หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 65 ไม่อนุญาตให้คุณจูบคนอื่น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองท่าทางของเหลิ่งเซ่าถิงและตอบกลับอย่างไว:ฉันไม่เคยคบกับเขานะ นั่นเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายของฉันเท่านั้นเอง ในวันที่เราเรียนจบ เราได้สังสรรค์งานเลี้ยงอำลากัน ดื่มเยอะไปหน่อย จากนั้นเขาก็จูบฉัน ก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่ายังชอบเขาอยู่ หลังจากที่ได้จูบกันครั้งนั้น ฉันพึ่งรู้สึกตัวว่าฉันรักเขาเข้าแล้ว…… “

แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วแล้วถามต่อ

เจี่ยนอี๋นั่วทำท่าขมวดคิ้ว ตอบด้วยน้ำเสียงเบา:”หลังจากที่ฉันตื่นมา คนๆนั้นก็หายไปแล้ว จากนั้นก็ต่างคนต่างไปไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีก ตอนนี้แม้แต่ชื่อและรูปร่างเขาเป็นยังไงฉันก็จำไม่ได้แล้ว แต่ยังจำความรู้สึกรอยจูบตอนนั้นได้ดี พอนึกคิดย้อนความทรงจำในวันนั้น ฉันในเวลานั้นเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ซะมากกว่า”

“ทำไมยังมีคนแบบนี้หลงเหลืออยู่อีกเหรอ เมาแล้วจูบคนอื่นไปทั่ว? ทำไมถึงเป็นผู้หญิงแบบนี้ จูบกับชายอื่นไปทั่ว “ เหลิ่งเซ่าถิวเอามือก้ายหน้าผากพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

ในสายตาเจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นพวกรักร่วมเพศแน่นอน ยิ่งได้ยินเหลิ่งเซ่าถิงพูดแบบนี้ ยิ่งรู้สึกอารมณ์เสีย นึกเพียงแต่ว่าเหลิ่งเซ่าถิงถูกเก็บกดมานานเกินไป โดยไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับความรักใคร่ระหว่างชายหญิงแล้ว

เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆขยับเข้าไปใกล้เหลิ่งเซ่าถิง น้ำเสียงที่นุ่มนวลพูดขึ้น:” อันที่จริงเรื่องแบบนี้มันไม่ได้แปลกอะไรเลย มีชายหญิงมากมายแค่ถูกใจก็พากันไปเปิดโรงแรมแล้ว คุณอย่าไปคิดมากเลยมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร สมัยวัยรุ่นจูบกับใครหลายๆคน ประสบการณ์แบบนี้มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้าย ฉันว่านะ ไม่เพียงแต่คู่ระหว่างชายหญิงเท่านั้น คู่ระหว่างชายกับชาย สมัยนี้โลกมัรเปิดกว้างมากขึ้นแล้วนะ…..”

“หุบปาก!”เหลิ่งเซ่าถิงกัดฟันเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่วด้วยท่าทางที่เย็นชา:”อย่าพูดจาไร้สาระให้ผมได้ยินอีกนะ!”

ให้ตายเหอะ พูดตรงเกินไปหรือเปล่า เหมือนพูดกระทบจิตใจของเขามากเกินไป คนอย่างเหลิ่งเซ่าถิงคนที่พยายามเก็บกดและฝืนความรู้สึกของตัวเองที่ไม่ให้รักผู้ชาย น่าจะแกล้งทำว่าเกลียดเรื่องแบบนี้และไม่อยากฟังเรื่องความรักของพวกรักร่วมเพศหรอก

เจี่ยนอี๋นั่วหยุดคิดต่อทันที พูดด้วยน้ำเสียงเบา:” ได้ค่ะ ได้ค่ะ ไม่พูดต่ออีกแล้วค่ะ”

เหลิ่งเซ่าถิงถอนหายใจเฮือก เวลานี้ในหัวของเขาถูกเจี่ยนอี๋นั่วปั่นซะจนวุ่นวายสับสนไปหมด เจี่ยนอี๋นั่วพูดตรงเกินไปแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วไม่คิดกลัวเขาจะรังเกียจเลยเหรอ?

เหลิ่งเซ่าถิงคิดถึงตรงนี้หันหน้าไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วก็มองเหลิ่งเซ่าถิงด้วยแววตาที่เห็นอกเห็นใจ เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ:คุณใช้แววตาแบบนี้มองผมทำไมกัน?”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบหลบตา พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ฉันใช้แววตายังไงคะ ก็เป็นเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วทำแบบนี้เพื่อปกปิดอาการตื่นตระหนกของตัวเธอเอง สำหรับเหลิ่งเซ่าถิงมองว่า เหมือนเธอแอบรักและแอบมองเขาอยู่ พอเขาดูออกเธอก็รู้สึกเขินอาย ในใจของเหลิ่งเซ่าถิงค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ไม่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะรักผู้ชายมาแล้วกี่คน และมีความสัมพันธ์กันใครมาแล้วกี่ครั้ง แต่อย่างน้อยเวลานี้คนที่เธอรักคือเขา

หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงใจเย็นลง ก็รีบซักถามต่อ:“กี่ครั้ง?”

“อะไรคือกี่ครั้งคะ?”เจี่ยนอี๋นั่วมองหน้าเหลิ่งเซ่าถิงด้วยอาการที่มึนงง

เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“ในคืนนั้น เหลิ่งหมิงอันจูบคุณทั้งหมดกี่ครั้ง?”

“อ้าว? เรื่องนี้เองเหรอ?” เจี่ยนอี๋นั่วรีบทำท่าคิ้วขมวด ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่เคยจำว่ากับเหลิ่งหมิงอันจูบเธอจูบไปแล้วกี่ครั้ง

ในสายตาของเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งเซ่าถิงเปรียบเสมือนภูเขาน้ำแข็งแม้จะเจออุณหภูมิสูงขนาดไหนก็ไม่ละลาย แต่สำหรับเหลิ่งหมิงอันนั้นเป็นคนที่มีความต้องการสูง ขอเพียงมีโอกาสอันน้อยนิด ก็จะแสดงความต้องการนั้นออกมาและไม่หยุดที่จะหาโอกาสเข้าใกล้เธอ

“เจ็ดถึงแปดครั้งได้มั้ง” เจี่ยนอี๋หยุดคิดชั่วขณะ เธอตอบคำถามและบอกจำนวนเหลิ่งเซ่าถิงคร่าวๆ

“เจ็ดครั้งหรือแปดครั้งกันแน่?” เหลิ่งเซ่าถิงจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วแล้วถาม:“คุณต้องให้คำตอบกับผมที่มันชัดเจนกว่านี้สิ”

“เจ็ดครั้งค่ะ” เจี่ยนอี๋นั่วจำไม่ได้จริงๆว่าทั้งหมดมันกี่ครั้งกันแน่ เพียงแต่ตอบมั่วๆไปเท่านั้นเอง

“อืม ผมรู้ละ” เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

คุณรู้อะไรเหรอคะ? เหลิ่งเซ่าถิงอยากรู้ว่าจำนวนทั้งหมดมันกี่ครั้งกันแน่? แม้เหลิ่งเซ่าถิงจะเป็นพวกรักร่วมเพศ เขาก็ไม่สนใจเธอหรอก เพราะเขาและเธอเป็นแค่สามีภรรยาแค่ในนามเท่านั้น หรือเป็นเพราะเธอถูกเหลิ่งหมิงอันลวนลามเหรอ? แต่หลังจากที่จดจำจำนวนได้แล้ว เหลิ่งเซ่าถิงจะทำยังไงต่อไป? หรือจะหาเหตุผลเล่นงานเธออีกเหรอ? หรือจะหาคำพูดต่อว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่มีศีลธรรมเหรอ?

“นี่คุณ คุณคิดจะทำอะไรคะ? ฉันเคยบอกคุณแล้วว่า ฉันถูกสถานการณ์มันบังคับ” เจี่ยนอี๋นั่วพูดอธิบายอย่างต่อเนื่องด้วยน้ำเสียงที่เบา

เหลิ่งเซ่าถิงทำหน้าคิ้วขมวดพร้อมพูดขึ้นว่า:“ผมรู้ คุณถูกเหลิ่งหมิงอันคุกคามและลวนลาม แต่คุณก็ไม่เชื่อว่าผมสามารถเป็นที่พึ่งของคุณได้ ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมสามารถปกป้องคุณได้ ต่อไปนี้ถ้าหากเหลิ่งหมิงอันกล้าคุกคามหรือลวนลามคุณอีก คุณไม่ต้องไปใส่ใจอีก และถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับคุณจริงๆสาเหตุเป็นเพราะมัน ไม่ว่าจะมีหลักฐานหรือไม่ ผมก็ไม่มีวันปล่อยมันไป และชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต สำหรับคุณพ่อของคุณผมจะดูแลท่านแทนคุณไปตลอดชีวิต คุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ผมจะปกป้องและดูแลคุณเอง”

ถึงแม้คำพูดที่หลิ่งเซ่าถิงพูดออกมานั้นไม่ค่อยเป็นดีสักเท่าไหร่ แต่ว่ากลับทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกอุ่นใจมาก ขอเพียงมีใครสักคนสามารถแก้แค้นให้กับเธอ มีใครสักคนสามารถดูแลครอบครัวของเธอแทนเธอได้ความรู้สึกแบบนี้มันช่างดีเหลือเกิน เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าภาระอันหนักอึ้งได้เบาบางลง เธอไม่ได้ผลักภาระความรับผิดชอบดูแลคุณพ่อของเธอไปให้เหลิ่งเซ่าถิง สิ่งต่างๆเหล่านั้นมีความไม่เที่ยงหนอ และเจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธออีก ก่อนหน้านี้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกร้อนรนใจมาก เธอกลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับเธอ และกลัวว่าไม่มีใครดูแลคุณพ่อแทนเธอ ความร้อนรนใจแบบนี้มันจะกลายเป็นความวิตกกังวลใจที่รุนแรงมากขึ้น คำพูดของเหลิ่งเซ่าถิงทำให้เธอสบายใจและโล่งอกมากขึ้น และทำให้เธอสามารถเผชิญกับเหตการณ์ต่างๆในชีวิตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปได้

ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เจี่ยนอี๋นั่วรีบเอามือลูบที่กลางอกแล้วหายใจเข้าลึกๆ อัตราการเต้นของหัวใจค่อยๆกลับมาเป็นปกติ นี่เธอเป็นอะไรไปเนี่ย? รู้ทั้งรู้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงไม่ชอบผู้หญิง ทำไมหัวใจต้องเต้นแรงทุกครั้งด้วย? เธอเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหมเนี่ย?

เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ไม่ว่าก่อนหน้านี้คุณจะคบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน แต่หลังจากนี้ต่อไปคุณห้ามไปสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นอีก คุณจำไว้นะ ตอนนี้คุณเป็นภรรยาของเหลิ่งเซ่าถิงเท่านั้น!”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ เอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆพร้อมพูดขึ้นว่า:“คุณไม่ต้องกลัวนะ คุณยังมีผม”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“คุณไม่ถือสาเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเหลิ่งหมิงอันเหรอ? ฉันรู้สึกว่าตัวเองนั้นทำเกินไป และฉันยังละอายใจมากเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณ”

เหลิ่งหมิงอันคิ้วขมวดพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:“รักษาชีวิตไว้ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับคุณจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณคงจะไม่มีโอกาสอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟังได้อีก? แทนที่คุณเอาเวลาไปคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจ คุณควรเอาเวลาไปใส่ใจกับการทำงานดีกว่า นั่นคือสิ่งที่กำหนดได้ว่าคนคนหนึ่งสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ไหม”

“ฉันแค่รู้สึกว่าอีกด้านหนึ่งสารภาพรักกับคุณไปด้วย และในเวลาเดียวกันก็ไปอยู่ในอ้อมกอดของเหลิ่งหมิงอันไปด้วยมันดูไม่เหมาะสม……”เจี่ยนอี๋นั่วพูดพึมพำ

“ถึงมันจะดูไม่เหมาะสมเอามากๆ ก็ยังดีที่คุณเข้าใจเหตุผลข้อนี้” เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ต่อไปคุณก็วางใจที่จะรักผมได้เลย และคุณจะไม่ต้องถูกเหลิ่งหมิงบังคับขุมขู่ให้ทำเรื่องที่ไม่อยากทำอีก”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบก็ก้มหัวลง เพื่อที่จะซ่อนอารมณ์ของเขา เขาก้มมองนาฬิกาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ผมต้องไปทำงานแล้ว คุณพักผ่อนก่อนเถอะ”

“เหลิ่งเซ่าถิง……”เจี่ยนอี๋นั่วทนไม่ไหวที่จะเรียกชื่อเขา

เวลานี้เจี่ยนอี๋นั่วมีเรื่องที่อยากถามเหลิ่งเซ่าถิงเยอะแยะไปหมด อยากถามเหลิ่งเซ่าถิงว่าเป็นพวกรักร่วมเพศหรือเปล่า?เมื่อกี้นี้สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมด ตอนนี้คือกำลังอนุญาตให้เธอมีสิทธิ์รักเขาได้แล้วมันหมายความว่ายังไงกัน?ตอนนี้ในสมองสับสนวุ่นวายไปหมด ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเธอเองต้องการถามอะไรกันแน่ พอเหลิ่งเซ่าถิงหันหน้ามา เจี่ยนอี๋นั่วก็หายใจเข้าลึกๆ เดินถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วค่อยค่อยส่ายหัวไปมา:“ไม่ ไม่มีอะไรคะ……”

เหลิ่งเซ่าถิงหน้าตาเย็นชาเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่วแวบนึง:“ต่อจากนี้ไปถ้ามีเรื่องอะไรจริงๆค่อยเรียกหาผม อย่าทำให้ผมเสียเวลา”

คำพูดของเหลิ่งเซ่าถิงที่พูดออกมาด้วยความเย็นชานั้น ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วพึ่งรู้สึกตัวว่าต้องกลับมาอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง หลังจากที่มองเหลิ่งเซ่าถิงเดินออกจากห้องไป เธอถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งใจขึ้นมาทันที และไม่เคยรู้สึกโล่งอกโล่งใจขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้เธอไม่เพียงได้รับความเชื่อใจจากเหลิ่งเซ่าถิงอีกครั้ง และยังได้รับคำมั่นสัญญาจากเหลิ่งเซ่าถิงอีก ความรู้สึกนี้มันเยี่ยมจริงๆเลย!

“มันเยี่ยมมากจริงๆ!”เจี่ยนอี๋นั่วได้พูดคำในใจออกมามันทำให้รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก หลังจากนั้นเธอก็นอนกลิ้งไปมาบนเตียง เธอหยิบผ้านวมบนเตียงมาห่ม ด้วยความรู้สึกที่เสียดายพูดเบาๆว่า:“น่าเสียดายจัง ทำไมเขาต้องเป็นพวกรักร่วมเพศด้วยนะ?”

เมื่อกี้นี้ เพราะเหลิ่งเซ่าถิงทำให้หัวใจของเจี่ยนอี๋นั่วเต้นแรงอีกครั้ง เธอรู้สึกเสียดายมากจริงๆ แต่ก็เทียบไม่ได้กับก่อนหน้าที่จะรู้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นพวกรักร่วมเพศ ทำให้เธอปลอบใจตัวเองและรู้สึกโชคดีมากๆ ถึงแม้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะไม่ได้เป็นพวกรักร่วมเพศจริงๆ โอกาสที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันมันช่างน้อยเหลือเกิน แต่ว่าอย่างน้อยก็ยังมีความหวัง

“ช่างมันเถอะ ไม่ต้องคิดมากอีกแล้ว ยังไงสุดท้ายก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี”เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเบา

นั่นสินะ ไม่ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะเป็นพวกรักร่วมเพศหรือไม่ จะรักหรือไม่รักเธอ พวกเขาก็ไม่สามารถอยู่ด้วยกัน ในเรื่องราวที่เจี่ยนอี๋นั่วคิดเองเออเองนั้นทำให้เธอรู้สึกเป็นทุกข์เป็นร้อนในเรื่องที่ไร้สาระเหล่านั้น

หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงออกจากคฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งแล้ว ขึ้นไปนั่งในรถแล้วรีบหยิบโทรศัพท์กดโทรออกทันที:“ฮาโหล ได้ข่าวว่าเหลิ่งหมิงอันยังมีการลงทุนธุรกิจด้านอื่นๆอยู่อีกใช่ไหม?ผมให้เวลาคุณหนึ่งอาทิตย์ทำให้เงินหมุนเวียนของมันลดลงเจ็ดสิบล้าน ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีการไหนก็ตาม คุณต้องทำให้เงินหมุนเวียนของมันลดลงตามนี้ให้ได้แล้วค่อยวางมือ”

หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงโทรเสร็จก็เก็บโทรศัพท์

เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาแล้วคิดในใจ:จูบหนึ่งครั้งเท่ากับสิบล้าน เหลิ่งหมิงอันนี่นายต้องชดใช้ในสิ่งที่นายก่อเอาไว้ ฉันเคยเตือนนายไว้แล้วนะ?

เหลิ่งเซ่าถิงจะไม่ไปหาคำตอบว่าพฤติกรรมเหล่านี้มันแฝงไว้ด้วยอะไร เขารู้แค่เพียงว่าเขาควรต้องทำแบบนี้ ถ้าหากไม่ทำแบบนี้ เขารู้สึกเหมือนในใจยังลุกเป็นไฟอยู่ ทำให้เขารู้สึกโกธรและกระทบต่ออารมณ์ของเขา หลังจากที่เขาหาเหตุผลได้แล้วว่าสาเหตุเกิดจากอะไร และมันจำเป็นต้องกำจัดต้นตอของอารมณ์โกธรนั้นทันที

เธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอขนาดนั้น ในเวลาที่สวมกอดเธออยู่นั้น เธอจะเข้าไปแนบชิดอกของเขาโดยอัตโนมัติ เหมือนแมวที่จะต้องการเจ้าของเป็นที่พึ่งพิง เหลิ่งเซ่าถิงไม่อยากเธอออกจากชีวิตเขาง่ายๆแบบนี้ เขาเหมือนกับคนที่ชอบกินเนื้อ แต่กลับต้องบังคับจิตใจของตัวเองให้กลายเป็นคนกินมังสวิรัติแทน จากคนที่เคยลิ้มลองรสชาติอันหอมหวานของเนื้อ เขาจะยอมแพ้ง่ายได้อย่างไรกัน

เก็บเธอเอาไว้ ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่หนึ่งวันก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าไม่ใช่เหรอ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน