หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 132 เราหย่ากันเถอะ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วสามารถเดินได้แล้วนั้น ผู้คุมถึงได้พาเจี่ยนอี๋นั่วไปหาลูกสาวของเธอเจี่ยนซวง ถึงแม้ว่าเจี่ยนชวงคลอดก่อนกำหนด แต่เธอก็กินนอนได้อย่างปกติ ตื่นนอนก็กินนมแล้วก็หลับตานอนหลับต่อ แม้แต่แพทย์และพยาบาลต่างก็พูดกันว่าไม่ค่อยพบเห็นเด็กในลักษณะนี้เลย ตอนที่เจี่ยนอี๋นั่วไปดูเจี่ยนซวงลูกสาวของเธอ ลูกสาวตัวน้อยนั้นยังคงนอนอยู่ มีลืมตาขึ้นมาบ้างในบางที ลูกน้อยเอียงหัวมาทางเจี่ยนอี๋นั่วแล้วก็หาวขึ้นมาทีหนึ่ง ก่อนที่จะหลับตาลงไปอีกครั้งอย่างเกียจคร้านแล้วก็หลับไป

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะหัวมามองพยาบาลพร้อมกับถามขึ้นเบาๆ : “นี่มันปกติมั้ยคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่เคยมีลูกมาก่อนจึงหลีเลี่ยงไม่ได้ที่จะสงสัย เธอมองลูกน้อยเจี่ยนซวงที่ดูเงียบจนแปลกไป จึงถามพยาบาลขึ้นด้วยความที่อดสงสัยไม่ได้

พยาบาลส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มให้เธอก่อนจะพูดว่า : “นอนกลับดื่มนมแบบนี้เป็นเรื่องปกติของเด็กค่ะ จะกินเยอะค่ะ ตอนนี้ยังไม่เป็นอะไร แต่โตแล้วต้องควบคุมหน่อยนะคะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ต้องกลายเป็นเด็กสาวตัวอ้วนแน่ค่ะ”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินพยาบาลพูดเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา : “ถึงว่าล่ะตอนท้องฉันถึงได้กินเก่ง ที่แท้ก็เพราะลูกนี่เอง”

ตั้งแต่ที่เธอคลอดลูก เธอก็อยากอาหารน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด จนร่างกายของเธอนั้นผอมลงอย่างรวดเร็ว ตอนที่เธอท้งเธอกินเก่งมากๆ ก็เพราะว่าเจ้าเด็กน้อยเจี่ยนซวงนี่เอง

เจี่ยนอี๋นั่วมองลูกสาวตัวน้อยเจี่ยนซวงที่อยู่ในตู้อบอย่างไม่มีทางเลือก เธออดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือของเธอของเธอขึ้นมาสัมผัสตู้อบนั้น นี่เธอไม่ได้เจอลูกแค่ไม่กี่วัน เจี่ยนซวงลูกสาวของเธอสวยขึ้นกว่าตอนที่เพิ่งคลอดตั้งเยอะเลย ขนตาก็ยาว เมื่อดูปากเล็กของลูกแล้วต้องยิ้มสวยมากแน่ๆ ดูแล้วจะเป็นสาวแซ่บไม่น้อย ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของลูกนั้นจะยังไม่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนก็ตาม นอกจากขนตายาวๆของลูกแล้ว ที่อื่นก็ไม่เหมือนเหลิ่งเซ่าถิงเลย แต่เห็นได้ชัดว่าริมฝีปากกับคางเล็กนั้นเหมือนคนเป็นแม่มากๆ

“เจี่ยนซวง……..ซวงซวง……..” เจี่ยนอี๋นั่วเรียกชื่อลูกสาวของเธอ

เด็กน้อยที่นอนอยู่ในตู้อบหาวขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเหยียดแขนของเธอแล้วก็หลับตาลง ตอนนี้แหละที่เจี่ยนชวงแสดงออกว่าไม่ได้สนใจเธอเลย เพียงแค่ได้กินอิ่มนอนหลับ ถึงแม่มีคนเป็นแม่มาอยู่ตรงหน้า ก็มาหยุดความอยากนอนของเธอไม่ได้หรอกนะ

เจี่ยนอี๋นั่วดูลูกได้อีกสักพัก พยาบาลก็พาเธอกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยทันที หลังจากที่เธอกลับมาถึงห้องพักผู้ป่วยแล้ว เธอก็เห็นผู้ชายสวมชุดสูทยืนรออยู่ในห้องนั้นแล้ว เมื่อผู้ชายคนนั้นเห้นเจี่ยนอี๋นั่วเขาก็ถามเธอด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาทันทีว่า “สวัสดีครับ คุณใช่คุณเจี่ยนอี๋นั่วมั้ยครับ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าเบาๆ “ฉันคือเจี่ยนอี๋นั่วค่ะ คุณมีอะไรรึเปล่าคะ?”

ผู้ชายคนนั้นมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วอย่างเย็นชาก่อนจะพูดขึ้นมาว่า : “ผมเป็นทนายของตระกูลเหลิ่งครับ นามสกุลกัว ผมมีเอกสารมาให้คุณเซ็นต์น่ะครับ?”

“คะ?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ตระกูลเหลิ่งมีอะไรรึเปล่าคะ ถึงต้องให้ฉันเซ็นต์เอกสารด้วย?”

ทนายกัวมองไปที่กุญแจมือที่ยังคงอยู่ที่ข้อมือของเจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “คุณเจี่ยนครับ มีบางเรื่องที่เราสมควรที่จะจบมันลงซะ จากสถานะที่คุณเป็นอยู่ในตอนนี้ ตระกูลเหลิ่งสามารถที่จะไม่ตามรูปแบบนี้ได้นะครับ แต่คุณนายเหลิ่งก็ยังส่งผมมมาเพื่อให้คุณเซ็นต์เอกสารนี้ คนในตระกูลเหลิ่งไม่ได้ใจกว้างกับคุณอีกต่อไปแล้วนะครับ คุณเองก็น่าจะรู้ในส่วนนี้ดี”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วใส่ทนายกัว ก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้าขึ้นลง “ค่ะ คนในตระกูลเหลิ่งน่ะใจกว้างมากๆ ฉันรู้ค่ะ แล้วเอกสารที่จะให้ฉันเซ็นต์คือเอกสารอะไรคะ?”

“ฉบับนึงคือใบหย่า อีกใบคือเอกสารเกี่ยวกับลูกสาวของคุณเจี่ยนซวงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเหลิ่งครับ” ทนายกัวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เจี่ยนอี๋นั่วจ้องทนายกัวกอ่นที่เธอจะขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับถามไปว่า “การหย่าร้างของฉันกับเหลิ่งเซ่าถิงยังไม่เสร็จสิ้นอีกหรอคะ? ตอนที่ฉันหย่ากับเขา มีแค่ฉันนะคะที่เซ็นต์ ถ้าพูดตามกฏหมายแล้วยังไม่ถือว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้ว ตอนนี้เราก็หย่ากันเรียบร้อยไปแล้ว ทำไมยังต้องผ่านขั้นตอนที่คลอบคลุมพวกนี้อยู่อีกหรอคะ?”

นี่เป็นการบอกเจี่ยนอี๋นั่วว่าเธอกับเหลิ่งเซ่าถิงนั้นไม่เกี่ยวข้องกับอีกต่อไปแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วมองดูเอกสารสัญญา เรื่องการเซ็นต์บหย่านั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากอะไร แต่เอกสารที่บอกว่าลูกของเธอไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหลิ่งนั้นมันซับซ้อนมากๆ นี่เป็นเหมือนการขอที่ไม่ให้เจี่ยนอี๋นั่วบอกลูกสาวของตนเจี่ยนซวงว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นพ่อของเธอน่ะสิ ตระกูลเหลิ่งนั้นรอบคอบจริงๆ กลัวว่าเธอจะใช้ลูกสาวเป็นเครื่องมือขอผลประโยชน์จากตระกูลเหลิ่งอย่างนั้นหรอ?

ทนายกัวหรี่ตามองเจี่ยนอี๋นั่วก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “คุณนายเหลิ่งพูดเอาไว้ว่า ถ้าคุณไม่ยินยอมเซ็นต์เอกสารนี้ ทางเราจะพิจารณาต่อสู้เพื่อสิทธิในการดูแลเลี้ยงดูลูกสาวของคุณเจี่ยนซวง เพื่อที่คุณจะไม่ได้เจอหน้าลูกสาวของคุณอีก ถ้าเกิดตระกูลเหลิ่งจะแข่งกับคุณเพื่อได้สิทธิ์ในการดูแลเลี้ยงดูเด็กคนนี้ คิดดูสิครับ ครอบครัวเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นร้อยล้านกับผู้หญิงอย่างคุณ คุณไม่มีทางชนะแน่นอนครับ แล้วถ้าเจี่ยนซวงลูกสาวของคุณได้กลับไปอยู่กับตระกูลเฉิน ลูกสาวของคุณจะถูกปฏิบัติเลี้ยงงดูยังไงผมไม่รู้หรอกนะครับ แต่ผมรับประกันได้แน่นอนว่าคงจะไม่ดีแน่ๆ ส่วนตัวผมแล้วผมขอแนะนำคุณว่าอย่าหวังว่าจะอาศัยลูกของคุณเพื่อเข้ามาอยู่ในตระกูลเหลิ่งเลยครับ เพราะตระกูลเหลิ่งไม่ได้สนใจเด็กผู้หญิงหรอก! ถ้าหากคุณยังดื้อด้านและคุณยังไม่ฉลาดกับเรื่องของลูกสาวคุณ ผมทำงานให้กับตระกูลเหลิ่งมาก็พักนึงแล้ว คุรก็น่าจะรู้ว่างบางทีการเป็นลูกสาวของหญิงสาวของนักโทษยังดีกว่าไปเป็นคุณหนูที่ถูกทารุณในตระกูลเหลิ่งอีกนะครับ

“ที่ฉันตั้งชื่อลูกของฉันว่าเจี่ยนซวงก็เพราะว่าไม่อยากให้ลูกองฉันเกี่ยวข้องกับตระกูงเหลิ่งอีก” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเข้มจนจบ ก่อนที่จะหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นต์เอกสารนั้น

เพียงเจี่ยนอี๋นั่วเห็นเอกสารการหย่าร้างเท่านั้น เจี่ยนอี๋นั่วก็หยุดชะงักไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะเซ็นต์ชื่อของตนเองลงไป เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเซ็นต์เรียบร้อยแล้ว เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจทันที ตั้งแต่วินาทีนั้นมา ความสัมพันธ์ของเธอกับเหลิ่งเซ่าถิงก็ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป

แล้วเจอกันนะ เหลิ่งเซ่าถิง

ไม่สิ อาจจะไม่เจอกันอีกเลยต่างหาก

เมื่อทนายกัวออกไปแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วยืนอยู่ที่หน้าต่างอยู่นาน เธอมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง มองดูผู้คนที่ผ่านไปมาอย่างไม่ขาดสายข้างนอกหน้าต่าง ไม่มีวี่แววของเหลิ่งเซ่าถิงเลยแม้แต่นิดเดียว

ทนายกัวเอาเอกสารที่ให้เจี่ยนอี๋นั่วเซ็นต์มาให้คุณนายเหลิ่ง ก่อนจะพูดกับเธอด้วยความเคารพ “คุณนายเหลิ่ง เอกสารฉบับนี้ได้เซ็นต์เรียบร้อยแล้วครับ”

คุณนายเหลิ่งเหลือบมองเอกสารนั้น ก่อนที่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ให้เซ่าถิงดูรึยัง?”

ทนายกัวพยักหน้า : “ให้ดูหมดแล้วครับ”

คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วใส่ทนายกัวก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ “แล้วเซ่าถิงว่ายังไงบ้าง?”

ทนายกัวตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ท่านประธานเหลิ่งไม่ได้ว่ายังไงครับ แค่รีบดูรายละเอียด พยักหน้าแล้วก็เอาเอกสารนี้วางทิ้งข้างๆทันทีครับ”

คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วก่อนจะเม้มปากแล้วถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าเซ่าถิงจะไม่สนใจยัยผู้หญิงที่ชื่อเจี่ยนอี๋นั่วแล้วนะ”

ใบหน้าของคุณนายเหลิ่งสับสนเล็กน้อย ถือว่าเป็นการได้รับความพอใจสำหรับเธอ และเพียงผ่านไปไม่นานเธอก็ได้รับชัยชนะ เธอก็เหมือนกับแม่ทัพที่ผ่านศึกมามากมาย ไม่มีใครที่สามารถหยุดเธอได้ ตอนที่เธอจัดการพวกศัตรูนั้น อาจจะมีความรู้สึกโดดเดี่ยวเล็กน้อย พบเจอกับความยากลำบากบ้าง แต่มันเป็นสิ่งที่น่าสนุกสำหรับเธอ และเธอก็ชนะมันได้อย่างง่ายดาย แต่ที่น่าเสียดายก็คือเด็กชายที่เกิดจากเจี่ยนอี๋นั่วไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเหลิ่งหมิงอันลักพาตัวไปหรือว่าถูกฆ่าไปแล้วกันแน่ หรือเหลิ่งหมิงอันจะพาเขาไปหลบอยู่ที่ไหน

สถานการณ์แบบนี้ ทำให้คุณนายเหลิ่งนั้นรู้สึกเบื่อเล็กน้อย คุณนายเหลิ่งไม่ชอบให้คนอื่นมาขัดใจเธอ แต่เธอมีวามสุขเวลาที่มีคนมายั่วยุเธอแล้วก็ถูกเธอจัดการทิ้งซะ นี่เป็นเหมือนสิ่งสิทธิที่เธอมี

เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู คุณนายเหลิ่งก็รีบลุกขึ้นยืนทันทีก่อนจะยิ้มแล้วตอบไป : “เข้ามาสิ”

กู้เค่อหยิงที่มาพร้อมใบหน้าสวยและชุดเดรสสีขาวของเธเดินเข้ามาพร้มกับรอยยิ้ม ก่อนจะพูดกับคุณนายเหลิ่งพร้อมกับยิ้มขึ้นมา “คุณนายเหลิ่งคะ หนูมาหาแล้วค่ะ”

เมื่อเทียบกับเจี่ยนอี๋นั่วก่อนหน้านี้ หลังจากที่กู้เค่อหยิงเรียนจบแล้วเธอก็เรียนรู้การทำอาหาร การถักไหมพรม การจัดดอกไม้ต่างๆ โดยที่เธอไม่เคยได้ทำงานเลย เพื่อเป็นการเตรียมตัวก่อนที่จะเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลเหลิ่ง ราวกับว่าเธอเป็นดอกไม้ที่ถูกเลี้ยงเอาไว้ในกระถาง ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะมีพฤติกรรมที่มีกาลเทศะ แต่ในการวางตัวนั้น เธอเป็นคนขี้อายและไม่ค่อยกล้าแสดงออกเท่าไหร่ จึงทำให้เธอนั้นดูบอบบางและน่ารักมาก

คุณนายเหลิ่งมงกู้เค่อหยิงด้วยรอยยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า : “ลำบากหนูแย่เลย มา มาหาย่ามา”

กู้เค่อหยิงลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปหาคุณนายเหลิ่งทันที คุณนายเหลิ่งรีบจับมาของเธอทันทีก่อนที่จะถามเธอ : “เป็นยังไงบ้าง? ความสัมพันธ์ของหนูกับเซ่าถิงช่วงนี้ดีมั้ย? ในอนาคตหนูก็ต้องดูแลเซ่าถิงแล้ว หนูกับเซ่าถิงต้องเข้ากันดีๆนะ จริงๆแล้วย่าน่ะวางใจหนูมากๆนะ จากบุคลิกของหนูแล้ว ต้องเข้ากันได้ดีกับเซ่าถิงมากแน่ ไอหย่า ย่าแก่แล้วน่ะ เลยพูดจาจู้จี้หน่อย”

ในเวลาแบบนี้คุณนายเหลิ่งเป็นเหมือนผู้อาวุโสที่ใจดีและอ่อนโยน เหมือนกันตอนที่เธอเจอกับเจี่ยนอี๋นั่วครั้งแรก กู้เค่อหยิงก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า : “หนูรู้ค่ะว่าที่คุณนายเหลิ่งพูดแบบนี้เพราะว่าหวังดี หนูจะพยายามเข้ากันกับเขา………ให้ดีที่สุดค่ะ………”

“เขาที่ว่าน่ะใคร? ต้อบอกชื่อด้วยสิ” คุณนายเหลิ่งหรี่ตมองก่อนจะยิ้มขึ้นด้วยความเอ็นดู “แล้วก็ไม่ต้องเรียกย่าว่าคุณนายเหลิ่งแล้วนะ ให้เรียกว่าคุณย่าเข้าใจมั้ย เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วไม่ใช่หรอ?”

กู้เค่อหยิงพยักหน้าอย่างเขินอายก่อนจะก้มหน้าลง คุณนายเหลิ่งยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วพูดขึ้นว่า : “นานๆทีหนูจะมาที่นี่ทีนึง ไปเดินดูรอบๆคฤหาสน์หน่อยมั้ย อีกหน่อยหนูก็ต้องเข้ามาอยู่ที่นี่ ไม่ต้องเกรงใจนะ เดินดูรอบๆได้เลย จะได้คุ้นเคย”

กู้เค่อหยิงพยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะยิ้มแล้วเดินออกไป เธอออกจากตัวคฤหาสน์ ในขณะที่เธอเตรียมตัวเดินเข้าไปที่สวนดอกไม้ เหลิ่งหมิงอันก็เดินมาข้างหน้าของเธอ กู้เค่อหยิงเบิกตาโต ก่อนจะพูดกับเหลิ่งหมิงอัน ; “คุณกลับมาแล้วหรอคะ? บังเอิญจังเลยนะคะ ฉันก็มาหาคุณนาย……เอ่อ คุณย่าเหมือนกันค่ะ……”

“อ๋อ พี่สะใภ้นี่เอง” เหลิ่งหมิงอนมองกู้เค่อหยิง ก่อนจะพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม

ใบหน้าของกู้เค่อหยิงแสดงออกถึงความเศร้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดเสียงต่ำ : “ฉันยังไม่ได้แต่งงานเข้ามาในบ้านนี้เลยนะคะ”

เหลิ่งหมิงอันพยักหน้าขึ้นลงก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม : “ครับ ผมครเรียกว่าว่าที่พี่สะใภ้สินะ”

กู้เค่อหยิงเห็นว่ารอบๆไม่มีคนจึงมองไปที่เหลิ่งหมิงอันแล้วกระซิบไปว่า : “ขี้แกล้งคนอื่นจริงๆเลย เหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด”

เหลิ่งหมิงอันลดใบหน้าของเขาต่ำลงก่อนจะพูดด้วยความเย็นชา : “ต่อไปอย่าพูดอะไรแบบนี้กับผมอีกนะครับ ที่นี่เป็นที่ของตระกูลเหลิ่ง ลองคิดดูนะครับการที่คุณเป็นว่าที่ภรรยาของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นมันยากขนาดไหน อย่าทำลายทั้งหมดนี้อย่างง่ายดายเลยครับ”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท