หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 60 คนขี้ขลาด

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เหลิ่งหมิงอันค่อยๆหรี่ตาลงในบรรยากาศที่มืดมิด เขาจ้องเจี่ยนอี๋นั่ว ผ่านไปสักพักถึงจะหัวเราะออกมา:“คุณนี่กลัวตายจริงๆนะ เมื่อกี้ยังด่าผมอยู่เลย ตอนนี้กลับเชื่อฟังผมทุกอย่าง”

เหลิ่งหมิงอันพูดถึงตรงนี้ ก็เข้าใกล้เจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มแล้วพูด:“แต่จูบของคุณเมื่อกี้ ยังไม่มีความรู้สึกเท่าเมื่อก่อนตอนที่ช่วยผมนะ? ตอนที่คุณช่วยผม หวาดกลัวจริงๆนะ แถมริมฝีปากยังสั่นอีกด้วย ตอนที่คุณเข้าใกล้ผม ผมรู้สึกได้ว่าทั้งตัวคุณสั่น แต่แข็งทื่ออย่างกับตุ๊กตา แถมยังเม้มปากแน่นอีก”

เหลิ่งหมิงอันพูด แล้วยื่นมือไปลูบที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วอยากจะหลบ แต่ก็ต้องบังคับตัวเองว่าห้ามหลบ กัดฟันแล้วยอมรับการสัมผัสจากเหลิ่งหมิงอัน

“คุณเป็นแบบนี้ก็ไม่สนุกเลยสิ” เหลิ่งหมิงอันยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด:“คุณเหมาะจะด่าคนทุบตีคนมากกว่านะ ไม่เหมาะกับฝืนทนแบบนี้ อารมณ์น่าสงสารแบบนี้ ไม่เหมาะกับคุณเลยจริงๆ”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปากแน่น ไม่ได้พูดอะไรออกมา เหลิ่งหมิงอันกลับหัวเราะตลอด มองเจี่ยนอี๋นั่วแล้วพูด:“แต่พอคุณผ่านครั้งนี้ไป คงจะหมดหวังกับเหลิ่งเซ่าถิงแล้วล่ะสิ?”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้ว่าทำไมเหลิ่งหมิงอันต้องพูดถึงเหลิ่งเซ่าถิง แต่พอผ่านการสัมผัสของเหลิ่งหมิงอันเมื่อกี้นี้ เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้ว่าหลังจากนี้จะไม่มีทางชอบเหลิ่งเซ่าถิงอีก เธอรู้สึกว่าน่ารังเกียจ เธอรังเกียจตัวเอง ทั้งๆที่ชอบเหลิ่งเซ่าถิง แต่กลับเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเหลิ่งหมิงอันก่อนเพื่อเอาชีวิตรอดเนี่ยนะ เธอจะมีสิทธิ์อะไรไปถามเหลิ่งเซ่าถิงว่าทำไมไม่ชอบเธอ?

อีกอย่างระดับความน่ากลัวของตระกูลเหลิ่ง ก็ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วตกใจกลัว ก่อนหน้านี้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกแค่คนตระกูลเหลิ่งนั้นอันตรายมาก ตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่าพวกเขาน่ากลัวแค่ไหน ขนาดเหลิ่งหมิงอันคนนี้ที่ดูแล้วค่อนข้างเป็นคุณชายร่ำรวยอันเป็นที่รักของทุกคน ยังมีหลายมุมขนาดนี้ แล้วคนอื่นล่ะ? แล้วคุณนายเหลิ่งที่ควบคุมดูแลตระกูลเหลิ่งมาหลายปีล่ะ?

บางครั้งคำพูดที่คุณนายเหลิ่งพูดก็แสดงให้เห็นว่าเธอดูถูกเหยียดหยามกับชีวิตของคนอื่นมากแค่ไหน เธอจะให้ความสำคัญกับชีวิตไปทำไมล่ะ? แล้วไหนจะเหลิ่งเซ่าถิงอีก เขาไม่ได้เป็นคนเหมือนที่เธอคิดไว้ว่าแข็งนอกอ่อนในใช่หรือเปล่า? ตระกูลเหลิ่งทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกถึงความน่ากลัว

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อยๆพยักหน้า:“ตระกูลเหลิ่งคนอื่นๆของพวกคุณ ฉันคงไม่ไปคิดถึงแล้ว”

“ถ้าคุณไม่เข้ามาร่วม บางทีผมอาจจะปล่อยคุณไป” เหลิ่งหมิงอันยื่นมือออกมา ค่อยๆสัมผัสไปที่บนริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว

นิ้วมือของเหลิ่งหมิงอันค่อยๆลูบไล้ที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว เขากดเสียงต่ำพูด:“ถ้าคุณไม่คบกับเขา ผมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาพัวพันกับคุณ ของที่เขาต้องการ ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา ส่วนของที่เขาไม่ต้องการ ผมก็ไม่ต้องการเหมือนกัน”

เจี่ยนอี๋นั่วอยากจะพูด หรือว่าเหลิ่งหมิงอันอิจฉาเหลิ่งเซ่าถิงที่สถานภาพเหนือกว่า? แต่สถานการณ์ตอนนี้ของเจี่ยนอี๋นั่วอึดอัดมาก เธอไม่กล้าพูดมาก ทำได้แค่เม้มปากปิดไว้ให้สนิท

เหลิ่งหมิงอันสัมผัสริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ แล้วพูด:“คุณอยากจะพูดอะไร? แต่ไม่กล้าพูดต่อหน้าผม กำลังพยายามเก็บไว้ในใจงั้นเหรอ? ถึงเม้มปากสนิทขนาดนี้?”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดเสียงเบา:“ฉันกำลังคิด ชีวิตของพวกคุณซับซ้อนเกินไป ฉัน……ฉันตกใจกลัวน่ะ”

“ขี้ขลาดจริงนะ” เหลิ่งหมิงอันหัวเราะออกมา มือของเขาลูบบนใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว:“คุณขี้ขลาดขนาดนี้ ตอนนั้นทำไมถึงเปิดโปงเรื่องคุณครูปีศาจคนนั้นล่ะ? ไม่ใช่เรื่องโกหกใช่ไหม?”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากจะพูดกับเหลิ่งหมิงอันต่อจริงๆ ไม่อยากตอบคำถามไม่ว่าคำถามอะไรก็ตามของเขา แต่ถ้าตอนนี้เธอยั่วโมโหเหลิ่งหมิงอันล่ะก็ เจี่ยนอี๋นั่วกลัวว่าจะตายด้วยน้ำมือของเหลิ่งหมิงอันเข้าจริงๆ

เจี่ยนอี๋นั่วหายใจเข้าลึกๆ กดเสียงต่ำแล้วพูด:“ตอนนั้นฉันยังเด็ก ไม่มีอะไรให้กังวล อีกอย่างรายงานเรื่องคุณครูคนนั้นแล้ว ไม่มีทางกระทบถึงคนในครอบครัวของฉัน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ครอบครัวฉันยังต้องพึ่งพาฉัน ถ้าฉันเกิดอะไรขึ้นมา ก็ไม่มีใครสามารถดูแลเขาได้”

“ครอบครัวก็เป็นจุดอ่อนได้งั้นเหรอ? แต่พวกเราตระกูลเหลิ่ง ครอบครัวไม่มีทางกลายเป็นจุดอ่อนหรอก” มือของเหลิ่งหมิงอันยังคงลูบที่แก้มของเจี่ยนอี๋นั่ว คล้ายกับว่าหลงใหลในการลูบผิวของเจี่ยนอี๋นั่วจนทำให้เขาไม่อยากวางมือ

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว พยักหน้าเบาๆ:“เรื่องที่แคร์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับฉัน เงินค่อยหาใหม่ได้ แต่ถ้าไม่มีครอบครัวแล้ว ทุกอย่างของฉันก็ไม่มีความหมาย”

“มีคนคิดแบบนี้ด้วยเหรอ?”

เหลิ่งหมิงอันหรี่ตาแล้วหัวเราะออกมา:“แต่ครอบครัวผมกลับเลือกเงินแล้วทอดทิ้งผม ต่อให้ผมถูกคนลักพาตัวไป พวกเขาก็คงไม่มีทางเสียผลประโยชน์อะไรสักนิดเดียว หรือเสี่ยงอันตรายที่ผมจะถูกฆ่า ยิงไปที่คนที่ลักพาตัวผมหรอก”

เจี่ยนอี๋นั่วกะพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจคำพูดของเหลิ่งหมิงอันหมายความว่ายังไง และเธอก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าคำพูดของเหลิ่งหมิงอันสรุปแล้วหมายถึงอะไรกันแน่ ไม่ได้ยินคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่วตอบกลับ เหลิ่งหมิงอันก็หัวเราะกับเจี่ยนอี๋นั่ว:“จู่ๆผมก็คิดขึ้นมาได้ เมื่อกี้ตอนที่ผมพูดถึงพี่ชายของเหลิ่งเซ่าถิง คุณไม่ตกใจเลยแม้แต่น้อย? เหลิ่งเซ่าถิงเคยพูดเรื่องพี่ชายกับคุณนี่ใช่ไหม?”

เจี่ยนอี๋นั่วนิ่งอึ้งสักพัก เธอไม่คิดว่าเหลิ่งหมิงอันจะคาดเดาเรื่องเกี่ยวกับพี่ชายของเหลิ่งเซ่าถิงที่เธอได้ยินมาได้ในเวลาไม่นาน เจี่ยนอี๋นั่วไม่พยักหน้าหรือส่ายหน้าแต่อย่างใด แค่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น เหลิ่งหมิงอันหัวเราะขึ้นมา มองเจี่ยนอี๋นั่วแล้วพูด:“ทำไม? รู้สึกเหลิ่งเซ่าถิงน่าสงสารมากใช่ไหม? มีพี่ชายที่เก่งขนาดนั้นคอยกดทับอยู่ ไม่ได้รับความสำคัญมาตลอด แต่พอพี่ชายของเขาตาย เขาถึงสามารถกลายเป็นคนรับช่วงต่อของตระกูลเหลิ่งได้ คุณคิดว่าเขาน่าสงสารมาก แต่ถามหน่อยพวกเราตระกูลเหลิ่งมีใครบ้างที่ไม่เคยผ่านอดีตมา?”

เหลิ่งหมิงอันกดเสียงต่ำพูด:“ผมก็เคยมีนะ ในตอนแรกมีบริษัทอยู่ที่หนึ่งแย่งอำนาจกับตระกูลเหลิ่งมาโดยตลอด แต่ว่าพวกเขาก็ล้มเหลว พวกเขาถึงกับจ้างคนมาลักพาตัวเหลิ่งเซ่าถิงเพื่อไม่ให้ตระกูลเหลิ่งรวมเข้าด้วยกัน แต่การลักพาตัวเหลิ่งเซ่าถิงมันง่ายขนาดนั้นซะที่ไหน พวกเขาก็เลยมาลักพาตัวผมแทน ขอแค่ตระกูลเหลิ่งไม่รวมกับบริษัทของพวกเขา พวกเขาก็จะปล่อยผม แต่ก็ถูกตระกูลเหลิ่งปฏิเสธ หลังจากนั้นก็อยากได้หุ้นส่วน แต่ก็ถูกปฏิเสธอีก สุดท้ายอยากได้เงินอีก คุณนายเหลิ่งเห็นด้วย แค่เงินเท่านั้นที่ตระกูลเหลิ่งมีเยอะมาก แต่เงินนั่นก็ให้พ่อผมเป็นคนไปส่ง……”

“คุณคงจะรู้สึกว่าให้พ่อผมไปส่ง ผมจะต้องไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแน่ๆเลยใช่ไหม? แต่ตอนนั้นพ่อผมได้ชื่อว่าเป็นคุณชายรองตระกูลเหลิ่ง เขาไม่มีอำนาจจริงๆเลยสักนิดด้วยซ้ำ แม้แต่เงินก็น้อยครั้งที่จะได้แตะ เงินนั่นร้อยล้านดอลลาร์ ร้อยล้านดอลลาร์หมายความว่ายังไง? หมายความว่าเป็นกำแพงทางตันที่ทำด้วยเงิน พ่อผมเป็นลูกนอกสมรส ก่อนหน้าที่เขายังไม่ได้เข้าไปในตระกูลเหลิ่ง ชีวิตเขาแต่ละวันลำบากมาก เพราะงั้นตอนที่เขาได้เห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้ เขาก็เลยลังเล”

เหลิ่งหมิงอันส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ:“เขาอยากจะปกป้องเงินนั่นไว้ แล้วก็อยากได้ตัวผมด้วย เพราะงั้นในตอนที่โจรลักพาตัวใช้ปืนจ่อที่หัวผม เขาไม่ได้ส่งเงินไปปกป้องชีวิตผม เขาให้มือปืนซุ่มยิงยิงโจรลักพาตัวนั่น ก่อนหน้าที่โจรลักพาตัวจะตายก็ลั่นไกปืนขึ้นมา กระสุนปืนเฉียดหลังผมไป ตอนนี้ยังมีรอยแผลเป็นอยู่เลย หลังจากที่เรื่องผ่านไปพ่อผมภูมิใจมาก เพราะว่าเขาสามารถปกป้องได้ทั้งเงินก้อนนั้นทั้งชีวิตของผม แต่ผมรู้ ในตอนนั้นสำหรับพ่อผมแล้วเงินก้อนนั้นสำคัญกว่าชีวิตผม เป็นยังไงบ้าง? ประสบการณ์นี้น่าเวทนาหรือเปล่า? คุณคิดว่าผมน่าสงสารไหม? น่าเวทนากว่าเหลิ่งเซ่าถิงใช่ไหม?”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว เรื่องของเหลิ่งเซ่าถิงทำให้เธอตกใจ เรื่องที่เหลิ่งหมิงอันได้ประสบก็ทำให้เธอตกใจเหมือนกัน หรือว่าลูกหลานของตระกูลเหลิ่งล้วนแต่มีประสบการณ์แบบนี้เหรอ? ภายหลังที่ตระกูลเหลิ่งร่ำรวยมหาศาล ล้วนแต่แลกมาด้วยประสบความเคราะห์ร้ายของทุกคนใช่หรือเปล่า?

เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปากสักพัก พูดเสียงเบา:“ฉันไม่มีทางให้ลูกของฉันเกิดในตระกูลเหลิ่งแน่นอน”

เหลิ่งหมิงอันยิ้มเยาะ:“ไม่คิดว่าคุณก็เป็นแม่ที่ดีคนหนึ่งเหมือนกัน”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปากแน่น จู่ๆรอบข้างก็มีเสียงสุนัขป่าคำรามดังขึ้นมา เจี่ยนอี๋นั่วรีบขดตัว เหลิ่งหมิงอันก็รีบพูดขึ้นมา:“ไปกันเถอะ พวกเราขึ้นไปกัน”

เหลิ่งหมิงอันพูด มือเกาะไปที่บนไหล่ของเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆหลบ เธอขมวดคิ้วแล้วถาม:“คุณ คุณจะทำอะไร?”

เหลิ่งหมิงอันเข้าใกล้เจี่ยนอี๋นั่วแล้วพูดว่า:“ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ตาย แต่ผมก็บาดเจ็บนะ คุณพยุงผมขึ้นไปสิ”

เจี่ยนอี๋นั่วลังเลสักพัก เธอยังไม่ลืมว่าเธอลงมาเพื่ออะไร เจี่ยนอี๋นั่วกวาดสายตาไปรอบๆอย่างรวดเร็ว เหลิ่งหมิงอันสังเกตว่าเธอกำลังมองรอบๆ ก็หัวเราะแล้วถามเสียงเบา:“คุณกำลังหาโทรศัพท์ใช่ไหม?”

เหลิ่งหมิงอันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากในกระเป๋าแล้วส่งไปในมือเจี่ยนอี๋นั่ว มือถือที่เจี่ยนอี๋นั่วเห็นนั้นได้ปิดเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว เธอรีบเปิดเครื่อง พอเห็นว่านี่เป็นมือถือของตัวเธอเองจริงๆ ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง:“คุณไม่ได้โยนโทรศัพท์ของฉันทิ้ง?”

เหลิ่งหมิงอันยิ้มเบาๆ:“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไง แค่แกล้งคุณเล่นเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าปฏิกิริยาตอบกลับของคุณจะเล่นใหญ่ขนาดนั้น ตอนนี้ผมคืนโทรศัพท์ให้คุณแล้ว คุณจะพยุงผมขึ้นไปไหม? ไม่งั้นผมตายอยู่ที่นี่ เหมือนว่าจะไม่ได้เป็นประโยชน์สำหรับคุณเท่าไหร่เลยนะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดเสียงเบา:“คุณไม่ควรล้อเล่นแบบนี้นะ”

จู่ๆมือของเหลิ่งหมิงอันก็ใช้แรงโอบเจี่ยนอี๋นั่วแน่นขึ้น หัวเราะเบาๆ:“คุณในตอนนี้กำลังดีเลย ดูแล้วไม่ได้กลัวผมขนาดนั้น ทำให้ผม……”

เจี่ยนอี๋นั่วหลบเล็กน้อย เหลิ่งหมิงอันเกือบจะล้มลงบนพื้น เจี่ยนอี๋นั่วก็รีบพูดขึ้นมา:“คุณอย่าขยับมั่วสิ ไม่งั้นฉันพยุงไม่ไหว จนทำให้คุณกลิ้งลงไปนะ ถ้าหากคุณเกิดอะไรขึ้นมาคงไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่ได้เกี่ยวโยงถึงฉัน แต่นี่เกี่ยวโยงถึงฉันเต็มๆ”

“ผมเกิดอะไรขึ้นมาคงไม่เป็นไร แต่กลัวว่าจะเกี่ยวโยงไปถึงคุณ?” เหลิ่งหมิงอันพูด:“คุณนี่พอกลับเป็นปกติ ก็พูดจาไม่น่าฟังเลยนะ แต่ว่านะผมชอบคุณในตอนนี้มากกว่า ถ้าคุณอยากให้ผมชอบคุณมากขึ้นไปอีก คุณก็พูดจาไม่น่าฟังนั่นแหละ แบบนั้นจะทำให้ผมยิ่งชอบคุณ บางทีผมอาจจะชอบคุณ ชอบจนกระทั่งต่อให้เหลิ่งเซ่าถิงไม่ต้องการคุณแล้ว ต่อให้คุณไม่ชอบเหลิ่งเซ่าถิงแล้ว ผมก็ยังจะพัวพันกับคุณอยู่อย่างนั้น”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอสาบาน ต่อไปเธอจะไม่พูดอะไรที่ตรงไปตรงมาต่อหน้าเหลิ่งหมิงอันอีก และจะไม่พูดจาคำไม่น่าฟังพวกนั้น ไม่มีทางให้เหลิ่งหมิงอันเกิดความอยากรู้เกี่ยวกับตัวเธออีกเป็นอันขาด

เหลิ่งหมิงอันหันหน้าไปมองสีหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วค่อยๆหัวเราะออกมา นิ้วมือของเขาสัมผัสเบาๆตรงผิวหนังของเจี่ยนอี๋นั่วที่โผล่ออกมา ปลายนิ้วสัมผัสกับผิวของเธอที่เนียนละเอียด

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน