หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 162 ฉันไม่ผิด

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

“เธอเรียกใครนะ?” คุณนายเหลิ่งเดินเข้ามาช้าๆ ก่อนจะพูดกับผู้หญิงคนนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ใครคือเด็กบ้านะ?”

เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นคุณนายเหลิ่งเธอก็ตะโกนเสียงดังทันทีว่า : “อ๋อ คุณคงเป็นผู้ปกครองของเด็กบ้าคนนี้ใช่มั้ย? คุณดูแลเด็กยังไง เด็กถึงได้มาเที่ยวแกล้งคนอื่นไปทั่วแบบนี้? แล้วยังจะพูดโกหกอีก? ทำไมไม่สั่งไม่สอนคะ? ใช่คนที่นี่รึเปล่าเนี่ย? คงไม่ได้มาจากบ้านนอกใช่มั้ย?”

คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วใส่ผู้หญิงคนนั้นเบาๆก่อนจะค่อยๆพูดขึ้นมา : “ขอโทษด้วยนะจ๊ะ เด็กยังเล็กเลยไม่รู้เรื่อง เธอชื่ออะไรล่ะ บ้านอยู่ที่ไหน? ฉันไม่มีเงินอะไรมากมายหรอกนะ รอให้หลานๆของฉันมาแล้วฉันค่อยพาเด็กคนนี้ไปขอโทษเธอที่บ้านแล้วกันนะ”

ผู้หญิงคนนั้นรีบบอกที่อยู่ของตัวเองทันที ก่อนที่เธอจะคว้าแขนของคุณนายเหลิ่งเอาไว้ ไม่ยอมปล่อย แล้วตะคอกใส่ว่า : “ถึงแม้คุณจะพูดอย่างนี้ ฉันก็ไม่ยอมปล่อยคุณไปง่ายๆหรอกนะ ถ้าคุณไป เราจะทำยังไงล่ะ คุณ……คุณต้องทิ้งหลักฐานไว้ต่างหน้าด้วยสิ”

ผู้หญิงคนนั้นพูดพร้อมกับจ้องมองไปที่สร้อนข้อมือหยกของคุณนายเหลิ่ง ก่อนจะรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า : “ถ้าคุณจไปก็เอาสร้อยข้อมือหยกนั้นทิ้งไว้ให้ฉันด้วย ไม่อย่างนั้นคุณก็จะไปไม่ได้”

คุณนายเหลิ่งยิ้มก่อนจะถอดสร้อยคอมือหยกของตัวเองออก ก่อนจะส่งสร้อยคอมือเส้นนั้นให้กับผู้หญิงคนนั้นด้วยรอยยิ้ม : “มันมีอะไรดีหรอ? แต่ถ้าเธอชอบก็เอาไปเถอะ ตอนนี้ฉันพาเหลนของฉันไปได้แล้วใช่มั้ย? เธอก็พาลูกของเธอไปโรงพยาบาลซะ ดูแล้วกระดูกท่าจะหักนะ”

หญิงสาวรับเอาสร้อยข้อมือหยกนั้นมาอย่าพอใจ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนดูหยกไม่ออก แต่ดูๆจากความสวยและสีของมันแล้ว ก็รู้ได้เลยว่าสร้อยมือหยกเส้นนี้มาราคาดีแน่นอน หญิงสาวเอาหยกมาไว้ในอ้อมอกก่อนจะยิ้มออกมา : “คุณยังพูดรู้เรื่องหน่อย ถ้าคุณปฏิเสธล่ะก็ ฉันจะบอกให้นะ ฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”

หญิงสาวหันหลังกลับมาแล้วรีบวิ่งไปหาลูกของตนเองที่ตกลงมากองอยู่ที่พื้น ก่อนจะสั่งสอนลูก : “ทำไมไม่เชื่อฟังแม่เลยคะ คนอื่นเขาให้ปีนต้นไม้หนูก็ปีน หนูซื่อบื้อหรือไง? พอแล้วค่ะ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว แม่จะพาไปโรงพยาบาล!”

เมื่อพูดจบหญิงสาวก็รีบเดินมาตรงหน้าคุณนายเหลิ่งทันที ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า : “คุณอย่าคิดว่าแค่คุณให้สร้อยข้อมืออันนี้แล้วเรื่องจะจบนะ คุณต้องให้เงินฉันด้วย ค่ารักษาพยาบาลลูกฉันต้องไม่น้อยแน่ๆ ทางที่ดีคุณควรเอาเงินมาให้ฉันซะ ไม่อย่างงั้นล่ะก็ฉันไม่ปล่อยเอาไว้แน่ๆ ฉันจะบอกอะไรให้คุณนะ ฉันรู้จักคนมีอิทธิพลมากมาย ที่คนอย่างพวกเธอทำอะไรเข้าไม่ได้!”

คุณนายเหลิ่งพยักหน้าพร้อมกับยิ้มขึ้นมา : “เธอวางใจได้เลย ฉันไปหาเธอแน่นอน”

หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นถึงได้เย็นลงมาบ้าง ก่อนจะกำสร้อยข้อมือหยกไว้ในอ้อมอกแล้วเดินจากไป เมื่อคุณนายเหลิ่งเห็นว่าเธอเดินจากไปไกลแล้ว เธอก็มองเจี่ยนซวง ก่อนจะยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาลูบหน้าของเด็กน้อย พร้อมกับพูด้วยรอยยิ้ม : “หนูนี่ฉลาดจริงๆเลยนะซวงซวง คิดวิธีการรับมือกับคนพวกนี้ได้ยังไงกัน?”

เจี่ยนซวงกระพริบตาปริบๆ : “หนูดูมาจากในละครค่ะ”

คุณนายเหลิ่งหรี่ตามองก่อนจะลูบหัวเจี่ยนซวงเบาๆด้วยรอยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า : “ซวงซวงฉลาดมากจริงๆ ย่าทวดล่ะชอบหนูจริงๆ ต่อไปย่าทวดจะมาหาหนูบ่อยๆนะ แต่ไม่ต้องแม่ของหนูล่ะ ไม่อย่างนั้นย่าทวดจะไม่บอก ว่าพ่อของหนูคือใคร?”

เจี่ยนซวงพยักหน้าก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพึมพำว่า : “ซวงซวงเป็นเด็ก ซวงซวงโกหกหม่าม้าไม่ได้ค่ะ”

คุณนายเหลิ่งมองเจี่ยนซวงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำว่า : “ไม่มีใครสอนให้ซวงซวงเชื่อฟังคำของผู้ใหญ่หรอ?”

เจี่ยนซวงส่ายหน้า : “ไม่ค่ะ บางทีสิ่งที่หม่าม้าพูดมันก็ไม่ถูก หนูต้องมี…….ต้องมี…..”

เจี่ยนซวงหยุดพูดไปสักครู่ก่อนที่จะนึกคำที่เจี่ยนอี๋นั่วเคยพูดขึ้นได้ แล้วรีบพูดทันทีว่า : “ซวงซวงต้องมีความสามารถในการแยกแยะสิ่งที่ถูกกับสิ่งที่ผิดค่ะ ก็คือซวงซวงต้องเข้าใจเองว่า อะไรที่ถูก อะไรที่ผิด อะไรควรทำ ไม่ฟังเชื่อคำพูดของคนอื่น ซวงซวงจะต้องคิดเองค่ะ เพราะว่าชีวิตเป็นของซวงซวง ซวงซวงต้องรับผิดชอบเอง”

คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้ว : “แม่หนูสอนอะไรหนูไปบ้างล่ะเนี่ย? ย่าทวดจะบอกอะไรให้หนูนะ หนูต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ เด็กที่ดีจะต้องเป็นเด็กยังไง? ก็คือเด็กที่เคารพผู้ใหญ่ หนูอาจจะยังไม่รู้เรื่อง”

เจี่ยนซวงเม้มปากก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “งั้นซวงซวงจะเชื่อคุณย่าทวดค่ะ สิ่งที่คุณย่าทวดพูดถูกทุกอย่าง ซวงซวงจะเคารพคุณย่าทวด คุณย่าทวดวางใจได้เลยค่ะ!”

คุณนายเหลิ่งยกมือขึ้นมาบีบจมูกของเจี่ยนซวงก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม : “ไม่รู้จริงๆเลยว่าสิ่งที่หนูกำลังพูดเนี่ยจะใช่ความจริงรึเปล่า”

เจี่ยนซวงเงยหน้าขึ้นก่อนจะยิ้มให้คุณนายเหลิ่งแล้วยื่นแขนออกมา : “คุณย่าทวดคะ ทำไมคุณย่าทวดไม่อุ้มซวงซวงล่ะคะ ซวงซวงเล่นจนเหนื่อยแล้วค่ะ”

คุณนายเหลิ่งยิ้มก่อนจะย่อตัวลง คนที่ยืนอยู่ข้างๆคุณนายเหลิ่งรีบห้ามทันที : “คุณนายครับ ร่างกายของคุณนาย……..”

คุณนายเหลิ่งหันไปเหลือบมองคนที่อยู่ข้างๆก่อนจะพูดว่า : “ร่างกายฉันมันทำไม? ฉันอุ้มเด็กไม่ได้หรือยังไง?”

คุณนายเหลิ่งพูดไปด้วยพร้อมกับย่อตัวลงไปอุ้มเจี่ยนซวง เจี่ยนซวงกอดคอของคุณนายเหลิ่งเอาไว้ ก่อนจะกัวเราะเอิ้กอ้าก็ออกมา : “คุณย่าทวดดีกับซวงซวงมากๆเลยค่ะ!”

ไม่ง่ายเลยที่คุณนายเหลิ่งจะอุ้มซวงซวงขึ้นมาได้ เธอตบก้นเจี่ยนซวงครั้งหนึ่งก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “เหมือนเจ้าหมูน้อยจริงๆเลย”

เจี่ยนซวงเอาตัวเองเข้าใกล้อ้อมอกของคุณนายเหลิ่งอีก ก่อนจะพูดขึ้นว่า : “คุณย่าทวดคะ คุณย่าทวดพาหนูกับไปที่โรงเรียนอนุบาลได้มั้ยคะ? เดี๋ยวต้องกลับไปกินของหวานแล้วค่ะ ซวงซวงไม่อยากพลาด”

คุณนายเหลิ่งครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพยักหน้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ได้สิ ซวงซวงพูดขนาดนี้แล้ว ย่าทวดต้องพาซวงซวงกลับไปอยู่แล้วล่ะ”

เจี่ยนซวงอยากจะหัวเราะออกมา แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคุณนายเหลิ่งแล้วก็กลั้นยิ้มทันที ก่อนเจี่ยนซวงจะพูดกับคุณนายเหลิ่งที่ใบหน้าสลดว่า : “คุณย่าทวดต้องมาหาซวงซวงบ่อยๆนะคะ ซวงซวงจะคิดถึงคุณย่าทวดค่ะ”

“ไอหย่า……..ได้สิ…….” คุณนายเหลิ่งยิ้มพร้อมกับตอบตกลงเด็กน้อย

คุณนายเหลิ่งพาเจี่ยนซวงกลับมาที่โรงเรียนอนุบาลเรียบร้อยแล้ว เมื่อเธอขึ้นรถแล้ว เธอก็พูดกับคนข้างๆทันทีด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า : “แกจำชื่อกับที่อยู่ของผู้หญิงคนเมื่อกี้ได้มั้ย?”

คนนั้นพยักหน้า : “จำได้ครับ”

คุณนายเหลิ่งพยักหน้าแล้วยิ้มออกมา ก่อนที่จะลูบข้อมือของเธอ : “ดี ไปเอาสร้อยข้อมือหยกเส้นนั้นของฉันกลับมาซะ แล้วแกก็เอาไปเลยนะ ถ้ามันผ่านมือของผู้หญิงแบบนั้นแล้วฉันก็จะไม่อยากจะใช้มันอีก คนบ้านนั้น……..”

คุณนายเหลิ่งพูดถึงตรงนี้ก่อนจะหรี่ตาแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า : ” ไม่ต้องให้ครอบครัวนั้นอยู่ในเมืองนี้ต่อไปนะ ฉันไม่อยากอยู่เมืองเดียวกันกับพวกนั้น”

“ครับ……” เขาพยักหน้าก่อนจะตอบ

คุณนายเหลิ่งพูดไปลุบข้อมือของตัวเองไป รถก็ออกไปทันที คุณนายเหลิ่งหันหน้าไปมองกระจกรถ มองโรงเรียนอนุบาลที่ผ่านมา ก่อนที่คุณนายเหลิ่งจะยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ : “เด็กคนนี้น่าสนใจจริงๆ กอดแล้วเนื้อนุ่มนิ่มเหลือเกิน”

เจี่ยนซวงอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลก็เล่นสนุกเหมือนกับเด็กๆทั่วไป รอให้เจี่ยนอี๋นั่วมอรับ เจี่ยนซวงก็วิ่งเข้าไปในอ้อมอกของเจี่ยนอี๋นั่วอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ปล่อยคนเป็นแม่เลย เจี่ยนอี๋นั่วถามด้วยรอยยิ้ม : “เป็นอะไรไปคะ?”

เจี่ยนซวงมองเหอหลวนเล่อที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ ก่อนจะเม้มปากโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ เพียงแค่กอดเจี่ยนอี๋นั่วอย่างสุดแรง เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองเจี่ยนซวง เธอไม่ได้ถามอะไรลูกต่อ จนเจี่ยนอี๋นั่วพาเจี่ยนซวงกลับมาถึงบ้าน และเหอหลวนเล่ออกไปแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วจึงได้เอาขนมและนมมาวางตรงหน้าเจี่ยนซวง : “เกิดอะไรขึ้นคะ? บอกหม่าม้าเร็ว”

เจี่ยนซวงสูดจมูกของตัวเอง แล้วกระโจนเข้าหาอ้อมอกของเจี่ยนอี๋นั่วทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาแล้วพูดว่า : “หม่าม้าคะ ซวงซวงไม่เอาคุณพ่อแล้วค่ะ ถ้ามีคุณพ่อก็จะมีคุณย่าทวดที่น่ากลัวด้วย ซวงซวงไม่อยากได้คุณย่าทวดดุๆ”

“คุณย่าทวดหรอคะ?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว ก่อนจะมองไปที่เจี่ยนซวงแล้วถาม : “ใช่คนแก่ที่อายุเจ็ดแปดสิบคนนั้นมั้ยคะ?”

เจี่ยนซวงกระพริบตาปริบๆ ตอนนี้เธอไม่ได้รู้เรื่องอายุอะไรมากมาย เพียงกระพริบตาแล้วพูดออกไป : “คนแก่คนนั้นแหละค่ะหม่าม้า”

เจี่ยนอี๋นั่วมองเจี่ยนซวงพร้อมกับลูกหัววลูกเบาๆ : “อ๋อ แล้วเธอทำอะไรซวงซวงค่ะ ซวงซวงถึงได้ตกใจกลัวขนาดนี้?”

เจี่ยนซวงทำหน้ามุ่ยก่อนจะพูดด้วยความตื่นตระหนก : “เธอจะเอาตัวซวงซวงไปค่ะ แล้วก็บอกซวงซวงว่าห้ามบอกหม่าม้า เธอเคยมาตามหาซวงซวงค่ะ ซวงซวงตอบตกลงไปแต่ซวงซวงโกหก ซวงซวงกลับเธอเอาตัวซวงซวงไป”

เจี่ยนอี๋นั่วลูบหัวของเจี่ยนซวงเก่าจะยิ้มแล้วพูดต่อว่า : “เป็นอย่างนี้นี่เอง ถึงแม้ซวงซวงจะโกหกแต่ดีมากค่ะที่ป้องกันตัวเองแบบนี้ หม่าม้าพอใจกับสิ่งที่ซวงซวงทำมากๆ แต่ซวงซวงจำไว้นะคะ คำโกหกใช้กับคนที่จะมาทำอันตรายต่อตัวเองเท่านั้น ห้ามโกหกคนที่หนูรักหรือคนที่รักหนูนะคะ”

เจี่ยนซวงยิ้มขึ้นมาทันใด ; “ค่ะ ซวงซวงจะไม่เชื่อฟังคำพูดของเธอแล้วมาโกหกหม่าม้าไงคะ ซวงซวงเชื่อฟังหม่าม้านะคะ ซวงซวงจะเป็นเด็กที่รู้จักผิดชอบชั่วดีค่ะ”

เจี่ยนซวงกล่าวพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ แล้วพูดต่อไป : “วันนี้ซวงซวงทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่มา ซวงซวงฉลาดมากๆค่ะ มีพี่ชายคนไม่ดีคนนึงมาแย่งของรถของเล่นของซวงซวง ซวงซวงก็เลยโกหกเขาว่าบนต้นไม้มีของเล่นอยู่ แล้วเขาก็ปีนขึ้นต้นไม้ไปค่ะ เขาโง่มากๆเลย ตอนที่เขาตกลงมาจากต้นไม้เขาร้องไห้โฮเลยค่ะ ซวงซวงเก่งใช่มั้ยคะ……”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วใส่ซวงซวง เธอกำลังคิด่าทำไมคุณนายเหลิ่งถึงได้เข้าหาพวกเธออย่างนี้ แต่สิ่งที่เจี่ยนอี๋นั่วสงสัยมากกว่าในตอนนี้คือสิ่งที่เจี่ยนซวงพูด เธอระงับความโมโหของเธอกอ่นจะพูดกับลูกด้วยน้ำเสียงปกติ : “พี่ชายคนนั้นตกลงมาแรงมั้ยคะ?”

เจี่ยนซวงพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม : “น่าจะ……กระดูกหักเลยค่ะ……ซวงซวงแฮปปี้มากเลยค่ะ!”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว : “เขาแย่งรถของเล่นของเจี่ยนซวง เป็นความผิดของซวงซวงนะคะ แต่เขาก็ควรคืนรถของเล่นกับซวงซวงเขาควรจะโดนตำหนิ แต่ทำให้เขากระดูกหักแบบนี้ ซวงซวงทำถูกแล้วหอรคะ?”

เจี่ยนซวงพูดเสียงเบา : “ก็ซวงซวงไม่คิดว่าเขาจะโง่ขนาดนั้นนี่คะ อีกทั้ง…..ซวงซวงก็ไม่รู้ว่ากระดูกเขาจะหักนี่คะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดเสียงเข้ม : “หนูไม่รู้เลยหรอคะว่าเด็กตกลงมาจากต้นไม้มันจะเป็นยังไง? ตอนที่หม่าม้าเปลี่ยหลอดไฟซวงซวงยังเป็นห่วงเลย เด็กที่ขึ้นไปอยู่บนต้นไม้แบบนั้น ซวงซวงไม่เข้าใจจริงๆหรอคะ?”

เจี่ยนซวงขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะเม้มริมฝีปากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น : “สมน้ำหน้าเขาสิคะ ใครที่แกล้งซวงซวง คนนั้นก็จะโชคร้าย!”

จู่ๆในใจของเจี่ยนอี๋นั่วก็เย็นลง ตอนนี้ที่เธอมองเจี่ยนซวงอยู่นี้ก็เหมือนกันเธอเห็นเงาของคุณนายเหลิ่ง เหลิ่งหมิงอัน เหลิ่งเซ่าถิง แล้วก็เหลิ่งอวิ๋นเซียวเลย

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน