หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 167 ซวงซวงรีบวิ่งไปเร็ว

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้านั้น จู่ๆเธอก็หยุดชะงักทันที ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเธอถึงได้รู้สึกไม่สบายใจอย่างนี้ เจี่ยนซวงมองเจี่ยนอี๋นั่วคนเป็นแม่ที่ยืนนิ่งอยู่ตอนนี้ ก็ขมวดคิ้วแล้วมองหน้าเจี่ยนอี๋นั่วทันที ก่อนจะพูดว่า : “หม่าม้าเป็นอะไรไปคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “หม่าม้าจะเป็นอะไรได้ล่ะคะ? ก็จะซื้อกระเป๋าให้ซวงซวงไงล่ะคะ? ซวงซวงเลือกได้รึยังคะว่าจะเอาแบบไหน?”

เจี่ยนซวงส่ายหน้าไปมา ก่อนจะบ่นพึมพำออกมา : “กระเป๋าที่นี่แพงมากๆเลยค่ะ ซื้อเค้ดมห้ซวงซวงได้ตั้งหลายด้อนแหนะ ซวงซวงไม่เอากระเป๋าแล้วค่ะ ขอเปลี่ยนเป็นเค้กแทนนะคะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “แต่ว่าเพื่อนๆของซวงซวงมีกระเป๋ากันหมดเลยนะคะ ถ้าซวงซวงไม่มีจะทำยังไง?”

เจี่ญนซวงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า : “ซวงซวงไม่เอาแบบเพื่อนๆหรอกค่ะ ซวงซวงจะเป็นซวงซวง”

“แต่ว่าซวงซวงเอาหนังสือเทพนิยายใส่ในกระเป๋าได้นะคะ แบบนี้จะวางใจได้หน่อย” เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “เลือกสักใบนะคะ”

เจี่ยนซวงครุ่นคิดก่อนจะชี้กระเป๋าใบที่ถูกที่สุด แล้วพูดเลยตามเลยไปว่า : “เอาใบนี้แล้วอันค่ะ ไอหยา กระเป๋าแบบนี้นี่พอซวงซวงโตขึ้นก็ใช้ไม่ได้แล้ว สิ้นเปลืองมากๆเลยค่ะ นี่ทำตัวเป็นคุณแม่กันหรอเนี่ยถึงได้ซื้อของตามอำเภอใจแบบนี้”

เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาบีบจมูกน้อยๆของเจี่ยนซวง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ไปเรียนมาจากไหนคะเนี่ย พูดจาอย่างกับคนสมัยก่อน”

เจี่ยนซวงหัวเราะคิกๆก่อนจะหันหน้ามา : “เรียนมาจากในละครค่ะ เขาบอกว่าผู้หญิงชอบซื้อของตามอำเภอใจ พอซวงซวงโตขึ้นซวงซวงก็จะเป็นสาว ซวงซวงขะไม่ซื้อของตามอำเภอใจค่ะ ดังนั้นพวกแม่ๆน่ะชอบซื้อของตามอำเภอใจ……..”

เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นมาลูบหัวเจี่ยนซวง ก่อนจะพูดเสียงทุ้มด้วยรอยยิ้มว่า : “มาค่ะ มาลองว่ากระเป๋าใบนี้เป็นยังไง”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดไปด้วย สะพายกระเป๋าให้เจี่ยนซวงด้วย ถึงแม้ว่าเจี่ยนซวงจะบอกว่าตัวเองไม่ชอบ แต่ดวงตาของเจี่ยนซวงก็เป็นประกายวิบวับขึ้นมาทันที เจี่ยนซวงเอาแต่ลูบลายการ์ตูนบนกระเป๋าใบนั้นไม่หยุด ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “น่ารักมากๆเลยค่ะ ซวงซวงก็น่ารักขึ้นเยอะเลย”

เจี่ยนอี๋นั่งเตือนด้วยรอยยิ้ม : “ห้ามเอาของใส่กระเป๋าไปเรื่อยนะคะ ใส่ได้แค่สมุดหนังสือไม่กี่เล่มแล้วก็หมวกของซวงซวงเท่านั้นนะ ถ้ากระเป๋ามันหนักเกินไป มันจะกดตัวซวงซวงนะคะ”

เจี่ยนซวงพยักหน้า : “หม่าม้าคะ หม่าม้าเอาแอปเปิ้ลแล้วก็ซ้อมใส่ในกระเป๋าสิคะ”

เจี่ยนอี๋นั่วเอาของที่เจี่ยนซวงใช้ใส่เข้าไปในกระเป๋า จากนั้นเจี่ยนซวงก็สะพายกระเป๋าใบนั้น ก่อนจะโดดดึ๋งๆอย่างตั้งใจแล้วฟังเสียงก็อกแก็กที่ดังออกมาจากกระเป๋า เธอยิ้มก่อนจะหันหน้ามาหาคนเป็นแม่แล้วกอด : “หม่าม้าคะ หม่าม้าดีกับหนูที่สุดเลยค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “เพราะว่าซวงซวงดีกับหม่าม้าไงคะ เอาแต่เป็นห่วงหม่าม้า ดูแลหม่าม้า หม่าม้าเลยดีกับซวงซวงมากๆไงล่ะคะ ต่อไปถ้าซวงซวงอยากให้คนอื่นดีกับซวงซวง ซวงซวงต้องใส่ใจแล้วก็ดูแลพวกเขาดีๆนะคะ เข้าใจมั้ย?”

เจี่ยนซวงพยักหน้าอย่างสุดแรง : “ซวงซวงจะให้เค้กที่ดีที่สุดกับเขา เขาก็ดีกับซวงซวงแล้วค่ะ”

เมื่อเจี่ยนซวงพูดจบก็กระโดดดึ๋งๆไปในห้างทันที เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มตามลูกอยู่ข้างหลัง เดินไปสักพัก จู่ๆเจี่ยนซวงก็ชนเข้ากับใครบางคน เจี่ยนซวงเงยหน้าขึ้นก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ขอโทษค่ะ ซวงซวงไม่ได้ตั้งใจ”

คนคนนั้นย่อตัวลงมาก่อนจะมองเจี่ยนซวงแล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า : “หนูคือซวงซวงใช่มั้ย ไม่เจอกันนานเลยนะ”

เจี่ยนซวงขมวดคิ้วขึ้นมาก่อนจะหันหน้าไปถามคนเป็นแม่อย่างรวดเร็ว : “หม่าม้าคะ เขาคือคุณลุงคนไหนหรอคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วมองผู้ชายตรงหน้าของเธอเหลิ่งหมิงอันอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นว่า : “เขาไม่ใช่คุณลุงที่ไหนหรอกค่ะ ซวงซวงมานี่เร็ว”

“ใช่ ฉันไม่ใช่คุณลุงหรอก” เหลิ่งหมิงอันยิ้มก่อนจะพูดกับเจี่ยนซวง : “ฉันคือพ่อของหนูไง มา ซวยซวยมาหาพ่อเร็ว”

เจี่ยนซวงขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะเบิกตาโตมองเหลิ่งหมิงอันที่ตรงหน้าของเธอ รูปร่างหน้าตาของเหลิ่งหมิงอันนั้นดูดีกว่าผู้ชายที่เจี่ยนซวงเคยพบมาก่อนมาก

แต่เจี่ยนซวงนั้นกลับแอบกลัวเหลิ่งหมิงอันอยู่เล็กน้อย เธอรีบถอยหลังไปอยู่ข้างๆเจี่ยนอี๋นั่วคนเป็นแม่ทันที ชะโงกหน้ามามองเหลิ่งหมิงอันเพียงเล็กน้อยก่อนจะตะโกนออกมาว่า : “คุณไม่ใช่คุณพ่อของซวงซวงหรอก ถ้าคุณเป็นคุณพ่อของซวงซวงจริงๆ หม่าม้าคงไม่ให้ซวงซวงไม่คุยกับคุณ!”

เจี่ยนอี๋นั่วอันค่อยๆยกยิ้มขึ้นมา ก่อนจะขมวดคิ้ว : “ฉันหวังว่านี่จะเป็นแค่ความบังเอิญนะ”

“ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้เธอต้องผิดหวัง เพราะฉันตั้งใจจะมาหาเธอ” เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยรอยยิ้ม

เหลิ่งหมิงอันถอนหายใจ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วมองหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว : “คิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะพ้นโทษด้วยวิธีอื่นได้ ถ้าตามที่ฉันจัดการล่ะก็ ถ้าเฉิงซานซานจัดการลูกสาวของเธอซะ เธอคงต้องได้พ้นโทษจากการสูญเสียลูกของเธอไปในเรือนจำเพราะการดูแลเจ้าหน้ามันไม่ดีพอ แต่น่าเสียดายนะ ที่ลูกเธอยังอยู่”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วใส่เหลิ่งหมิงอัน : “ที่นายพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?”

เหลิ่งหมิวอันเอียงใบหน้าของเขาก่อนจะยกยิ้มแล้วพูดว่า : “ฉันก็แค่อยากบอกเธอ ว่าฉันพยายามแค่ไหนเพื่อจะช่วยเธอไงล่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตามองก่อนจะเอามือปิดหูของเจี่ยนซวงทันที แล้วค่อยพูดเบาๆว่า : “ความพยายามของนายก็คือการเตรียมตัวที่จะฆ่าลูกสาวของฉันล่ะสิ? ยังจะให้ฉันขอบคุณอะไรนายอีก?”

เหลิ่งหมิงอันขยับเข้าไปใกล้เจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะพูดเสียงทุ้มว่า : “ฉันก็แค่จะช่วยให้เธอขจัดมารในอนาคตของเธอเท่านั้นเอง พี่ชายฝาแฝดของเหลิ่งเซ่าถิงน่ะฆ่าได้ทั้งคนเป็นพ่อแม่ขนาดนี้? ในอนาคตลูกสาวที่เธอคอยปกป้องมาโดยตลอด ก็จะกลายเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ลูกเธอมีสายเลือดของตระกูลเหลิ่งเหมือนฉันแล้วก็เหลิ่งอวิ๋นเซียว ไม่แน่สักวันลูกของเธออาจจะฆ่าเธอเพื่อปกป้องตัวเองก็ได้”

“แล้วยังไง?” เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วมองหน้าเหลิ่งหมิงอัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำว่า : “ถ้าสักวันที่มันมาถึง ฉันก็คงตายไปเอง ไม่มีทางทิ้งลูกของฉันให้จมอยู่กับความเสียใจหรอก”

เหลิ่งกมิงอันหรี่ตาแล้วมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว : “ช่างยิ่งใหญ่จริงๆนะ ดูแล้วเธอจะเป็นแม่ที่ดีมากๆเลยนี่ แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของฉัน แสดงว่าเธอก็กลัวสิ่งที่ลูกสาวของเธออาจจะต้องทำในอนาคตสินะ? สายเลือดของตระกูลเหลิ่งมันยิ่งใหญ่ใช่มั้ยล่ะ? ก็เพราะสายเลือดที่ไม่แยแสกับใครของตระกูล ที่ทำให้ตระกูลเหลิ่งพัฒนามาเรื่อยๆจนเป็นครอบครัวแบบนี้ คนเราถ้าอยากได้อำนาจอิทธิพลเงินทอง มันจะไม่มีความคิดที่เลวร้ายได้ยังไงกันล่ะใช่มั้ย?”

“รู้มั้ยว่าตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงกลายเป็นคนยังไงไปแล้ว?” เหลิ่งหมิงอันหรี่ตามองเจี่ยนอี๋นั่วแล้วก็พูดขึ้น : “ถ้าเธอได้เจอเหลิ่งเซ่าถิงในตอนนี้ เธอคงจะรักคนอย่างเขาไม่ลง”

เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะก่อนจะพูดขึ้น : “เขากลายเป็นคนยังไงฉันไม่รู้หรอก ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้เขาทำให้นายไม่มีความสุข ทำให้นายเบื่อหน่ายจนต้องมาหาฉันเพื่อฆ่าเวลาสินะ เหลิ่วหมิงอัน นายยังอยากใช้ตัวฉันไปขู่เหลิ่งเซ่าถิงอีกหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ มันไม่มีประโยชน์หรอก เพราะเขาไม่ได้สนใจฉันแล้ว”

เหลิ่งหมิวอันหรี่ตาก่อนจะถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ถ้าไม่ลองจะรู้ได้ไงล่ะ? อีกอย่างมันผ่านมานานขนาดนี้ ฉันก็คิดถึงเธอนะ เราไปหาที่ดีๆนั่งดื่มกันหน่อยไม่ได้หรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆทำหน้าเข้มก่อนจะพูดเสียงเบาว่า : “นายไม่ต้องตุกติกล่ะ ฉันจะไปกับนาย แต่อย่าทำอะไรให้ลูกสาวฉันต้องผวา”

เหลิ่งหมิงอันจ้องหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว : “เธอไม่ปฏิเสธหรอ?”

“ถ้านายเป็นแค่คนๆนึงฉันคงปฏิเสธ แต่…..”เจี่ยนอี๋นั่วก้มหน้ามองเจี่ยนซวง ก่อนจะพูด

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วมองไปที่เหลิ่งหมิงอัน : “นายช่วยเสแสร้งทำเป็นว่ามันเป็นการไปเที่ยวได้มั้ย?”

เหลิ่งหมิงอันมองเจี่ยนอี๋นั่วอยู่นานสองนาน ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วจึงค่อยปล่อยมือของตนเองออกจากหูของเจี่ยนซวง ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้น : “หม่าม้าจะบอกข่าวดีอะไรซวงซวงอย่างนึง คุณลุงคนนี้จะพาหม่าม้ากับซวงซวงไปเที่ยว ดีมั้ยคะ?”

เจี่ยนซวงเงยหน้าไปมองเหลิ่งหมิวอันก่อนจะค่อยๆพยักหน้าเบาๆ : “ค่ะ…….”

เจี่ยนอี๋นั่วลูบหัวลูกสาวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดว่า : “มาค่ะ เอากระเป๋าส่งมาให้หม่าม้าเร็ว หม่าม้าช่วยสะพายกระเป๋าให้ กระเป๋าหนูมันหนัก”

เจี่ยนซวงค่อยๆพยักหน้าก่อนจะมองหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วถอดกระเป๋าส่งให้เจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะพูดเบาๆว่า : “หม่าม้า…..หม่าม้าคะ…..”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วนั่งยองๆข้างหน้าเจี่ยนซวง ก่อนจะยกมือของเธอขึ้นมาลูกใบหน้าลูกสาวตัวน้อยแล้วก็กอดเจี่ยนซวง เธอขยับเข้าใกล้หูของลูกสาวก่อนจะพูดว่า : “ซวงซวง หม่าม้ารักหนูมากๆ ดังนั้นซวงซวงต้องหันหลังแล้วก็วิ่งไปให้เร็วที่สุด วิ่งไปหาคุณแม่เล่อเล่อ ถ้าหนูหาคุณแม่เล่อเล่อไม่เจอ หนูก็ต้องซ่อนตัว อย่าให้ใครเห็นหาหนูเจอ หนูต้องทำเป็นไม่ใช่ซวงซวง แล้วลืมหม่าม้า รีบวิ่งเร็วค่ะ แล้วไม่ต้องหันหลังกลับมานะ”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็สะกิดลูกไปครั้งหนึ่ง จากนั้นซวงซวงก็หันหลังแล้ววิ่งไปทันที เจี่ยนอี๋นั่วเอาเค้กกับส้อมที่ใช้กินเค้กอยู่ในกระเป๋าซวงซวงออกมา แล้วเธอก็เดินไปข้างหน้าเหลิ่งหมิงอัน จากนั้นเธอก็ใช้ส้อมนั้นแทงเข้าไปในตาข้างซ้ายของเหลิ่งหมิงอันอย่างแม่นยำ

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เหลิ่งหมิงอันเองก็ไม่ได้เตรียมตัวรับมือ เขาคิดว่าตัวเองนั้นรู้จักเจี่ยนอี๋นั่วดี และคิดว่าเธอคงไม่ทำร้ายใคร ในฐานะที่เธอเป็นแม่คน เธอก็คงปล่อยลูกไปไม่ได้ ผู้หญิงที่มีลูกติดมาด้วยคนนึงแบบนี้ จะสามารถทำอะไรได้?

ดังนั้นตอนที่เหลิ่งหมิงอันถูกเจี่ยนอี๋นั่วเอาส้อมเล็กนั้นแทงเข้าไปที่ตาของเขา เขาก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เพราะความเจ็บปวดนั่นแผ่ซ่านไปทั่ว ในตาของเขามีเพียงเลือดสีแดงเท่านั้น และเหลิ่งหมิงอันเองก็ไม่มีเวลามาใส่ใจอะไรแล้ว เขาจึงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

เจี่ยนอี๋นั่วตะโกรสุดเสียง : “ซวงซวงรีบวิ่งเร็วค่ะ! เชื่อฟังหม่าม้า!”

เจี่ยนซวงสะอื้น ก่อนจะร้องไห้แล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าทันที เจี่ยนอี๋นั่วมองตามหลังลูกสาวตัวน้อย แล้วก็มองดูผู้คนที่แตกตื่นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วก็ค่อยๆยิ้มขึ้นมา

เจี่ยนอี๋นั่วมีลางสังหรณ์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ว่าเรื่องในวันนี้จะเกิดขึ้น ยิ่งตั้งแต่ที่เธอเจอกับคุณนายเหลิ่ง ลางสังหรณ์ของเธอมันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เธอรู้ว่าสักวันจะต้องมีคนตามหาพวกเธอสองแม่ลูกเจอ ไม่ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเหลิ่งเซ่าถิงนั้นจะเบาบางขนาดไปนก็ตาม แต่ความเกี่ยวข้องของเธอกับเจี่ยนซวงและเหลิ่งเซ่าถิงก็ไม่เคยเลือนลาง

ถึงแม้ว่าคนอื่นจะกลัวอำนาจของเหลิ่งเซ่าถิงและไม่กล้าทำอะไรเขา แต่เหลิ่งหมิงอันกล้าแน่นอน ครั้งหนึ่งเหลิ่งหมิวอันยังเคยขังเธอเอาไว้เลย ตอนนี้มีอะไรที่เขาจะไม่กล้าทำอีกล่ะ?

เธอเคยทนทุกกับความทรมานนั้น แต่เธอทนไม่ได้ที่จะให้เจี่ยนซวงต้องมาเจอด้วย อย่างน้อยการเป็นขอทานก็ยังดีกว่าไปใช้ชีวิตอยู่กับความเสี่ยงในบ้านที่ร่ำรวยนั้นอีก

เจี่ยนอี๋นั่วมองแผ่นหลังเจี่ยนซวงคนเป็นลูกสาวเป็นครั่งสุดท้าย ก่อนจะหันหน้ามามองเหลิ่งหมิงอัน คนของเหลิ่งหมิงอันที่อยู่ข้างนอกก็ตามเข้ามาทันที ก่อนที่คนเหล่านั้นจะวิ่งเข้ามาเจี่ยนอี๋นั่วก็เห็นมืดของใครก็ไม่รู้ตกอยู่ตรงพื้น เธอเดินไปสองสามก้าวก่อนที่จะเก็บมันขึ้นมา แล้วก็เฉือนคอเหลิ่งหมิงอันที่กำลังดิ้นอย่างเจ็บปวดและทรมาน

“แล้วนายรู้มั้ยว่าฉันกลายเป็นคนยังไงไปแล้ว? ศัตรูของฉัน” เจี่ยนอี๋นั่วพูดก่อนจะยกยิ้ม

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท