หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 91 เธอไม่ใช่คน

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

“พวกคุณ…พวกคุณในตอนที่ฉันตื่นตระหนกเกี่ยวกับการหายตัวไปนั้นก็เลยถือโอกาสพาพ่อออกไปจากศูนย์รักษาตัวงั้นเหรอ?” เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยด้วยดวงตาสีแดงก่ำ

เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยยิ้มและกล่าว “ตอนนี้รู้ถึงความเก่งกาจของเราหรือยัง? เมื่อฉันไปถึงศูนย์รักษาตัว พ่อก็เรียกชื่อฉัน จากนั้นพวกเราก็พาพ่อออกมาจากที่นั่นได้อย่างง่ายดาย ฉันก็เป็นลูกสาวของเขา ฉันอยากจะพาเขาไป ใครจะมีสิทธิ์มาห้ามฉัน?”

เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองไปยังเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย เธอค่อยๆส่ายหน้าและน้ำตาก็ไหลร่วงลงในทันที “เธอทำแบบนี้ไม่ได้ นั่นคือพ่อของพวกเรา เธอทำแบบนั้นได้อย่างไร? เธอรู้ไหมสิ่งที่ฉู่หมิงเซวียนเกลียดมากที่สุดคือพ่อของพวกเรา? ในตอนนี้เขาไม่เข้าใจอะไรเลย เขาเทียบไม่ได้แม้แต่กับเด็กคนหนึ่ง เด็กน้อยที่พอจะรู้ความยังคิดหนีได้ แต่เขานั้นเลือกที่จะหนีไม่ได้ด้วยซ้ำ เป็นอย่างนี้แล้วเธอยังวางใจที่จะส่งเขาไปหาฉู่หมิงเซวียนอีกเหรอ?”

“แล้ว..แล้วมันยังไงล่ะ..ก็เพราะเธอ ปิดกั้นไม่ให้ฉันพบเจอหมิงเซวียน ไม่งั้นฉันก็คงจะไม่ทำแบบนี้!” เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยตะโกนเสียงดังด้วยความรู้สึกผิด

เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเพิ่มระดับเสียงขึ้นอีกเล็กน้อยและตะโกนว่า “แล้วก็..พ่อ..พ่อน่ะเขาเข้าข้างเธอตลอด..เขา..”

เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นและตบหน้าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยอย่างสุดแรง เธอโกรธมากจนสมองของเธอนั้นสั่นคำรามและเสียงของเธอสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ “เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย เธอยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? ตอนนี้เธอเย่อหยิ่งจองหองขนาดนี้ได้อย่างไร ใครทำให้เธอเป็นแบบนี้? หากว่าไม่ใช่พ่อเลี้ยงเธอมา เธอจะเสพสุขเพลิดเพลินได้อยู่ตั้งหลายปีได้อย่างไร? ที่พ่อเข้าข้างฉัน ก็เพราะเขาอยากให้ฉันช่วยดูแลเธอ แม้ว่าเขาจะทำบางอย่างที่ทำให้เธอไม่มีความสุขแต่เขาก็คือพ่อของเธอไม่ใช่เหรอ? เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย เธอยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างไหม? ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ เธอก็คือหนึ่งในฆาตกร”

“จะไม่เกิดเรื่องเลย หมิงเซวียนเขาบอกว่าเขาต้องการแค่เงิน..” เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยกล่าวด้วยความตื่นตระหนก “เขาบอกว่าเธอไม่สนใจฉัน ไม่ให้เงินฉันเลยด้วย ดังนั้นที่ฉันต้องการตัวพ่อก็เพราะคนที่สำคัญที่สุดในใจของเธอก็คือพ่อ มีพ่ออยู่ในกำมือก็จะมีเงิน หมิงเซวียนและฉันจะได้อยู่ด้วยกัน”

มือและเท้าของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเย็นและสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ ภายในสมองของเธอนั้นว่างเปล่า สิ่งที่เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพูดนั้นไม่ผิดเลย คนที่สำคัญที่สุดในใจของเจี่ยนอี๋นั่วก็คือพ่อของเธอ เมื่อเธอได้ยินว่าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยนั้นถูกลักพาตัว เจี่ยนอี๋นั่วก็กระวนกระวายใจ แต่เธอก็ยังคงพยายามหาทางแก้ไขในเรื่องนั้น แต่ตอนนี้ภายในสมองของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นว่างเปล่าไม่มีซึ่งความคิดใดๆและไม่สามารถหาวิธีแก้ไขได้เลย

เจี่ยนอี๋นั่วนั้นรู้สึกผิดพลาดและเสียดาย เธอไม่ควรสนใจชีวิตและความตายของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย คนที่ไร้ซึ่งหัวใจเธอไม่ควรไปใยดี เจี่ยนอี๋นั่วควรสนใจเพียงแค่พ่อของเธอเพียงคนเดียว ไม่ควรเพิกเฉยต่อพ่อของเธอเพราะการหายตัวไปของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย เป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้ฉู่หมิงเซวียนใช้โอกาสนี้และนำตัวพ่อของเธอไป

ทำไมเจี่ยนอี๋นั่วถึงอ่านความคิดของฉู่หมิงเซวียนกัน? ใช่แล้ว พาตัวเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไปจะมีประโยชน์อะไร การพาตัวพ่อของเธอไปต่างหากล่ะ ฉู่หมิงเซวียนนั้นสามารถล้างแค้นเธอได้และยังสามารถทำให้เธอหมดหนทางได้อีกด้วย ในตอนนี้ต่อให้ฉู่หมิงเซวียนนั้นบอกว่าเขาไม่ต้องการเงินแล้ว แต่ต้องการชีวิตของเธอ เธอก็ยินดีมอบชีวิตเธอให้เขา

เจี่ยนอี๋นั่วมองไปยังเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยและกล่าวอย่างเย็นชา “หากว่าพ่อเป็นอะไรขึ้นมา เธอก็ต้องตาย เราจะตายไปด้วยกัน!”

ใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเย็นชาราวกับน้ำแข็ง สายตาของเธอนั้นหม่นหมอง เมื่อเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยได้มองเธอ เธอก็ตกใจจนแทบจะร้องไห้กับท่าทีที่จริงจังของเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ทุกคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเป็นเรื่องจริง เจี่ยนอี๋นั่วในตอนนี้คิดจะฆ่าเธอจริงๆ

เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยร้องไห้และตะโกน “พี่ ฉันไม่รู้ว่ามันจะร้ายแรงถึงขนาดนี้ หมิงเซวียนเขาบอกว่าเขาต้องการแค่เงิน เขาบอกเขาต้องการเงินจริงๆ พี่อย่าโทษฉัน ฉันแค่หลงหมิงเซวียนมากไป การฆ่าคนมันผิดกฎหมาย เขาจะไม่ทำแบบนั้น พี่ ฉันจะบอกพี่ว่าเขาอยู่ไหน เขานั้นหลบอยู่ใต้สะพาน ตอนนี้เขากำลังจะพาพ่อไปอยู่บนภูเขา เขาบอกว่าบนภูเขาจะปลอดภัยกว่า เขาบอกว่าจะติดต่อฉัน อีกเดี๋ยวฉันก็จะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนจากนั้นเดี๋ยวฉันจะไปพบเขา พี่ พี่อย่ากังวลไป พี่ไม่รู้หรอกว่าเขามีความรักต่อฉันมากแค่ไหน เขาจะไม่ทิ้งฉันไปอย่างแน่นอน!”

เจี่ยนอี๋นั่วสูดลมหายใจเข้า เธอขมวดคิ้วและจ้องมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย ในดวงตาของเธอนั้นมีน้ำตาเอ่อล้นออกมาอย่างไม่ขาดสาย แต่น้ำเสียงของเธอสงบและเยือกเย็นมาก “พวกเธอพาพ่อออกไปได้อย่างไร?”

มีแค่เจี่ยนอี๋นั่วเท่านั้นที่รู้ตัวเอง ตอนนี้เธอเป็นเพียงแค่คนที่ด้านนอกดูแข็งแกร่งเท่านั้น คนอื่นอาจมองเธอว่าเธอนั้นสงบเยือกเย็น แต่จริงๆตอนนี้ภายในใจของเธอตื่นตระหนกและกังวลเป็นอย่างมาก

เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยค่อยๆขยับริมฝีปากของเธอและกล่าวด้วยเสียงเบา “แม้ว่าพวกคุณจะจัดคนเฝ้าดูแลภายในศูนย์รักษาตัว แต่อย่างไรก็ตามฉันก็เป็นน้องสาวของพี่ ดังนั้นฉันจึงอ้างว่าเข้ามาเยี่ยมจึงได้เข้าไปภายในศูนย์รักษาตัว เมื่อได้เจอกับพ่อ พวกเขาเห็นว่าพ่อจำฉันได้จึงให้พ่อกับฉันพูดคุยกัน ฉันบอกพ่อว่าฉันจะพาเขาออกไป พ่อก็โง่เง่า เขาถามฉันว่าฉันจะไปซื้อเค้กให้พี่ไหม จะเป็นวันเกิดพี่แล้ว ต้องได้กินเค้ก..ฉันก็พยักหน้า บอกเขาว่าจะพาเขาไปซื้อเค้ก เขาก็ออกมากับฉัน พยาบาลโทรหาคุณสองสามครั้ง แต่พวกเขาโทรไม่ติด ฉันก็เลยพาพ่อออกมาเลย นั่งรถของหมิงเซวียนแล้วหมิงเซวียนก็รับชายคนหนึ่งที่ดูเชื่อฟังขึ้นมาบนรถแล้วเขาก็ให้ฉันมาที่นี่เพื่อถอนเงิน…แล้วสุดท้าย..สุดท้ายก็เป็นแบบนี้…”

“เขา? ภูเขาไหน?” เจี่ยนอี๋นั่วถามเธอ

เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยส่ายหน้าและกล่าว “ฉันไม่รู้ เขาพูดแค่เขากำลังจะไปภูเขา”

เจี่ยนอี๋นั่วสูดลมหายใจอยู่สองสามครั้ง จากนั้นเธอก็สงบสติอารมณ์ของเธอและถามต่อ “งั้นเธอรู้หมายเลขทะเบียนรถเขาไหม?”

เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยส่ายหน้าและกล่าว “ฉัน ฉันไม่รู้”

“เธอไม่รู้อะไรเลยหรือยังไง? ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ฉันจะไปตามหาพ่อได้อย่างไร?” เจี่ยนอี๋นั่วตะโกน

จากนั้นในที่สุดเจี่ยนอี๋นั่วก็ทรุดตัวลงนั่งยองๆกับพื้นและน้ำตาไหลออกมา เธอตื่นตระหนกอย่างมากเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ทำอะไรไม่ถูก

แต่หลังจากร้องไห้เพียงครู่เดียว เจี่ยนอี๋นั่วก็บังคับตัวเองเข็มแข็ง เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างสุดแรง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เจี่ยนอี๋นั่วมือสั่นและกดโทรศัพท์อยู่สองสามครั้ง จากนั้นเธอกดโทรหาเหลิ่งเซ่าถิง คนเดียวที่เธอสามารถพึ่งพาได้ตอนนี้คือเหลิ่งเซ่าถิง

ทันทีที่รับสาย เหลิ่งเซ่าถิงก็รีบถามทันที “มีอะไรหรือเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “ช่วยฉันด้วย ได้โปรดช่วยฉัน..ช่วยฉันตามหาพ่อ พ่อฉันถูกฉู่หมิงเซวียนเอาตัวไป ตอนนี้เขาตกอยู่ในอันตราย หมิงเซวียนและพ่อของฉัน…”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวเท่านั้นแล้วจู่ๆเธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วง เจี่ยนอี๋นั่วพยายามอย่างมากในการถือโทรศัพท์ ตัวเธอสั่นจนแทบจับโทรศัพท์ไว้ไม่อยู่

“อี๋นั่ว ใจเย็นก่อน ค่อยๆพูดกับผม เดี๋ยวผมจะไปหาเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นมั่นคงและทรงพลัง

เมื่อได้ยินเสียงของเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้สึกมีพลังขึ้นเล็กน้อย เธอค่อยๆถอนหายใจ ปรับอารมณ์ให้คงที่จากนั้นก็กล่าวว่า “เขาแค้นพ่อของฉัน ฉันกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ ตอนนี้เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยบอกว่าฉู่หมิงเซวียน…ฉู่หมิงเซวียนจะพาพ่อขึ้นไปบนภูเขาแห่งหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้ฉู่หมิงเซวียนติดต่อไม่ได้ บัตรธนาคารก็ไม่ได้ใช้เลย ฉันไม่รู้จะไปหาเขาได้จากที่ไหน”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม “ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวผมจะแจ้งตำรวจ ให้พวกเขาตั้งจุดตรวจตามจุดแยกต่างๆ ตอนนี้คุณอย่างเพิ่งทำอะไรทั้งนั้น ขอให้คุณสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อน ฉู่หมิงเซวียนอาจจะติดต่อคุณมา คุณจะต้องใจเย็นๆ”

เจี่ยนอี๋นั่วนั้นพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรอคุณ”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวจบก็ได้วางสายไป เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยจากนั้นก็กล่าวกับคนอื่นๆว่า “พวกคุณดูเธอไว้ให้ดีๆ นี่คือผู้สมรู้ร่วมคิดของผู้ที่ลักพาตัว รอให้ตำรวจมาก็ส่งเธอให้กับตำรวจ”

“พี่..ลักพาตัวอะไรกัน?” เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยนั้นร้อนรนและร้องไห้ออกมาในทันที “ฉันแค่เพียงพาพ่อออกมาเท่านั้น ไม่ได้ลักพาตัวเขา!”

เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยด้วยสายตาที่ว่างเปล่าและกล่าวอย่างเยือกเย็น “ตอนนี้ฉันรู้สึกพลาดมากที่เมื่อกี้มัวแต่ห่วงเรื่องชื่อเสียงของเธอและไม่ได้รีบแจ้งตำรวจ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เธอไม่ใช่น้องสาวของฉันอีกแล้ว ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ เธอลักพาตัวพ่อของฉันไปและคิดข่มขู่ฉัน”

“พี่ ฉันยังเด็ก ฉันไม่รู้ว่าเรื่องราวจะใหญ่โตแบบนี้และพี่เองก็คิดมากไป พ่ออาจจะไม่เกิดเหตุร้ายอะไรก็ได้!” เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเริ่มร้องไห้ด้วยความตื่นตระหนก

เจี่ยนอี่นั่วมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย เธอกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “เธอคิดว่าตัวเองยังเด็กเหรอ? หยุดพูดซะเถอะ กฎหมายจะบอกเธอเองว่าในฐานะผู้ใหญ่อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวจบ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอมองหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยและก็รีบรับสายกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สุขุม “ฮัลโหล”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเสียงฉู่หมิงเซวียนที่มาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เธอก็ให้คนค้นหาและติดตามสัญญาณโทรศัพท์อย่างเงียบๆ เพื่อค้นหาที่อยู่ของโทรศัพท์เครื่องนี้

ฉู่หมิงเซวียนหัวเราะและกล่าว “ว่าไง อี๋นั่ว ตอนนี้ฮุ่ยฮุ่ยถูกเธอจับได้แล้วสินะ? ฉันรับสายของหวังเหมี่ยนและรู้ว่าต้องเป็นเธอที่ตามหาเขา ดังนั้นฉันจึงส่งน้องสาวของเธอกลับไป เป็นไง เธอดีใจใช่ไหมล่ะ? ในที่สุดก็ได้พบกับน้องสาวที่น่ารักของตัวเอง เธอต้องดีใจสิใช่ไหม?”

“พ่อฉันล่ะ?” เจี่ยนอี๋นั่วถามอย่างเย็นชา

หมิงเซวียนหัวเราะและกล่าว “ลุงจะอยู่กับฉันไปอีกพักใหญ่ ฉันต้องตอบแทนน้ำใจของเขาอย่างดี ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ตอนนี้ฉันคงได้เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลฉู่แล้ว จะมาอยู่ในจุดที่ถูกตามล่าได้อย่างไร? แม้แต่เธอก็จากไป ทั้งหมดคือความผิดของเขาดังนั้นฉันคิดว่าเขาควรจะต้องได้รับโทษสักหน่อย?”

“คุณสามารถตั้งข้อเสนอได้ ฉันจะส่งคุณไปให้ไกลจากที่นี่และเรื่องทั้งหมดนี้จะไม่กล่าวโทษถึงคุณ” เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ฉู่หมิงเซวียนหัวเราะ “หนีไปให้ไกล? จริงเหรอ? ดีเลย เธอกับฉัน เราหนีไปให้ไกล งั้นพ่อของเธอ ฉันจะปล่อยเขาไป”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วแน่นและตอบตกลง “เอาเลย ฉันตกลง”

“ตกลงไวขนาดนี้ ดูเหมือนจะไม่จริงใจ” ฉู่หมิงเซวียนกล่าว “จริงๆแล้วพ่อของเธอนั้นโง่ขนาดนี้ก็น่าสนใจดีเหมือนกัน หากว่าฉันให้เขากินโคลนแล้วเขากินมันลงไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม…”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน