จริงๆว่านี่เป็นของที่คุณป้าทิ้งไว้ให้ ตอนนั้นในใจฉันมันสับสนไปหมด พวกคุณสองพี่น้องต่างก็……ฉันทั้งรู้สึกผิดทั้งสับสนจริงๆนะ ฉันคิดแค่อยากจะไปจากที่นี่ ฉันกลัวว่าไปจากที่นี่แล้ว จะคิดถึงพวกคุณ เพราะงั้นก็เลยเอาสร้อยคอเส้นนี้ไป หลังจากนั้นฉันไปถึงต่างประเทศ ก็ตัดขาดทุกการติดต่อในประเทศ ฉันไม่รู้เลยสักนิดว่าคุณโดนรถชนเพราะฉัน ยิ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเจ็บหนักขนาดนั้น ถ้าฉันรู้ ฉันคงหาทุกวิถีทางเพื่อกลับมาอยู่ข้างๆคุณอย่างแน่นอน……”

เหลิ่งเซ่าถิงหยิบสร้อยคอ มองอยู่สักพัก ถึงจะเก็บใส่ในกระเป๋าเสื้อ หลังจากนั้นก็เตรียมจะลุกขึ้น หลิวจื่อซิงรีบยื่นมือมารั้งเหลิ่งเซ่าถิงไว้ หน้าแดงก่ำ พูดเสียงเบาๆ:“เซ่าถิง คุณยังเข้าใจฉันผิดอยู่ใช่ไหม? ตอนนั้นฉันกับเหลิ่งหมิงอันไม่มีอะไรจริงๆ น่าจะเป็นเพราะโตมาด้วยกัน ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราดูแล้วค่อนข้างจะสนิท หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจผิดว่าฉันรู้สึกดีกับเขา ถึงทำเรื่องที่ทำให้คุณเข้าใจผิด หมิงอันเขาก็แค่เป็นผู้ชายที่ไม่ซับซ้อน ตอนนี้เขาก็น่าจะไม่อะไรกับฉันแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะยังคิดกับฉัน ฉันก็จะพยายามขีดเส้นความสัมพันธ์ของพวกเราให้ชัดเจน”

“ฉันรู้ว่าตัวเองฐานะทางสังคมไม่ดี แม่ฉันเป็นแค่คนรับใช้ของตระกูลเหลิ่งก็เท่านั้น ฉันได้เติบโตที่ตระกูลเหลิ่ง ได้เรียนหนังสือพร้อมพวกคุณที่ตระกูลเหลิ่ง ก็นับว่าเป็นบุญคุณที่ตระกูลเหลิ่งให้ฉันแล้ว แล้วฉันยังได้คบกับคุณอีก ก็ยิ่งทำให้ฉันต้องระมัดระวังเข้าไปอีก ถึงแม้ว่าพวกคุณจะดีกับฉันมาก แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกกลัวจนไม่สบายใจ”

หลิวจื่อซิงก้มหน้าลง สะอึกสะอื้นเสียงเบา:“โดยเฉพาะคุณ แม้ว่าคุณจะคบกับฉันแล้ว แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่? คุณเหมือนไม่สนิทกับฉันเลยสักนิด ถ้าข้างกายฉันไม่มีคนอื่นๆที่สนิทด้วย ฉันก็คงคิดว่าตัวเองเป็นแค่ตัวแทนของใครคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่ฉันอยู่ที่ต่างประเทศ แล้วได้ข่าวว่าคุณฟื้นขึ้นมาแล้ว ฉันก็พึ่งจะรู้ว่าคุณโดนรถชน ฉันรีบกลับประเทศแต่ก็ไม่คิดว่าคุณจะแต่งงานไปแล้ว นี่คงเรียกว่าชะตาฟ้าลิขิตล่ะมั้ง แต่ว่านะคุณเจี่ยนเขาดูแล้วเป็นคนดีมาก เขาคงดูแลคุณได้ดีมากใช่ไหม?”

เหลิ่งเซ่าถิงที่เดิมทีคิดจะออกไปจากห้องอาหาร หันหน้ามามองหลิวจื่อซิง แล้วถามน้ำเสียงเย็นชา:“คุณคิดว่าผมกับเจี่ยนอี๋นั่วคบกันก็ดีแล้ว คุณไม่มีแม้แต่ความอิจฉาหรือไม่ยอมเลยงั้นเหรอ?”

ได้ยินเหลิ่งเซ่าถิงถามมาแบบนี้ ตาของหลิวจื่อซิงก็สว่างขึ้นมาทันที มุมปากอดไม่ได้ที่จะยกขึ้น เธอรู้อยู่แล้วว่าเหลิ่งเซ่าถิงยังแคร์ความรู้สึกเธออยู่ ถึงแม้ว่าในใจของหลิวจื่อซิงจะลำพองใจขึ้นมา แต่ก็ต้องรีบปิดรอยยิ้มบนหน้าไว้ เผยให้เห็นความรู้สึกที่อ่อนโยน แล้วส่ายหน้าให้กับเหลิ่งเซ่าถิง:“ฉันจะไม่ยอมได้ยังไง จะอิจฉาได้ยังไง ผู้หญิงที่ร้ายมากและไม่มีความมั่นใจในตัวเองต่างหากถึงมีความคิดแบบนั้น ในทางกลับกันฉันรู้สึกขอบคุณมาก ฉันขอบคุณคุณเจี่ยนที่อยู่ดูแลคุณแทนฉันในช่วงเวลาที่คุณลำบากมากที่สุด แบบนี้ถึงจะทำให้ฉันมีโอกาสได้เห็นว่าคุณแข็งแรงดี พวกเราถึงสามารถนั่งกินข้าวพูดคุยกันได้ วาดแผนอนาคตไง?”

“ขอบคุณ?” เหลิ่งเซ่าถิงนึกถึงเจี่ยนอี๋นั่วที่ตะโกนพูดไม่ขาดปากว่า“อิจฉา” เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

ตอนนี้เขาสามารถหวนคิดถึงฉากนั้นได้อย่างชัดเจน แม้แต่เจี่ยนอี๋นั่วที่ทำปากงุ้มพร้อมท่าทางแล้วพูด:“ผู้หญิงที่มีแผนการคนนั้น เธอมีสิทธิ์อะไร?” ก็โผล่ขึ้นมาในสมองเขาอย่างสมจริง

ในสมองของเหลิ่งเซ่าถิงได้บันทึกผู้คนไว้มากมาย พวกเขาแบ่งประเภทตามศัตรูกับมิตร แต่มีแค่เจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งเซ่าถิงไม่รู้ว่าจะจัดการเธอยังไง เปรียบเทียบกับคนที่เขาสามารถจัดประเภทได้อย่างสบายๆแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วนับว่าสดใสเกินไป ตรงไปตรงมาเกินไป ทำให้เหลิ่งเซ่าถิงยากจะสรุปว่าเป็นคนในประเภทไหน

“คุณกำลังยิ้มอะไร?” หลิวจื่อซิงมองรอยยิ้มสบายๆบนหน้าที่น้อยมากที่จะปรากฏขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะถามเสียงเบา

เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆหุบยิ้มลง มองหลิวจื่อซิง เหตุผลที่เขาคบกับหลิวจื่อซิงง่ายมาก ก็แค่เพราะอายุเขาถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว เขาควรจะมีแฟนอยู่ข้างๆเขาได้แล้ว หลิวจื่อซิงตรงกับสเปคของเขา คบกับหลิวจื่อซิงคนอื่นๆคงไม่แปลกใจ ถึงแม้ว่าฐานะของหลิวจื่อซิงจะไม่ดี แต่ก็เติบโตมาด้วยกันกับเหลิ่งเซ่าถิง เรื่องนี้ก็คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่

อีกอย่างถึงแม้ว่าหลิวจื่อซิงมีแผนการ แต่ค่อนข้างจัดการง่าย ไม่จำเป็นต้องลงแรงไปทำความรู้จักใหม่ แต่ก่อนหน้านี้เหลิ่งเซ่าถิงอายุน้อยเกินไป มองข้ามความโลภของจิตใจคน หลิวจื่อซิงไม่เพียงแต่อยากได้เขา แถมยังมีผู้ชายหลายคนที่แวะเวียนมาหาเธอจนหัวกระไดไม่แห้ง เธอไม่เพียงแต่ต้องการตำแหน่งคุณหญิงตระกูลเหลิ่ง แต่ยังต้องการให้ผู้ชายคนอื่นๆมาสยบใต้เสน่ห์ของเธออีกด้วย

สำหรับหลิวจื่อซิงแล้ว เหมือนว่าจะมีผู้ชายหลายคนที่หลงใหลเธอแย่งชิงเธอ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามีเกียรติ จนถึงตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงก็ยังไม่รู้ว่าเกมแสวงหาที่ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อนั้น มีอะไรที่คุ้มค่าให้เธอลองอีกครั้ง โยงคนอื่นๆให้เล่นเกมนี้ด้วยกันกับเธอ

แต่ถึงแม้ว่าหลิวจื่อซิงจะเป็นแบบนี้ ก็เหมาะกับตระกูลเหลิ่งมากกว่าเจี่ยนอี๋นั่ว ตระกูลเหลิ่งเหมาะกับผู้หญิงแบบหลิวจื่อซิง เสแสร้งมารยา คำนึงถึงผลประโยชน์มากกว่าคุณธรรม แต่ตัวเองนั้นเก่งในเรื่องแสดงละครยิ่งกว่า เจี่ยนอี๋นั่วทุ่มเทกับความรู้สึกง่ายเกินไป แคร์ความรู้สึกมากเกินไป และสามารถถูกคนอื่นชักจูงความรู้สึกได้ง่าย สำหรับคนอื่นแล้วไม่เป็นอะไรหรอก แต่สำหรับตระกูลเหลิ่ง ไม่ว่าจะเขาหรือเจี่ยนอี๋นั่ว ล้วนแต่อันตรายทั้งสิ้น เพราะว่าใบมีดที่คมและดีที่สุดที่คนอื่นจะใช้ในการจัดการคุณก็คือความรู้สึก!

เหลิ่งเซ่าถิงคิดถึงตรงนี้ ก็ก้มหน้ามองมือของตัวเอง ปลายนิ้วของเขาเย็นยะเยือก ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นอีกต่อไป แต่เขาที่เป็นแบบนี้ถึงจะสามารถมีสติในการจัดการกับปัญหาได้ เหลิ่งเซ่าถิงเงยหน้ามองไปทางหลิวจื่อซิง แล้วพูดเสียงเบา:“ผมกำลังคิด บางทีคุณเหมาะสมกับผมมากกว่าเจี่ยนอี๋นั่ว เพราะงั้นผมถึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา”

หลิวจื่อซิงรีบก้มหน้าลง แล้วพูดเสียงเบา:“เซ่าถิงตอนนี้คุณร้ายเกินไปจริงๆ พูดคำพวกนี้ออกมาให้คนเขาเขินอายเนี่ย”

“ใกล้ถึงวันเกิดคุณย่าแล้ว ครั้งนี้คุณย่าจะจัดงานเลี้ยงหรูหราใหญ่โต คุณสามารถไปเป็นคู่ควงผมได้ไหม?” เหลิ่งเซ่าถิงมองหลิวจื่อซิง แล้วถามเสียงหนักแน่น

“หา……” หลิวจื่อซิงยื่นมือขึ้นปิดปากเบาๆ แสดงสีหน้าตกใจออกมา:“จริงเหรอ? ฉันยินดี ฉันยินดีจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป จะไม่แยกจากคุณอีกแล้ว……”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน