หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 68 นี่คุณไม่อิจฉาเหรอ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

ในใจของเจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นพวกรักร่วมเพศ ถึงจะนอนกอดด้วยกันมันก็คงไม่เป็นอะไรหรอก เจี่ยนอี๋นั่วค่อยโล่งใจขึ้นหน่อย เธอนอนอยู่ในอ้อมกอดของเหลิ่งเซ่าถิงแล้วหลับไป

เหลิ่งเซ่าถิงก้มหัวจ้อมมองเจี่ยนอี๋นั่ว ค่อยๆหัวเราะออกมา สำหรับเหลิ่งเซ่าถิงแล้วมันเป็นความรู้สึกที่พิเศษมาก เขาจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆหลับในอ้อมกอดของเขา ทำให้เหลิ่งเซ่าถิงรู้สึกกำลังเลี้ยงดูเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่เขาเลี้ยงไว้ แล้วก็เหมือน……

เหลิ่งเซ่าถิงคิดถึงนี่ ก็รีบหรี่ตาทันที ก้มหัวแล้วสวมกอดเจี่ยนอี๋นั่ว เขาไม่ควรคิดเรื่องนี้อีกต่อไป ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะทำอะไรลงไปโดยที่เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ และตอนนี้มันทำให้เขาไม่สามารถสวมกอดเจี่ยนอี๋นั่วได้อีกต่อไป การที่ได้สวมกอดเจี่ยนอี๋นั่วนั้นรู้สึกผ่อนคลายและสบายมากๆ และสำหรับเหลิ่งเซ่าถิงแล้วมันช่างดีเหลือเกิน

เพียงแต่พฤติกรรมของเจี่ยนอี่นั่วในวันนี้มันดูแปลกๆ เหลิ่งเซ่าถิงก้มหัวมองเจี่ยนอี๋นั่ว เอื้อมมือไปลูบที่ริมฝีปากเจี่ยนอี๋นั่ว หน้าคิ้วขมวด จะจูบน่ะเหรอ?ถ้าอย่างนั้นมันคือความรู้สึกแบบไหนกันแน่?

เหลิ่งเซ่าถิงทนไม่ไหวค่อยๆก้มหัวลง เข้าไปใกล้ริมฝีปากเจี่ยนอี๋นั่ว ริมฝีปากเจี่ยนอี๋นั่วมันนุ่มนวลที่สุด เวลาเธอหลับริมฝีปากของเธอเหมือนกับเด็กเลย เธอมีใบหน้าที่น่าจูบมาก เหลิ่งเซ่าถิงอดไม่ไหวที่จะกั้นหายใจ แล้วริมฝีปากของเขาค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งเซ่าถิงเริ่มได้กลิ่นหอมนวลจากริมฝีปากเจี่ยนอี๋นั่ว ช่างน่าหลงใหลมาก ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น……

เป็นครั้งแรกที่หัวใจของเหลิ่งเซ่าถิงเต้นแรงเสียงดังเหมือนดั่งเสียงกลอง แววตาของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาจ้องมองไปที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วอย่างมีความหวัง และหวังว่าสักวันความหวังของเขาจะเป็นจริง

และวินาทีที่ริมฝีปากของเหลิ่งเซ่าถิงจะจูบโดนริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วนั้น ทันใดนั้นเหลิ่งเซ่าถิงก็ได้สติกลับคืนมาก ใช้แรงผลักเจี่ยนอี๋นั่วออก ตัวเขาเองรีบลุกเดินลงจากเตียงและรีบออกห่างเจี่ยนอี๋นั่ว

“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจี่ยนอี๋นั่วขยี้ตาเบาๆลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จ้องมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงที่มีท่าทางอ้ำๆอึ้งๆ เธอยังมีอาการง่วงนอนอย่างเห็นได้ชัด

เหลิ่งเซ่าถิงยืนพิงที่ผนังเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่ก็ไม่ทำให้อารมณ์ของเขากลับมาเป็นปกติได้ เขาตอบกลับเจี่ยนอี๋นั่วด้วยอาการที่ยังตื่นตะหนกอยู่ว่า:“ผม……ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่าผมยังมีงานที่จะต้องทำต่อ เวลานี้ยังเข้านอนไม่ได้ คุณเข้านอนก่อนเถอะ”

“ค่ะ……”เจี่ยนอี๋นั่วมีอาการที่หลับๆตื่นๆ เธอไม่ได้สังเกตอาการที่เปลี่ยนไปของเหลิ่งเซ่าถิง เธอรีบพยักหน้าแล้วเอนตัวลงนอนแล้วหลับไปในทันที

เหลิ่งเซ่าถิงสูดหายใจเข้าลึกๆ อารมณ์ของเขาก็ยังคงตื่นตระหนกอยู่ ก่อนหน้านี้เขาไม่อยากเผชิญความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อเจี่ยนอี๋นั่ว เขาพยายามบังคับตัวเอง การที่เขาสวมกอดและการที่เขาปกป้องเจี่ยนอี๋นั่วนั้น มันเป็นแค่เกมในเวลาว่างของเขาเท่านั้น แต่อาการของเหลิ่งเซ่าถิงเมื่อกี้นี้ มันทำให้เหลิ่งเซ่าถิงไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีก เขาน่าจะหลงรักเจี่ยนอี๋นั่วเข้าแล้วจริงๆ

เขาค่อยๆเดินไปข้างๆโต๊ะหนังสือ เปิดคอมฯแต่เขากลับไม่มีกระจิตกระใจจะทำงานต่อ เหลิ่งเซ่าถิงเหมือนตกอยู่ในความผิดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ยิ่งบังคับตัวเองมากเท่าไหร่ เหมือนยิ่งจะถลำลึกลงไปมากเท่านั้น

การพบกันระหว่างเขาและเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเขาคิดว่ามันคือเรื่องที่ผิด เหลิ่งเซ่าถิงคิดว่าเป็นเรื่องที่ผิดมากๆ การที่เขายินยอมให้เจี่ยนอี๋นั่วเข้าใกล้เขา เป็นเพราะเดิมทีเขาเกลียดชังเจี่ยนอี๋นั่วมาก และเขาไม่ชอบการกระทำของเจี่ยนอี๋นั่วเอามากๆ รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน และเป็นผู้หญิงที่ไม่แตกต่างจากคนในตระกูลเหลิ่ง ดังนั้นเขาจึงยอมให้เจี่ยนอี๋นั่วเข้าใกล้เขา เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะเอาชนะใจเขาได้ เหลิ่งเซ่าถิงคิดว่าผู้หญิงที่เขาเกลียดชังอย่างเจี่ยนอี๋นั่วก็เช่นกัน

แต่ว่าคาดไม่ถึงเรื่องราวมันจะกลับตาลปัตรเช่นนี้ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเจี่ยนอี๋นั่วเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่?หรือตอนที่ได้ยินเสียงเต้นหัวใจของทารกน้อยในท้องเจี่ยนอี๋นั่ว?หรือตอนที่เห็นเจี่ยนอี๋นั่วนอนหมดสติจมกองเลือดอยู่กับพื้น?หรือตอนที่เขาบริจาคเลือดให้กับเธอ แล้วรู้สึกว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา?

แล้วมันเริ่มตอนไหนกันแน่ เหลิ่งเซ่าถิงคิดไม่ตก แต่เขารู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป เขาจำเป็นต้องหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ แต่การที่หลงรักของชิ้นหนึ่งแล้ว มันสามารถเอาไปเผาทิ้งและทำลายมันทิ้งได้ แต่การที่หลงรักคนๆหนึ่ง ควรจะทำอย่างไรดี?เขาสามารถบังคับและควบคุมตัวเองได้จริงๆหรือ?

เหลิ่งเซ่าถิงคิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วร่างที่กำลังหลับใหลอยู่ เขาใช้แรงกระพริบตาและหลับตาลง

เมื่อที่เจี่ยนอี๋นั่วตื่นนอน เจี่ยนอี๋นั่วก็เห็นเหลิ่งเซ่าถึงยังคงนั่งอยู่ข้างๆโต๊ะหนังสือ เธอค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหาเหลิ่งเซ่าถิงที่ข้างๆโต๊ะหนังสือ เอามือแตะที่ไหล่เหลิ่งเซ่าถิงเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า“นี่ คุณประธานใหญ่เหลิ่งคะ ทำไมคุณถึงมานอนตรงนี้คะ?ท่านอนของฉันมันแย่มากเลยเหรอคะ?มันถึงทำให้คุณต้องย้ายมานอนที่นี่”

เหลิ่งเซ่าถิงได้ยินเสียงที่เจี่ยนอี๋นั่วพูด ทำให้เขาตกใจตื่น ทันใดนั้นจ้องมองไปทางเจี่ยนอี๋นั่ว

แววตาของเจี่ยนอี๋นั่วทำให้เหลิ่งเซ่าถิงถึงกับตกใจ รีบร้อนเอามือถูหน้าของตัวเอง :“ผม ผมทำไมเหรอ ?มีรอยอะไรติดอยู่ตรงหน้าของผมหรือเปล่า?”

เหลิ่งเซ่าถิงขอบตาดำ และเสียงของเขาแหบเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน :“ไม่มีนี่ ผมแค่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คิดถึงเรื่องที่เคยเลี้ยงแมวตัวหนึ่ง เรื่องราวมันผ่านไปนานมากแล้ว นานจนผมเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อคืนบังเอิญนึกขึ้นมา”

“แมว?”เจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเหลิ่งเซ่าถิงต้องเอ่ยถึงแมวด้วย

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า :“มีแมวอยู่หนึ่งตัว ไม่ได้น่ารักสักเท่าไหร่ แต่ชอบอยู่ใกล้ผมมาก ขนาดเวลาที่ผมจะเข้านอน มันยังมาขดตัวนอนใกล้ผม เวลานั้นคุณพ่อและคุณแม่ของผมพึ่งจากไป คุณย่ากำลังยุ่งอยู่กับธุรกิจของตระกูล ผมยังไม่ถูกเลี้ยงดูมาเป็นสภาพอย่างทุกวันนี้ ก่อนหน้านี้ผมเป็นเพียงเด็กที่ไร้เดียงสาธรรมดาๆคนหนึ่ง ผมหมกมุ่นอยู่กับการเลี้ยงดูมัน และมีเพียงมันที่จะไม่สนใจยศถาบรรดาศักดิ์ของผม ไม่ว่าผมจะเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลเหลิ่งหรือไม่ มันก็จะยังอยู่ใกล้ๆผม ต่อมามีคนจับมันไปเป็นตัวประกัน ข่มขู่ว่าจะฆ่ามันเพื่อใช้มันเป็นเครื่องมือให้ผมไปเอาเอกสารในห้องหนังสือของคุณย่า ผมทำตามที่พวกมันสั่งทุกอย่าง จากนั้นคุณย่าสืบหาจนรู้ความจริง เพื่อเป็นการสั่งสอนผม แมวตัวนั้นมันก็หายไปตลอดกาล เหลิ่งหมิงอันเป็นคนเล่าให้ผมฟังเองว่าแมวตัวนั้นถูกคุณย่าสั่งให้คนรับใช้ฆ่าทิ้ง แล้วฝังมันไว้ยังไง”

“มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน”เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา

“โหดร้ายจริงเหรอ?”เหลิ่งเซ่าถิงเงยหน้าจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ผมทำเพื่อช่วยชีวิตแมวตัวนั้น ทำให้ตระกูลเหลิ่งเสียเงินหลายร้อยล้าน ผมเกือบจะถูกถอนออกจากการเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลเหลิ่งแล้ว นี่เป็นบทเรียนเรื่องที่หนึ่งในชีวิตของผม แล้วต้องบังคับยับยั้งความต้องการของตัวเอง ถ้าหากผมแสดงออกมาว่าผมไม่ค่อยรักแมวตัวนั้นเท่าไร่ แล้วปล่อยมันไป มันก็คงจะไม่โดนคนอื่นใช้เป็นเครื่องมือในการบังคับผม ถ้าหากผมไม่ชอบแมวตัวนั้น คงทำให้คนที่ข่มขู่ผมกำจัดแมวตัวนั้นทิ้ง มันก็คงไม่เกิดปัญหาต่างๆตามมาอีก ก่อนที่ผมจะมีพลังที่แข็งแกร่งแบบนี้ผมห้ามมีจุดอ่อนใดๆทั้งสิ้น”

เจี่ยนอี๋นั่วคิดเพียงว่าเหลิ่งเซ่าถิงกำลังพูดถึงเรื่องที่ตัวเองนั้นชอบผู้ชายอยู่ ค่อนข้างเห็นอกเห็นใจเหลิ่งเซ่าถิงแล้วเอามือตบที่ไหล่เบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ฉันไม่รู้ฉันควรจะพูดว่าอย่างไร แต่ว่าเรื่องมันก็ผ่านพ้นไปแล้วก็ให้มันผ่านพ้นไปเถอะ คุณอย่าไปเศร้าใจอีกเลย”

“เรื่องที่มันผ่านพ้นไปแล้ว แต่ว่าตอนนี้มันกำลังจะเริ่มขึ้นใหม่……”เหลิ่งเซ่าถิงคิ้วขมวดพูดด้วยน้ำเสียงเบา

“เฮ้ย?หรือว่าตอนนี้คุณมีคนที่คุณรักแล้ว ……”

ผู้ชายเหรอคะ?

เจี่ยนอี๋นั่วเกือบพูดออกมาแล้ว เธอคิ้วขมวดจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิง รีบหยุดพูดในทันที หลังจากหยุดชะงักไปชั่วขณะ เจี่ยนอี๋นั่วก็พูดต่อว่า:“หรือว่าคุณมีแมวตัวโปรดตัวใหม่แล้ว?”

เหลิ่งเซ่าถิงจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ถ้าหากว่าเธอเป็นแมวตัวนั้น เธอหวังจะให้ผมทำอย่างไร?”

เจี่ยนอี๋นั่วหน้าตาคิ้วขมวดพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“มันก็เป็นเรื่องที่พูดยากนะ ถ้าหากมันรักคุณมาก มันสามารถตายแทนคุณได้มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าหากว่ามันไม่รักคุณ แน่นอนว่าคุณควรต้องปล่อยให้มันเป็นอิสระ เป็นแมวที่เร่ร่อนอยู่ข้างนอก ยังดีกว่าโดนฆ่าตาย”

“ผมถามว่า ถ้าหากเป็นคุณล่ะ?คุณจะเลือกยังไง?”เหลิ่งเซ่าถิงถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกลำบากใจ รู้สึกว่าถึงจะตอบเหลิ่งเซ่าถิงยังไงเขาก็ไม่พอใจกับคำตอบอยู่ดี เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆหยุดไปชั่วขณะ ค่อยพูดความในใจออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบา:“คุณก็รู้ว่าฉันปอดแหก ฉันชอบเป็นแมวที่เร่ร่อนมากกว่า มีคนมากมายที่อยากจะเลี้ยงดูฉัน ฉันยังไม่อยากตายง่ายๆหรอก

เหลิ่งเซ่าถิงจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วนานมาก ทันใดนั้นเขาก็เม้นปากขึ้นและหัวเราะออกมา เขาไม่เคยแสดงอาการหัวเราะแบบนี้ก่อน ในความเป็นจริงเหมือนกับว่ากำลังพูดประชดและหัวเราะเยาะซะมากกว่า มันทำให้เจี่ยนอี๋นั่วเห็นแล้วรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย

เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะนานมาก ค่อยๆหยุดหัวเราะพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้ผมมักจะดูถูกคุณ เวลานี้ผมพึ่งรู้ว่า คุณมีสติมากกว่าผม รู้ว่าตอนไหนควรจะยอมแพ้ ตอนไหนควรจะสู้ ผมก็ควรจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน ผมก็ควรที่จะสามารถควบคุมตัวเองได้ และนี่ก็เป็นบททดสอบของผมอีกครั้งหนึ่ง ผมจะไม่ยอมไล่แมวตัวนั้นไปไหน ผมจะเก็บแมวตัวนั้นอยู่ข้างกายผม แล้วก็ดูแลเธออย่างดีให้เหมือนเมื่อก่อน และเธอควรรู้ว่าเธอไม่ควรสร้างปัญหาให้ผมอีก”

เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิง เธอรู้สึกคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิงแฝงไว้ด้วยความหมายอะไรสักอย่าง แต่เธอก็กลับฟังไม่เข้าใจเหลิ่งเซ่าถิงหมายถึงอะไรกันแน่ แต่เจี่ยนอี๋นั่วกลับมีความรู้สึกแปลกๆ รู้เพียงว่าเธอไม่ควรรู้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงหมายถึงอะไรกันแน่ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่อันตรายมากสำหรับเธอ

“วันนี้ไม่ต้องออกไปทำงานแล้ว ช่วยจัดงานเลี้ยงหน่อยนะ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของคุณย่า จะมีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ขึ้น ”เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“จริงเหรอคะ?ฉันต้องเข้าร่วมด้วยเหรอคะ?”เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตกใจ

เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่วแวบหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา :“ไม่ คุณไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม ฉันเชิญให้หลิวจื่อซิงเป็นคู่ควงของฉันแล้ว คุณยืนดูอยู่ข้างๆก็พอแล้ว เพราะคุณเป็นแมวเร่ร่อนที่กลัวตาย ที่สำคัญแมวเร่ร่อนอย่างคุณไม่เหมาะกับสนามรบของคนแบบนี้”

เจี่ยนอี๋นั่วหายใจเข้าลึกๆ พูดด้วยน้ำเสียงกระซิบ:“พูดได้น่าเกลียดมาก”

เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว:“คุณไม่อิจฉาแล้วเหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกสงสัยมองไปทางเหลิ่งเซ่าถิง:“อิจฉาอะไรคะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงคิ้วขมวดคิดสักครู่แล้วค่อยพูดออกมาว่า:“ผมเชิญหลิวจื่อซิงมาเป็นคู่ของผม แต่กลับไม่ได้เชิญคุณ คุณสามารถมองดูผมอยู่ด้วยกันกับหลิวจื่อซิงอย่างห่างๆ ”

“เมื่อก่อนนี้อาจจะรู้สึกอิจฉานะ”เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงนี่ หัวเราะเบาๆ:“แต่ว่าตอนนี้ไม่รู้สึกอิจฉาแล้วล่ะ”

เพราะว่าคุณ เหลิ่งเซ่าถิงรักผู้ชายไงคะ เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอิจฉาหลิวจื่อซิงอย่างแน่นอน

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท