เหลิ่งหมิงอันยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง เมื่อเขาก้มศีรษะลง เขาก็เห็นเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงกำลังเล่นด้วยกัน เมื่อแสงดวงอาทิตย์กระทบบนใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว ทำให้ใบหน้าของเธอนั้นดูอ่อนโยนมาก
ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา การจ้องมองนั้นทำให้เหลิ่งหมิงอันขมวดคิ้วในทันที ก่อนหน้านี้เหลิ่งหมิงอันยังคงมองเห็นความเกลียดชังในสายตาของอี๋นั่ว แต่ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองเขาเหมือนกับว่าไม่มีความรู้สึกใดๆ การจ้องมองของเธอในตอนนี้ราวกับมองอากศ ราวกับว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า
เหลิ่งหมิงอันขมวดคิ้วทันที ความรู้สึกดีใจของเขาเพียงเพราะเจี่ยนอี๋นั่วนั้นไม่ได้ฆ่าเขาก็หายไปทันที ตอนนี้หัวใจของเหลิ่งหมิงอันเกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้น เขาไม่ชอบที่เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองเขาแบบไร้ความรู้สึก ถ้าหากว่าสามารถเลือกได้ เขายอมให้อี๋นั่วเกลียดเขา อย่างน้อยในเวลานั้นในสายตาของอี๋นั่วก็ยังมีเขาอยู่
“คุณผู้ชาย..มีคนส่งการ์ดเชิญมา” สาวรับใช้หยิบการ์ดเชิญสีแดงส่งให้เหลิ่งหมิงอัน เหลิ่งหมิงอันหันกลับมาและรับการ์ดเชิญ
เมื่อเขารับการ์ดเชิญแล้วเขาก็เปิดอ่านในทันที เมื่อเห็นข้อความด้านใน ทันใดนั้นเขาก็เบ้ปากจากนั้นก็หัวเราะขึ้น “ดีเลย เหลิ่งเซ่าถิง ฉันจะทำให้คุณเห็นกับตาตัวเองว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะเลือกฉันอย่างไร”
เหลิ่งหมิงอันกล่าว เขาถือการ์ดเชิญลงไปด้านล่าง เดินไปข้างกายของเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วมองเหลิ่งหมิงอัน รอยยิ้มของเธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ แต่แล้วเธอก็หัวเราะออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้เหลิ่งหมิงอันและถามว่า “เป็นอะไร? มีเรื่องอะไรเหรอ?”
เหลิ่งหมิงอันยิ้มและส่งการ์ดเชิญในมือให้เจี่ยนอี๋นั่ว เขายิ้มอ่อนโยนและกล่าว “การ์ดเชิญที่เหลิ่งเซ่าถิงส่งมา เชิญให้เราไปร่วมงานครบรอบแต่งงานของเขา”
เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้ามองเหลิ่งเซ่าถิง เธอถามพร้อมส่งยิ้มให้ “ฉันต้องไปเหรอ?”
เหลิ่งหมิงอันพยักหน้าทันที เขายิ้มและพูดว่า “แน่นอน คุณต้องไปเป็นคนสนิทของผม”
เจี่ยนซวงลุกขึ้นยืนทันทีและกล่าวอย่างรวดเร็ว “ซวงซวง ซวงซวงก็อยากไป…”
เหลิ่งหมิงอันหรี่สายตามอง เขายิ้มให้ซวงซวงและกล่าว “หนูไปไม่ได้ หนูต้องอยู่บ้าน รอฉันและหม่าม้าของหนูกลับบ้าน”
เจี่ยนซวงกระพริบตาและถามอย่างเอาแต่ใจ “ทำไมซวงซวงถึงไปไม่ได้ล่ะ?”
เหลิ่งหมิงอันยิ้มและพูด “เพราะว่าซวงซวงต้องอยู่ที่นี่ รอฉันและหม่าม้ากลับมา หากว่าซวงซวงไปด้วย หม่าม้าของซวงซวงอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่”
เหลิ่งหมิงอันกล่าว เขาลุกขึ้นและจ้องมองอี๋นั่ว “ดูเหมือนว่าสำหรับเซ่าถิงแล้ว คุณยังคงสำคัญอยู่มาก เมื่อเขาได้ยินว่าผมเข้ามาพัวพันกับคุณ เขาก็จัดงานเลี้ยงทันที เขารู้ หากว่าผมอยู่กับคุณ จะต้องอดไม่ได้ที่จะโอ้อวดต่อหน้าเขา ผมเป็นแบบนี้จริงๆ แม้จะรู้ว่านี่อาจเป็นโอกาสของเหลิ่งเซ่าถิง เพื่อที่จะเอาตัวคุณไปจากผม แต่ผมก็ยังอยากพาคุณไป ให้เขาเห็นว่าคุณควงแขนผมอย่างไรและในมือมีแหวนที่ผมมอบให้ จากนั้นก้าวเดินไปข้างหน้าเขาและประกาศข่าวการแต่งงานของเรา”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและจ้องไปที่เหลิ่งหมิงอัน หากว่าเหลิ่งหมิงอันรู้ว่านี่คือเกมที่เหลิ่งเซ่าถิงต้องการให้เราเข้าไป เขาจะต้องเอาเจี่ยนซวงมาข่มขู่เธอแน่
เหลิ่งหมิงอันมองอี๋นั่ว เขากล่าวเสียงเบา “คุณเสียใจมามากแล้ว เคยทำร้ายเซ่าถิงสักครั้งไหม?”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว จ้องมองเหลิ่งหมิงอัน “คุณหมายความว่าไง?”
เหลิ่งหมิงอันยิ้ม “ผมจะสอนคุณยิงปืนแล้วก็ฆ่าเหลิ่งเซ่าถิงไง”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปากของเธอและมองไปยังเหลิ่งหมิงอัน “ฆ่าเขา? คุณเป็นบ้าเหรอ? ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา คุณคิดว่าตัวคุณเองจะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหรือไง?”
“ผมไม่กลัว” เหลิ่งหมิงอันยิ้มและกล่าว “มีคนจำนวนมากต้องการฆ่าเหลิ่งเซ่าถิง แต่คุณน่ะมีเกณฑ์ที่จะทำสำเร็จสูงสุด ถ้าคุณฆ่าเขามีคนมากมายที่จะแสดงความยินดี เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราก็ไปซ่อนตัวที่ต่างประเทศไม่มีใครสามารถตามหาเราพบ”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองเหลิ่งหมิงอัน เจี่ยนซวงจับมืออี๋นั่ว เธอขมวดคิ้วและถามว่า “หม่าม้า เขาให้หม่าม้าทำอะไร?”
เจี่ยนอี๋นั่วลดสายตาลงและมองไปที่เจี่ยนซวง ก่อนที่เธอจะพูดอะไร จู่ๆก็มีคนเข้ามาปิดปากเจี่ยนซวงและอุ้มเจี่ยนซวงไป เจี่ยนซวงยื่นมือออกมา เจี่ยนซวงพยายามอย่างมากที่จะคว้ามือของอี๋นั่วไว้และเจี่ยนซวงก็ร้องอู้อี้ “หม่า…ม้า…”
เจี่ยนอี๋นั่วคิดอยากจะเข้าไปคว้าเจี่ยนซวง แต่เมื่อเธอวิ่งตามไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เธอก็ถูกเหลิ่งหมิงอันคว้าเอาไว้และกอดไว้แน่น เหลิ่งหมิงอันกอดเจี่ยนอี๋นั่วไว้จากด้านหลังและกล่าวว่า “เจี่ยนอี๋นั่ว ถ้าหากว่าคุณฆ่าเซ่าถิง ผม เจี่ยนซวงและคุณก็จะอยู่ด้วยกัน ถ้าหากว่าคุณไม่ฆ่าเหลิ่งเซ่าถิง ผมก็จะไม่ฆ่าเจี่ยนซวงแต่ผมจะขายเธอไปซะ บนโลกนี้มีคนมากมายที่ชอบเด็กตัวน้อย ผมพอจะรู้ว่ามีเกาะแห่งหนึ่งที่สามารถส่งเด็กน้อยน่ารักเหล่านี้ไปได้ มีงานสังสรรค์ไว้สำหรับนักการเมืองที่ร่ำรวยที่มีงานอดิเรกที่ไม่เหมือนกับใคร ในตอนนั้นแม้ว่าคุณจะพบเธอ เธอก็อาจจะเสียผู้เสียคนไปแล้วก็ได้ เธออาจมีบาดแผลในใจที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้และเมื่อคุณเห็น คุณก็อาจจะรู้สึกพลาดไปและคิดว่าทำไมนั้นเวลานั้นคุณถึงไม่ฆ่าเหลิ่งเซ่าถิงไปซะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วหันกลับมา เธอจ้องไปยังเหลิ่งเซ่าถิงและตะโกน “คุณยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า เธอเป็นหลานสาวของคุณ ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ออกมามันก็คือการข่มขู่ คุณไม่ควรทำกลอุบายที่น่าขยะแขยงแบบนี้!”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะ “ผมก็ไม่รู้ว่าผมยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่าแล้วผมเองก็ไม่รู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ คุณไม่มีทางจะรักผม ผมจะมีวิธีอย่างไรบ้าง? สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่ว่าคุณไม่เกลียดผม ถ้าหากว่าคุณไม่มีความรู้สึกกับผม ผมก็ยอมให้คุณเกลียดผม! คุณไม่ต้องกลัวไปหรอก ผมจะขจัดอุปสรรคระหว่างเราทีละคนทีละคน เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้คุณไม่รักผม เกลียดผมมากก็ตามแต่อย่างไรคุณก็ต้องเลือกผม!”
เจี่ยนอี๋นั่วหลับตาลงแล้วกล่าว “เหลิ่งหมิงอัน คุณบ้าไปแล้ว!”
เหลิ่งหมิงอันกอดเจี่ยนอี๋นั่วเอาไว้ เขาหัวเราะเบาๆ “ใช่ บ้าไปแล้ว! ทำไม? คุณรู้สึกเสียใจงั้นสิ? รู้สึกเสียใจใช่ไหมที่เมื่อวานคุณไม่ฆ่าผมทิ้งไปซะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า “ใช่ ฉันเสียใจที่ไม่ฆ่าคุณไปซะ”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะในทันที “ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดมาก แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าเมื่อกี้ อี๋นั่ว คุณเลือกได้แค่สองเส้นทาง จะรักผมหรือจะเกลียดผม หากว่าคุณไม่มีทางรักผมได้ ผมก็จะทำให้คุณเกลียดผมซะ ไปเถอะ ก่อนที่จะไปงานเลี้ยง ผมจะพาคุณไปเลือกของขวัญ งานเลี้ยงของเซ่าถิง เป็นสถานที่ที่หญิงสาวต่างต้องแต่งตัวให้สวยสง่า ผมไม่อยากให้คุณแพ้หญิงสาวคนอื่น”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปาก เธอมองเหลิ่งหมิงอันด้วยสายตาเกลียดชัง เธอกัดฟันและกล่าว “โอเค ฉันจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง”
เหลิ่งหมิงอันยิ้มและดวงตาของเขาก็ส่องแสงประกาย เหลิ่งหมิงอันกุมมือเจี่ยนอี๋นั่วและพาเธอไปยังห้องโถง ภายในห้องโถงนั้นมีเสื้อผ้าของสตรีมากมาย มีชุดราตรีและชุดไปรเวทธรรมดา เขาหยิบเสื้อผ้าสองสามชุดให้กับอี๋นั่ว “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมมักคิดถึงคุณเสมอและผมมักจะซื้อสิ่งของเหล่านี้ไว้ให้คุณ มีเสื้อผ้า เครื่องประดับและแม้แต่เครื่องสำอาง ทุกครั้งที่ซื้อ ผมมักคิดว่าถ้าคุณได้รับสิ่งเหล่านี้ คุณจะโกรธหรือคุณจะรู้สึกมีความสุข? แล้วเมื่อคุณสวมเสื้อผ้าเหล่านี้แล้วมันจะสวยมากหรือเปล่า”
เหลิ่งหมิงอันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เลือกสิ่งต่างๆ ในที่สุดก็เลือกเสื้อผ้าจำนวนมากมากองไว้ตรงหน้าเจี่ยนอี๋นั่วและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณไปลองสิ”
เจี่ยนอี๋นั่วกอดเสื้อผ้าไว้ เธอหันหน้าหนีด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งความรู้สึก เธอเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวข้างๆ เธอรีบเปลี่ยนเป็นชุดสีดำเรียบง่ายและออกมา เจี่ยนอี๋นั่ววางชุดทั้งหมดลงและกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่ต้องลองแล้ว ฉันใส่ตัวนี้”
เหลิ่งหมิงอันนั้นเหมือนกับว่าเจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เขาเบ้ปากและขมวดคิ้ว “คุณไม่ลองทั้งหมดนี้เหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและจ้องมองเขา “หรือว่าจะใช้เจี่ยนซวงมาข่มขู่ฉันอีก?”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะ “คุณโกรธจริงๆแล้วสิ วางใจเถอะ ผมไม่ได้เอาเจี่ยนซวงมาขู่คุณตามอำเภอใจหรอก ไม่ลองก็คือไม่ลอง ผมชอบท่าทางที่คุณปฏิเสธผม มาสิ ผมจะใส่เครื่องประดับให้คุณ”
เหลิ่งหมิงอันกล่าวพร้อมกับหยิบสร้อยเพชรและสวมให้เจี่ยนอี๋นั่ว หลังจากใส่สร้อยคอให้เธอแล้วเหลิ่งหมิงอันก็กอดเธอจากด้านหลัง เขามองเจี่ยนอี๋นั่วผ่านกระจกและกล่าวว่า “คุณสวยมากจริงๆ เมื่อผมได้อยู่กับคุณแล้วผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังพ่ายแพ้”
เหลิ่งหมิงอันกล่าว เขาหันศีรษะเล็กน้อยและภาพในกระจกสะท้อนเขาเพียงครึ่งเดียว เหลิ่งหมิงอันเหลือบมองไปที่ภาพของทั้งสองที่อยู่ด้วยกันในกระจก เขาหัวเราะเบาๆพร้อมกับลดศีรษะลงจากนั้นก็มอบจุมพิตที่ต้นคอของอี๋นั่ว เขากล่าวเบาๆว่า “อี๋นั่ว ผมรักคุณ..เหมือนกับว่าผมได้ครอบครองคุณแล้วจริงๆ…”
เจี่ยนอี๋นั่วอดทนต่ออาการคลื่นไส้อยากจะอ้วกเอาไว้ภายใต้จิตใจของเธอ เธอชำเลืองมองภาพของเธอและเหลิ่งหมิงอันในกระจก เธอแทบรอไม่ไหวที่จะถือมีดไว้ในมือและแทงเหลิ่งหมิงอันไปซะ
เหลิ่งหมิงอันปล่อยเธอในทันใด เขาก้มศีรษะลงมองแหวนในมือของเจี่ยนอี๋นั่วพร้อมกับสัมผัสเบาๆ เขายิ้มและกล่าว “ไปเถอะ ไปแต่งหน้า เดี๋ยวเราก็จะไปกันแล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าเบาๆ เธอกำลังฝืนยิ้มให้กับเขาและทำตามในสิ่งที่เหลิ่งหมิงอันบอกกล่าว
จนกระทั่งท้องฟ้ามืดลง ในที่สุดเหลิ่งหมิงอันก็พาเจี่ยนอี๋นั่วขึ้นรถเพื่อไปงานเลี้ยง เจี่ยนอี๋นั่วนั้นไม่ค่อยได้แต่งตัวสวยมานานมากแล้ว เธอกระชับกระเป๋าถือในมือด้วยความประหม่า ในกระเป๋าถือนี้ก็มีปืนพกซ่อนเอาไว้
เหลิ่งหมิงอันยิ้มและลูบหลังมือของเจี่ยนอี๋นั่ว เขากล่าวว่า “สบายใจเถอะ หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี อีกไม่นานเราก็จะกลับมา”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อถึงงานเลี้ยง เหลิ่งหมิงอันก็ได้ลงจากรถไปก่อน จากนั้นเขาก็เดินอ้อมไปยังประตูด้านที่เจี่ยนอี๋นั่วนั่งอยู่และเปิดประตูให้เธอ เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถอะ จับแขนผมไว้”
เจี่ยนอี๋นั่ววางมือลงบนแขนของเหลิ่งหมิงอันในทันที พวกเขาเดินตามฝูงชนเข้าไปในงานเลี้ยง งานเลี้ยงนี้ดูยิ่งใหญ่มาก มีดาราเซเลปมากมายเข้าร่วมงาน สายตาของพวกเขาจับจ้องมายังเหลิ่งหมิงอันและเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งหมิงอันนั้นผู้คนต่างก็รู้จักแต่กลับไม่มีใครเคยพบเห็นเหลิ่งหมิงอัน
และเจี่ยนอี๋นั่วที่อยู่ข้างกายหมิงอันนั้นก็มีคนบางส่วนไม่รู้จักเธอดังนั้นทุกคนต่างแปลกใจและอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงได้กลายเป็นคนสนิทของเหลิ่งหมิงอัน แต่บางคนที่รู้จักอี๋นั่วแล้วก็ประหลาดใจยิ่ง นั่นคือหญิงสาวที่เคยเป็นภรรยาของเหลิ่งเซ่าถิง ปรากฏตัวในงานเลี้ยงกับเหลิ่งหมิงอันได้อย่างไร? ทั้งสองคนนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่?