หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 72 เป็นศัตรูโดยไม่รู้ตัว

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้น รีบหยุดเดินทันที คิ้วขมวดพูดขึ้นว่า:“ถ้าหากคุณผู้หญิงท่านนี้ไม่อยากไปห้องน้ำ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”

ผู้หญิงคนนั้นยื่นมือออกมาขวางเจี่ยนอี๋นั่วไว้ หัวเราะพร้อมพูดว่า:“ทำไมถึงรีบไปล่ะ? ฉันรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของพี่ชายเหลิ่งเซ่าถิง นั่นก็หมายความว่าเธอก็มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเหลิ่ง เธอกล้าเสียมารยาทกับฉันเหรอ? ฉันจะบอกให้เธอรู้เอาไว้นะเจี่ยนอี๋นั่ว ภรรยาของพี่เซ่าถิงมีแค่ฉันเหอหลวนเล่อคนเดียวเท่านั้น” ส่วนคนอื่นก็เป็นแค่ของเล่นชั่วคราวเท่านั้น ทางที่ดีช่วงนี้เธอสงบเสงี่ยมเจียมตัวซะ อย่าไปคิดวางแผนจับพี่เซ่าถิงเด็ดขาด ถ้าไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”

“คนที่คุณควรจะสนใจไม่ใช่ฉัน” เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ฉันยังเหลือเวลาอีกไม่นาน พอถึงเวลานั้นฉันจะไปจากตระกูลเหลิ่งแน่นอน” และฉันจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับตระกูลเหลิ่งอีกต่อไป และคุณไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับคนอย่างฉันหรอก และทำให้เหลิ่งเซ่าถิงเก็บความทรงจำแย่ๆแบบนี้ทำไม? ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะมีนิสัยยังไง พวกเขาคงไม่อยากมีภรรยาที่ดูถูกคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ”

เหอหลวนเล่อ พูดด้วยน้ำเสียงที่โมโห อึม:“รังแกคนไม่มีทางสู้? ไม่รู้ว่าใครกันแน่เป็นแค่ภรรยาในนามของพี่ชายเหลิ่งเซ่าถิงเท่านั้น ก็เริ่มดูถูกคนอื่นขนาดนี้ เธอคิดว่าพี่เซ่าถิงเป็นของเธอคนเดียวหรือไง?”

เจี่ยนอี๋นั่วได้ฟังคำพูดของเหอหลวนเล่อ รู้สึกคำพูดมันแปลกประหลาด เธอเคยพูดตอนไหนว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นของเธอ?

เจี่ยนอี๋นั่วหน้าคิ้วขมวด พูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:“ต้องมีใครบางคนไปเบาหูคุณหนูเหอเกี่ยวกับฉันแน่นอน? ดูท่าแล้วคงอยากใช้คุณหนูเหอมาสั่งสอนฉันแน่ ๆ ทำให้พวกเราสองคนทะเลาะกัน เธอคนนั้นก็จะได้รับผลประโยชน์ไป ฉันไม่เคยพูดสักคำ และฉันก็รู้ฐานะของตัวเองดี ไม่ทำ…….”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงนี่ ค่อยๆหรี่ตาหยุดชะงักไปชั่วครู่ ค่อยตอบกลับเหอหลวนเล่อด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“ฉันไม่เคยฝันลมๆแล้งๆ”

เจี่ยนอี๋นั่วเธอรู้ตัวเองดี และเธอไม่เคยคาดหวังสูงขนาดนั้น แต่ความคิดภายในใจมันไม่สามารถห้ามกันได้ง่ายๆ

“ผลประโยชน์ ?” เหอหลวนเล่อหรี่ตากัดฟันพูดขึ้นว่า:“คงจะถูกผู้หญิงเลวอย่างหลิวจื่อซิงหลอกใช้ซะแล้ว”

“หลิวจื่อซิง?ทำไมหล่อนต้องพูดแบบนี้ด้วย?”เจี่ยนอี๋ถามกลับ

เจี่ยนอี๋นั่วเข้าใจแล้วว่าทำไมหลิวจื่อซิงถึงทำแบบนี้ และตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงชวนหลิวจื่อซิงเป็นคู่ควง นี่ก็แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าหลิวจื่อซิงเป็นผู้หญิงคนเดียวที่สำคัญต่อเหลิ่งเซ่าถิง หลิวจื่อซิงทำไมยังต้องหลอกใช้เหอหลวนเล่อเป็นเครื่องมือมาหาเรื่องเธออีกล่ะ? หรือเป็นเพราะว่าในใจของหลิวจื่อซิงคิดว่าผู้หญิงคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเหลิ่งเซ่าถิงไม่ใช่เธอเหรอ? หรือเป็นเพราะว่าเธอไม่มั่นใจ ดังนั้นจึงวางแผนกำจัดผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเหลิ่งเซ่าถิงทั้งหมด?

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยล่ะ? หลิวจื่อซิงเป็นผู้หญิงที่เลวมาก เธอก็ไม่ได้ดีกว่าสักเท่าไหร่หรอก ” เหอหลวนเล่อจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงที่โมโห:“ เธอกล้าพูดไหมว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่เซ่าถิงจริงๆ? และเธอไม่ได้รักพี่เหลิ่งเซ่าถิงจริงๆเหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วหน้าคิ้วขมวด:“ฉันจะรักหรือไม่ได้รักเหลิ่งเซ่าถิงนั้น มันก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับคุณหนูเหอนะคะ ดูเหมือนคุณหนูเหอจะสนิทสนมคุ้นเคยกับคนในตระกูลเหลิ่งมากนะคะ ” คงไม่จำเป็นให้ฉันพาไปห้องน้ำหรอกมั้งคะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็รีบหันหลังเดินกลับไปห้องครัว

แต่เจี่ยนอี๋นั่วยังไม่ทันเดินกลับ ก็ได้ยินเสียงเหอหลวนเล่อตะโกนตามหลังว่า:“ฉันกำลังพูดกับเธออยู่นะ เธอจะเดินหนีฉันแบบนี้ไม่ได้นะ? เธอตอบฉันสิ เธอรักเหลิ่งเซ่าถิงหรือเปล่า?”

จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็รู้สึกถูกเหอหลวนเล่อผลักอย่างแรง จนเจี่ยนอี๋นั่วเซแล้วล้มลง เธอล้มลงไปทับกับแจกันดอกไม้ ทำให้แจกันดอกไม้แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ทันใดนั้นหลังมือของเจี่ยนอี๋นั่วก็โดนเศษแจกันบาด เจี่ยนอี๋นั่วรีบคิ้วขมวดจ้องมองไปทางเหอหลวนเล่อ เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปากอย่างแรง บาดแผลหลังมือของเธอเลือดค่อยๆไหลออกมา

เหอหลวนเล่อเดินถอยหลัง ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ปากก็ยังพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ:“ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะเธอไม่ตอบคำถามของฉัน ฉันก็คงไม่ขวางเธอแบบนี้หรอก และอีกอย่างเป็นเพราะเธอยื่นเซเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันนะ”

เสียงแจกันดอกไม้แตกดังสนั่นมาก เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินมีคนรีบวิ่งมาดู เจี่ยนอี๋นั่วรีบบอกเหอหลวนเล่อว่า:“เธอวางใจเถอะฉันจะรับผิดเองทุกอย่าง ฉันจะพูดว่าเพราะฉันหน้ามืดแล้วจะเป็นลม ทำให้เซไปชนโดนแจกันดอกไม้ และเธอเป็นคนช่วงพยุงฉัน เธอจำคำตอบนี้ไว้ให้ดีนะ”

“เธอ เธอทำแบบนี้ทำไมกัน……” เหอหลวนเล่อคาดไม่ถึงว่าเจียนอี๋นั่วจะรับผิดแทนเธอทุกอย่าง

ทำแจกันแตกไม่เท่าไหร่ แต่กระทบงานเลี้ยงมันเป็นเรื่องใหญ่มากนะสิ

เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวด ดูแล้วยังไม่มีใครมาถึงนี่ พูดกับเหอหลวนเล่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า:“ที่ฉันทำแบบนี้เพราะไม่ต้องให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เป็นเพราะฉันหน้ามืดล้มลงจนไปชนแจกันแตกเอง” เป็นเพราะฉันไม่ได้ตั้งใจทำเอง พวกเราสองคนทะเลาะกันทำให้แจกันแตก เป็นเพราะเราสองคนแสดงพฤติกรรมเหมือนไม่มีใครสั่งใครสอน และเหตุผลที่ว่าฉันไม่ทันระวังแล้วเกิดทำให้แจกันแตก ก็ยังน่าฟังกว่าผู้หญิงที่ไม่มีใครสั่งสอน ฉันเพียงแค่เลือกวิธีที่มีผลกระทบกับตัวฉันเองให้น้อยที่สุดเท่านั้น และที่คุณเข้ามาหาฉัน เป็นเพราะโดนคนอื่นหลอกใช้ ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณที่มีต่อเหลิ่งเซ่าถิงดี แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำหรอกนะ คุณโปรดจงจำเรื่องนี้เอาไว้นะคะ อย่าให้ใครหลอกใช้คุณได้ง่ายๆแบบนี้อีก”

“ฉัน……ฉัน……”เดิมทีเหอหลวนเล่อกะจะปัดความรับผิดชอบแล้ว แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่วแล้วนั้นก็อดไม่ไหวที่จะยื่นมือออกมาเตรียมไปพยุงเจี่ยนอี๋นั่วลุกขึ้น

แต่เป็นเพราะว่าเศษแจกันแตกกระจาดกระจายเต็มพื้น เหอหลวนเล่อสวมใส่รองเท้าส้นสูงที่สูงมาก เดินเซไปเซมาไม่กี่ก้าวเธอก็ไม่กล้าเดินหน้าต่ออีก ทันใดนั้นมีใครคนหนึ่งโผล่มา รีบวิ่งไปข้างๆเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วถูกชายคนนั้นอุ้มขึ้นอย่างไว พอเจี่ยนอี๋นั่วมองดูอีกที ที่แท้คนที่อุ้มเธอไว้ก็คือเหลิ่งหมิงอัน

เจี่ยนอี๋นั่วรีบคิ้วขมวดทันที เธอขัดขืนเล็กน้อย:“ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคะ”

ถ้าหากมีใครตามหลังมาอีก แล้วคนอื่นเห็นเข้าจะคิดยังไงคะ ? เหลิ่งหมิงอันอุ้มเจี่ยนอี๋นั่วออกมาจากเศษแจกันนั้น เขาจึงปล่อยเจี่ยนอี๋นั่วลง

เจี่ยนอี๋นั่วถูกปล่อยลงพื้นเธอก็รีบผลักเหลิ่งหมิงอันออกอย่างแรง แต่เหลิ่งหมิงอันกลับคว้ามือของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาเอาผ้าเช็คหน้าที่อยู่ในกระเป๋าเสื้ออกมา และนำไปปิดบาดแผลหลังมือของเจี่ยนอี๋นั่ว

เหลิ่งหมิงอันคิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“คุณกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? ทำไมถึงทำเสียงดังขนาดนี้? แล้วอีกอย่างบาดแผลบนหลังมือนี้ มันเกิดอะไรขึ้น? ใครเป็นคนทำให้คุณบาดเจ็บ?”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่เข้าใจทำไมเหลิ่งหมิงอันถึงดูตื่นเต้นขนาดนี้ โดยปกติเหลิ่งหมิงอันก็ชอบสร้างรอยแผลให้เธอไม่น้อย มาตอนนี้เหลิ่งหมิงอันมาแกล้งเป็นห่วงเป็นใย เขาต้องการอะไรกันแน่? แต่เวลานี้ท่าทางของเหลิ่งหมิงอันไม่เหมือนกับคนที่เสแสร้งเลยสักนิด

เจี่ยนอี๋นั่วก็ลองเอามือกลับ แต่เหลิ่งหมิงอันก็กุมมือเธอไว้แน่น แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าพันแผลให้เธอ คิ้วขมวดพูดขึ้นว่า:“ เธอจะหลบทำไมกัน? ทำแผลที่มือของตัวเองก่อน”

“พวกคุณ……” เหอหลวนเล่อยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ ชี้ไปทางเจี่ยนอี๋นั่วกับเหลิ่งหมิงอัน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยา:“ที่แท้พวกคุณเป็นคู่รักกันเหรอคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบส่ายหัวไปมา แต่ยังไม่ทันที่เจี่ยนอี๋นั่วจะพูดอะไรออกมา เจี่ยนอี๋นั่วก็เห็นคุณนายเหลิ่งกับเหลิ่งเซ่าถิงและหลิวจื่อซิงกำลังเดินมา ด้านหลังยังมีเหลิ่งเฉิงอวี่และสุยเฉิงจิ้ง

คุณนายเหลิ่งจ้องมองไปที่เศษแจกันที่แตกกระจายบนพื้น คิ้วขมวดถามขึ้นว่า:“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เสียงดังขนาดนั้น แขกที่อยู่ในงานต่างพากันแตกตื่นกันหมดแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบผลักมือของเหลิ่งหมิงอันออก แล้วตอบกลับคุณนายเหลิ่งว่า:“วันนี้เป็นเพราะว่าดิฉันไม่ค่อยสบายค่ะ หน้ามืดล้มลงไปชนโดนแจกันเข้า จากนั้นคุณหนูเหอบังเอิญเห็นเข้าพอดี ก็รีบมาช่วยพยุงดิฉันค่ะ”

หลิวจื่อซิงรีบหัวเราะจ้องมองไปทางเหอหลวนเล่อแล้วพูดขึ้นว่า:“คุณน้องหลวนเล่อคะ เรื่องราวเป็นแบบนี้จริงๆๆหรือเปล่าคะ? ฉันนี่แปลกใจจริงๆนะ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ โดยปกตินิสัยก็เธอก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ฉันรู้สึกเธอไม่น่าจะเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นสักเท่าไหร่นะ ไม่ใช่ว่าเมื่อเธอได้ข่าวว่าเจี่ยนอี๋นั่วเป็นภรรยาที่ถูกต้องถามกฎหมายของเหลิ่งเซ่าถิงหรอกนะ ดังนั้นจึงจงใจมาหาเรื่องเจี่ยนอี๋นั่วใช่ไหม?”

หลิวจื่อซิงหัวเราะพูดถึงนี่แล้วหันหน้าแล้วทำหน้าอ่อนโยนจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพูดว่า:“คุณน้องอี๋นั่วคะ คุณน้องอย่าพูดโกหกเพราะมีใครข่มขู่แล้วไม่กล้าพูดความจริงนะคะ เวลานี้คุณนายเหลิ่งอยู่ที่นี่ คุณนายเหลิ่งจะจัดการเรื่องนี้ให้อย่างแน่นอนค่ะ”

“เธอ……”เหอหลวนเล่อจ้องมองหลิวจื่อซิง หน้าคิ้วขมวดกำลังจะโต้ตอบกลับ

เจี่ยนอี๋นั่วรีบยกมือไปขวางเหอหลวนเล่อ เธอเหลือบมองไปเห็นมือหลิวจื่อซิงจับมือเหลิ่งเซ่าถิงไว้ หลังจากนั้นเงยหน้าพูดกับคุณนายเหลิ่งว่า:“คุณย่าคะคือว่าหนูไม่ทันระวังแล้วชนโดนแจกันค่ะ เป็นเพราะหนู……”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงนี่ก็หน้ามืดชั่วขณะ แล้วเหมือนกำลังจะเป็นลม เหอหลวนเล่อยืนอยู่ด้านหลังของเจี่ยนอี๋นั่วเธอรีบเอื้อมมือไปจับเจี่ยนอี๋นั่วไว้ เจี่ยนอี๋นั่วหันหลังส่งยิ้มให้กับเหอหลวนเล่อ ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า:“ขอบคุณคุณหนูเหอมากๆค่ะ เมื่อกี้นี้คุณหนูก็มาพยุงฉันแบบนี้ คุณหนูเป็นผู้หญิงที่ช่างมีจิตใจที่งดงามมากจริงๆค่ะ”

โดยปกติเหอหลวนเล่อเป็นคนที่เอาแต่ใจมาก และนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนชมว่าเธอเป็นคนที่มีจิตใจงดงามแบบนี้ เห็นคนอื่นกำลังมองมาที่เธอด้วยอาการที่ชื่นชม เหอหลวนเล่อก็ตั้งใจพยุงเจี่ยนอี๋นั่วมากขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“เธออย่าล้มแบบนี้อีกนะ”

เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆพยักหน้าตอบรับเหอหลวนเล่อ แล้วค่อยหันหน้าพูดกับคุณนายเหลิ่ง:“คุณนายเหลิ่งคะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจชนโดนแจกันดอกไม้นี้นะคะ ดิฉันผิดไปแล้วค่ะ เป็นเพราะดิฉันไม่ดีเองค่ะที่ไม่รู้จักระวัง”

คุณนายเหลิ่งค่อยๆหัวเราะออกมา:“นี่มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร? แค่แจกันดอกไม้แตกแค่นี้เอง เธอก็ลำบากมากไปแล้ว ดูหน้าตาเธอสิซีดเซียวขนาดนี้ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องทำแล้วล่ะ ที่พวกเรารีบมาดูเหตุการณ์ คิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตอนนี้ดูแล้วก็ไม่ได้เกิดอะไรร้ายแรง ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”

ระหว่างที่คุณนายเหลิ่งกำลังพูดอยู่ หันหลังเหลือบมองหลิวจื่อซิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“เมื่อกี้นี้เธอพูดด้วยท่าทางที่ตกอกตกใจว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว พูดว่าคุณหนูเหอมาหาเรื่องเจี่ยนอี๋นั่ว มาตอนนี้ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาทั้งสองคนก็ดูเข้ากันได้เป็นอย่างดี ต่อไปไม่ต้องเป็นห่วงอีก แทนที่จะแสดงความห่วงใยครั้งนี้ เอาเวลาไปหาผู้ชายดีๆจะดีกว่านะ เผื่ออนาคตฉันและเหลิ่งเซ่าถิงจะได้เตรียมซองอั่งเปาหนาๆให้กับเธอ”

หลิวจื่อซิงรีบเม้มริมฝีปากแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา :“ ขอบคุณคุณนายเหลิ่งที่ชี้แนะค่ะ”

คุณนายเหลิ่งมองดูรอบๆ หัวเราะพูดขึ้นว่า:“ เอาล่ะ ตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้วล่ะคะ พวกเรากลับเข้างานกันเถอะ เจี่ยนอี๋นั่วเธอ…..”

เหอหลวนเล่อพยุงเจี่ยนอี๋นั่วไว้รีบพูดขึ้นว่า:“เดี๋ยวหนูไปส่งพี่อี๋นั่วนะคะ”

คุณนายเหลิ่งหัวเราะเหลือบมองเหอหลวนเล่อพยักหน้าพูดขึ้นว่า:“ดีมาก แขกที่อยู่ในงานยังรอพวกเราอยู่ ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับเข้างานกันเถอะ เหลิ่งเซ่าถิงพวกเรากลับเข้าไปในงานกันเถอะ”

เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่ว หน้าคิ้วขมวดจ้องมองไปที่ผ้าเช็ดหน้าที่พันไว้ในมือ ไม่ได้พูดอะไรกับเจี่ยนอี๋นั่วหันหลังเดินจากไปทันที เหลิ่งหมิงอันมองทุกคนเดินเข้างานกันไปหมดแล้ว พูดกับเจี่ยนอี๋นั่วด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:“เธอรีบกลับไปทำแผลของตัวเองดีดีนะ อย่าให้เกิดเป็นรอยแผลเป็นล่ะ”

เหลิ่งหมิงอันก็หันหลังเดินจากไป เห็นทุกคนเดินจากไปกันหมดแล้ว เหอหลวนเล่อโมโหพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วว่า:“พี่อี๋นั่วคะ นี่เป็นแผนการทั้งหมดของหลิวจื่อซิง เธอจงใจบอกฉันว่าพี่ต้องการครอบครองพี่เซ่าถิงไว้คนเดียว ยังหลงรักพี่เซ่าถิงโดยเฉพาะ และพูดว่าคนที่จีบพี่เซ่าถิงล้วนเป็นคนที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ หนูถึงมาหาเรื่องพี่ค่ะ คิดไม่ถึงว่าหลิวจื่อซิงจะหลอกล่อพาคุณนายเหลิ่งและหลอกพวกเขามานี่ เป็นอีนังทรยศจริงๆ”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท