หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 172 สุขสันต์วันปีใหม่

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หลายปีต่อจากนั้น เรื่องราวระหว่างเจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงที่กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ก็ได้กลายเป็นเรื่องราวเพิ่มเติมจากการสุขสันต์วันปีใหม่

เจี่ยนอี๋นั่วไม่ชอบวันขึ้นปีใหม่ เมื่อถึงวันขึ้นปีใหม่แล้ว แม้ว่าครอบครัวเธอจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่คน แต่ก็ไม่ได้มีตากับยายแล้วก็ไม่ได้มีเรื่องราวให้น่ารำคาญใจ แต่เมื่อมองดูผู้คนรอบข้างต่างยุ่งวุ่นวายจนไม่มีเวลาทักทายกันและเนื่องจากเป็นปีแรกที่ทั้งสี่คนมาอยู่รวมตัวกัน เจี่ยนอี๋นั่วก็อดไม่ได้ที่จะยุ่งวุ่นวายด้วย เหมือนกับว่าเธอไม่เคยมีภาพฉากนี้มาก่อนราวกับว่าเธอไม่เคยฉลองวันปีใหม่

ในที่สุดก็ถึงวันส่งท้ายปีเก่า เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอใช้มือค้ำคางไว้และเงยหน้ามองเหลิ่งเซ่าถิงที่กำลังทำเกี๊ยวอยู่และบ่นเบาๆว่า “ปีใหม่นี้ฉันเหนื่อยแทบแย่ ตอนที่ไปซื้อของก็มักรู้สึกว่าต้องขาดอะไรบางอย่างอีกแน่ แต่หลังจากซื้อมาแล้วฉันก็รู้สึกว่ามันมากเกินไป กินทั้งหมดไม่ไหวหรอก”

เจี่ยนซวงที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจในทันที “เหนื่อยจริงๆ มีอาหารอร่อยเยอะแยะไปหมดเลย หนูปวดฟันไปหมดแล้ว”

แขนเสื้อของเหลิ่งเซ่าถิงถูกพับขึ้น ในขณะที่เขากำลังทำเกี๊ยว เขาก็มองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ถ้าหากว่าเหนื่อยก็ไปดื่มน้ำ เดี๋ยวเกี๊ยวเสร็จ ผมค่อยเรียกคุณกับลูกมาทาน”

เจี่ยนอี๋นั่วหันหน้าไปมองเจี่ยนลั่วหยางที่อยู่ด้านข้าง ในเวลานี้เขากำลังจัดการลงมือทำเกี๊ยวอย่างจริงจัง เธอบังคับตัวเองให้นั่งหลังตรงและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ไม่ได้ ลั่วหยางยังคงจริงจังกับการห่อเกี๊ยว ฉันจะออกไปด้านนอกได้อย่างไร? ฉันเองก็เป็นแม่ ฉันก็ต้องเป็นตัวอย่างของแม่ที่ดี”

แม้ว่าเจี่ยนลั่วหยางจะเป็นลูกอีกคนของอี๋นั่วและเซ่าถิง เป็นเพราะว่าพ่อแม่บุญธรรมของเจี่ยนลั่วหยางมีสกุลว่าลั่วดังนั้นเขาจึงถูกเรียกว่าลั่วหยางมาโดยตลอด เพื่อที่จะให้เขาปรับตัวกับสถานะได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงจึงไม่ได้เปลี่ยนชื่อให้กับเจี่ยนลั่วหยาง พวกเขาจึงเพิ่มนามสกุลของเจี่ยนอี๋นั่วไว้ด้านหน้าของชื่อเขา

เหลิ่งเซ่าถิงไม่ชอบนามสกุลของเขา เดิมทีเจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าในเมื่อเจี่ยนซวงใช้นามสกุลของเธอ งั้นเด็กอีกคนก็ต้องใช้นามสกุลของเหลิ่งเซ่าถิง แบบนี้ถึงจะเหมาะสม แต่เหลิ่งเซ่าถิงนั้นปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เหลิ่งเซ่าถิงนั้นตามใจเจี่ยนอี๋นั่วมาโดยตลอด เขาไม่เคยปฏิเสธอี๋นั่วเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้เขานั้นปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

เจี่ยนอี๋นั่วเข้าใจในความหมายของเหลิ่งเซ่าถิงและไม่อยากจะปฏิเสธเขาอีก เธอจึงให้เด็กทั้งสองมีสกุลว่า เจี่ยน

แม้ว่าเจี่ยนลั่วหยางและเจี่ยนซวงนั้นคือพี่น้องฝาแฝด แต่นิสัยของทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เจี่ยนซวงนั้นเป็นเด็กมีชีวิตชีวา กินเยอะและช่างเจรจา ส่วนเจี่ยนลั่วหยาวนั้นสุขุมและนิ่งเงียบ เมื่อเจี่ยนลั่วหยางได้ยินในสิ่งที่เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวแล้ว เขาเพียงแค่เหลือบมองไปยังเจี่ยนอี๋นั่วจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำเกี๊ยวต่อ

ดูเหมือนว่าลั่วหยางนั้นมีอาการกังวลเป็นอย่างมาก เขาจัดระเบียบวางเกี๊ยวอย่างเป็นระเบียบ คล้ายกับการเรียงแถวของทหารที่กำลังรอคอยการตรวจสอบก็ไม่เชิง ส่วนเกี๊ยวของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นเขาห่อในขนาดที่พอดิบพอดีและจัดวางลงบนโต๊ะของเป็นระเบียบเช่นกัน และไม่ง่ายเลยที่เจี่ยนอี๋นั่วจะห่อเกี๊ยวที่เหี่ยวย่นและน่าเกลียดนี้ ในขณะที่เธอกำลังจะจัดเรียงลงจาน เจี่ยนลั่วหยางก็ชำเลืองมองเกี๊ยวที่เหี่ยวย่นนั้นทันที

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย เธอไม่กล้าที่จะนำเกี๊ยวที่เหี่ยวย่นของเธอวางลงบนจานที่มีการห่อเกี๊ยวเรียงอย่างสวยงามราวกับสั่งทำจากโรงงานของเหลิ่งเซ่าถิง

เจี่ยนอี๋นั่ววางเกี๊ยวของเธอลงข้างๆเขา เธอและเจี่ยนลั่วหยางนั้นพบกันในช่วงเวลาสั้นๆ แต่แยกจากกันเป็นเวลานาน ตั้งแต่ที่เธอได้พบกับเจี่ยนลั่วหยาว เมื่อเธอได้เผชิญหน้ากับลั่วหยางแล้วเธอก็คอยเอาใจใส่และไม่กล้าที่จะทำอะไรจนเกินควร

เจี่ยนซวงนั้นมองท่าทีของผู้คนออก เธอเห็นว่าเจี่ยนอี๋นั่วนั้นค่อยๆวางเกี๊ยวอย่างระมัดระวัง เธอจึงแสดงท่าทีหัวเราะและห่อเกี๊ยวเหี่ยวย่นมาวางข้างๆเกี๊ยวของเจี่ยนอี๋นั่ว เธอยิ้มและกล่าวเอาอย่างใจ “หม่าม้า ซวงซวงอยู่กับหม่าม้า”

เจี่ยนอี๋นั่วสัมผัสศีรษะของซวงซวงอย่างเบามือ เธอยิ้มและพูด “ซวงซวงเด็กดี”

เจี่ยนซวงมองเจี่ยนลั่วหยางด้วยสายตาที่ภาคภูมิใจ “หม่าม้าชอบซวงซวงที่สุด ใครบางคนไม่อาจขโมยแม่ของซวงซวงไปได้หรอก”

ในเวลานี้เจี่ยนซวงไม่ได้มองว่าเจี่ยนลั่วหยาวเป็นพี่ชาย แต่มองว่าเขาเป็นคู่แข่งที่แย่งชิงแม่ของเธอไปจากเธอ เจี่ยนลั่วหยางเหลือบมองเจี่ยนซวงด้วยสายตาเย็นชาจากนั้นเขาละสายตาลงและกล่าวอย่างเย็นชา “เด็กน้อย…”

เจี่ยนซวงปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ทันทีและตะโกน “คุณบอกว่าใครเป็นเด็ก? คุณกับซวงซวงก็โตเท่ากันนั่นแหละ แล้วทำไมซวงซวงถึงเป็นเด็ก? ไม่ใช่ว่าคุณมีพ่อมีแม่หรือไง? ทำไมต้องต้องมาขโมยป่ะป๊ากับหม่าม้าซวงซวงด้วย?”

เจี่ยนอี๋นั่วลุกขึ้นในทันที เธอขมวดคิ้วและมองเจี่ยนซวงพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ซวงซวง หนูกำลังพูดอะไร?”

เจี่ยนซวงย่นจมูกของเธอ ดวงตาของเธอแดงก่ำและร้องไห้ “ก็เพราะเป็นแบบนี้ไง ไม่ง่ายเลยที่เจี่ยนซวงจะมีป่ะป๊า แต่กลับต้องมาแบ่งให้กับเขา เจี่ยนซวงไม่อยากแบ่งให้กับเขา!”

เจี่ยนลั่วหยาวมองไปยังเจี่ยนซวงด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ จากนั้นเขาก็ก้มหน้าและวางเกี๊ยวต่อไป เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วและมองไปยังเจี่ยนซวงที่ยังคงร้องไห้อย่างไม่มีท่าทีจะหยุด เขาขมวดคิ้วพร้อมกับแสดงสีหน้างุนงง เหลิ่งเซ่าถิงนั้นยังไม่คุ้นชินกับบทบาทของพ่อเท่าไหร่นัก เขายังไม่รู้ว่าควรจะปลอบเด็กน้อยอย่างไร เจี่ยนอี๋นั่วเหลือบมองเหลิ่งเซ่าถิงและกล่าวเบาๆ “คุณสามารถเข้าไปกอดไปอุ้มเธอได้”

เหลิ่งเซ่าถิงวางเกี๊ยวในมือลงจากนั้นเขาก็เดินไปยังหน้าของเจี่ยนซวงและอุ้มเธอมากอด เจี่ยนซวงนั้นยังไม่คุ้นชินกับการกอดของเหลิ่งเซ่าถิง เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงอุ้มเธอขึ้นมา อาจเป็นเพราะว่าซวงซวงนั้นยังไม่คุ้นชินกับความสูงของเขา เธอเบิกตากว้างและหยุดร้องในทันที เธอคว้าคอของเหลิ่งเซ่าถิงในทันทีด้วยความประหม่าและกลัวว่าเหลิ่งเซ่าถิงอาจทำเธอหล่นลงไป

เจี่ยนอี๋นั่วมองเจี่ยนซวงที่หยุดร้องไห้แล้วและนั่งลงข้างๆเจี่ยนลั่วหยาง เธอพูดกับลั่วหยางเบาๆว่า “คำพูดของน้อง หวังว่าหนูคงจะไม่เก็บเอาไปใส่ใจ น้องยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับหนู คงอาจต้องใช้เวลาสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น..”

ลั่วหยางไม่ได้ตอบอะไร เขาก้มหน้าลงและจัดระยะห่างของการวางเกี๊ยว เจี่ยนอี๋นั่วจึงถามอย่างระมัดระวัง “งั้น เกี๊ยวของฉันกับของซวงซวง สามารถนำไปวางในนั้นด้วยได้หรือเปล่า?”

เมื่อเห็นว่าเจี่ยนลั่วหยาวไม่ได้ตอบอะไร เจี่ยนอี๋นั่วจึงวางเกี๊ยวของเธอลงไปในกองเกี๊ยวเหล่านั้นและเธอได้ทำเกี๊ยวที่จัดวางไว้เป็นระเบียบแล้วเละเทะในทันที เจี่ยนลั่วหยางขมวดคิ้ว จ้องมองเกี๊ยวเหี่ยวย่นสองชิ้นนั้นพร้อมกับแสดงสีหน้าที่ยากลำบากใจ

เจี่ยนอี๋นั่วเอื้อมมือออกไปหยิบเกี๊ยวของเธอและซวงซวงพร้อมกับรีบกล่าว “ถ้าอย่างนั้น ฉันเอาเกี๊ยวของฉันกับซวงซวงออกดีกว่า”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วกล่าว เธอก็ยื่นมือออกไปและกำลังจะหยิบเกี๊ยว

“ไม่ต้องหรอก วางไว้” เจี่ยนลั่วหยางเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่วและกล่าวเบาๆ “แม้ว่าเกี๊ยวของพวกคุณจะดูน่าเกลียด แต่พวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน ผมรับได้”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินคำพูดของลั่วหยาง เธอนิ่งไปชั่วขณะจากนั้นดวงตาของเธอแดงก่ำและกล่าวเบาๆกับเจี่ยนลั่วหยาง “ขอบใจ..ขอบใจ”

เจี่ยนลั่วหยางส่ายหน้า “ไม่ต้องขอบคุณผม”

เหลิ่งเซ่าถิงยังคงอุ้มเจี่ยนซวงที่หยุดร้องไห้ไปแล้ว เจี่ยนซวงยังคงเบิกตากว้างและสูดจมูกของเธอ เธอมองลงไปยังเจี่ยนอี๋นั่วและกล่าวอย่างเอาแต่จ “หม่าม้า…สูงมากๆ…หนูกลัว…”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองเจี่ยนซวงและกล่าว “เมื่อกี้ใครให้หนูดื้อ? หลังจากนี้ถ้ายังดื้ออีกจะให้ป่ะป๊าอุ้มหนูเอาไว้แบบนั้น”

“ไม่เอา..” เจี่ยนซวงรีบส่ายศีรษะของเธอ จากนั้นก็มองลั่วหยางและกล่าว “เฮ้ ป่ะป๊าน่ะสูงมาก สูงจนน่าตกใจ ให้หม่าม้าอุ้มดีกว่าเยอะเลย…”

เจี่ยนลั่วหยางเหลือบมองเจี่ยนซวงจากนั้นเขาก็ก้มหน้าก้มตาจัดเรียงเกี๊ยว ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามจัดวางเกี๊ยวของเจี่ยนซวงและเจี่ยนอี๋นั่วให้อยู่ในกองเกี๊ยวอย่างไม่เกะกะสายตา เจี่ยนซวงนั้นไร้ซึ่งความสนใจ เมื่อกี้เธอนั้นตั้งใจจะพูดคุยกับลั่วหยางแล้วและเหมือนกับว่าเธอขอโทษเขาไปแล้ว แต่ราวกับว่าเจี่ยนลั่วหยางนั้นไม่สนใจ

เจี่ยนซวงเม้มริมฝีปากของเธอพร้อมกับลดศีรษะลงปั้นแป้งของเธอต่อไป เมื่อเกี๊ยวสุก เจี่ยนซวงก็รีบกินเกี๊ยวที่ตนเองได้ทำไว้ แต่เมื่อกัดไปเพียงหนึ่งคำเธอก็ขมวดคิ้วในทันที “ไม่อร่อยเลย แป้งเยอะมาก..”

หลังจากเจี่ยนซวงพูดจบ เธอก็หันไปมองเจี่ยนอี๋นั่วและหมุนตัวหนีในทันที เจี่ยนอี๋นั่วไม่ชอบให้เธอทิ้งอาหาร แต่เกี๊ยวนี้มันไม่สามารถกินเข้าไปได้จริงๆ ในเวลานี้เจี่ยนซวงจึงตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก แต่ในขณะนั้นเจี่ยนลั่วหยางได้เดินมาข้างๆเธอและกล่าวเบาๆ “เธอไม่ชอบกินก็ส่งมาให้ฉัน”

เจี่ยนซวงตาโตในทันที เธอยิ้มและพูดว่า “จริงเหรอ ดีเลย!”

หลังจากที่เจี่ยนซวงกล่าวจบ เธอก็รีบวางเกี๊ยวลงในชามของลั่วหยาง เมื่อเจี่ยนลั่วหยางกัดเกี๊ยวไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเนื่องด้วยรสชาติของเกี๊ยวที่แย่เกินกว่าจะกิน

หลังจากที่กินเกี๊ยวแล้ว เจี่ยนลั่วหยางก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “ฉันไม่ได้ชื่อ เฮ้ ฉันเป็นพี่ของเธอ เธอควรเรียกฉันว่า พี่ชาย”

เมื่อเจี่ยนซวงรู้ถึงข้อดีของการมีพี่ชาย เธอยิ้มหวานในทันทีจากนั้นเธอยิ้มราวกับเด็กและร้องตะโกน “พี่ชาย..พี่ชาย..”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่คาดคิดว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่นานนัก เด็กทั้งสองก็มีมิตรภาพที่ดีต่อกัน เธอยิ้มและมองไปที่เจี่ยนซวงที่เดินตามหลังเจี่ยนลั่วหยางราวกับว่าตัวติดกันอย่างไรอย่างนั้น เธอค่อยๆเอนกายพิงไหล่ของเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆโอบกอดเธอและจูบหน้าผากของเธอเบาๆ

ไม่ว่าหลังจากนี้ครอบครัวจะเจออุปสรรคขัดขวางมากมายเท่าไหร่ แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็มีความกล้าหาญที่จะเผชิญกับทุกสิ่ง

ในเวลานี้มีการจุดพลุดอกไม้ไฟ ด้านนอกหน้าต่างมีแสงสว่างไสว

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มทันทีและกล่าวว่า “ใครกันที่กล้ามากขนาดนี้? ไม่ใช่ว่าการจุดดอกไม้ไฟเป็นเรื่องต้องห้ามหรือ?”

แต่เจี่ยนซวงที่เห็นดอกไม้ไฟที่สวยงามเช่นนี้ เธอจึงจับมือของเจี่ยนลั่วหยางในทันทีและวิ่งไปมอง เมื่อวิ่งไปถึงข้างเตียงแล้วจากนั้นเจี่ยนซวงก็มองมาที่เจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิง เธอกวักมือเรียกและยิ้มพร้อมกับตะโกนว่า “ป่ะป๊า หม่าม้า มาดูเร็ว ดอกไม้ไฟ…”

เจี่ยนซวงกล่าวพร้อมกับหันหน้าไปมองเจี่ยนลั่วหยางที่อยู่ด้านข้างเธอ เธอถามอย่างเอาใจ “พี่ชาย พี่ว่าดอกไม้ไฟสวยไหม? พี่ชอบหรือเปล่า?”

“ไม่ชอบ” เจี่ยนลั่วหยางขมวดคิ้วมองไปที่ดอกไม้ไฟที่สว่างไสวและพูดอย่างเย็นชา “เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม”

เจี่ยนซวงทำหน้ามุ่ยและบ่นพึมพำ “ซวงซวงชอบมาก งั้น พี่สร้างดอกไม้ไฟที่สวยงามโดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมให้ซวงซวงหน่อยสิ”

เจี่ยนลั่วหยางพยักหน้าเบาๆและตอบ “อืม..”

“สุขสันต์วันปีใหม่” เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่ดอกไม้ไฟที่งดงามจากนั้นเธอก็หันไปมองเหลิ่งเซ่าถิงและกล่าว

เหลิ่งเซ่าถิงตอบ “ผมมีความสุขตั้งนานแล้ว”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท