หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 98 คุณขี่หลังผม

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เจี่ยนอี๋นั่วจากนั้นเขาก็กอดอี๋นั่วไว้ในอ้อมแขน เจี่ยนอี๋นั่วก็กอดเหลิ่งเซ่าถิง หากเป็นเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เดิมทีอี๋นั่วไม่คิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงที่ดูแล้วแสนจะเย็นชากลับกลายเป็นคนที่ให้ความอบอุ่นและการปลอบโยนแก่เธอให้ช่วงเวลาที่เธอยากลำบากมากที่สุด

ในเวลานี้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าเธอหลุดพ้นจากความเศร้าโศก ชีวิตที่วุ่นวายของเธอกลับมามีทิศทางอีกครั้ง เธอต้องการทำงานอย่างหนักเพื่อก้าวเดินไปพร้อมกับเหลิ่งเซ่าถิง เธออยากมีลูกสักสองคนกับเหลิ่งเซ่าถิง ชายหนึ่งคน หญิงหนึ่งคน ในช่วงหยุดสุดสัปดาห์เธอก็จะพาลูกๆไปเที่ยว บอกพวกเขาว่า ปู่ย่าตายายของพวกเขาเป็นอย่างไร จากนั้นความทรงจำคนรุ่นก่อนจะดำเนินต่อไปอย่างช้าๆ พ่อและแม่ของเธอก็คงจะอยู่ข้างกายเธอในอีกรูปแบบหนึ่ง

เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เธอกอดเซ่าถิงพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ฉันดีขึ้นมากแล้ว ดีขึ้นมากจริงๆ”

เหลิ่งเซ่าถิงกอดเจี่ยนอี๋นั่วไว้ เขาก้มหน้าลงจ้องมองไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้นและเช็ดน้ำตาจากหางตาของเจี่ยนอี๋นั่ว เขากล่าวว่า “ผมบอกแล้วว่าคุณเข้มแข็ง”

“นั่นเป็นเพราะฉันมีคุณอยู่ข้างกาย ฉันจึงได้เข้มแข็งขนาดนี้ ถ้าหากว่าไม่มีคุณ ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะอยู่รอดต่อไปได้หรือเปล่า” เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวเบาๆพร้อมรอยยิ้ม

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่ามีอุปสรรคมากมายในชีวิต เมื่อเธอไม่สามารถผ่านพ้นไปได้ เธอก็คิดว่าอยากจะลงนรกไปพร้อมๆกับฮุ่ยฮุ่ย ทั้งสองคนตายไปพร้อมกันและฝังศพไปพร้อมกับพ่อ แต่ตอนนี้เธอผ่านมันมาได้แล้ว เมื่อเธอมองเห็นเป้าหมายใหม่ในชีวิต เจี่ยนอี๋นั่วก็พบว่าความคิดของเธอในตอนนั้นช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มมุมปากของเขาและพูด “หากว่าผมไม่อยู่ข้างกายคุณ คุณก็ต้องเข้มแข็ง”

“ทำไมล่ะ?” เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้วแน่น “พวกเรายังมีโอกาสแยกจากกันเหรอ? คุณไม่ต้องการฉันแล้วเหรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วและส่ายหน้าแต่เขากลับไม่พูดอะไร เจี่ยนอี๋นั่วเขย่งเท้าขึ้นจากนั้นเธอก็มอบจูบเบาๆให้กับเหลิ่งเซ่าถิง เธอยิ้มและกล่าวว่า “การอยู่กับคุณในอนาคตเป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของฉัน ฉันติดกับคุณเข้าแล้ว คุณไม่สามารถที่จะทิ้งฉันไปได้!”

หลังจากอี๋นั่วพูดจบเธอก็จับมือของเหลิ่งเซ่าถิงแล้วเดินไปที่ชายหาดเพื่อนั่งริมทะเล ลมทะเลกระทบเข้ากับใบหน้าของอี๋นั่ว อี๋นั่วหลับตาลงอย่างสบายๆและพิงไหล่ของเหลิ่งเซ่าถิง

เหลิ่งเซ่าถิงนั้นไม่พูดอะไร เขานิ่งเงียบตลอดเวลา เจี่ยนอี๋นั่วที่นั่งพิงไหล่ของเขาก็ไม่กล่าวอะไร ทั้งสองคนนั่งอยู่ริมทะเลอย่างเงียบๆ มองพระอาทิตย์ตก ชายหาดก็เริ่มเย็นลง เจี่ยนอี๋นั่วก็เริ่มพูดกับเหลิ่งเซ่าถิง เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พวกเรากลับกันไหม”

หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เจี่ยนอี๋นั่วเซและกล่าวว่า “เจ็บ..เปลือกหอยบาดเท้าของฉัน”

เหลิ่งเซ่าถิงคุกเข่าลงตรงหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว “ขี่หลังผม”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มทันทีและทรุดตัวลงบนหลังของเหลิ่งเซ่าถิง มือของเธอโอบรอบคอเหลิ่งเซ่าถิง เธอยิ้มและกล่าวว่า “อืม โอกาสที่ได้แบกฉันขึ้นบนหลัง หนักหรือเปล่า?”

เหลิ่งเซ่าถิงที่แบกเธอไว้บนหลังกล่าวว่า “ไม่หนัก เธออ้วนขึ้นนิดนึงยังได้”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและกล่าวว่า “ฉันก็คิดแบบนั้น ดังนั้นหลังจากกลับไปแล้วคุณก็ทำอาหารอร่อยๆให้ฉันสิ ฉันอยากกินกุ้งทอด ซุปซี่โครงหมู ผัดเห็ดหอม”

เหลิ่งเซ่าถิงที่แบกเจี่ยนอี๋นั่วไว้บนหลัง หลังจากที่ได้ฟังเธอกล่าว เขาก็ค่อยๆยิ้มและพูด “ได้สิ คุณอยากกินอะไร ผมก็จะทำให้”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและวางหน้าไว้บนไหล่ของเหลิ่งเซ่าถิง “อืม หลังจากนี้ฉันจะดูรายการอาหารเยอะๆ เห็นอะไรน่ากินก็จะบอกคุณให้คุณทำให้กิน รอเรามีลูกด้วยกัน ฉันไม่ต้องการพี่เลี้ยงเด็กแล้ว คุณทำอาหารให้กับพวกเขา ฉันจะเล่นกับพวกเขา แต่หากเด็กๆร้องไห้งอแงขึ้นมานั่นก็เป็นเรื่องที่ลำบากอีก ฉันไม่สามารถลุกขึ้นมาโอ๋เขาในช่วงกลางดึกได้ อือ พอคิดแบบนี้แล้ว เราควรมีพี่เลี้ยง…”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงอนาคตของเธอและเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงเพียงแค่ขมวดคิ้วและเดินไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้า เมื่อมาถึงวิลล่า เหลิ่งเซ่าถิงก็อุ้มเจี่ยนอี๋นั่วไปวางบนเตียง ให้เธอนอนให้ท่าที่สบาย เจี่ยนอี่นั่วนั้นได้หลับไปแล้ว เหลิ่งเซ่าถิงก็ห่มผ้านวมให้กับเธอ ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

เหลิ่งเซ่าถิงรับสายโทรศัพท์ทันที เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับจากปลายสาย เหลิ่งเซ่าถิงก็หลับตาลงและขมวดคิ้วพร้อมกับกล่าวเสียงเบา “ถิาหากว่าที่นั่นถูกค้นพบแล้วและไม่ปลอดภัย งั้นก็ไม่มีที่ไหนปลอดภัยไปกว่านั้นแล้ว ให้ผมได้ปกป้องเธอเอง เว้นเพียงแต่…”

ขณะที่เหลิ่งเซ่าถิงกล่าว เขาหันศีรษะและมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว เขาขมวดคิ้วและพูด “ผมจะเปลี่ยนแผน”

เหลิ่งเซ่าถิงวางสายโทรศัพท์ เขาค่อยๆเดินไปข้างกายของเจี่ยนอี๋นั่ว เขายกมือขึ้นแล้วลูบแก้มของเจี่ยนอี๋นั่วอย่างเบามือจากนั้นเขาก็กอดเธอแน่น

เจี่ยนอี๋นั่วตื่นขึ้นมาด้วยแสงแดดที่สาดส่อง เธอลืมตาขึ้นเห็นท้องฟ้าสีครามนอกหน้าต่างและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เธอยิ้มและพลิกตัวกลับแต่เธอกลับไม่พบเหลิ่งเซ่าถิง เธอจึงรีบลุกขึ้นจากเตียง สวมรองเท้าและเดินไปยังห้องครัว เจี่ยนอี๋นั่วพิงประตูห้องครัวและโผล่หน้าออกมา เธอเห็นว่าเหลิ่งเซ่าถิงกำลังทำอาหารอยู่

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและเดินเข้าไปกอดเหลิ่งเซ่าถิงจากด้านหลัง: “ทำไมคุณตื่นเช้าจัง?”

เหลิ่งเซ่าถิงพลางทำอาหารและตอบเธอ “เป็นว่าผมมาทำอาหารเช้าให้คุณไง? ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนคุณสั่งอาหารไว้มากมายหรือไง?ถ้าผมไม่ตื่นมาทำอาหารให้คุณ ก็เท่ากับว่าสามีของคุณนั้นขาดความรับผิดชอบไปแน่ๆ”

“ขอฉันดูหน่อย พ่อครัวประธานเหลิ่งยังหล่ออยู่หรือเปล่า?” เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าของเหลิ่งเซ่าถิง

จากนั้นอี๋นั่วก็เขย่งปลายเท้าและมอบจุมพิตเบาๆให้กับเหลิ่งเซ่าถิง เธอพยักหน้าและยิ้ม “อืม ไม่เลวเลย ตอนนี้ประธานเหลิ่งที่กำลังทำอาหารยังคงหล่อเหลาเช่นเดิม”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและมองเจี่ยนอี๋นั่ว “แปรงฟันหรือยัง?”

เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปากและส่ายหน้า

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและถามอีกครา “แล้วล้างหน้าหรือยัง?”

เจี่ยนอี๋นั่วยังคงกัดริมฝีปากและส่ายหน้า เธอกอดเหลิ่งเซ่าถิงและกล่าวว่า “ฉันไม่อยากไป อยากกอดคุณ ทำอย่างไรดีประธานเหลิ่ง คุณน่ะช่างหล่อเหลาและต้องมาพบเจอกับผู้หญิงที่บ้าบอ พระเจ้ากำลังหยอกล้อคุณหรือเปล่า? ฉันล่ะเจ็บปวดแทนคุณจริงๆ”

“ไม่ต้องมางอแงเลย ไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วค่อยมากินอาหาร” เหลิ่งเซ่าถิงวางมีดทำอาหารลง เขาหมุนตัวกลับก้มลงไปจูบเจี่ยนอี๋นั่ว “ไปเร็ว”

เจี่ยนอี๋นั่วย่นจมูกของเธอและกล่าว “คุณจะบอกว่าฉันตัวเหม็นเหรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า “ก็นิดนึง”

เจี่ยนอี๋นั่วเหยียดนิ้วของเธอออกชี้ไปยังเหลิ่งเซ่าถิงและเธอก็พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “คุณก็กลายเป็นคนเลวแล้ว คุณอยากจะทิ้งฉันไปแล้ว ผู้ชายก็ล้วนแต่พึ่งพาไม่ได้ ดูเหมือนว่าฉันยังไม่สามารถทำตัวสบายๆได้ เวลาอยู่ข้างกายคุณฉันก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ รอจนกว่าฉันจะกลับมาแบบตัวหอมแล้วคุณจะหลงเสน่ห์ฉันจนไม่อาจลืมเลือน”

หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็ยิ้มและหันหลังเดินออกจากห้องครัว เหลิ่งเซ่าถิงมองแผ่นหลังของเจี่ยนอี๋นั่วที่จากไป เขาก็ค่อยๆคลายยิ้มออกและหันศีรษะไปมองหน้าต่างพร้อมกับถอนหายใจ เมื่ออี๋นั่วกลับมาแล้ว เหลิ่งเซ่าถิงก็ได้วางอาหารไว้บนโต๊ะ เจี่ยนอี๋นั่วหยิบอาหารขึ้นมาชิมแล้วพยักหน้า เธอยิ้มและพูดว่า “รสชาติเยี่ยมมาก ไม่คิดเลยว่าคุณจะมีฝีมือขนาดนี้!”

เหลิ่งเซ่าถิงงยิ้มและถาม “ไม่ใช่ว่าคุณเคยกินอาหารฝีมือผมแล้วหรือไง? ทำไมยังดูประหลาดใจอยู่อีก?”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้าเธอยิ้มและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เคยกินแต่โจ๊ก แต่ไม่ได้กินอาหารที่เป็นกับข้าวแบบนี้ จะไม่ประหลาดใจได้ไง”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวพลางตักอาหารขึ้นมาอีก เธอพยักหน้าอยู่หลายครา “รสชาติความเผ็ดนั้นเยี่ยมยอดมาก จริงๆแล้วประธานเหลิ่งนั้นมีฝีมือชั้นยอด ไม่คิดวางแผนเปิดร้านอาหารบ้างหรือ? เราไม่ต้องสนใจเรื่องของตระกูลเหลิ่ง คุณทำอาหาร ฉันทำบัญชี แบบนี้ไม่น่าสนใจหรือ”

เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงได้ยินเจี่ยนอี๋นั่วพูดเช่นนี้ เขาก็ละสายตาลงและส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ผมยังไม่มีแรงมากพอขนาดนั้นที่อยากจะทำอะไรก็ทำ ถ้าผมเป็นเพียงแค่คนในตระกูลเหลิ่งคิดอยากจะมีอิสระแบบนั้นก็ยังได้ แต่ผมคือเหลิ่งเซ่าถิง ไม่มีใครให้โอกาสนั้นกับผม หากผมแสดงออกว่ากำลังอ่อนแอ พันธมิตรของผมก็จะละทิ้งผม ศัตรผมก็จะเข้ามาขัดขวางและเหยียบย่ำให้ผมจมดิน ผมอยู่ในสถานะนี้มานานมากแล้ว ไม่ค่อยคุ้นชินกับการใช้ชีวิตแบบธรรมดาทั่วไป”

เจี่ยนอี๋นั่วได้ฟังเหลิ่งเซ่าถิงกล่าว เธอค่อยๆวางตะเกียบลงและกล่าว “ตอนนี้ฉันมีความสุขมาก คำพูดที่ไม่ได้คิด คุณอย่าไปใส่ใจเลย ฉันรู้ถึงความยากลำบากของคุณและฉันก็แค่พูดเรื่องไร้สาระ คุณอย่าเก็บไปคิดจริงจังเลย”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า “ผมรู้ ตอนนี้ผมทำอาหารให้คุณแล้ว คุณก็ควรทำอะไรให้ผมด้วยหรือเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปากล่างแล้วยิ้มและพูดว่า “ฉันนวดให้ไหม?”

เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่ว “นวดขณะแช่น้ำพุร้อน?”

เจี่ยนอี๋นั่วก้มหน้าลงเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแดงก่ำ จากนั้นเธอก้มลงกินอาหารอย่างรวดเร็ว เหลิ่งเซ่าถิงเห็นว่าเจี่ยนอี๋นั่วนั้นมีใบหน้าแดงก่ำ เขายิ้มและถาม “คุณเป็นอะไรไป? จู่ๆคิดอะไรของคุณ ทำไมหน้าถึงแดงขนาดนั้น?”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบลูบแก้มของเธอและพูดด้วยความตื่นตระหนก “อ๊ะ? หน้าแดงเหรอ? แสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า “แสดงออกชัดเจนมาก คุณพูดถึงบ่อน้ำพุร้อนแล้วก็นวด จากนั้นก็หน้าแดง คุณกำลังคิดภาพอะไรอยู่ที่ทำให้คุณหน้าแดงได้ขนาดนี้?”

เจี่ยนอี๋นั่วกระพริบตาและส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว การแสดงออกของเธอนั้นทำให้เห็นถึงการปกปิดที่ตื่นตระหนก “ฉะ ฉันไม่ได้คิดถึงอะไรเลย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคิดถึงเรื่องลามกแบบนั้นหรอก ฉันแค่คิดว่าการแช่น้ำพุร้อนนั้นจะทำให้มีสุขภาพดีจากนั้นก็นวดให้ จากนั้นก็จะแข็งแรง จากนั้นก็….”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ หน้าเธอแดงมาก เธอก้มศีรษะลงและกล่าว “โอเค เมื่อกี้ฉันคิดถึงฉากที่ไม่ดีต่อสุขภาพ นี่อย่าโทษฉัน แช่น้ำร้อนแล้วก็นวดให้กัน ใครจะไม่นึกถึงบ้างล่ะ”

“พวกเราไม่มีความสัมพันธ์กันมานานแล้ว ร่างกายของคุณก็ดีขึ้นมากแล้ว อายุของเราก็โตกันแล้ว นั่นเป็นภาพที่ดีต่อสุขภาพ” เหลิ่งเซ่าถิงกล่าวพลางยิ้ม

ศีรษะของอี๋นั่วนั้นก้มลงยิ่งกว่าเก่า เธอตอบอย่างอ้ำๆอึ้งๆ “อะ อื้อ ดีต่อสุขภาพ”

เหลิ่งเซ่าถิงเห็นท่าทีของอี๋นั่ว เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก แต่มีความสงสารซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา เขายิ้มและพูดว่า “ถ้าหากว่าคุณรับได้ งั้นก็ทำดีไหม สภาพร่างกายของผมตอนนี้ก็ดีอยู่ สามารถทำให้คุณพอใจได้ในทุกคำร้องขอ”

“อืม..” เจี่ยนอี๋นั่วเอนกายลงบนโต๊ะอาหาร เธอเขินอายมากจนแทบแทรกแผ่นดินหนี คอที่เผยออกมานั้นแดงเหมือนกุ้งตัวน้อยในจานที่ปรุงสุกแล้ว

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท