หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 99 ชดเชยอย่างไร

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วลงไปแช่น้ำพุร้อน เธอก็แอบตรงมุมเล็กๆ เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงเดินลงมาในบ่อน้ำพุร้อน เจี่ยนอี๋นั่วก็ค่อยๆเข้าไปหาเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงหันไปมองเธอพร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า “คุณขยับเข้ามาอีกก็ได้”

เจี่ยนอี๋นั่วเข้าไปยังข้างกายของเซ่าถิงทันที เธอกระพริบตาและมองเหลิ่งเซ่าถิงพร้อมกับกล่าวเบาๆ “ฉันขยับมาแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า เธอยกมือขึ้นไปกดที่แขนของเหลิ่งเซ่าถิง เธอบีบอยู่สองสามครั้ง เธอหน้าแดงและกล่าว “เป็นอย่างไรบ้าง? ให้นวดตรงไหน?”

เหลิ่งเซ่าถิงโน้มตัวไปและจูบริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว “คุณต้องใช้แรงให้มากกว่านี้”

เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นคล้องคอของเหลิ่งเซ่าถิงและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้ ฉันไม่มีแรงแล้ว ฉันปวดนิ้วมาก บีบต่อไม่ได้ จู่ๆฉันก็ไม่สามารถนวดให้คุณได้แล้ว..”

เหลิ่งเซ่าถิงหรี่สายตามองเจี่ยนอี๋นั่ว “คุณนี่ช่างกลับไปกลับมา พูดแล้วก็ไม่ยอมทำตามคำพูด ไม่กลัวผมโมโหหรือไง?”

“ไม่กลัว…” เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้น เธอกระซิบข้างหูเซ่าถิง “ฉันคิดดีแล้ว ฉันไม่นวดให้คุณแล้ว แต่ฉันสามารถใช้ร่างกายทดแทนได้”

เหลิ่งเซ่าถิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขากอดอี๋นั่วและถามด้วยรอยยิ้ม “ร่างกายทดแทน? ทดแทนอย่างไร?”

เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้น เธอจูบที่มุมปากของเหลิ่งเซ่าถิงและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ก็ทดแทนแบบนี้…”

จากนั้นอี๋นั่วก็ยืดขาออกมาและเกี่ยวเอวเหลิ่งเซ่าถิง เธอกล่าวเสียงเบาและทำท่าทีออดอ้อนพร้อมกับกระพริบตาใส่เซ่าถิง “แล้วก็ยังมีการชดเชยแบบนี้…”

ดวงตาของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นมืดมน เขาโน้มตัวเข้าหาอี๋นั่วและกล่าวเสียงดุดัน “อย่าร้องไห้เพราะความเจ็บปวดในครั้งนี้แล้วกัน”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปากอย่างประหม่า เธอพยักหน้าช้าๆและตอบ “อืม…”

เมื่อสิ้นเสียง อี๋นั่วก็หดตัวลงในอ้อมแขนของเหลิ่งเซ่าถิง เธอร้องไห้อย่างน่าสงสาร เหลิ่งเซ่าถิงเช็ดน้ำตาให้กับเธออย่างช่วยไม่ได้ เขาพูดและยิ้ม “ครั้งนี้คุณจงใจยั่วยุผม แล้วทำไมยังร้องไห้?”

เจี่ยนอี๋นั่วสูดลมหายใจเข้าและพิงไหล่ในอ้อมแขนของเซ่าถิง เธอกล่าวอย่างงอแง “ฉันแค่อยากร้องไห้”

“เป็นเพราะว่าเจ็บเหรอ?” เหลิ่งเซ่าถิงถามด้วยเสียงแหบพร่า

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปากและส่ายหน้า แม้ว่าในครั้งนี้เธอยังคงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่มันเป็นเพราะความเขินอายมากกว่า เธอคบหากับเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงนั้นแคร์เธอใส่ใจเธอมากกว่าเก่า ทำให้เธอมีความสุขมากขึ้น

เจี่ยนอี๋นั่วเอื้อมมือไปกอดเหลิ่งเซ่าถิงและกระซิบเบาๆ “เป็นเพราะว่าฉันรู้สึกดีมาก เรื่องระหว่างชายและหญิงนั้นฉันไม่เคยเข้าใจมาก่อน เมื่อฉันได้ยินเกี่ยวกับสตรีผู้สูงศักดิ์ ก็รู้สึกว่าใครบางคนมีความสุขเพียงเล็กน้อย เธอหนีตามคนป่า ละทิ้งครอบครัวและสถานะ มันช่างดูเป็นเรื่องที่เกินจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันพบเจอแล้วและฉันก็พอจะเข้าใจ”

“ผมเป็นคนป่าของคุณหรือ?” เหลิ่งเซ่าถิงถามและยิ้ม

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปากยิ้มและพูดว่า “อื้อ ก็คนป่าของฉัน”

เหลิ่งเซ่าถิงคว้าอี๋นั่วไว้และถาม “คุณจะหนีตามผมไหม?”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและตอบ “ไม่ใช่ว่าฉันวิ่งตามคุณตั้งนานแล้วหรอกเหรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงได้ยินเช่นนั้น เขายิ้มและก้มศีรษะลงมอบจุมพิตให้แก่อี๋นั่ว “นี่นับว่าเป็นคำชมหรือเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าและคล้องคอเหลิ่งเซ่าถิง “นี่คือคำชมเชยที่หาที่สุดไม่ได้ของเจี่ยนอี๋นั่ว”

เหลิ่งเซ่าถิงกอดเจี่ยนอี๋นั่ว เขาหมุนตัวกลับและใช้ร่างกายกดทับอี๋นั่วไว้ “ผมดีใจมาก ดังนั้นผมควรให้รางวัลแก่คุณด้วยหรือเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตามองเหลิ่งเซ่าถิง “รางวัลอะไร?”

เหลิ่งเซ่าถิงโน้มตัวไปจูบริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วและกล่าว “ก็อีกครั้งไง”

เจี่ยนอี๋นั่วสะดุ้งและส่ายหน้าอย่างตื่นตระหนก “นี่..นี่เหมือนกับว่าไม่ใช่รางวัลเลย”

“ใช่สิ….” เหลิ่งเซ่าถิงกล่าวเบาๆและจุมพิตเธออีกครั้ง

เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆเดินลงจากเตียง เธอเห็นเหลิ่งเซ่าถิงกำลังยืนอยู่ตรงระเบียง เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้าไปหาเขาและยื่นมือออกไปเพื่อกอดเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงหันศีรษะมามองอี๋นั่ว เขากล่าว “คุณไม่เหนื่อยเหรอ? ทำไมรีบตื่น?”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปาก พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “เหนื่อยนิดหน่อย แต่อยากพบหน้าคุณ”

เหลิ่งเซ่าถิงหมุนตัวกลับมากอดอี๋นั่วไว้ เขาก้มศีรษะและจูบเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เจี่ยนอี๋นั่วตอบรับจูบของเหลิ่งเซ่าถิง แต่เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆมอบจุมพิตอย่างช้าๆ เจี่ยนอี๋นั่วก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นและผลักเขาออกไป “คุณเป็นอะไรไป?”

เหลิ่งเซ่าถิงกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “ให้ผมได้กอดคุณอีกครั้ง”

เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงกล่าว เขาก็ก้มหน้าลงและจูบเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกถึงจูบของเหลิ่งเซ่าถิงที่มีอาการสั่นเทาเล็กน้อย อี๋นั่วอดไม่ได้เธอยกมือขึ้นและผลักเขาอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เธอก็ยังกอดเหลิ่งเซ่าถิงไว้พร้อมกับหลับตาลง

หรือว่าที่ตระกูลเหลิ่งเกิดเรื่องอะไรขึ้น? จึงทำให้เหลิ่งเซ่าถิงกระวนกระวาย? หรือว่าไม่อยากให้พวกเขามีลูกกันงั้นหรือ?

เจี่ยนอี๋นั่วพยายามถามอยู่หลายครา แต่เหลิ่งเซ่าถิงก็ปิดปากเงียบ จากนั้นอี๋นั่วจึงยอมแพ้และหยุดถาม

หลังจากวันหยุดพักผ่อนผ่านไปไม่กี่วัน เจี่ยนอี๋นั่วนั้นไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เธอได้ละทิ้งและปล่อยความเศร้าโศกไปแล้ว เธอจึงผ่อนคลายขึ้นมาก ในขณะที่ขึ้นเครื่องบินเจี่ยนอี๋นั่วก็หันไปมองเกาะอย่างเสียดาย เหลิ่งเซ่าถิงจับมือเธอไว้ เธอจึงหันหน้ากลับมาและเดินขึ้นเครื่องบินจากนั้นก็ออกจากเกาะ

“ฉันควรหยิบทรายมาเป็นของที่ระลึก” ในขณะที่เครื่องบินลงจอด เจี่ยนอี๋นั่วก็ยังคงบ่นพึมพำ

เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่ว เขายิ้มและกล่าว “ถ้าคุณต้องการจริงๆ ผมจะให้คนส่งไปรษณีย์มาให้”

“มันไม่เหมือนกัน” เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า “ฉันไม่ได้เก็บของ ความหมายมันไม่เหมือนกัน เราควรเก็บด้วยตัวเองจากนั้นก็เอามาใส่ขวดแล้วก็เอากลับมา นี่สิถึงจะมีความหมาย แต่ช่างเถอะ เรายังมีครั้งหน้า”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้ม เขามองไปยังเจี่ยนอี๋นั่วและพยักหน้า “ใช่ เรายังมีครั้งหน้า”

เจี่ยนอี๋นั่วมองไปยังเหลิ่งเซ่าถิงที่มีน้ำเสียงจริงจัง เธออดไม่ได้ที่จะถามเขา “ทำไมคุณ…”

ก่อนที่คำถามจะถูกถาม ทันใดนั้นเสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น “ประธานเหลิ่ง คุณนายเหลิ่งให้ผมมารับคุณกลับคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลเหลิ่ง”

เมื่อได้ยินคำว่า คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลเหลิ่ง การแสดงออกบนใบหน้าของเหลิ่งเซ่าถิงก็มืดมนลงในทันที เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น ความทรงจำที่โชคร้ายและเหตุการณ์ในอดีตที่ยากจะทนไหวก็หวนคืนกลับมาที่เจี่ยนอี๋นั่วเมื่อเธอได้ยินคำว่า คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลเหลิ่ง วันหยุดพักผ่อนบนเกาะที่เป็นเหมือนความฝันก็สลายไปในพริบตา

เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปากล่างของเธอและบีบมือของเหลิ่งเซ่าถิง เมื่อได้ยิน เหลิ่งเซ่าถิงก็พยักหน้าและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อืม พวกเราจะกลับไป”

หลังจากเจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงขึ้นรถแล้วพวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไร มีเพียงมือทั้งสองที่จับกันแน่น เมื่อถึงคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลเหลิ่งดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เจี่ยนอี๋นั่วกลับรู้สึกหดหู่และหายใจไม่ค่อยออก เธอต้องสูดลมหายใจลึกๆจากนั้นจึงค่อยลงจากรถ

เมื่อเข้าประตูคฤหาสน์ใหญ่ คุณนายเหลิ่งและสุยเฉิงจิ้งก็ได้ยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว ทันทีที่เธอเห็นเจี่ยนอี๋นั่ว คุณนายเหลิ่งก็รีบก้าวเท้ามาด้านหน้าพร้อมกับแสดงท่าทีเป็นกังวล เธอดูโศกเศร้าและกล่าวกับอี๋นั่ว “ช่างเป็นเด็กสาวที่น่าสงสาร พบเจอกับเรื่องที่น่าเศร้าเช่นนี้ได้อย่างไร เมื่อฉันได้ข่าว ฉันนั้นตกใจแทบแย่ ไม่อยากจะเชื่อเลย ผู้ชายคนนั้นช่างเลวร้าย”

สุยเฉิงจิ้งก็น้ำตาไหลและกล่าว “ใช่ ทำไมถึงร้ายกาจได้ขนาดนั้น? ไม่ใช่ว่าพ่อของเธอนั้นไม่มีสติไปแล้วหรือ? ไม่สามารถทำอะไรได้…และสติไม่ค่อยเต็ม ทำไมถึงได้ลงมือลงไม้กับคนพิการแบบนั้น ดังนั้น เด็กสาวเวลาคบกับผู้ชายต้องระวังให้ดี ฉู่หมิงเซวียนนั้นโหดเหี้ยมมาก ถ้าหากว่าไม่ใช่ว่าเธอและเขากำลังคบกันอยู่ ตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

คุณนายเหลิ่งหันหน้ามาทันทีและตำหนิ “คุณนายรอง พูดแบบนั้นได้อย่างไร?”

สุยเฉิงจิ้งถอนหายใจในทันที ทำท่าทีราวกับว่าเธอเพิ่งค้นพบว่าตนเองนั้นกล่าวไม่ถูกต้อง “จริงด้วย ฉันพูดผิดไป ฉันนั้นรู้สึกเศร้าเสียใจและตกใจมาก คาดไม่ถึงเลยว่าตระกูลเจี่ยนมีเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้น อี๋นั่ว เธออย่าไปสนใจเลย”

เจี่ยนอี๋นั่วเหลือบมองไปยังคุณนายเหลิ่งและสุยเฉิงจิ้ง ถ้าพวกเขาเป็นภรรยาของคนธรรมดา เจี่ยนอี๋นั่วอาจยังคงเชื่อว่าน้ำตาของพวกเธอเป็นเรื่องจริง แต่พวกเธอเป็นคนของตระกูลเหลิ่ง เรื่องราวแบบนี้พวกเธอเจอมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทำมาแล้วกี่หนต่อกี่หน จะมาร้องไห้ด้วยความจริงใจในเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?

แต่เจี่ยนอี๋นั่วยังคงยิ้มให้กับพวกเธอและกล่าว “ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย ฉันรู้ว่าอาสะใภ้รองนั้นดีกับฉัน”

คุณนายเหลิ่งสัมผัสเบาๆบนหลังมือของเจี่ยนอี๋นั่ว เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ช่างเป็นเด็กดีที่เข้าใจสถานการณ์ เธอเองก็เหนื่อยแล้ว ขึ้นไปพักผ่อนชั้นบนเถอะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า “ขอบคุณ คุณย่า”

ทันทีที่เจี่ยนอี๋นั่วหมุนตัวกลับมา คุณนายเหลิ่งก็ลดเสียงลงทันทีและพูดกับเหลิ่งเซ่าถิง “เซ่าถิง มากับฉัน! ฉันมีธุระจะคุยด้วย!”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท