หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 163 สืบทอดทางสายเลือด

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เป็นครั้งแรกที่เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าคความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือกนั้นมันลึกลับมากเพียงใด ตระกูลเหลิ่งนั้นไม่เคยเจอกันกับเจี่ยนซวงมาก่อน แต่เจี่ยนซวงนั้นกลับมาบุคลิกเฉพาะที่ได้มาจากตระกูลเหลิ่งที่ไม่แยแสและเย็นชานี้ได้

“หม่าม้าคะ…..เป็นอะไรคะ?”เมื่อเจี่ยนซวงเห็นสีหน้าที่เจี่ยนอี๋นั่วแสดงออกมาเธอก็ถามคนเป็นแม่ในทันใด : “หม่าม้าคะ หม่าม้าไม่ชอบที่เจี่ยนซวงเป็นแบบนี้ใช่มั้ยคะ ถ้าหม่าม้าไม่ชอบ ต่อไปเจี่ยนซวงจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วค่ะ ใครมาแย่งของเล่นซวงซวงอีก ซวงซวงก็จะไม่โกรธแล้วค่ะ”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเจี่ยนซวงพูดเช่นนั้น เธอก็รีบขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำว่า : “ซวงซวงไม่ต้องมาโกหกหม่าม้าเลยค่ะ หม่าม้าอยากให้หนูพูดในสิ่งที่หนูอยากพูดกับหม่าม้าจริงๆ ไม่ใช่พูดในสิ่งที่หนูอยากให้หม่าม้าอยากได้ยิน สิ่งที่หนูทำ หม่าม้าอาจจะไม่ชอบ แต่แค่ไม่ชอบวิธีการกระทำของหนู มันไม่ดีต่อตัวซวงซวงเองนะคะ ไม่ว่าหนูจะทำเรื่องอะไรที่ทำให้หม่าม้าโกรธ หม่าม้าก็ไม่มีทางเกลียดหนู หม่าม้าต้องการให้ซวงซวงเรียนรู้ไปช้าๆว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ หม่าม้าจะไม่มีวันปล่อยให้หนูเป็นเหมือนคนพวกนั้น……คนพวกนั้นเขา…….”

เจี่ยนซวงขมวดคิ้วขึ้นก่อนที่จะถาม : “คนพวกนั้นคือใครหรอคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นมาลูบหัวเจี่ยนซวงเบาๆ ก่อนจะดูเสียงเบา : “คนที่ทั้งน่าสงสารแล้วก็น่าเกลียดน่ะค่ะ”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบก็มองหน้าเจี่ยนซวงแล้วพูดเสียงเข้มว่า : “ซวยซวงคะ หนูอาจจะทำผิดพลาดในวันนึง สมมติว่าหนูกินลูกอมเพิ่มไปชิ้นนึง หม่าม้าก็จะลงโทษไม่ให้หนูกินข้าวสองวัน ใช่มั้ยคะ?

เจี่ยนซวงส่ายหน้าไปมา : “ไม่ถูกค่ะ ซวงซวงต้องหิวมากแน่ๆ”

เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะพร้อมกับพยักหน้า : “ค่ะ งั้นเด็กผู้ชายคนนั้นก็เหมือนกันค่ะ เขาทำผิด แต่เขาก็ไม่ควรโดนซวงซวงแกล้งเขาแบบนั้น”

เจี่ยนซวงกระพริบตาปริบๆก่อนจะทำหน้ามุ่ยแล้วพูดว่า : “เป็นอย่าง….เป็นอย่างนี้นี่เองนะคะ……”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเห็วว่าเจี่ยนซวงนั้นยังเข้าใจเรื่องนี้อยู่ เธอก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวของลูกสามตัวน้อยเบาๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ไม่ต้องรีบค่ะ ค่อยๆเรียนรู้”

เจี่ยนซวงพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ : “หม่าม้าคะ ซวงซวงขอกินเค้กกับนมได้มั้ยคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าเบาๆพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ได้ค่ะ”

เจี่ยนชวงรีบหยิบเค้กขึ้นมาแล้วกินเข้าไปคำใหญ่คำโต เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นมาลูกหัวลูกสาวก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ค่อยๆกินค่ะ”

วันที่สอง เจี่ยนอี๋นั่วพาเจี่ยนซวงไปส่งที่โรงเรียนอนุบาล เธอไปดูร้านที่กำลังรีโนเวทใหม่ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออก ถึงแม้ว่าเบอร์นั้นเธอจะไม่ได้โทรหามานานกว่าสี่ปีแล้ว แต่เมื่อเจี่ยนอี๋นั่งกดโทรไป อีกฝั่งก็รับโทรศัพท์อย่างทันทีทันใด

เมื่อเสียงแก่ของคุณนายเหลิ่งนั้นดังมาจากในสายแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ยกยิ้มขึ้นมาทันที : “คุณนายเหลิ่งคะ ฉันว่าเราคงต้องเจอกันหน่อยแล้วค่ะ”

คุณนายเหลอ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? เจี่ยนอี๋นั่ว เธอบอกว่าอยากเจอฉันก็จะมาเจอฉันเลยงั้นหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดพร้อมกับหัวเราะ : “หรือว่าจะให้ฉันไปที่คฤหาสน์เหลิ่งคะ? คงไม่เหมาะมั้ง?”

“เธอจะพูดอะไรก็พูดทางโทรศัพท์นี่เลยแล้วกัน ไม่ต้องออกไปเจอกันหรอก” คุณนายเหลิ่งรีบตอบกลับมาทันที

เจี่ยนอี๋นั่วยกยิ้มแล้วพูดว่า : “ไปที่บ้านดีกว่าค่ะ คุณนายเหลิ่งคงจะรู้ว่าบ้านของฉันอยู่ที่ไหน วันนี้ตอนบ่ายสามนะคะ ตอนนั้นคุณนายเหลิ่งน่าจะตื่นนอนกลางวันพอดี จะได้ออกมาเจอฉันอย่างเต็มแรง”

คุณนายเหลิ่งตะโกนเสียงดัง : “บังอาจ! แกบังอาจมากนะ! ตอนนี้แกก็แค่…..”

“ตอนนี้ฉันก็เป็นแค่แม่ของเจี่ยนซวง!” เจี่ยนอี๋นั่งพูดอย่างเย็นชา

คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วขึ้นทันที : “นี่เธอจะพบฉันเพราะเรื่องเจี่ยนซวงสินะ? ยัยหนูคนนั้นคงบอกเธอไปหมดแล้ว ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ เด็กคนนี้นี่ไว้ใจไม่ได้! ดี ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเด็กขี้โกหกคนนั้นอาศัยอยู่ในที่ยังไง”

เมื่อพูดจบ คุณนายเหลิ่งก็กดวางโทรศัพท์ทันที เจี่ยนอี๋นั่วก็วางก่อนจะจับโทรศัพท์แน่น

คุณนายเหลิ่งไม่เคยมาสถานที่ที่แย่ๆแบบนี้มาก่อน แม้แต่ลิฟต์ก็ไม่มี คุณนายเหลิ่งเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสี่ด้วยขาทั้งสองข้างของเธอ ก่อนจะเคาะประตูห้องของเจี่ยนอี๋นั่ว เมื่อประตูเปิดออก คนแรกที่คุณนายเหลิ่งเห็นก็คือเจี่ยนอี๋นั่วที่มาเปิดประตูให้เธอ

ผ่านมากว่าสี่ปีแล้ว แล้วสี่ปีที่ผ่านมรเจี่ยนอี๋นั่วก็ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ พอมานึกดูแล้วช่วงเวลาที่ผ่านมาของเธอนั้นมันไม่ได้สุขสบายเลย แต่นอกจากที่เจี่ยนอี๋นั่วจะตัดผมสั้นแล้วนั้น อย่างอื่นเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากเลย

คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วอย่างอดใจไม่ได้ : “เธอนี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “คุณนายเองก็เหมือนกันค่ะ”

คุณนายเหลิ่วยกมือขึ้นมาปิดผมหงอกของเธอ หลายปีมานี้ คุณนายเหลิ่งเองก็อายุมากขึ้น เธอเองก็ไม่สามารถปฏิเสธความชราของตัวเองได้เลย คุณนายเหลิ่งพูดเสียงต่ำ : “ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้แล้ว หลบไปสิ ไม่ใช่ว่ามีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรอ? จะไม่ให้ฉันเข้าไปรึไง?”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบหลีกทางให้เธอทันทีเพื่อให้คุณนายเหลิางเดินเข้าไป เมื่อคุณนายเหลิ่งเข้าห้องไปเธอก็ยกมือขึ้นมาปิดจมูกทันที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำว่า : “นี่มันที่ของใครกันเนี่ย? ทำไมเล็กขนาดนี้? รกขนาดนี้? ห้องแบบนี้ไม่เหมสะแม้แต่จะเป็นห้องลองชุดของตระกูลเหลิ่งด้วยซ้ำ”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินที่คุณนายเหลิ่งพูด เธอก็ยกยิ้มขึ้นก่อนจะชงชาให้กับคุณนายเหลิ่ง ก่อนจะพูดว่า : “คุณนายเหลิ่งคะ ดื่มชาหน่อยนะคะ ถึงแม้ว่าห้องนี้จะไม่ถูกใจคุณเท่าไหร่ แต่ชานี้อร่อยแน่นอนค่ะ”

ตอนแรกคุณนายเหลิ่งอยากปฏิเสธ แต่ตอนที่เธอจับแก้วชาขึ้นมานั้นคุณนายเหลิ่งก็ได้กลิ่นหอมๆของชาลอยมาทันที จึงทำให้คุณนายเหลิ่งอดไม่ได้ที่จะรับแก้วชานั้นมา เจี่ยนอี๋นั่งก็คงไม่ใส่อะไรลงไปในชานี้หรอก เธอจีงจิบชาไปคำหนึ่ง สมแล้วที่เป็นชาชั้นดี คุณนายเหลิ่งจึงอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มแล้วพยักหน้าเบาๆ

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “ถ้าชอบ ดื่มอีกแก้วมั้ยคะ”

“พอแล้ว ตระกูลเหลิ่งดื่มชาพวกนี้เยอะหรอก” คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วขึ้นเมื่อพูดจบเธอก็วางมือลงก่อนจะพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วว่า : “เธอคงรู้แล้วนะว่าฉันกับซวงซวงเคยเจอหน้ากันแล้ว เธอก็คงจะเตรียมตัวมาแล้ว เด็กคนนั้นก็ใช้ได้เลยนี่ ฉันจะพาเด็กกลับเข้ามาในตระกูลฉัน เธอเซ็นต์สัญญานี่ซะ แล้วก็ไม่ต้องมาเจอเด็กคนนี้อีก”

เจี่ยนอี๋นั่วมองหน้าคุณนายเหลิ่งด้วยรอยยิ้ม : “ฉันจำได้ว่าฉันเคยเซ็นต์เอกสารแบบนี้มาแล้วนะคะ แต่เนื้อหามันบอกว่าไม่ให้เจี่ยนชวงเกี่ยวข้องกับตระกูลเหลิ่งอีก แล้วทำไมต้องนี้ถึงให้ฉันเซ็นต์เอกสารนี้อีกล่ะคะ คุณนายจะไม่กลับกรอกไปหน่อยหรอคะ?”

คุณนายเหลิ่งยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “ฉันเป็นถึงคุณนายเหลิ่ง ฉันต้องการอะไรก็ค้องได้อย่างนั้น เธอจะมาขวางฉันได้ยังไงกัน?”

“เจี่ยนซวงไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวนะคะ ที่เวลาคุณเกลียดก็ปล่อยทิ้งไป เวลาชอบก็จะเอากลับมาใหม่” เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา : “หรือว่าเธอมีเงื่อนไขหรือเธอต้องการเงินเท่าไหร่ล่ะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเสียงดังมากขึ้นว่า : “ที่ฉันกับคุณนายมาเจอกันแบบนี้ ฉันไม่ได้ทำเพื่อมาขายลูกสาวตัวเองนะคะ แต่ฉันจะขอร้องคุณนาย ไม่ต้องมาเจอซวงซวงอีกแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตของซวงซวงอีกต่างหากค่ะ!”

“นี่เธอกำลังสั่งฉันหรอ?” คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วมองเจี่ยนอี๋นั่ว เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจี่ยนอี๋นั่วนั้นจะกล้าพูดอย่างนี้กับเธอ แล้วตัวเธอก็ไม่ได้โกรธแต่เพียงถามด้วยความสงสัยเท่านั้น

เจี่ยนอี๋นั่งพยักหน้าแล้วยกยิ้ม : “ค่ะ ฉันกำลังสั่งคุณ ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ของเจี่ยนซวง คุณออกไปจากชีวิตซวงซวงเถอะค่ะ“

คุณนายเหลิเงขมวดคิ้วแล้วยกยิ้มก่อนที่จะหรี่ตามอง : “เจี่ยนอี๋นั่ว เธอเข้าใจเกี่ยวกับญานะของเธอในตอนนี้รึเปล่า ตอนนี้เธอไม่ใช่……”

“ฉันรู้ค่ะว่าฉันไมาเป็นอะไรทั้งนั้น ฉันเป็นแค่มดที่ตระกูลเหลิ่งสามารถบดขยี้ตายได้อย่างตามใจ” เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มให้กับคุณนายเหลิ่ง

คุณนายเหลิ่งพูดอย่างเย็นชา : “เธอรู้แล้ว เธอก็ควรรู้จักรักษาชีวิตเธอดีๆนะ ไม่ควรทำให้ฉันโกรธ ไม่อย่างนั้นชีวิตของเธอก็ไม่ต้องมีต่อไปแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะใส่คุณนายเหลิ่ง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “คุณนายคิดว่าฉันจะกลัวหรอคะ? ฉันผ่านอะไรมาตั้งมากมาย ฉันไม่กลัวอยู่แล้วค่ะ และตอนนี้ฉันก็เข้าใจเหตุผลนี้ดี เพื่อปกป้องซวงซวง เลยยอมจำนนต่อพวกคุณ แต่มันก็อาจจะเป็นความเจ็บปวดที่สุดของซวงซวงก็ได้นี่คะ ถึงฉันตายก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ให้ซวงซวงรู้ว่าพอว่าสิ่งที่แม่ตัวเองทำก็เพื่อปกป้องตัวเอง ให้ซวงซวงมีชีวิตที่ดีต่อไป คุณอาจจะฆ่าฉันได้ แต่ฉันจะไม่มีวันปล่อยซวงซวงไปแน่ ถ้าคุณคิดที่อยากจะลักพาตัวซวงซวงไป ฉันก็จะสู้สุดชีวิตเพื่อให้ได้ลูกของฉันกลับมา”

ถึงแม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงของเธอนั้นกลับไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด ทุกคนต่างก็รู้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วนั้นไม่ใช่คนพูดเล่นอย่างแน่นอน เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ เธอก็พูดต่อด้วยเสียงโทนต่ำทันทีว่า : “ฉันถูกคุณนายลักพาตัวลูกของฉันไปแล้วคนนึง ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่ค่ะ”

คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว : “เธอรู้แล้วหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว : “ฉันเป็นแม่ ทำไมจะไม่รู้คะว่าฉันคลอดลูกมากี่คน? และฉันก็มั่นใจว่าเด็กคนนั้นต้องตายไปแล้วแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคุณนายไม่มีวันคิดถึงซวงซวงหรอกค่ะ”

คุณนายเหลิ่งหายใจเข้าลึกๆก่อนจะขมวดคิ้วแล้วมองเจี่ยนอี๋นั่ว : “เธอก็ฉลาดนี่!”

เจี่ยนอี๋นั่วจ้องหน้าคุณนายเหลิ่ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า : “ไม่เท่าใจยักษ์ของคุณนายหรอกค่ะ เด็กคนที่ตายไปแล้วเป็นเด็กผู้ชาย ฉันไม่รู้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงเขาจะรู้เรื่องรึยัง ถ้าคุณนายยังบังคับฉันอยู่อย่างนี้ ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกเหลิ่งเซ่าถิง”

คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วแล้วจ้องหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว : “เธอคิดว่าเขาจะสนใจเธอ สนใจลูกชายของเธออย่างนั้นหรอ?”

“ค่ะ เขาอาจจะไม่สนใจฉันแล้วก็ลูกชายของฉัน” ใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา : “แต่เขาจะสนใจเรื่องที่คุณนายลักพาตัวเด็กคนนั้นไปมั้ยล่ะคะ ไม่ใช่เพราะว่าเอาไว้ขู่เขาหรอคะ? ว่าจะมาแทนที่เขา”

คุณนายเหลิ่งจ้องไปที่เจี่ยนอี๋นั่วอย่างดุร้าย ก่อนจะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา : “เธอรนหายที่ตายจริงๆ!”

“เดี๋ยวก่อนสิคะ “ เจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะเอามีดปลอกผลไม้ออกมาด้วย

คุณนายเหลิ่งลุกขึ้นมาทันทีก่อนจะตัโกนเสียงดัง : “นี่เธอคิดจะทำอะไร?”

คนที่ยืนอยู่ข้างๆคุณนายเหลิ่งรีบมาบังอยู่ตรงหน้าเจี่ยนอี๋นั่วแล้วทำท่าป้องกันทันที

เจี่ยนอี๋นั่ววางมีดลงบนโต๊ะชาก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ฉันแค่อยากจะบอกว่า ถ้าคุณนายอยากฆ่าฉัน ก็ฆ่าฉันตอนนี้ได้เลยค่ะ”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน