หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 187 ดวงด้านความรักมาแล้ว

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

มั่วเชียนทำบะหมี่เสร็จ เขาก็รีบเอามาเสิร์ฟตรงหน้าของเจี่ยนอี๋นั่วทันที เจี่ยนอี๋นั่มองไปที่มั่วเชียนอย่างลังเลพักหนึ่ง ก่อนจะกินบะหมี่เข้าไป แล้วเธอก็พยักหน้าขึ้นลงเบาๆ : “รสชาติใช้ได้เลยนี่”

มั่วเชียนรีบยกยิ้มขึ้นมาทันทีทันใด รอยยิ้มของเขานั้นสดใสมาก ก่อนจะพูดขึ้นว่า : “งั้นต่อไปผมจะทำให้คุณกินบ่อยๆนะครับ”

เจี่ยนอี๋นั่วเอียงคอมองหน้ามั่วเชียน ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมาว่า : “อายุยังน้อยอยู่ ต้องเรียนหนังสือเยอะๆแล้วก็คิดเรื่องที่มันยุ่งยากน้อยๆหน่อยนะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็กินบะหมี่ไปอีกครึ่งหนึ่ง ก่อนจะเช็ดปากของเธอ แล้วพูดกับมั่วเชียนไปว่า : “เหลือเวลาไม่มากแล้ว ฉันต้องนรีบไปรับลูกสาว เธอกลับไปตอนนี้เลยได้มั้ย?”

มั่วเชียนขมวดคิ้วขึ้น : “ทำไมคุณเอาแต่ปฏิเสธผมล่ะครับ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “อพราะว่าฉันไม่ชอบเธอไงล่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบเธอก็เดินไปที่ประตูบ้าน ก่อนจะพูดกับมั่วเชียนด้วยรอยยิ้มว่า : “ไปเถอะ”

มั่วเชียนขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะเดินออกจากบ้านสวนไป จากนั้นก็หันมามองเจี่ยนอี๋นั่วที่เดินออกไปจากบ้านสวน มั่วเชียนมองตามแผ่นหลังของเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เจี่ยนอี๋นั่วไม่เชื่อหรอกว่าเด็กวัยรุ่นที่อายุขนาดนี้แล้วจะดื้อดึงไปสักแค่ไหน หลังจากที่จบกิจกรรมของพวกเขาแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วคิดว่ามั่วเชียนก็คงไปจากที่นี่ แล้วก็ค่อยลืมเลือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่เอง

เจี่ยนอี๋นั่วหันหลังแล้วเดินมุ่งตรงไปยังโรงเรียนของเจี่ยนซวง เมื่อเดินไปถึงแยกโรงเรียน จู่ๆก็มีรถสองคันมาจอดอยู่ข้างๆเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วตกใจจนเดินถอยห่างออกมา

เมื่อประตูรถเปิดออก หัวของชายคนหนึ่งก็โผล่ออกมาทันที ก่อนเขาจะถามเจี่ยนอี๋นั่วด้วยรอยยิ้มว่า : “สวัสดีครับ ผมอยากถามอะไรหน่อย ที่ใช่โรงเรียนประถมสามมั้ยครับ?”

รูปลักภายนอดของผู้ชายคนนี้ดูตรงไปตรงมา ดูเป็นคนอบอุ่นและสุภาพบุรุษ น่าคบหา

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะชี้ไปที่ประตูโรงเรียน : “นั่นคือโรงเรียนประถมสามค่ะ”

ชายคนนั้นมองมาที่เจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะถามว่า : “แล้วคุฯรู้จักหมู่บ้านกวนสุ่นมั้ยครับ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า : “รู้จักค่ะ…….”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่เพียงแค่รู้จักเท่านั้น แต่เธอยังอาศัยอยู่หมูบ้านกวนสุ่ยนี้ด้วย ชายคนนั้นเบิกตาโตขึ้นมาทันที : “เยี่ยมเลยครับ ดีเลย เดี๋ยวผมจะเดินทางไปที่นั่น คุณพอจะบอกทางให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ?”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า : “ขอโทษด้วยนะคะ แต่คงไม่ได้”

ชายคนนั้นอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ดูคุณจะรีบมากนะครับ เอาอย่างนี้แล้วกัน คุณแค่ทางให้ผมคร่าวๆก็ได้ครับ”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะชี้บอกทางให้ชายคนนั้น ชายคนนั้นรีบขับรถออกไปทันที เขี่ยนอี๋นั่วมองไปที่ทะเบียนรถของชายคนนั้น แล้วคนมากมายขนาดนี้ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงเลือกที่จะถามเธอกันนะ?

อาจจะเป็นเพราะต้องปิดบังตัวตนของตัวเอง เจี่ยนอี๋นั่วจึงต้องระมัดระวังต่อการเข้าใกล้คนอื่น เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะหันหน้ากลับไปมองรถยนต์คันนั้น ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเดินไปที่ประตูหน้าโรงเรียน

เมื่อเธอมาถึงประตูหน้าโรงเรียน ที่นั่นก็เต็มไปด้วยเหล่าผู้ปกครองของนักเรียน เขี่ยนอี๋นั่วคือหนึ่งในคนที่เดินอยู่ในนั้น และแล้วเธอก็เห็นเจี่ยนซวงที่สะพายกระเป๋าใบเล็กวิ่งออกมาจากโรงเรียน เธอทั้งวิ่งมาด้วยพร้อมกับตีกับเพื่อนร่วมชั้นด้วย เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจก่อนจะโบกมือให้เจี่ยนซวง : “เหยียนเหยียน อย่าไปทะเลาะกับเพื่อนแบบนั้น รีบมานี่เร็วค่ะ”

เมื่อเจี่ยนซวงได้ยินเสียงเจี่ยนอี๋นั่ว เธอก็อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาเจี่ยนอี๋นั่วคนเป็นแม่อย่างรวดเร็ว แล้วเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของตัวเอง : “หม่าม้าคะ วันนี้หนูเรียนคาบพละ หนูวิ่งได้ที่1ด้วยแหละค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วลูกหัวลูกเบาๆก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า : “ค่ะ เก่งมาก”

“แต่ว่าหลักภาษาเหยียนเหยียนสอบได้แค่ห้าสิบคะแนนเองครับ สอบไม่ผ่าน!”

เรืทองที่เจี่ยนซวงตีกับเพื่อนผู้ชายเมื่อกี้นี้ พูดแทรกขึ้นมาทันที

เจี่ยนซวงขมวดคิ้วทันที ก่อนจะหันหน้าไปจ้องหน้าเด็กผู้ชายคนนั้น ดวงตาของเจี่ยนซวงและเหลิ่งเซ่าถิงนั้นเหมือนกันมาก ตอนที่เธอจ้องคนอื่นด้วยความเย็นชานั้นเหมือนกันกับเหลิ่งเซ่าถิงไม่มีผิด เด็กชายคนนั้นเบะปากไม่กล้าพูดอะไรต่อ

เมื่อเจี่ยนซวงเห็นว่าเด็กคนนั้นหยุดพูดแล้ว เธอก็เปลี่ยนสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา ก่อนจะพูดกับคนเป็นแม่ว่า : “หม่าม้าคะ หลักภาษามันยากเกินไปค่ะ หนูไม่ชอบท่องหนังสือ”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า : “หม่าม้ารู้ค่ะว่าหนูไม่ชอบ แต่ถึงจะไม่ชอบยังไงก็ต้องตั้งใจนะคะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบเธอก็ยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะลูบหัวลูกสาว : “แต่วันนี้หนูวิ่งได้ที่หนึ่ง หม่าม้าจะให้รางวัล หม่าม้าจะซื้อให้หนูกินเค้กละกันค่ะ”

เจี่ยนซวงรีบยกมือขึ้นพร้อมกับกระโดดโลดเต้นทันที : “เยี่ยมไปเลยค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาลง ก่อนจะพูดต่อว่า : “แต่ว่าหนูสอบหลักภาษาไม่ผ่าน กลับบ้านไปหนูต้องคัดบทเรียนนะคะ”

ใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่วกลับมามุ่ยอีกครั้งก่อนจะทำท่าเหมือนจะร้องไห้ : “หม่าม้าคะ…….”

เจี่ยนอี๋นั่วยกนิ้วชี้ของเธอขึ้นมาก่อนจะส่ายไปซ้ายขวา : “ไม่มีข้อแม้ใดๆทั่งสิ้นค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้สนใจเรื่องคะแนนสอบของลูกเลย แต่เธอเพียงไม่อยากให้เจี่ยนซวงคิดว่าตัวเองนั้นไม่มีความสามารถในการทำบางสิ่งบางอย่างแบบนี้ เพราะมันจะไปจำกัดพัฒนาการของเจี่ยนซวงในอนาคต เจี่ยนอี๋นั่วหวังว่าเจี่ยนซวงจะมีความคิดที่ว่า ตัวเองไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิด แต่เพียงแค่พยายามลูกสาวก็จะสามารถแก้ไขปัญหาที่ยากๆเหล่านั้นได้

เจี่ยนซวงยังคงมีสีหน้าท้อใจ แต่เธอรู้ว่าการแสดงออกแบบนี้ของเจี่ยนอี๋นั่วนั้น ไม่ได้เป็นการจัดการกับการออดอ้อนของเธอแต่อย่างใด เจี่ยนซวงครั่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็หันไปสนใจขนมที่กำลังจะถูกส่งมาถึงมือของตัวเอง เธอหัวเราะฮิฮิขึ้นมาทันที : “หม่าม้าคะ หนูอยากกินเค้กช็อกโกแลตค่ะ แล้วก็หน้าเค้กมีครีมเยอะๆ บนครีมมีสรอเบอร์รี่ด้วยนะคะ”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้ม : “ชอบจังเลยนะคะ ได้ค่ะ หม่าม้าจะพาหนูไปดู ดูว่าจะมีแบบที่หนูอยากกินมั้ย”

เจี่ยนอี๋นั่วจูงมือเจี่ยนซวงไปถึงร้านขนมหวาน โอกาสที่จะได้กินขนมของเจี่ยนซวงมาถึงมาแล้ว เธอมองเข้าไปที่บานกระจกขนมนั้นอยู่นาน ก่อนจะชี้ไปที่ขนมนั้น ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า : “อันนี้ค่ะ”

เมื่อได้ขนมอย่างสมใจตัวเองเลย เจี่ยนซวงก็ไปนั่งในร้านขนม เธอทั้งดื่มนมไปด้วย กินขนมหวานไปด้วย ก่อนจะกลับบ้านไปกับเจี่ยนอี๋นั่ว เมื่อเดินไปถึงถนนทางเข้าหมู่บ้าน เจี่ยนอี๋นั่วก็พบรถคันนั้นที่มีคนมาถามทางเธอนั้นจอดอยู่บนถนน และเห็นผู้ชายที่ถามทางเธอก็ยืนอยู่ตรงสี่แยกแล้วกำลังมองไปรอบๆอยู่

เมื่อเห็นเจี่ยนอี๋นั่วจูงมือลูกสาวเดินผ่านมา เขาก็ยิ้มขึ้นมาทันทีก่อนที่จะถามว่า : “อ้าว? คุณอยู่หมู่บ้านนี้หรอครับ? คุณพาผมไปหาคณะกรรมการหมู่บ้านได้มั้ยครับ?”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า : “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่รู้จักค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบเธอก็จูงมือเจี่ยนซวงเดินกลับบ้านไปต่อ ชายคนนั้นเพิ่มระดับเสียงก่อนจะพูดเสียงดังอยู่ข้างหลังเจี่ยนอี๋นั่ว : “เห้ เราเคยเจอมาก่อนใช่มั้ยครับ ผมไปทำอะไรให้คุณขุนเคืองใจรึเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วหันหน้ากลับไปมองผู้ชายคนนั้น แต่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนจะจูงมือเจี่ยนซวงแล้วเดินกลับบ้านต่อ เดินไปได้ไม่นาน เจี่ยนซวงก็แอบหัวเราะขึ้นมา : “หม่าม้าคะ ………เข้าตั้งใจเข้ามาจีบหม่าม้ารึเปล่าคะ?”

“น่าจะใช่ค่ะ……”เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบเธอก็หันหน้ามามองเจี่ยนซวง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วถามว่า : “หนูไปได้ยินคำว่าจีบมาจากไหนคะ? หนูเคยไปจีบเด็กผู้ชายที่ไหนมาแล้วใช่มั้ย?”

เจี่ยนซวงส่ายหน้าไปมา : “หนูไม่สนใจพวกเขาหรอกค่ะ เจ้าเล่ห์ๆทั้งนั้น หม่าม้าคะอย่าไปคบกับผู้ชายคนเมื่อกี้นะคะ เขาต่างจากคุณพ่อมากๆ ถ้าหม่าม้าจะเลือกใครให้เลือกคนที่ไม่ต่างจากคุณพ่อนะคะ แต่ว่าคนที่ไม่ต่างจากคุณพ่อคง……..”

เจี่ยนซวงครุ่นคิดอย่างจริงใจไปสักพัก ก่อนจะยู่ปากแล้วส่าหน้าไปมา : “ไม่น่าจะมีหรอกค่ะ เพราะว่าคนพวกนั้นต่างจากคุณพ่อมากๆๆๆ”

เจี่ยนซวงพูดจบเธอก็มองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะถามอย่างระมัดระวังว่า : “หม่าม้าคะ หม่าม้ายังคิดว่าคุณพ่อเป็นคนที่ดีที่สุดมั้ยคะ? เขาทั้งสูง ทั้งหล่อ ทั้งทำอาหารเก่ง ทั้งรวย!”

เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะ ก่อนจะพยักหน้า : “ค่ะ คุณพ่อของหนูน่ะดีที่สุดแล้ว แต่ว่าหม่าม้ากับเขาเลิกกันแล้ว ก็ไม่ควรคิดถึงเขาแล้ว ในวันนึงหม่าม้าอาจจะคบกับคุณลุงคนนึงก็ได้ เขาอาจจะไม่รวย ไม่หล่อ ไม่สูง ทำอาหารไม่ได้เท่าคุณพ่อของหนู แต่คุณลุงคนนั้นอาจจะชอบหม่าม้ามากกว่าคุณพ่อของหนูก็ได้นะคะ เขาอาจจะอยากอยู่กับหม่าม้าจนแก่ไปด้วยกัน แล้วก็จับมือกันไปเดินเล่นด้วย”

เจี่ยนซวงมุ่ยปาก ก่อนจะกระพริบตา : “บางทีคุณพ่ออาจจะทำแบบนั้นได้ก็ได้นี่คะ”

เจี่ยนอี๋นั่วเข้าใจเจี่ยนซวงดี เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่ยกมือขึ้นมาแล้วก็ลูบหัวเจี่ยนซวง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “บางทีหนูควรจะเรียนรู้ที่จะปล่อยวางแล้วก็ยอมแพ้บ้างนะคะ โดยเฉพาะกับสิ่งของหรือคนที่ไม่ใช่ของหนู อย่าไปฝืนมันนะคะ”

เจี่ยนซวงเบะปาก ตาของเธอแดงก่ำ ก่อนจะก้มหน้าลงช้าๆแล้วพูดขึ้นว่า : “หนูรู้ค่ะว่าคุณพ่อไม่ต้องการพวกเราแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วย่อตัวลงมาก่อนจะกอดเจี่ยนซวงเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “สร้อยของหนูไปไหนแล้วคะ?”

เจี่ยนซวงรีบเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะหยิบเอาสร้อยเส้นนั้นขึ้นมา แล้วพูดขึ้นเสียงดังว่า : “อยู่นี่ค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “ดูสิคะ คุณพ่อก็อยู่กับหนูไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมถึงพูดว่าคุณพ่อไม่ต้องการหนูล่ะคะ?”

เจี่ยนซวงสูดจมูกก่อนจะเตรียมที่จะดึงเสื้อของตัวเองมาเช็ดน้ำตา เจี่ยนอี๋นั่วรีบยกแขนขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ลูกสาวทันที ในขณะนั้นก็มีกระทิชชู่ก็ยื่นมาอยํ่ตรงหน้าเจี่ยนอี๋นั่วอย่างรวดเร็ว เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้นมามอง จึงได้เห็นผู้ชายที่เข้ามาถามทางคนนั้นยืนอยู่ข้างๆเธอ ก่อนที่เขาจะยิ้มแล้วก็พูดกับเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงว่า : “นี่ครับทิชชู่ อย่าเอามือเช็ดน้ำตาให้เด็กนะครับ มันทำให้ดวงตาติดเชื้อได้นะ”

เจี่ยนอี๋นั่วก้มหัวลงเพื่อเป็นการขอบคุณ แล้วจึงรับเอาทิชชู่นั่นจากผู้ชายคนนั้น แล้วเช็ดน้ำตาให้เจี่ยนซวง เจี่ยนซวงเห็นคนแปลกหน้ามายืนอยู่ตรงหน้าเธอก็หยุดร้องไห้ทันที ก่อนจะดึงชายเสื้อของเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะพูดว่า : “หม่าม้าคะ เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า ก่อนจะหันไปบอกลาผู้ชายคนนั้น หลังจากนั้นเธอก็เดินจูงมือเจี่ยนซวงกลับบ้านไปทันที เมื่อเดินไปถึงประตูหน้าบ้าน เจี่ยนอี๋นั่วก็พบมั่วเชียนที่ยืนอยู่หน้าบ้านของเธอ เมื่อเขาเห็นเจี่ยนอี๋นั่ว ดวงตาของเขาก็ขึ้นเป็นประกายทันที ก่อนจะรีบเดินเข้ามาหาเจี่ยนอี๋นั่วแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า : “ในที่สุดคุณก็กลับมาสักทีนะครับ”

“อืม” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วก่อนจะถาม : “ทำไมเธอยังอยู่ตรงนี้อีกล่ะ?”

มั่วเชียนยิ้มก่อนจะพูดว่า : “ผมคิดว่าถ้าคุณไปรับลูกสาวคุณกลับมาแล้วต้องกินข้าวกันแน่ๆ ผมก็เลยว่าจะมาทำบะหมี่ให้พวกคุณกินนะครับ”

“นี่ใครอีกล่ะคะเนี่ย?” เจี่ยนซวงขมวดคิ้ว ก่อนจะเบะปากแล้วพูดว่า : ”ทำไมจู่ๆมีผู้ชายเข้ามาเยอะแยะเลยล่ะคะ? หม่าม้าคะ ช่วงนี้หม่าม้ามีดวงด้านความรักรึเปล่าคะ?”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท