หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 139 ลดโทษและพ้นโทษ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วยังพักรักษาตัวไม่ทันหาย ก็ได้รับข่าวดีแล้ว เพราะเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้นเป็นความรับผิดชอบของเหล่าผู้คุมในเรือนจำ เพื่อเป็นการปกปิดเรื่องนี้ เจี่ยนอี๋นั่วจึงได้รับการลดโทษ

จากโทษจำคุกตลอดชีวิตก็ถูกลดเหลือเพียงสิบปีเท่านั้น อีกทั้งเยี่ยหมิงจูที่ช่วยชีวติคนเอาไว้ก็ได้รับการปล่อยตัวก่อน เธอจึงพ้นโทษไปแล้ว

เหลือโทษแค่สิบปีแค่นี้ก็ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วนั้นพอใจเป็นอย่างมากแล้ว เพียงแค่ผ่านสิบปีนี้ไปได้ เธอก็สามารถพ้นโทษออกไปได้แล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เธอดีใจได้มากเท่านั้นแล้วล่ะ

แต่เหมือนโชคชะตะนั้นกำลังจะชดเชยให้กับเจี่ยนอี๋นั่วทีละเล็กทีละน้อยเรื่อยๆ ตอนที่เธอเริ่มหายจากอาการบาดเจ็บของเธอแล้วนั้น เหอหลวนเลอก็นำข่าวดีอีกเรื่องมาบอกเธอ ว่าคดีของเธอนั้นสามารถย้อนคดีได้ เนื่องจากลายนิ้วมือของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นถูกปนเปื้อน แต่ไม่ได้หมายความว่าดีเอ็นเอที่อยู่ในที่เกิดเหตุนั้นจะเป็นของเจี่ยนอี๋นั่ว อีกอย่างพยานที่ให้ปากคำก็ไม่ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่าเห็นเจี่ยนอี๋นั่วในเหตุการณ์

“อี๋นั่ว เธอจะได้ออกมาแล้วนะ เธอมีอิสระแล้ว!!” เหอหลวนเล่อพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วพร้อมตาแดงๆของเธอ แล้วพูดขึ้นพร้อมกับร้องไห้ออกมา

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วใส่เหอหลวนเล่อ เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ ผ่านไปสักพักเธอถึงได้พยักหน้าก่อนจะพูดกับเจี่ยนซวงลูกสาวของเธอว่า : “ซวงซวง เราจะได้ออกไปแล้วนะคะ”

เจี่ยนซวงกระพริบตาปริบๆ พร้อมกับกอดเจี่ยนอี๋นั่ว : “หม่าม้าคะ ออกไปอะไรหรอคะ? ออกไปทำไม? แล้วออกไปทำอะไรหรอคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วตะลึงไปชัวครู่ หลังจากที่เธอได้ออกไปแล้วเธอไม่รู้เลยว่าเธอจะออกไปทำอะไร แต่เธอก็ครุ่นคิดไปสักครู่ ก่อนที่จะพูดกับลูกสาวตัวน้อยด้วยรอยยิ้ม : “ถ้าได้ออกไปแล้วซวงซวงก็จะได้ไปโรงเรียนไงคะ แล้วก็จะได้ออกไปซื้อของอร่อยๆเยอะๆด้วย พาซวงซวงไปสวนสนุก ซวงซวงโตขนาดนี้แล้วยังไม่เคยได้ไปสวนสนุก ไม่เคยนั่งชิงช้าสวรรค์ ไม่เคยได้ดูการ์ตูนจนจบสักครั้ง หลังจากที่ออกไปจากที่แล้ว หม่าม้าจะพาหนูไปทำสิ่งเหล่านี้นะ…….”

ดวงตาของเจี่ยนซวงเป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนที่จะลดเสียงต่ำลงแล้วพูดว่า : “ข้างนอกจะมีคนมาตีหม่าม้าแล้วก็คนที่จับซวงซวงกับหม่าม้าแยกกันแล้วใช่มั้ยคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้าก่อนจะพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำของตน : “ไม่มีแล้วค่ะ ถ้าเขามาตีหม่าม้า หม่าม้าจะจับเขาแบบที่ผู้คุมที่นี่ทำ เพราะว่าถ้าเราออกไปข้างนอกแล้ว หม่าม้าจะไม่ใช่คนผิดอีกต่อไปแล้วค่ะ พวกเขาต้องปกป้องหม่าม้าแล้ว”

เจี่ยนซวงปรบมือเล็กๆของตนก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม : “หนูจะออกไปข้างนอกค่ะ จะออกไปกับหม่าม้า”

เจี่ยนอี๋นั่วลูบหัวเจี่ยนซวงผู้เป็นลูกสาวด้วยรอยยิ้ม เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้ร้องไห้ออกมา แต่คนที่อยู่ข้างนอกอย่างเหอหลวนเล่อนั้นกลับร้องไห้จนดูไม่ได้แล้ว เหอหลวนเล่อทั้งร้องไห้ทั้งพูดไปด้วยว่า : “ถ้าฉันพยายามสอบสวนมากกว่านี้ พวกเธอสองแม่ลูกอาจจะจะได้ออกมาข้างนอกไวกว่านี้”

เจี่ยนอี๋นั่วมองเหอหลวนเล่อ : “มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก เพราะมันถูกกำหนดมาแล้วว่าฉันต้องอยู่ในเรือนจำนี้กี่ปี”

เจี่ยนอี๋นั่วรู้ว่าตนเองจะได้ออกจากเรือนจำแห่งนี้ก็เพราะปัญหาภายในที่เกิดขึ้นในตระกูลเหลิ่ง ดูเหมือนหลายปีมานี้เหลิ่งเซ่าถิงจะมีความสุขดีมากๆ ดีจนไม่ต้องให้เหล่าตระกูลเหลิ่งนั้นจับตามองเขา เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะโดนผู้หญิงของเหลิ่งเซ่าถิงมาขู่ทำร้ายได้อีกแล้ว

เรื่องราวมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าที่เจี่ยนอี๋นั่วจินตนาการเอาไว้ซะอีก เจี่ยนอี๋นั่วเพิ่งได้ยินข่าวดีว่าเธอจะได้อยู่ในเรือนจำนี้อีกไม่นานแล้ว เธอก็ได้ยินผลการพิจารณาคดีแล้ว

พ้นโทษแล้ว……

หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินข่าวดีนี้แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมาทันที ตั้งแต่ที่เจี่ยนอี๋นั่วได้รับบาดเจ็บ เจี่ยนซวงก็ตัวติดเจี่ยนอี๋นั่วอยู่ตลอดเวลา เพราะกลัวว่าเจี่ยนอี๋นั่วผู้เป็นแม่ของเธอนั้นจะได้รับบาดเจ็บอีก เมื่อเธอเห็นว่าเจี่ยนอี๋นั่วร้องไห้ เธอก็เขย่งเท้าแล้วก็ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาเจี่ยนอี๋นั่วทันที ก่อนจะร้องไห้แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประหม่า : “หม่าม้าไม่ร้องนะคะ ซวงซวงอยู่ตรงนี้แล้ว ซวงซวงจะปกป้องหม่าม้าเอง……”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบเช็ดน้ำตาของตนเองก่อนจะพูดกับลูกสาวตัวน้อยด้วยรอยยิ้มว่า : “หม่าม้าไม่ได้ร้องไห้ค่ะ หม่าม้าดีใจ หม่าม้าดีใจที่สุดเลยค่ะ!”

หลังจากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็รีบเก็บกระเป๋าของตนเองทันที เป็นเพราะของของเธอนั้นมีไม่มากจึงใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเธอก็เก็บกระเป๋าของเธอเรียบร้อยแล้ว เหล่านักโทษหญิงในเรือนจำต่างก็มองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วอย่างเงียบๆ พวกเธอรู้กันหมดแล้วว่าเจี่ยนอี๋นั่วนั้นได้พ้นโทษแล้ว จากโทษจำคุกตลอดชีวิต เป็นลดโทษลงมา จนตอนนี้เธอก็ได้พ้นโทษแล้ว สำหรับพวกเธอแล้วมันเหมือนกับความฝันที่ไร้สาระมากๆ

“เจี่ยนอี๋นั่วยินดีกับเธอด้วยนะ ที่เธอพ้นโทษแล้ว” ผู้คุมพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วที่หน้าประตูเรือนจำ เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกชื่อเจี่ยนอี๋นั่ว ไม่ได้เรียกเลขประจำตัวนักโทษ

เจี่ยนอี๋นั่วโค้งคำนับแก่ผู้คุมนักโทษ : “ขอบคุณมากนะคะที่คอยดูแลฉันมาโดยตลอด แล้วก็ขอโทษนะคะที่ฉันทำให้คุณเดือดร้อนไปด้วย”

เหตุการณ์ครั้งก่อนที่เจี่ยนอี๋นั่วโดนเฉิงซานซานำร้ายนั้น หากเธอไม่ได้ผู้คุมคนนี้มาช่วยพิสูจน์ว่าเธอนั้นประพฤติดีมาโดยตลอด ซ้ำยังเป็นเพราะหัวหน้าแผนกย้ายเจี่ยนอี๋นั่ว และสั่งให้เจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนชวงต้องแยกกัน ถึงได้ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ เจี่ยนอี๋นั่วจึงได้ลดโทษลงอย่างรวดเร็ว แต่คำรับรองของผู้คุมยังทำให้หันหน้าแผนกไม่พอใจเป็นอย่างมากด้วย จนทำให้หัวหน้าแผนกต้องถูกคัดกรองเรื่องการทุบตีนักโทษและใช้อำนาจในทางมิชอบอีก แม้ว่าผู้คุมเองก็จะถูกลงโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก็ตาม

ผู้คุมส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม : “ไม่หรอก ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ฉันควรจะทำน่ะ การที่ได้อยู่เป็นผู้คุมนักโทษอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตก็คงเป็นเรื่องที่ดีอยู่เหมือนกัน การจัดการกับคนผิดพวกนี้มันต้องใช่ความอดทนสูง เธอไปเถอะ ต่อไปก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกนะ ไม่ต้องติดต่อพวกเราแล้วด้วย ไม่ต้องหันหลังกลับ”

เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปากของตนเองก่อนจะหันหลังแล้วจูงมือเจี่ยนซวงแล้วเดินออกไปจากประตูเรือนจำ เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจอย่างโล่งใจ เธอรู้สึกราวกับว่าแสงอาทิตย์นั้นอบอุ่นมากกว่าเดิม เจี่ยนซวงนั้นดูเขินอายเล็กน้อยเลยหลบอยู่ด้านหลังของเจี่ยนอี๋นั่ว มองโลกภายนอกที่เป็นโลกที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเจี่ยนซวง

“ไม่ต้องกลัวนะคะ ไปกับหม่าม้านะ ไม่ต้องหันหลังกลับไปด้วย” เจี่ยนอี๋นั่วดึงลือลูกน้อยก่อนจะเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม

เพราะเจี่ยนซวงนั้นก้าวเท้าไปเพียงทีละนิดทีละน้อย ให้เจี่ยนซวงได้ดูบรรกาศทัศนียภาพรอบๆไปอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเดินเร็วขึ้น เมื่อเจี่ยนซวงเห็นเหอหลวนเล่อที่มารับเธอกับแม่ เจี่ยนซวงรีบอ้าข้าแล้วเดินไปทางเหอหลวนเล่อด้วยรอยยิ้ม : “คุณแม่เล่อเล่อ…..”

เหอหลวนเล่อรีบอุ้มเจี่ยนซวงทันที เธออยากจะอุ้มเจี่ยนซวงนานๆไม่อยากปล่อยแต่เธอก็ต้องปล่อยเด็กน้อยลง : “ซวงซวงตัวหนักจังเลยค่ะ แม่เล่อเล่ออุ้มไม่ขึ้นแล้วเนี่ย”

เจี่ยนซวงกอดขาของเหอหลวนเล่อเอาไว้ ก่อนจะหัวเราะเอิ้กอ้าก : “ซวงซวงอ้วนขึ้นนิดหน่อยน่ะค่ะ……”

เจี่ยนอี๋นั่วถือกระเป๋ามาพร้อมกับยิ้มแล้วพูดกับเหอหวนเล่อว่า : “ขอบคุณนะที่มากรับพวกเรา”

เหอหลวนเล่อยกยิ้มขึ้นมาทันที : “โถ่ ไม่ต้องของคุณหรอกนะ ก็เราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่นา ถ้าฉันไม่รู้จักเธอล่ะก็ หลายปีมานี้ฉันคงไม่เติบโตมาได้มากขนาดนี้หรอก มา ขึ้นรถเถอะ อย่ายืนโง่ๆอยู่เลย ฉันจองโต๊ะอาหารรับลมให้พวกเธอเอาไว้แล้ว”

เหอหลวนเล่อนั้นต่างไปจากเมื่อหลายปีก่อนมากจริงๆ เธอไม่ได้ขายบริษัทอี๋เหม่ยทิ้ง แต่เธอนั้นรับช่วงทำมันต่อ จ่ายเงินปันผลให้กับเหอเยี่ยนหงอีกทั้งเธอยังช่วยให้เจี่ยนอี๋นั่วได้รับการพิจารณาคดีใหม่อีกด้วย เธอไม่ใช่คนโง่ที่จะถูกคนอื่นหลอกใช้อีกต่อไปแล้ว เมื่อก่อนแม่ของเหอหลวนเล่อจะเคยกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของลูกสาวกับเจี่ยนอี๋นั่วที่เป็นนักโทษ กลัวว่ามันจะมีผลกระทบต่อตัวเหอหลวนเล่อ แต่หลังจากที่ได้เห็นการเติบโตของเหอหลวนเล่อแล้ว แม่ของเธอก็ไม่ได้ขัดขวางการติดต่อระหว่างเธอกับเจี่ยนอี๋นั่วอีกเลย

เจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงขึ้นไปนั่งบนรถ เจี่ยนซวงนั้นลูบๆคลำๆรถอย่างสงสัย ก่อนจะถามว่า : “หม่าม้าคะ นี่คือรถยนต์หรอคะ? ซวงซวงเคยเห็นแค่ในหนัง แล้วมันเคลื่อนที่ได้ยังไงหรอคะ? หม่าม้าคะ ที่กลมๆที่คุณแม่เล่อเล่อจับอยู่มันคืออะไรหรอคะ?”

หลังจากนั้นเจี่ยนซวงก็จับไปที่เบาะนั่งคนขับของเหอหลวนเล่อก่อนจะพูดออกมาอย่างโอเวอร์ : “คุณแม่เล่อเล่อคะ คุณแม่เล่อเล่อเล่นมายากลเป็นใช่มั้ยคะ ใช้มายากลทำให้รถเคลื่อนที่ คุณแม่เล่อเล่อสวยมากๆเลยค่ะ ต่อไปให้ซวงซวงนั่งรถยนต์แบบนี้บ่อยๆนะคะ”

เจี่ยนซวงกล่าว พร้อมกับเขย่งเท้าแล้วกระพริบตาปริบๆ ใช้สายตาที่ประจบประแจงไปที่เหอหลวนเล่อ

เหอหลวนเล่อพูดด้วยรอยยิ้ม : “ซวงซวงอย่ามองคุณแม่ด้วยสายตาเคลีบคลอแบบนั้นสิคะ คุณแม่จะทนสายตาของหนูไม่ไหวแล้วนะ ไปขอหม่าม้าของหนูนู่นค่ะ หม่าม้าของหนูก็ขับรถเป็นเหมือนกัน”

“หม่าม้าของหนูเก่งจังเลยค่ะ นอกจากจะตัดเสื้อผ้าให้ชวงชวงแล้วก็ยังทำทำข้าวโอ๊ต แล้วก็ยังขับรถเป็นอีกด้วย” เจี่ยนซวงชมเจี่ยนอี๋นั่วผู้เป็นแม่

เจี่ยนอี๋นั่วลูบหัวลูกสาวเจี่ยนซวงด้วยรอยยิ้ม : “อีกหน่อยหนูก็ขับเป็นค่ะ”

เจี่ยนซวงรีบพยักหน้าด้วยรอยยิ้มทันที : “ค่ะ หม่าม้าทำได้ ซวงซวงก็ต้องทำได้ ซวงซวงจะเป็นเหมือนหม่าม้าค่ะ!”

เจี่ยนซวงพูดจบก็เรียนรู้เรื่องรถยนต์ต่อ เพียงผ่านไปได้ไม่นานก็ขับเข้าไปถึงในเมือง เจี่ยนซวงหันไปสนใจข้างนอกหน้าต่างรถ มองไปที่รถยนต์ที่ขับไปมาและไฟจราจร และอาคารสูงใหญ่ทั้งสองข้างทาง เจี่ยนซวงไม่สามารถละสายตาจากสิ่งเหล่านั้นได้เลย เจี่ยนชวงเอาแต่มองไม่หยุดพร้อมกับปากน้อยๆที่เอาแต่ถาม : “อันนี้คืออะไรหรอคะหม่าม้า? หม่าม้าคะ อันนั้น อันนั้นคืออะไรหรอคะ?”

และแล้วเจี่ยนซวงก็ชี้ออกไปที่ผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความตกใจ : “หม่าม้าดูนั่นสิคะ ผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่อยู่ในโทรทัศน์รึเปล่าคะ! ใช่มั้ยคะ?”

เพียงผ่านไปแค่ไม่กี่ปี เมืองนี้ก็กลายเป็นเมืองที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเจี่ยนอี๋นั่วไปแล้ว เธอมองเมืองที่ทั้งคุ้นเคยและทั้งไม่คุ้นเคยแห่งนี้ ในระหว่างที่ทำการคุ้นเคยกับเมืองนี้เธอก็ได้ยินเสียงของเจี่ยนซวงขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองข้างนอกหน้าต่างนั้น แล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม : “ใช่ค่ะ เขาคือผู้ชายคนนั้น”

เจี่ยนซวงเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ : “ผู้ชายที่หม่าม้าเคยพูด หม่าม้าบอกว่าผู้ชายไม่เหมือนกับพวกเรา ไม่เหมือนจริงด้วยค่ะ ดูสูงกว่าผู้หญิงต้งเยอะเลย สูงกว่าในโทรทัศน์อีกค่ะ……พวกเขาเติบโตจากเด็กผู้ชายใช่มั้ยคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม : “ใช่ค่ะ แต่ก่อนพวกเขาเคยเป็นเด็กผุ้ชายมาก่อน”

เจี่ยนซวงกระพริบตาอย่างสงสัยแล้วถาม : “ถ้าอย่างนั้นเราจะแยกเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายยังไงหรอคะ? ผมหม่าม้าสั้นเหมือนผู้ชายเลย แต่หม่าม้าเป็นผู้หญิง”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “เรื่องแบบนี้ดูจากภายนอกไม่ได้ค่ะ หน้าอกของผู้หญิงและผู้ชายไม่เหมือนกัน……แล้วก็ยังมี……..”

“แค่กๆ……” เหอหลวนเล่อรีบไอออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ : “จะสอนเรื่องเพศศึกษาให้ลูก ก็เลี่ยงการสอนต่อหน้าคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างฉันหน่อยไม่ได้หรอ”

หลังจากที่เหอหลวนเล่อพูดจบเธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง : “แล้วก็ ซวงซวงก็อย่างกับว่าออกมาจากประเทศผู้หญิงอย่างนั้นแหละ ทำไมถึงสงสัยแม้กระทั่งเรื่องผู้ชายล่ะคะ?”

เหอหลวนเล่อเพิ่งพูดจบเธอก็พูดออกมาทันที เธอค่อยๆคลายยิ้มของเธอก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นแล้วมองไปที่เจี่นอี๋นั่ว : “อี๋นั่ว ฉันขอโทษนะ”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวไปมา ซวงซวงมองไปที่เหอหลวนเล่ออย่างสงสัยก่อนที่จะถาม : “คุณแม่เล่อเล่อคะ ประเทศผู้หญิงคืออะไรหรอคะ?”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท