หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 95 เชื่อว่าผีและเทพเจ้ามีจริง

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เฮ่อหงเยี่ยนนั้นได้ถูกผลักออกจากคฤหาสน์ เจี่ยนอี๋นั่วถือโกศของพ่อเอาไว้ในมือแต่เธอกลับไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ที่ไหน ที่นี่ยังเป็นบ้านของเธอ เป็นบ้านของพ่อเธออยู่หรือเปล่า?

เหลิ่งเซ่าถิงเห็นว่าเจี่ยนอี๋นั่วยืนนิ่งงันอยู่เช่นนั้น เขาก้าวไปด้านหน้า จับไหล่ของเธอเอาไว้และถามว่า “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วหายใจเข้าและไอ จากนั้นเธอกล่าวว่า “ฉันไม่รู้…ฉันไม่รู้ว่าควรจะให้พ่ออยู่ที่นี่หรือเปล่า เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเธอรวมมือกับฉู่หมิงเซวียนลักพาตัวพ่อของฉันไปจนทำให้พ่อเป็นแบบนี้ ฉันไม่อยากทิ้งให้พ่ออยู่กับเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยอีกแล้ว”

เหลิ่งเซ่าถิงหันศีรษะไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของอี๋นั่วจากนั้นกล่าวด้วยเสียงที่นุ่มลึก “ก่อนการฝัง นำไปไว้ที่บ้านของเราได้”

เจี่ยนอี๋นั่วหันหน้าไปมองเหลิ่งเซ่าถิงและถาม “บ้านตระกูลเหลิ่งเหรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหน้า “บ้านของเรา”

เจี่ยนอี๋นั่วมองเหลิ่งเซ่าถิง จากการที่เธอโดนรุกอยู่หลายครา เธอก็มีอาการตอบสนองที่ช้าลง เวลาผ่านไปชั่วครู่ เธอจึงได้สติและถามเสียงเบา “ที่บ้านของคุณใช่ไหม?”

สถานที่เดียวที่เจี่ยนอี๋นั่วสามารถนึกถึงได้ในตอนนี้ สถานที่ที่เหลิ่งเซ่าถิงเรียกว่า บ้านของเรา ก็คือบ้านสองห้องนอนที่เหลิ่งเซ่าถิงเคยพาเจี่ยนอี๋นั่วไป เมื่อเห็นว่าเหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า เจี่ยนอี๋นั่วก็ยิ้มและพยักหน้าเบาๆ

เมื่อมาถึงคอนโดที่ดูเก่านิดหน่อยหลังนี้แล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็วางโกศของพ่อไว้ในที่ที่เหมาะสม จากนั้นเธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดเธอก็รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย เจี่ยนอี๋นั่วเอนกายลงบนโซฟาและหลับตาลง เหลิ่งเซ่าถิงขยับเข้ามาสัมผัสเธอเบาๆ เจี่ยนอี๋นั่วก็ขยับเข้าใกล้และเอนกายพิงไหล่ของเซ่าถิง

“คุณคุยกับคุณย่าหรือยัง?” เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวอย่างงัวเงีย “ตอนนี้ฉันไม่มีแรงจะกลับไปบ้านใหญ่เลย”

“ผมบอกไปแล้ว คุณสบายใจได้” เหลิ่งเซ่าถิงโอบกอดเจี่ยนอี๋นั่วและกล่าวเบาๆ

เจี่ยนอี่นั่วพยักหน้าและหลับตาลง สิ่งนี้ที่เรียกว่า “บ้าน” ซึ่งอาจดูโทรมสำหรับคนอื่น แต่สามารถทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกปลอดภัยอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน เธอเอนกายพิงไหล่ของเหลิ่งเซ่าถิงและค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทรา

เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้นและลูบหลังของเจี่ยนอี๋นั่วอย่างเบามือ จากนั้นเขาก็หันหน้าไปจูบหน้าผากของอี๋นั่ว เขาค่อยๆโอบเจี่ยนอี๋นั่วไว้ในอ้อมแขน เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจอี๋นั่ว ราวกับว่าเธอนั้นได้หลับสนิทไปแล้ว คิ้วของเหลิ่งเซ่าถิงขมวดแน่น เขาเม้มริมฝีปากค่อยๆใช้แรงรวบตัวของเจี่ยนอี๋นั่วมาไว้ในอ้อมกอด

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วลืมตาขึ้น ท้องฟ้าก็เริ่มสว่าง ความโชคร้ายก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเป็นความฝัน เจี่ยนอี๋นั่วอยากจะตื่นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นและเล่าให้เหลิ่งเซ่าถิงฟัง ฟังเกี่ยวกับฝันร้ายที่เธอเพิ่งเจอ แต่เมื่อเธอตื่นขึ้นเธอก็เห็นขี้เถ้าของพ่อของเธอบนตู้หนังสือ

หัวใจของเจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆหนาวเหน็บขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วหลับตาลง เธออดไม่ได้ที่จะร้องไห้อีกครั้ง

“เป็นอะไรไป?” เหลิ่งเซ่าถิงเดินเข้ามาข้างกายเจี่ยนอี๋นั่ว เขากอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง

เจี่ยนอี๋นั่วสูดจมูกของเธอ “ฉันคิดว่าฉันแค่ฝันร้าย ฉันไม่ได้คาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นจริง ฉันไม่มีพ่ออีกต่อไปแล้ว”

เหลิ่งเซ่าถิงกอดเจี่ยนอี๋นั่วและกล่าวอย่างอ่อนโยน “ตอนนี้เป็นแบบนี้น่ะปกติ อาจต้องใช้เวลาสักพักในการยอมรับความเป็นจริง ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ ไม่ต้องฝืนตัวเองให้มากนัก คุณทำได้ดีแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะร้องไห้และพูด “เมื่อกี้ฉันฝันในฝันไม่มีพ่อเลย เมื่อก่อนฉันไม่เชื่อเรื่องผีและเทพเจ้าฉันไม่เชื่อว่าในโลกนี้มีผีและสัตว์ประหลาดอะไร แต่ตอนนี้ฉันหวังว่าจะมีผีและเทพเจ้าในโลกนี้เพราะด้วยวิธีนี้พ่อของฉันอาจอยู่เคียงข้างฉันในอีกรูปแบบหนึ่ง ใช่หรือเปล่า ที่เขาว่ากันผู้คนต่างเริ่มเชื่อเรื่องผีและเทพเจ้าเป็นเพราะพวกเขาอยากรักษาคนที่รักที่ได้จากไปแล้ว?”

“ผมไม่เข้าใจ” เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหน้าเบาๆ “แม้ว่าญาติของผมจะจากไป แต่ความสัมพันธ์ของผมกับพวกเขาก็ไม่ได้ลึกซึ้งขนาดนั้น ผมไม่ค่อยเข้าใจในความสัมพันธ์ของคุณกับพ่อ แต่เมื่อเห็นคุณเป็นแบบนี้แล้ว ผมเองก็ทุกข์ใจมากและอาจเข้าใจในอารมณ์ของคุณ”

เจี่ยนอี๋นั่วเอนกายซบไหล่ของเหลิ่งเซ่าถิง เธอร้องไห้และพูดว่า “คุณปลอบคนไม่เก่งเลยจริงๆ”

เซ่าถิงตบไหล่ของอี๋นั่วเบาๆและพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “ขอโทษด้วย ผมจะปรับปรุง”

“ไม่ต้องปรับปรุง ฉันหวังว่าตลอดชีวิตของฉัน ฉันจะไม่ต้องใช้การปลอบใจจากคุณอีกแล้ว” อี๋นั่วพิงไหล่ของเหลิ่งเซ่าถิงและกล่าวเบาๆ

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วแน่นและลูบหลังของอี๋นั่วอย่างเบามือ “ผมทำโจ๊กเสร็จแล้ว ไปกินอะไรสักหน่อยเถอะ คุณไม่ได้กินอะไรเลยตลอดทั้งวัน”

เจี่ยนอี๋นั่วหมุนตัวและออกจากอ้อมแขนของเซ่าถิง เธอเดินไปยังหน้าต่างแล้วส่ายหน้าเบาๆพร้อมกับกล่าวว่า “ฉันไม่อยากกินอะไรเลย กินไม่ลง”

เหลิ่งเซ่าถิงเติมโจ๊กใส่ชาม เขาเดินไปข้างกายเจี่ยนอี๋นั่วและพูด “คุณกินสักคำ คำเล็กๆก็ยังดี พ่อของคุณรักคุณมาก ผมเองก็รักคุณมาก แม้ว่าผมจะไม่เข้าใจความโศกเศร้าจากการสูญเสียคนที่คุณรักไป แต่ผมก็เข้าใจว่าการรักใครสักคนรู้สึกอย่างไร ผมไม่อยากเห็นคุณเศร้าโศกแบบนี้ ผมเชื่อว่าพ่อของคุณเองก็ไม่อยากให้คุณเป็นแบบนี้หรอก กินสักคำ ได้ไหม? คำเล็กๆก็พอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วหันหน้าไปมองชามโจ๊ก เธอขมวดคิ้ว อ้าปากถือช้อนที่เหลิ่งเซ่าถิงนำมาให้ เธอกลืนโจ๊กลงไปหนึ่งคำ โจ๊กอุ่นๆทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกสบายตัวขึ้นมาบ้าง หัวใจของเธอนั้นก็เริ่มอุ่นขึ้นอย่างช้าๆพร้อมกับของที่อยู่ในท้องของเธอ

เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่น่าแปลกใจที่มีคนบอกกันว่าตราบใดที่คนเราสามารถกินและนอนได้ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้พวกเขาจะอยู่รอดไม่ได้ ฉันเคยรู้สึกว่าฉันไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป แต่ตอนนี้ฉันนอนหลับและกินข้าวได้ ฉันก็รู้สึกว่าตัวฉันนั้นยังสามารถอยู่รอดต่อไปได้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองนั้นทำตัวน่าอาย ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นห่วงพ่อมาก แต่ตัวเองนั้นหลุดพ้นจากความเศร้าได้อย่างรวดเร็ว”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปาก เธอสูดลมหายใจเข้า ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “ฉันอยากกินโจ๊กอีกสักคำ”

เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะเบาๆ เขาหยิบชามโจ๊กขึ้นและตักโจ๊กหนึ่งช้อนป้อนให้กับเจี่ยนอี๋นั่ว “ค่อยๆกิน”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าและกินโจ๊ก จากนั้นดวงตาสีแดงก่ำจากการร้องไห้ของอี๋นั่วก็จ้องมองไปยังเหลิ่งเซ่าถิง “คุณเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยเหมือนกัน คุณก็กินเสียหน่อยเถอะ ตลอดทั้งวันคุณเหนื่อยมามากแล้ว ฉันไม่ได้ดูแลคุณเลย มัวแต่คอยขอความช่วยเหลือจากคุณอยู่เสมอ คอยให้คุณทำนั่นทำนี่ให้ บางครั้งก็พูดจาไม่ดีกับคุณด้วย ฉันอยากจะขอโทษ ขอโทษจริงๆ…”

เหลิ่งเซ่าถิงจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว ในดวงตาของเขามีน้ำตาเอ่อล้น เขากล่าว “อี๋นั่ว คุณไม่ต้องขอโทษผมเลย ถ้าหากว่าคุณรู้…คุณไม่ควรที่จะพูดขอโทษกับผมเลย”

เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาจากหางตาของเหลิ่งเซ่าถิง เธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจและกล่าว “คุณร้องไห้ทำไม? ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันพูดว่าขอโทษกับคุณ หลังจากนี้ฉันก็ไม่พูดแล้ว เห็นคุณน้ำตาไหลแบบนี้ ฉันตกใจมากจริงๆ”

เหลิ่งเซ่าถิงอดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้ม “ผมก็เป็นคน มีหลายครั้งที่ผมทำผิดพลาด มีบ้างที่อ่อนแอ บางครั้งถ้าผมใส่ใจและระมัดระวังให้มากขึ้นก็เป็นไปได้ที่เหตุร้ายในหลายๆเรื่องจะไม่เกิดขึ้น”

เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นกอดเหลิ่งเซ่าถิงและพูดอย่างรู้สึกผิด “บางครั้งฉันก็คิดว่าคุณมีอำนาจต่อรองทุกอย่าง ฉันลืมไปเลยจริงๆว่าคุณเองก็เป็นเพียงคนธรรมดา”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าว เธอคลายกอดจากเหลิ่งเซ่าถิง รับโจ๊กจากมือเขามาไว้ในมือตัวเองและกล่าวกับเหลิ่งเซ่าถิงว่า “งั้นฉันจะป้อนโจ๊กให้คุณสองคำ คุณเองก็ควรกินอะไรบ้าง คุณก็เป็นคนธรรมดา ไม่กินอะไรไม่ได้เหมือนกัน”

เจี่ยนอี๋นั่วตักโจ๊กใส่ช้อนและยื่นไปยังปากของเหลิ่งเซ่าถิง “อ้าปาก…”

ดวงตาสีแดงก่ำของเซ่าถิงจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นเขาก็กินโจ๊กที่เธอป้อนให้ เจี่ยนอี๋นั่วมองเหลิ่งเซ่าถิงกินโจ๊กแล้วจากนั้นเธอก็ป้อนเขาอีกหนึ่งคำแล้วเธอก็กล่าวเบาๆว่า “คุณเองก็เป็นคนธรรมดาที่ป้อนอาหารให้กับฉัน”

เหลิ่งเซ่าถิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาหยิบถ้วยโจ๊กไปและป้อนโจ๊กให้กับเจี่ยนอี๋นั่ว เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วกลืนโจ๊กไปแล้ว เธอก็รับถ้วยโจ๊กมาและป้อนให้กับเหลิ่งเซ่าถิง เมื่อทานโจ๊กนั้น เจี่ยนอี๋นั่วก็อดไม่ได้ที่น้ำตาจะไหลลงมาอาบแก้มของเธอ เธอจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิงและกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “พวกเรากินโจ๊กกันแบบนี้มันน่าอับอายไหม ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะต้องหัวเราะเราแน่ๆ ผู้ใหญ้สองคนกินโจ๊กกันแบบนี้จนหมดชาม”

เหลิ่งเซ่าถิงกอดเจี่ยนอี๋นั่วไว้ในอ้อมแขนของเขาและพูด “ไม่ นี่คือการช่วยเหลือกันและกันในยามลำบาก ใครจะมาหัวเราะเรา? มีบางคนต้องการแต่ไม่สามารถทำได้”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า เธอร้องไห้และกอดเหลิ่งเซ่าถิงและพูดว่า “เซ่าถิง คุณอย่าทิ้งฉันไปไหนนะ ได้ไหม?”

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วและมองไปที่ท้องฟ้าสลัวนอกหน้าต่าง เขาเม้มริมฝีปากและบอกกับเธอ “ไม่ว่าผมจะอยู่เคียงข้างคุณหรือไม่ก็ตาม ผมก็รักคุณตลอดไป อี๋นั่ว คุณต้องแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับทุกอย่าง”

เจี่ยนอี๋นั่วซึ่งยังไม่หายจากความเศร้าโศก เธอจึงไม่ได้ใส่ใจถึงความเสียใจที่แฝงอยู่ภายในประโยคบอกกล่าวของเหลิ่งเซ่าถิง เธอรู้สึกเพียงแค่ว่านี่คือประโยคคำตอบจากเหลิ่งเซ่าถิงที่ตอบเธอ เธอร้องไห้และกอดเซ่าถิงพร้อมกับกล่าวว่า “ฉันจะไม่ทิ้งคุณไปไหน”

เหลิ่งเซ่าถิงสัมผัสศีรษะของเจี่ยนอี๋นั่วอย่างเบามือ เขาถอนหายใจเบาๆและกล่าว “ผมจะทำให้คุณปลอดภัยอยู่เสมอ”

เมื่อเซ่าถิงกล่าวเช่นนี้ เขาก็หยุดนิ่ง เขาลดเสียงลงและกล่าวเบาๆว่า “ตอนที่ผมเห็นศพพ่อของคุณ ผมก็คิดว่าความปลอดภัยของคุณเท่านั้นที่สำคัญที่สุด แค่เพียงคุณปลอดภัย ผมสามารถเสียสละทุกอย่างได้”

เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้น มองเหลิ่งเซ่าถิงอย่างสงสัย “ทำไมคำพูดคุณดูมีอะไรแปลกๆ?”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท