เจี่ยนอี๋นั่วตัวสั่น เธอไม่เคยคิดว่าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเป็นน้องสาวของตัวเอง พวกเธอมีอายุห่างกันไม่กี่ปี และเขาก็มีแม่คนละคนกัน เจี่ยนอี๋นั่วยอมรับว่าตอนเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเกิดมา ทำให้เธอคิดว่าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยจะมาแย่งความรักจากคุณพ่อ
เฮ่อเยี่ยนหงก็คอยยุแยงปลุกปั่นให้เธอและเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยผิดใจกัน ดังนั้นทุกครั้งที่เธอต้องการเข้าใกล้เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย ก็ทำให้เธอนึกถึงคนที่เธอรังเกลียดอย่างเฮ่อเยี่ยนหง เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยถูกเฮ่อเยี่ยนหงสอนให้คอยยุแยงปลุกปั่นให้เธอและเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยผิดใจกันมาตั้งแต่เด็ก เฮ่อเยี่ยนหงไม่กล้ามีความขัดแย้งกับเจี่ยนอี๋นั่วซึ่งๆหน้าเลยคอยยุแยงให้เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยมาต่อต้านเธอทุกเรื่อง เมื่อสมัยเด็กเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพึ่งจะหัดเดิน ก็มีหนอนอยู่ที่พื้นรองเท้าของเจี่ยนอี๋นั่วบ่อยๆ
หลังจากที่เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเติบโตขึ้นมาหน่อย เสื้อผ้าของเจี่ยนอี๋นั่วก็จะถูกเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยตัดเสีย ในตอนนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็ยังเป็นเด็ก และยังไม่ได้ถูกสอนให้ยอมเด็กๆทั่วไป เธอจ้องมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยก็เหมือนกับจ้องมองเฮ่อเยี่ยนหงกำลังถือมีดไว้ในมือ จากที่เกลียดเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยมากจนเธอไม่ได้อยู่ในสายตาอีกต่อไป
เป็นเวลานานมากแล้วที่เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้ใส่ใจใยดีเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย และไม่เคยสนใจว่าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยจะมีหน้าตาที่เหมือนกับเธอขนาดไหน แต่ว่าในเวลานี้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกกลัวมากจริงๆ เป็นครั้งแรกที่เธอรู้จักน้องสาวคนนั้นที่มีหน้าตาคล้ายกับเธอ และกำลังตกอยู่ในอันตรายในสถานการณ์แบบนี้ และเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็กลบเรื่องราวที่ผิดใจกันต่างๆที่ผ่านไปจนหมด
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปากแน่น พยักหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“ถ้าหากเธอถูกฉู่หมิงเซวียนทำร้าย ควรจะทำอย่างไรดี?”
เหลิ่งเซ่าถิงคิ้วขมวดมองไปทางมือเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ตอนนี้กลายเป็นคุณต่างหากที่เป็นคนถูกทำร้ายคนนั้น คุณต้องใจเย็นๆ ถึงแม้ว่าน้องสาวของคุณจะถูกฉู่หมิงเซวียนบังคับ แต่จุดมุ่งหมายของเขาคือคุณ ถ้าหากคุณตื่นตระหนกแล้ว ก็จะตกหลุมพรางของเขาได้”
เหลิ่งเซ่าถิงกุมมือของเจี่ยนอี๋นั่ว ยกมือของเจี่ยนอี๋นั่วไปไว้ตรงหน้าเขา มองอย่างตั้งใจ เขาเห็นหลังมือของเจี่ยนอี๋นั่วยังถูกพันไว้ด้วยผ้าเช็ดหน้าของเหลิ่งหมิงอัน เขารีบเอาผ้าเช็ดหน้าที่พันไว้ในมือของเจี่ยนอี๋นั่วออก พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ต่อไปคุณห้ามใช้ของๆ เหลิ่งหมิงอันอีกเด็ดขาด”
เจี่ยนอี๋นั่วหน้าคิ้วขมวดเหลือบมองเหลิ่งเซ่าถิง พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“เวลานี้งานเลี้ยงเลิกแล้วเหรอคะ?”
เหลิ่งเซ่าถิงเม้มปากพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ยังไม่เลิก ตอนนี้มีคนอื่นคอยดูแลแขก และผมก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นั่น ”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้? คุณเป็นพระเอกในงานราตรีนี้นะคะ?” เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดพูดด้วยน้ำเสียงเบา งานราตรีในคืนนี้เป้าหมายหลักก็คือต้องการให้เหลิ่งเซ่าถิงเป็นที่รู้จักมากขึ้น? ทำไมเหลิ่งเซ่าถิงถึงไม่ใช่คนสำคัญล่ะ?
เหลิ่งเซ่าถิงเอาผ้าเช็ดหน้าของเหลิ่งหมิงอันเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง หันหลังไปหยิบกล่องยาที่โต๊ะชั้นวางหนังสือ เอาผ้าก๊อซและสำลี จุ่มแอลกอฮอล์ล้างแผลฆ่าเชื้อให้กับเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วถูกแอลกอฮอล์ล้างแผลก็เกิดแสบมาก เธอหดมือทันที เหลิ่งเซ่าถิงรีบจับมือเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา :“ชอบรับผิดแทนคนอื่นได้ เจ็บแค่นี้ก็ควรทนได้สินะ”
เจี่ยนอี๋นั่วหน้าคิ้วขมวด พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“นี่คุณ……นี่คุณหมายถึงอะไรคะ?”
เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตามองเจี่ยนอี๋นั่ว:“เหอหลวนเล่อเป็นคนที่เย่อหยิ่ง และผู้หญิงคนไหนที่เข้าใกล้ผม เธอจะแสดงอาการไม่ดีใส่ แล้วเธอจะไปช่วยพยุงคุณได้อย่างไรกัน?”
“ฉันเพียงทำสิ่งที่ส่งผลดีต่อพวกเราทั้งสองคน”เจี่ยนอี๋นั่วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบา
หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ทันใดนั้นนึกขึ้นได้ว่าที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดแบบนี้ อาจเป็นได้ว่าเป็นเพราะวันนี้เธอทำให้หลิวจื่อซิงเสียหน้า ไม่ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะชอบผู้ชายหรือว่าผู้หญิง แต่ว่าเธอดูออกว่าความรู้สึกที่เหลิ่งเซ่าถิงมีต่อหลิวจื่อซิงนั้นแตกต่างจากคนอื่น
เจี่ยนอี๋นั่วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา:“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ต้องการทำให้หลิวจื่อซิงเสียหน้าหรอกนะคะ ทำให้เธอเสียหน้า ฉันขอโทษจริงๆค่ะ”
กำลังทำแผลให้กับเจี่ยนอี๋นั่วอยู่เหลิ่งเซ่าถิงได้ยินคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว ทันใดนั้นหยุดทำแผลต่อทันที เขาเงยหน้ามองเจี่ยนอี๋นั่ว เขาเม้มริมฝีปาก เหมือนราวกับว่าเขากำลังบังคับไม่ให้พูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูดออกมา แต่ว่าสุดท้ายเหลิ่งเซ่าถิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก้มหน้าลงฉีกผ้าก๊อซอย่างแรง ราวกับว่ากำลังโมโหและใส่อารมณ์อยู่ แต่เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงพันแผลให้กับเจี่ยนอี๋นัว เขาก็ทำอย่างเบามือ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย
เจี่ยนอี๋นั่วเห็นมือของตัวเองทำแผลเสร็จแล้ว ก็รีบหดมือโดยเร็วพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:“ขอบคุณคุณมากนะคะ ทางที่ดีคุณควรกลับเข้าไปในงานก่อนเถอะค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคุณจะโดนคุณนายเหลิ่งตำหนิได้นะคะ”
เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆลุกขึ้น เหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่วรีบลุกขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ถ้าอย่างนั้นคุณสัญญาได้ไหมว่าคืนนี้คุณจะไม่ออกไป คุณพักผ่อนก่อน เรื่องพวกนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้คุณค่อยไปจัดการต่อ!”
เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอไม่ได้ตอบกลับเหลิ่งเซ่าถิง ตอนนี้เธอกังวลและร้อนใจเป็นอย่างมาก เธอรู้ดีว่าผู้ชายอย่างฉู่หมิงเซวียนน่ารังเกียจขนาดไหน ถ้าหากฉู่หมิงเซวียนต้องการทำร้ายเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไม่มีทางสู้ได้อย่างแน่นอน
“ช่างมันเถอะ เดี๋ยวผมจะช่วยคุณตามหาพวกเขา คุณมีเลขบัตรประชาชนของฉู่หมิงเซวียนและน้องสาวของคุณไหม? ผมสามารถหาคนช่วยหาข้อมูลของโรงแรม หลังจากนั้นคุณก็จะรีบตามไป”เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เจี่ยนอี๋นั่วรีบพยักหน้าตอบรับ:“ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณหน่อยนะคะ ฉันมีเลขบัตรประชาชนของฉู่หมิงเซวียนค่ะ ฉันจะบอกคุณตอนนี้แหล่ะค่ะ……”
เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่ว เม้มริมปากแล้วหันหลังกลับไป เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรแล้วครั้ง โทรสั่งงานเสร็จ ไม่เกินสองนาที มือถือของเหลิ่งเซ่าถิงก็สั่นขึ้นมา เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองโทรศัพท์มือถือ ก็เงยหน้าไปมองทางเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“พวกเขาอยู่โรงแรมหวาถิง ห้อง1013 ผมจะออกไปกับคุณเดี๋ยวนี้……”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ฟังเนื้อหาในโทรศัพท์ เขาก็ค่อยๆหน้าคิ้วขมวดขึ้น จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ได้ครับ คุณย่า ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ครับ”
จากนั้นเหลิ่งเซ่าถิงก็วางสาย พูดกับเจี่ยนอี๋นั่วว่า:“ผมจะให้รถส่งคุณไป แต่ว่าคุณห้ามไปมีเรื่องกับใครเด็ดขาด ผมจะส่งบอดี้การ์ดสองคนไปดูแลคุณ ถ้าคุณพบเจอเหตุการณ์อะไรก็ตามอย่าวู่วามเด็ดขาด ต้องปกป้องตัวเองก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องอื่น ถ้าหากมีอันตรายเกิดขึ้นรีบโทรหาผม ตอนนี้ผมจะพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
คุณอย่าแสดงอาการใดๆเพื่อให้ศัตรูดูออก และอย่าทำให้พวกเขารู้จุดอ่อนของเราได้……”
เจี่ยนอี๋นั่วกำลังมึนงงจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงคิดวางแผนรอบคอบมาก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเหลิ่งเซ่าถิงกำลังปกป้องเธออยู่ แต่ว่าเหลิ่งเซ่าถิงปกปกป้องคนอื่นเป็นด้วยเหรอ? อีกทั้งกำลังปกป้องเธออยู่?
เจี่ยนอี๋นั่วหน้าคิ้วขมวด ไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเองจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิง ถามกลับด้วยน้ำเสียงเบา:“เมื่อคืนนี้คุณ คุณทำ……”
เหลิ่งเซ่าถิงรีบหยุดทันที หันหน้าไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว หรี่ตาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ทำหรือไม่ได้ทำอะไร?”
เวลานี้บนตัวของเหลิ่งเซ่าถิงเหมือนกำลังตกอยู่ในอันตราย เพียงแค่เจี่ยนอี๋นั่วถามเรื่องเมื่อคืนขึ้น ถ้าอย่างนั้นก็จะเกิดสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เจี่ยนอี๋นั่วรีบหยุดชะงักทันที เธอหันหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ ฉันอยากถามคุณว่า เมื่อคืนนี้คุณนอนหลับดีไหมคะ ฉันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นคุณค่ะ กลัวว่าคุณจะไม่ได้พักผ่อน”
“ผมนอนหลับดีมาก คุณวางใจเถอะ ”เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ ก็เดินออกจากห้องไป
เมื่อเดินออกจากห้องเหลิ่งเซ่าถิงก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ โยนทิ้งลงถังขยะ เจี่ยนอี๋นั่วได้ฟังคำตอบของเหลิ่งเซ่าถิง ในสมองสับสนวุ่นวายไปหมด แต่ว่าเวลานี้เรื่องของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยยิ่งทำให้เธอปวดหัวสักมากว่า เจี่ยนอี๋นั่วรีบเก็บของ แล้วรีบเดินลงไป
พอเดินถึงชั้นล่าง เจี่ยนอี๋นั่วเห็นเหลิ่งเซ่าถิงกำลังจัดเตรียมบอร์ดี้การ์ดและคนขับรถอยู่หน้าประตู เจี่ยนอี๋นั่วรีบขึ้นรถ และไปตามที่อยู่ที่เหลิ่งเซ่าถิงให้ไว้ นั่งรถไปจนถึงโรงแรมหวาถิง พอถึงโรงแรมเจี่ยนอี๋นั่วรีบเดินลงจากรถ บอร์ดี้การ์ดก็ตามเจี่ยนอี๋นั่วลงจากรถเช่นกัน
พอเดินถึงหน้าห้อง 1013 เจี่ยนอี๋นั่วเคาะประตูเบาๆ ก็ได้ยินเสียงตอบรับจากในห้อง เสียงของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพูดขึ้นว่า:“ใครคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วรีบคิ้วขมวด เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“คุณผู้หญิงคะ ฉันมาส่งอาหารค่ะ”
“ค่ะ? หมิงเซวียนคุณสั่งอาหารไว้เหรอคะ?คุณนี้ช่างละเอียดรอบคอบจริงๆ ” เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนพร้อมเปิดประตูไปด้วย
ในขณะที่เปิดประตูออก เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยก็เห็นเจี่ยนอี๋นั่วยืนอยู่หน้าประตูห้อง ก็รีบจะปิดประตูห้องทันที แต่ว่าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยยังไม่ทันจะปิดประตู บอร์ดี้การ์ดของเจี่ยนอี๋นั่วก็รีบดันประตูไว้ เจี่ยนอี๋นั่วดันประตูห้อง เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยตกใจพูดขึ้นว่า:“เจี่ยนอี๋นั่ว เธอมาที่นี่ได้อย่างไร?เธอต้องการทำอะไร?”
เจี่ยนอี๋นั่วหันหลังเหลือบมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ฉันจะทำหน้าที่ของพี่สาวคนหนึ่ง”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็รีบเดินเข้าไปในห้องและเห็นผ้าปูที่เตียงที่ยับยู่ยี่ และยังเห็นฉู่หมิงเซวียนนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางอ่อนเพลีย เจี่ยวอี๋นั่วคิ้วขมวด พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ฉู่หมิงเซวียน ฮุ่ยฮุ่ยเพิ่งจะเป็นผู้ใหญ่ได้ไม่กี่ปี นี่คุณกล้ารังแกเธอเหรอ?”
ฉู่หมิงเซวียนห่อเสื้อคุมอาบน้ำ หันหน้าไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว หัวเราะพูดขึ้นว่า:“พวกเรายินยอมและสมัครใจทั้งสองฝ่าย ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ? และอีกทั้งรังแกก็รังแกแล้ว และใช่ว่าจะรังแกเธอเป็นครั้งแรกสักเมื่อไหร่?ฮุ่ยฮุ่ย บอกพี่สาวของเธอสิ นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของพวกเราแล้ว?”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยหน้าแดง เดินถอยหลบ:“นี่……”
ฉู่หมิงเซวียนหัวเราะจ้องมองไปทางเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย:“พูดเสียงดังหน่อยสิ ดูท่าทางโกรธของพี่สาวเธอสิ เป็นเพราะอิจฉาเธอแน่ ๆ หรือเธอไม่อยากให้พี่สาวของเธออิจฉาเธอมากขึ้นกว่านี้เหรอ?”
“ฮึม หลายสิบครั้งแล้วใช่ไหม หมิงเซวียนอ่อนโยนต่อฉันมาก ”เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยฟังสิ่งที่ฉู่หมิงเซวียนพูดออกมา เธอรีบเงยหน้าขึ้น และตั้งใจแกล้งพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วใช้แรงเม้มที่ริมฝีปาก หันหน้าจ้องมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย:“เดี๋ยวฉันค่อยอบรมเธอ”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ค่อยหันหน้าไปมองทางฉู่หมิงเซวียน พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:“ฉู่หมิงเซวียน คุณมาหลอกใช้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งแบบนี้ คุณนี่มันเลวอนาจารสุดๆ”
ฉู่หมิงเซวียนมองเจี่ยนอี๋นั่ว ก็รีบหัวเราะขึ้นมาทันที เดินเข้าไปใกล้เจี่ยนอี๋นั่วแล้วกระซิบที่ข้างหู และมีเพียงเจี่ยนอี๋นั่วที่ได้ยิน พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ดูท่าทางของคุณในตอนนี้ ผมคิดว่าในสิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดมันทำถูกต้องแล้ว รู้สึกโกรธมาก โมโหมากใช่ไหมล่ะ? ผมจะบอกคุณว่า ผมกำลังมีอะไรกับน้องคุณไปด้วยและนึกถึงหน้าคุณไปด้วย? ผมรู้สึกผิดมากเมื่อตอนที่ผมอยู่กับคุณ ผมไม่ได้มีอะไรกับคุณ ดวงตาของเธอเหมือนกับคุณมากๆ ผมนอนกับเธอ ก็เหมือนกับว่าผมกำลังนอนอยู่กับคุณ เพียงแต่ว่าน้องสาวของคุณมีความต้องการทางเพศสูงและจริตจะก้านมาก เทียบกับคุณแล้วเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง!”