หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 176 ความสงบและความสุข

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วกอดเจี่ยนซวงไว้แน่นเธอหลับตาลง เจี่ยนซวงอยู่ในอ้อมแขนของเจี่ยนอี๋นั่ว เธอร้องไห้และเหนื่อยล้าจากนั้นเธอก็หลับไป เจี่ยนอี๋นั่วอุ้มเจี่ยนซวงขึ้น ในขณะที่เธอหันกลับมาเธอก็เห็นว่าเหลิ่งเซ่าถิงนั้นกำลังยืนมองพวกเธออยู่ตลอดเวลา

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว “คุณคิดไว้ว่าจะให้พวกเราไปที่ไหน?”

เจี่ยนอี๋นั่วรู้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงเจอเธอแล้ว เหลิ่งเซ่าถิงจะไม่ให้เธออยู่ที่นี่ต่อไปอย่างแน่นอน เขาจะต้องพาเธอไปที่ไหนสักแห่ง

เหลิ่งเซ่าถิงเม้มริมฝีปากแน่นและถามเบาๆ “เมืองเล็กๆทางทิศใต้ ผมได้เตรียมฟาร์มเล็กๆไว้ให้คุณแล้ว ผู้คนในฟาร์มก็เป็นคนที่ผมจัดไว้ให้ แม้ว่าพวกเขาจะดูเหมือนชาวบ้านธรรมดา แต่พวกเขาก็จะสามารถปกป้องพวกคุณได้”

เจี่ยนอี๋นั่วมองเหลิ่งเซ่าถิงด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ฉันคิดว่าคุณจะพาพวกเราไปอยู่สักแห่งบนเกาะที่ต่างประเทศเสียอีก”

สายตาของเหลิ่งเซ่าถิงมองไปยังใบหน้ากลมของเจี่ยนซวง เขากล่าวเสียงทุ้มว่า “ชีวิตมนุษย์ในโลกนี้ นอกเหนือจากความสงบแล้วยังมีความสนุกสนาน หากว่าส่งคุณและเจี่ยนซวงไปยังเกาะเล็กๆมันจะปลอดภัยกว่าก็จริง แต่เมื่อเทียบกับการปกป้องพวกคุณแล้ว มันก็ไม่ได้ต่างจากการกักขังพวกคุณเลย ผมไม่อยากให้ชีวิตของพวกคุณที่ถึงแม้จะปลอดภัยแต่กลับไม่มีความสนุกสนานในชีวิต”

“ขอบคุณ..เด็กคนนั้น..” เจี่ยนอี๋นั่วสัมผัสเจี่ยนซวงที่หลับไปแล้วอย่างเบามือ เธอขมวดคิ้วและมองเหลิ่งเซ่าถิง

เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหน้า “ขอโทษ ผมไม่สามารถให้เห็นเด็กคนนั้นได้ เมื่อเห็นแล้วคุณจะยิ่งปล่อยวางไม่ได้ ทำเหมือนว่าคุณได้ให้กำเนิดเพียงแค่ซวงซวงเถอะ เรื่องเดียวที่ผมจะบอกคุณได้ก็คือชีวิตของเขาในตอนนี้นั้นดีมาก เขามีชีวิตที่มั่นคง เขานั้นฉลาดมากพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาจีน พูดได้อย่างดีเยี่ยมด้วย ริมฝีปากของเขานั้นเหมือนกับคุณเลย เนื่องจากเขาอาศัยอยู่ในเมืองที่ติดทะเลเขาจึงว่ายน้ำเก่งมาก ทั้งหมดที่ผมรู้ก็มีประมาณนี้ หากว่ารู้มากก็จะอันตรายต่อเขา”

ดวงตาของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นแดงก่ำ เธอหลับตาลงจากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเหลิ่งเซ่าถิง เธอพยักหน้าเบาๆ “อืม โอเค แค่นี้ก็เพียงแล้ว แค่ได้รู้ว่าชีวิตของเขานั้นดีกว่าการอยู่กับฉันก็เพียงพอแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าว เธอสูดลมหายใจเข้าและกลั้นน้ำตาไว้จากนั้นเธอกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “ขอบคุณคนที่ดูแลเขาแทนฉันด้วย พวกเขาทำได้ดีกว่าฉันเสียอีก”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าเบาๆ กล่าวเบาๆ “วางใจเถอะ ผมจะต้องขอบคุณพวกเขา”

เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปากล่างของเธอ “ก็ดีแล้ว งั้นฉันก็จะไปแล้ว..”

เหลิ่งเซ่าถิงลดสายตาลงและถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “พวกคุณอยู่กับผมก่อนสักสองวันได้ไหม? แค่สองวันเท่านั้น…”

เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้นมองเหลิ่งเซ่าถิงจากนั้นเธอก็ลูบหลังของเจี่ยนซวงเบาๆและค่อยๆพยักหน้า “อืม”

เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขาไม่ใช่รอยยิ้มที่เขาแสร้งทำเป็นมานานหลายปี แต่เป็นรอยยิ้มที่มีความสุขจริงๆ ใบหน้าซีดเซียวของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นกลับมาสดใสอีกครั้ง

เจี่ยนอี๋นั่วมองเหลิ่งเซ่าถิงในเวลานี้ หัวใจของเธอนั้นเจ็บปวดเล็กน้อย เธอรีบก้มศีรษะในทันที ผ่านมานานหลายปีแล้ว เรื่องราวต่างๆก็มีมากมาย เธอรักเขา โกรธเขา เหนื่อยหน่ายกับเขา ตำหนิเขาและสุดท้ายก็ยอมแพ้เขาในที่สุด แต่ตอนนี้เมื่อเธอเห็นเขาทำเพื่อเรื่องราวที่เรียบง่ายยิ้มและดีใจแบบนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะที่ปวดใจไปกับเขา

เหลิ่งเซ่าถิงพาเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงไปยังบ้านที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ เจี่ยนอี๋นั่วมองเห็นว่าภายในบ้านนั้นยังคงเหมือนเมื่อหลายปีก่อน เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เหมือนกับว่าไปย้อนเวลากลับไป”

หลังจากพูดจบ เจี่ยนอี๋นั่วก็ค่อยๆเก็บรอยยิ้มของเธอ น้ำเสียงของเธอนั้นสั่นเล็กน้อย เธอกล่าวเสียงเบาและยิ้ม “แต่มันก็นานมามากแล้ว”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วกล่าวจบ เธอก็อุ้มเจี่ยนซวงวางลงบนโซฟา ทันทีที่เจี่ยนซวงถูกวางลงบนโซฟาเธอก็ลืมตาขึ้นและรีบตะโกน “อย่ามาจับตัวซวงซวง!”

หลังจากที่ซวงซวงตะโกนแล้วเธอก็หดตัวในอ้อมแขนของเจี่ยนอี๋นั่วเป็นเวลานาน จากนั้นเธอก็ขยี้ตาและมองไปรอบๆ เธอถามเสียงเบาว่า “หม่าม้า ที่นี่ที่ไหน?”

เจี่ยนซวงพูด ทันใดนั้นเธอก็มองเห็นเหลิ่งเซ่าถิงที่อยู่ข้างกายอี๋นั่ว เธอก็ประหม่าในทันที “หม่าม้า เขาคือใคร เขาหล่อขนาดนี้จะต้องเป็นคนเลวแน่!”

เป็นเพราะว่าเจี่ยนซวงนั้นถูกเหลิ่งหมิงอันกักขังตัวไว้ เธอจึงมีความรู้สึกเป็นศัตรูกับชายที่ดูหล่อเหลา เธอเห็นว่าเหลิ่งหมิงอันนั้นหล่อเหลามาก แต่จิตใจโหดเหี้ยม ตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นดูดีมากกว่าเหลิ่งหมิงอันเสียอีก เขาจะต้องเลวกว่าเหลิ่งหมิงอันแน่ เจี่ยนซวงนั้นใช้การตัดสินใจที่ง่ายดายและตรงไปตรงมา เมื่อเธอตัดสินใจเหลิ่งเซ่าถิงเป็นคนไม่ดี เมื่อเธอเห็นสายตาของเหลิ่งเซ่าถิง

เมื่อเจี่ยนซวงเห็นสายตาของเหลิ่งเซ่าถิง เธอก็มีความรู้สึกที่คุ้นเคย เธอเม้มริมฝีปากในทันที และไม่ตะโกนว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นคนเลวอีกต่อไป แต่เธอมองไปยังเหลิ่งเซ่าถิงด้วยสายตาที่ระมัดระวัง “คุณลุง เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า”

เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเจี่ยนซวงกล่าวเช่นนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา น้ำเสียงของเจี่ยนซวงนั้น หากว่าเปลี่ยนสถานที่ได้ก็เหมือนกับว่าเด็กชายตัวเล็กกำลังจงใจเปลี่ยนสถานการณ์ตีสนิทกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยอย่างไรอย่างนั้น เจี่ยนซวงเมื่อได้ยินเสียงเจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะ เธอก็รีบหดตัวลงในอ้อมแขนของเจี่ยนอี๋นั่วและถามเบาๆ “หม่าม้า เขาคือใคร?”

เจี่ยนอี๋นั่วหันศีรษะและมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เธอไม่รู้ว่าควรจะแนะนำเหลิ่งเซ่าถิงต่อเจี่ยนซวงว่าอย่างไร แต่เหลิ่งเซ่าถิงก็ได้ยิ้มและกล่าวในทันทีว่า “ฉันชื่อหลิ้ง ตัวเด็กเรียกฉันว่าลุงหลิ้งเถอะ”

เจี่ยนซวงขมวดคิ้ว เธอมองเหลิ่งเซ่าถิงอย่างพิจารณาจากนั้นเธอก็ละสายตาไป เธอเอนกายพิงเจี่ยนอี๋นั่วและกล่าว “หม่าม้า ลุงหลิ้งคนนี้ไว้ใจได้หรือเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า “ไว้ใจได้สิ”

ก่อนหน้านี้ความกระตือรืนร้นในการตามหาพ่อของเจี่ยนซวงนั้นถูกเหลิ่งหมิงอันและซวีอี้เฟยทำลายทิ้งไปจนหมด ในเวลานี้เธอจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิงอย่างระมัดระวังและทำท่าทางคิดละเอียดรอบคอบอยู่เป็นเวลานานแต่เธอก็ไม่ได้กล่าวคำว่า “ให้เขาเป็นพ่อของฉัน” ออกมา แม้ว่าเธอจะชอบเหลิ่งเซ่าถิงที่อยู่ตรงหน้าของเธอมากก็ตาม เจี่ยนซวงดึงแขนเสื้อของเจี่ยนอี๋นั่วอย่างระมัดระวังและกล่าวเสียงเบาว่า “หม่าม้า พวกเราไม่ต้องอยู่ที่นี่หรอก พวกเรากลับบ้านกันเถอะ บางทีเขาอาจจะเป็นคนเลวจริงๆก็ได้นะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วหันศีรษะและมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง เธอไม่ต้องการบังคับให้เจี่ยนซวงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เธอไม่ชอบ แต่เหลิ่งเซ่าถิงเองก็อยากใช้เวลาร่วมกันกับเธอและเจี่ยนซวงในเวลาสองวันนี้ ถ้าหากว่าปฏิเสธไปมันจะดูโหดร้ายเกินไปหน่อยหรือเปล่า

เหลิ่งเซ่าถิงจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วจากนั้นก็กล่าวเบาๆว่า “หากว่าเธอไม่อยากอยู่ที่นี่ งั้นผมก็จะไปส่งพวกคุณ”

หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ เขาก็หันไปมองเจี่ยนซวงและยิ้มเบาๆให้กับเธอ เขาหยิบสร้อยคอออกมาจากกระเป๋าเสื้อและส่งให้กับเจี่ยนซวง “นี่เป็นของขวัญที่ลุงให้หนู หนูจะยินยอมรับไปไหม?”

เจี่ยนซวงยื่นหน้าออกมาและจ้องมอง เธอเห็นว่าจี้ของสร้อยคอเป็นหินคริสตัลใสและมีดอกไม้สีเหลืองเล็กๆอยู่ในหินคริสตัล เจี่ยนซวงอดไม่ได้ที่จะชื่นชม “ว้าว..สวยจังเลย…”

เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง “นี่คือ?”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและกล่าว “นี่คือดอกไม้ในเมืองที่เด็กคนนั้นอาศัยอยู่ ซวงซวงเคยมอบดอกไม้ให้ผม ผมก็เลยไปทำเป็นสร้อยคอและมอบให้กับเด็กทั้งสองเพื่อที่พวกเขาจะได้มีร่องรอยของกันและกัน”

เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเช่นนั้น เธอก็กระพริบตาและพยักหน้า “ดีมากเลย”

เจี่ยนซวงได้ยินคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิง จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมาเผชิญหน้ากับเหลิ่งเซ่าถิงและถามอย่างสงสัย “ซวงซวงเคยให้ดอกไม้คุณลุงเหรอ? ซวงซวงลืมไปแล้ว”

เจี่ยนซวงยังเด็กและมีประสบการณ์หลายอย่างในช่วงเวลานี้ เธอลืมไปว่าเธอเคยเจอลุงแปลกๆในสวนสาธารณะ เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและมองเจี่ยนซวงจากนั้นเขาก็พยักหน้า “ซวงซวงลืมแล้วก็ไม่เป็นไร ลุงยังจำได้ ซวงซวงจะรับของขวัญชิ้นนี้ไปหรือไม่?”

เจี่ยนซวงเงยหน้ามองเจี่ยนอี๋นั่ว เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า เจี่ยนซวงจึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับรอยยิ้ม “งั้นซวงซวงจะรับของขวัญชิ้นนี้ หม่าม้าใส่ให้ซวงซวงหน่อย”

เจี่ยนอี๋นั่วหยิบสร้อยคอและสวมใส่กับเจี่ยนซวง เจี่ยนซวงสัมผัสจี้สร้อยคอและพึมพำด้วยรอยยิ้ม “สวยมากเลย หนูไม่เคยเห็นดอกไม้ที่สวยงามแบบนี้มาก่อนเลย”

จากนั้นเจี่ยนซวงก็หันไปหน้าเหลิ่งเซ่าถิง เธอยิ้มให้กับเขาและกล่าว “คุณลุง ขอบคุณ..”

เจี่ยนอี๋นั่วแตะที่ศีรษะของเจี่ยนซวงและยิ้มให้กับเหลิ่งเซ่าถิง “งั้นฉันจะพาซวงซวงกลับแล้ว”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “อืม..”

เจี่ยนอี๋นั่วอุ้มซวงซวงและลุกขึ้น เจี่ยนซวงที่กำลังเล่นกับสร้อยคออยู่ เธอยิ้มและมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง จากนั้นเจี่ยนซวงก็ค่อยๆเก็บรอยยิ้มของเธอ เจี่ยนซวงรู้วิธีการแสดงสีหน้าของผู้ใหญ่ ในตอนนี้เธอมองสีหน้าของคนที่เธอเรียกว่า ลุงหลิ้ง ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเขากำลังร้องไห้อยู่? เมื่อได้มองแล้วรู้สึกช่างน่าสงสาร เมื่อเจี่ยนซวงเห็นเช่นนี้ภายในหัวใจของเจี่ยนซวงก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย

เจี่ยนซวงกอดคอเจี่ยนอี๋นั่วทันทีและกระซิบว่า “ซวงซวง…ซวงซวงเปลี่ยนใจแล้ว ซวงซวงอยากอยู่ที่นี่”

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เจี่ยนซวงพูด เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นได้สิ ซวงซวงนั่งดูทีวีก่อนเดี๋ยวหม่าม้าจะไป…”

“ผมจะไปเตรียมอาหารให้เธอเอง” เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและกล่าว

เจี่ยนซวงเห็นรอยยิ้มของเหลิ่งเซ่าถิง เธออดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง เวลาผ่านไปชั่วครู่เธอจึงได้สติ จากนั้นเธอก็ดึงแขนเสื้อของอี๋นั่วและกล่าวเบาๆ “หม่าม้า..คุณลุงคนนี้ดีจังเลย”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและมองเจี่ยนซวง “ถ้าหนูคิดว่าดี หนูก็ดูเขาไว้แล้วก็จำลักษณะของเขาไว้ด้วย”

เจี่ยนซวงพยักหน้า เธอจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิงอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในตระกูลเหลิ่งในตอนนี้ เมื่อเขาถูกเจี่ยนซวงจ้องมอง เขาเองก็มีอาการประหม่าอยู่บ้าง เขากลัวมาก ถ้าหากว่าเขาทำอะไรผิดพลาดไปก็อาจทำให้เจี่ยนซวงไม่ชอบเขา

เจี่ยนซวงซ่อนตัวอยู่บนโซฟาและมองเหลิ่งเซ่าถิง จากนั้นย้ายม้านั่งเก้าอี้ตัวเล็กแล้วก็ยังจ้องมองไปยังเหลิ่งเซ่าถิง และสุดท้ายเจี่ยนซวงตรงไปยังประตูห้องครัว โน้มตัวไปด้านในห้องครัวและจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิงอย่างกระตือรืนร้น ในตอนแรกเธอจ้องมองใบหน้าของเหลิ่งเซ่าถิง แต่หลังจากนั้นเธอก็ต้องตกตะลึงกับการทำอาหารของเหลิ่งเซ่าถิง

ดวงตาของเจี่ยนซวงเบิกกว้างเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหาร เธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เมื่อรอให้เหลิ่งเซ่าถิงทำอาหารเสร็จแล้วและนำอาหารไปวางบนโต๊ะ เจี่ยนซวงก็ได้ใช้ความกล้าทั้งหมดเดินเข้าไปหาเหลิ่งเซ่าถิงและสะกิดเขาจากนั้นเธอก็ถามเขาว่า “เอ่อ..คุณลุงเป็นพ่อของหนูได้ไหม?”

เหลิ่งเซ่าถิงตกตะลึงในทันที มือของเขาสั่นจนเขาเกือบจะทำถ้วยซุปในมือหล่นลงไปบนพื้น เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอไม่รู้ว่าจะตอบเจี่ยนซวงอย่างไร และสุดท้ายเหลิ่งเซ่าถิงก็ยิ้มและพูดกับเจี่ยนซวงว่า “หนูต้องเชื่อฟังหม่าม้า หากว่าลุงคิดว่าซวงซวงเป็นเด็กที่มีความประพฤติดี ไม่ดื้อไม่ซนแล้ว ลุงจะเป็นพ่อให้หนูอย่างแน่นอน”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท