หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 179 ผมเองก็เปลี่ยนไปแล้ว

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วอยู่ในความมืดเป็นเวลานานจนกระทั่งมีแสงสว่างกระทบเข้ามา เจี่ยนอี๋นั่วจึงได้ยินเสียงเปิดประตู เมื่อเธอได้ยินเสียงผลักประตูเข้ามา เธอลุกขึ้นและจ้องมองไปยังประตูในทันที

แม้ว่าโครงร่างของเหลิ่งเซ่าถิงจะคลุมเครืออยู่ในความมืดมิด แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีว่าคนที่เข้ามาคือเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วถามในทันทีว่า “เซ่าถิง คุณกลับมาแล้วเหรอ?”

ร่างของเหลิ่งเซ่าถิงหยุดลงชั่วขณะ จากนั้นเขาก็เปิดไฟ เมื่อไฟสว่างขึ้น เหลิ่งเซ่าถิงก็อดไม่ได้ที่จะหรี่สายตาของเขา ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าแสงนั้นซีดขาวจนน่ากลัว เมื่อแสงไฟตกกระทบลงบนใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว แสงไฟนั้นไม่ต่างจากแสงที่ตกกระทบลงบนผิวหนังที่แตกสลายของอาเหวิน

เหลิ่งเซ่าถิงก้าวเท้าถอยหลังทันทีและถามด้วยความตื่นตระหนก “คุณ คุณมองผมออกได้อย่างไร?”

เจี่ยนอี๋นั่วนั้นไม่เคยเห็นเหลิ่งเซ่าถิงดูตื่นตระหนกขนาดนี้มาก่อน ในขณะที่เธอรินน้ำอุ่นใส่แก้วให้กับเหลิ่งเซ่าถิง เธอก็พลางยิ้มและถาม “ทำไมฉันจะมองคุณไม่ออก?”

เหลิ่งเซ่าถิงรับแก้วน้ำอุ่นไปจากนั้นเขาก็ถอนหายใจและส่ายหน้าอย่างช้าๆ สติของเขานั้นยังคงเลอะเลือน

เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะถามเขา “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ไปเจอเรื่องอะไรมา?”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่สามารถทายได้เลยว่าในตอนนี้ยังมีอะไรอีกที่สามารถทำให้เหลิ่งเซ่าถิงมีท่าทีตกใจกลัวได้มากถึงเพียงนี้

เหลิ่งเซ่าถิงกุมขมับของเขา เขาถือแก้วน้ำ เขาค่อยๆเดินไปยังโซฟาอย่างเหนื่อยล้า เหลิ่งเซ่าถิงนั้นเป็นดั่งภูเขาน้ำแข็งที่เยือกเย็นและหยิ่งผยอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนใบไม้ที่เหี่ยวเฉาที่กำลังจะร่วงหล่นในปลายฤดูใบไม้ร่วง

“เกิดอะไรขึ้น?” เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง

เหลิ่งเซ่าถิงจับแก้วไว้แน่นและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนอี๋นั่ว เขากล่าว “คุณบอกว่าคุณเปลี่ยนไปแล้ว ผมเองก็เช่นกัน ในตอนแรกจริงๆแล้วผมตั้งใจทำเพื่อปกป้องคุณและเจี่ยนซวง ผมคิดที่จะไม่ติดต่อกับพวกคุณอีก ยินยอมให้คุณเข้าคุก ในตอนนั้นผมรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ผมรู้สึกว่าคุณเสียสละเพื่อผม แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้า ผมก็เริ่มคุ้นชิน ตำแหน่งในวันนี้ของผม มีคนมากมายเช่นกันที่ยอมเสียสละเพื่อผม เจี่ยนอี๋นั่วคุณไม่ใช่คนพิเศษที่สุด ตอนนี้ผู้หญิงที่เต็มใจที่จะติดคุกเพื่อผม ยอมคลอดลูกให้กับผม แค่เพียงผมกวักมือเรียกทุกคนก็พร้อมที่จะเข้ามาอย่างมากมาย”

การแสดงออกบนใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่นิ้วมือของเธอสั่นอย่างสั่นเทา เธอจึงรีบซ่อนเอาไว้ด้านหลังของเธอจากนั้นเธอกล่าว “เป็นแบบนี้เองเหรอ? เรื่องนี้ฉันเองก็รู้อยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้ยินคุณพูดออกมาด้วยตัวเอง”

เหลิ่งเซ่าถิงเงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนอี๋นั่ว เขาเม้มริมฝีปากแน่นและจากก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ผมเองก็ไม่คาดคิดว่าจะสามารถบอกความคิดที่แท้จริงของตัวเองออกมาเหมือนกัน จริงๆแล้วผมเองก็เป็นคนตระกูลเหลิ่งและไม่ได้ต่างจากคนในตระกูลเหลิ่งคนอื่นเลย ตอนที่ผมยังไม่ได้อำนาจที่แท้จริง ผมก็ไม่รู้เลยว่ามันจะรู้สึกดีได้ขนาดนี้ เหมือนกับว่าผมเป็นจักรพรรดิ สามารถบงการและจัดการชีวิตของคนอื่นได้ ความสุขความทุกข์ของผู้คนมากมายอยู่ในการควบคุมของผม ความรู้สึกนี้ดีกว่าความรู้สึกที่คุณคอยอยู่เคียงข้างผมเสียอีก ตอนนี้ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตอนนั้นถึงตกหลุมรักคุณได้ บางทีตอนนั้นอาจจะเป็นช่วงวัยรุ่น มันก็เลยง่ายที่จะถูกควบคุมโดยแรงกระตุ้นของผู้ชาย”

“แรงกระตุ้นของผู้ชาย?สำหรับคุณแล้วฉันนั้นเป็นแรงกระตุ้นของเพศคุณงั้นเหรอ?” เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเช่นนี้ เธอก็เงยหน้าขึ้นและมองเหลิ่งเซ่าถิงอย่างจริงจัง

หลายปีก่อน เจี่ยนอี๋นั่วสามารถเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เพียงแค่มองไปที่เขา จากนั้นก็ร่วมมือและพูดคุยกับเหลิ่งเซ่าถิง ต่อให้เธอต้องเข้าคุก เธอก็ไม่มีแม้แต่ความลังเล

แต่ตอนนี้เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงอย่างจริงจังและพยายามจ้องมองเขา แต่ก็ไม่สามารถบอกร่องรอยของความคิดที่แท้จริงของเหลิ่งเซ่าถิงได้เลย เจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงนั้นกำลังพูดความจริงหรือว่าเวลาทำให้เธอสูญเสียความสามารถในการมองทะลุหัวใจของเหลิ่งเซ่าถิงไป ไม่ว่าความเป็นไปได้จะเป็นแบบไหน ทั้งหมดเจี่ยนอี๋นั่วต่างก็รู้สึกได้ เธอและเหลิ่งเซ่าถิงไม่เหมือนตอนเริ่มต้นจริงๆ

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้ม “นอกจากแรงกระตุ้นแล้วก็ยังมีความรับผิดชอบเล็กน้อยด้วย”

เจี่ยนอี๋นั่วตัวสั่นเทา เธอสูดลมหายใจเข้าและกล่าว “งั้นในตอนนี้คุณต้องการจะสื่ออะไรกับฉัน?”

เหลิ่งเซ่าถิงลดสายตาลงและพูดด้วยน้ำเย็นชา “การมีอยู่ของคุณนั้น เป็นเรื่องที่ยากลำบากต่อผม ผมไม่อยากเสียผลประโยชน์ของผมเพื่อคุณ แต่สถานะของคุณจะทำให้คุณตกอยู่ในอันตราย ผมคิดว่าถ้าวันใดวันหนึ่งมีคนเอาคุณมาขู่ผม ผมอาจตกอยู่ในสภาวะยากลำบาก แต่ในที่สุดผมเองก็ยังคงเลือกที่จะปล่อยคุณไป แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด ผมไม่ชอบรู้สึกผิดต่อคนอื่นดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่คุณจะไปจากผมให้เร็วที่สุด ผมกับคุณได้พบกันและคุณได้ให้กำเนิดลูกสองคนแก่ผม ผมจะปฏิบัติต่อคุณด้วยความนิ่งนอนใจไม่ได้หรอก ดังนั้นผมจะยอมให้คุณ…”

เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงพูดเช่นนี้เขาก็หยุดชะงักเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นและกล่าวกับเจี่ยนอี๋นั่วด้วยรอยยิ้ม “ผมอนุญาติให้คุณไปรักไปชอบพอกับผู้ชายคนอื่นได้และแต่งงานกับเขาได้ ตราบใดที่เขาไม่ได้เป็นผู้ชายที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหลิ่ง ผมก็จะไม่เข้าไปยุ่ง หากคุณพบผู้ชายที่คุณสามารถตกหลุมรักได้อีกครั้งก็ให้อยู่กับผู้ชายคนนั้น แต่ผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงฉลาด คุณไม่ควรตกหลุมรักผู้ชายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเหลิ่งอีกครั้งหรอกใช่ไหม?”

เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะเบาๆ “เรื่องนี้ คุณไม่ต้องกังวล ฉันไม่มีทางยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายจากตระกูลเหลิ่งอีกแน่นอนและฉันเคยเดทกับผู้ชายคนอื่นมาก่อน คุณเองก็น่าจะรู้ ผู้ชายที่ชื่อซวีอี้เฟย ฉันกับเขาก็รู้สึกดีต่อกันไม่น้อย ถ้าหากไม่ใช่ว่ามาเจอกับเหลิ่งหมิงอัน ฉันกับเขาอาจจะได้คบกันแล้ว”

เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว เขาแล้วยิ้มและพูดว่า “ชายคนนั้น ผมรู้ แต่ในอนาคตอย่าตามหาผู้ชายประเภทนี้ มันเหมือนกับคุณกำลังตามหาลูกสาว หาให้ดีกว่านี้หน่อย เมื่อสถานการณ์โอเคขึ้น ผมจะมอบเงินก้อนใหญ่ให้กับคุณ คุณจะได้รับเงินและความปลอดภัยตลอดชีวิต”

“เงินไม่ต้องหรอก ขอเพียงแค่ความปลอดภัย” เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและกล่าว

เมื่อเซ่าถิงได้ยินเช่นนั้น นิ้วมือของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทาจากนั้นเขาก็กล่าวว่า “อืม ความปลอดภัยสำคัญที่สุด..”

เมื่อกล่าวเช่นนี้ เหลิ่งเซ่าถิงก็ลุกขึ้นในทันทีจากนั้นเขาก็กล่าวกับเจี่ยนอี่นั่ว “โอเค ทุกอย่างก็พูดกันเข้าใจแล้ว เราก็ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้วใช่ไหม?”

เจี่ยนอี๋นั่วก้มศีรษะลง เธอยิ้มและกล่าว “เหมือนว่าจะไม่มีแล้ว คุณล่ะ? จะแต่งงานใหม่หรือเปล่า?”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและกล่าว “ในฐานะประธานบริษัท ผมจะไม่มีภรรยาได้อย่างไร? ผมเองก็เริ่มมองหาภรรยาที่เหมาะสมแล้ว สำหรับผมผู้หญิงอย่างกู้เค่อหยิงนั้นเหมาะสมที่สุด แต่ก็น่าเสียดายที่เธอโลภจนเกินไป”

เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้น เธอมองเหลิ่งเซ่าถิง เวลาผ่านไปไม่นานนัก เธอก็ยิ้มอีกครั้ง “งั้นขอให้คุณโชคดี”

เหลิ่งเซ่าถิงถอนหายใจอย่างโล่งอกและพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นคุณก็รีบพักผ่อนเถอะ”

เจี่ยนอี๋นั่วกระพริบตาช้าๆและถามด้วยเสียงเบา “ไม่ใช่ว่าเวลาเหลืออีกสองวันเหรอ? พรุ่งนี้..ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้พาซวงซวงไปสวนสนุกเหรอ? พวกเราไม่เคยพาเธอไปสวนสนุกเลย…”

“ไม่ได้..” เหลิ่งเซ่าถิงกล่าวด้วยความหนักแน่น “มันไม่มีความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบกล่าว “ฉันกับซวงซวงปลอมตัวไปก็ได้..”

เซ่าถิงขมวดคิ้ว เขามองไปยังเจี่ยนอี๋นั่วและพูดอย่างเย็นชา “ผมบอกแล้วมันไม่ปลอดภัยสำหรับผม ตอนนี้ผมไม่ควรที่จะออกไปไหนมาไหน สถานที่ที่เสียงดังและคนมากมาย บอดี้การ์ดไม่สามารถรักษาความปลอดภัยให้ผมได้อย่างเต็มร้อย”

“อา … ” เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มอย่างขมขื่น “ที่แท้ก็เพราะแบบนี้”

เหลิ่งเซ่าถิงเม้มริมฝีปากแน่น เขากล่าวเบาๆ “พรุ่งนี้ก็อยู่ที่นี่ต่อไป เมื่อถึงช่วงเวลาเย็นแล้วผมจะวางแผนให้คุณออกไปจากที่นี่”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าเบาๆ เธอยิ้มและกล่าว “งั้นฉันขอตัวไปพักผ่อนแล้ว”

เหลิ่งเว่าถิงพยักหน้า “ไปเถอะ”

เจี่ยนอี๋นั่วเดินผ่านเหลิ่งเซ่าถิง เธอเดินตรงกลับไปที่ห้องนอนของเธอ เธอเอนกายลงบนเตียงนอน เจี่ยนอี๋นั่วเอื้อมมือไปกอดเจี่ยนซวง เจี่ยนซวงที่กำลังนอนหลับอย่างสะลึมสะลือก็กอดเจี่ยนอี๋นั่วกลับ ภายในความฝันเธอค่อยๆพึมพำว่า “หม่าม้า ซวงซวงมีคุณพ่อเป็นยอดเชฟแล้ว…”

เจี่ยนอี๋นั่วกอดเจี่ยนซวงไว้แน่นและตอบรับเธอเบาๆ “อืม”

เหลิ่งเซ่าถิงยังยืนอยู่ตรงนั้นเช่นเคย เขามองไปยังห้องนอนของเจี่ยนอี๋นั่วที่ได้ปิดประตูลงไปแล้ว เขาพิงผนังอย่างอ่อนแรงแล้วหยิบบุหรี่ออกมา แต่เนื่องจากมือสั่นมากเขาจึงไม่สามารถที่จะจุดบุหรี่ได้ เขาขมวดคิ้วมองไปที่บุหรี่ที่ยังไม่สามารถจุดได้จากนั้นเขาก็หัวเราะเยาะตัวเอง เขาพึมพำกับตัวเองว่า “ดูแล้วสำหรับตระกูลเหลิ่ง ความเหงาตลอดชีวิตคือจุดจบที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะทำเพื่อตัวเองหรือเพื่อคนอื่น มันคือตอนจบที่ดีที่สุด”

เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆหันกลับมาและเดินกลับไปที่ห้องนอนของเขา เขาล้มตัวลงนอนบนเตียง เหลิ่งเซ่าถิงสัมผัสเตียงที่เขาและเจี่ยนอี๋นั่วเคยนอนด้วยกัน เขาหัวเราะเบาๆ “อี๋นั่ว ลาก่อน”

วันถัดมา เมื่อเจี่ยนซวงตื่นขึ้น เธอพลิกตัวกลับมาและเห็นว่าเจี่ยนอี๋นั่วกำลังนอนกอดเธออยู่ เจี่ยนอี๋นั่วนั้นไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เมื่อเจี่ยนซวงค่อยๆขยับตัว เจี่ยนอี๋นั่วก็ลืมตาขึ้น เธอยิ้มและกล่าวกับเจี่ยนซวงว่า “เป็นอะไรไป ตื่นแล้วหรือ?”

เจี่ยนซวงยิ้มและพยักหน้า “ใช่ ซวงซวงหิวแล้ว อยากให้คุณลุงเชฟทำอาหารให้”

เมื่อเจี่ยนซวงกล่าวเช่นนี้ เธอก็ล้มตัวลงนอนในอ้อมแขนของเจี่ยนอี๋นั่ว เธอยิ้มและกล่าว “หม่าม้าเองก็ต้องพยายามเข้า ซวงซวงรู้สึกว่าคุณลุงยอดเชฟนั้นดีมาก ดีกว่าคุณหมองี่เง่าและคุณลุงตั้งมากมาย หม่าม้า สู้ สู้”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและลูบหัวของเจี่ยนซวง เธอยิ้มพร้อมกับบอกว่า “สู้ไปก็เปล่าประโยชน์ เขาไม่ชอบหม่าม้า ไม่สามารถคบกับหม่าม้าได้หรอก”

เจี่ยนซวงเม้มริมฝีปากขมวดคิ้วและพูดว่า “จะไม่ชอบหม่าม้าได้อย่างไร? หม่าม้าของซวงซวงนั้นดีมาก เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีคนไม่ชอบหม่าม้าของซวงซวง ไม่ชอบซวงซวงด้วยเหมือนกัน! มีบางครั้งซวงซวงไม่เชื่อฟัง หึ! ยังมีหน้ามาบอกให้ซวงซวงเป็นเด็กดีและเชื่อฟังอีกแล้วก็บอกว่าจะมาเป็นป่ะป๊าให้ซวงซวง ที่แท้ก็โกหก คนโกหก!”

แม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะไม่สามารถคบกับเหลิ่งเซ่าถิงได้แล้ว แต่ก็ไม่อยากได้ยินว่าเจี่ยนซวงกล่าวเช่นนี้ถึงเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วจึงรีบเปลี่ยนสีหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจี่ยนซวง หนูอย่าพูดแบบนี้!”

ทันทีที่เจี่ยนซวงได้ยินเจี่ยนอี๋นั่วเรียกชื่อเต็มของเธอ เธอก็ตกใจจากนั้นก็ร้องไห้ออกมา “ทำไมหม่าม้าดุซวงซวง? ก็คุณลุงคนนั้นพูดแล้วไม่ทำตามคำพูด ซวงซวงไม่ต้องการพ่ออีกแล้ว พ่อไม่ใช่คนดี!”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท