หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 203 จะไม่รู้สึกหวั่นไหวต่อคุณอีกต่อไป

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วจ้องไปที่เหลิ่งเซ่าถิง สูดหายใจเข้าลึก ๆ ขมวดคิ้วและถามด้วยเสียงที่เข้มว่า:“ถ้าอย่างนั้นเวลาอื่น เป็นตัวแทนสตั้นท์แมนของคุณเหรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า: “มีเพียงเวลานั้นเท่านั้นที่มาแทนผม และเวลาที่เหลือนั้นคือผม ”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มอย่างช่วยไม่ได้: “หลังจากที่เฉิงเว่ยหรานกลับไป คุณคงคาดเดาได้แล้วว่าฉันอาจจะสงสัยว่าเจ้าของคฤหาสน์นี้คือคุณ ดังนั้นคุณจึงหาตัวแทนสตั้นท์แมนเพื่อโกหกฉันใช่ไหม?”

เหลิ่งเซ่าถิงเม้มริมฝีปากอย่างแรง หน้าคิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นค่อยๆ พยักหน้าอย่างช้าๆ

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและส่ายหัว และอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น: “คุณกล้าโกหกฉันได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ ? และฉันก็ตาบอดด้วย ฉันอยู่ด้วยกันกับกับคุณมานานมาก แต่ฉันกลับดูไม่ออกว่าเป็นคุณ? เหลิ่งเซ่าถิงคุณทำเช่นนี้คุณหมายความว่าอย่างไร? คุณมาล้อเล่นกับฉันแบบนี้ คุณคิดว่ามันตลกมากใช่ไหม?จู๋เจียน?จู๋เจียน ?เจี่ยน ? คุณใช้นามสกุลของฉันเป็นนามแฝงของคุณ หลายปีมานี้คุณคิดว่าฉันได้รับการเลี้ยงดูบ่มเพาะความโง่? มันเป็นเรื่องง่ายๆแค่นี้ฉันยังเดาไม่ออกอย่างนั้นใช่ไหม?”

เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหัวเบา ๆ : “ผมไม่ได้คิดแบบนั้น เดิมทีผมตั้งใจอยากพักฟื้นที่นี่ แต่ผมแค่อยากจะใกล้ชิดคุณและซวงซวงมากขึ้นเท่านั้นเอง จากนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะอยากเจอพวกคุณ เมื่อผมเห็นคุณแล้ว ผมเห็นมีคนอื่นกำลังจีบคุณอยู่ ผมก็ทนไม่ไหวเลยให้เฉิงเว่ยหรานปรากฏตัวออกมาก่อนล่วงหน้า หลังจากที่คุณจับได้ว่าเฉิงเว่ยหรานก็คือผม ผมไม่สามารถให้คุณรู้ได้ว่าผมอยู่ที่นี่ ดังนั้นผมจึงทำได้เพียงแค่พยายามปกปิดมันเท่านั้น แต่ว่าผมกลับทนไม่ไหวที่อยากพบหน้าคุณและซวงสักสองสามครั้ง”

เจี่ยนอี๋นั่วจ้องไปที่เหลิ่งเซ่าถิง ดวงตาของเขาเบิกกว้างและหัวเราะเยาะออกมา: “อดทนไม่ไหวจริงๆแล้ว! คุณประธานเหลิ่งคะ สิ่งที่คุณรู้สึกต่อฉันมันไม่ใช่เพียงแค่การกระทำที่ทำโดยไม่ได้คิด? คุณให้ความสำคัญกับอำนาจตระกูลเหลิ่งมากว่าฉันและซวงซวงไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมคุณถึงโกหกฉันครั้งแล้วครั้งเล่า? ครั้งแรกคือเฉิงเว่ยหราน ต่อมาก็จู๋เจียน? คุณต้องการทำอะไร?คุณควบคุมได้ทุกอย่าง และรู้สึกว่าชีวิตมันน่าเบื่อ เลยมาหาฉันเพื่อความสนุกอย่างนั้นเหรอ? ฉันเจี่ยนอี๋นั่วโง่เขลามากจริงๆ หลายปีที่ผ่านมานี้ ฉันก็ยังคงรักคุณอยู่คนเดียว คุณคงคิดว่าตัวเองร้ายกาจมากใช่ไหม ? ไหนคุณบอกฉันสิ มันคือก่อนหน้านี้ หรือจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันเจี่ยนอี๋นั่วจะไม่รู้สึกหวั่นไหวต่อคุณอีกต่อไป!”

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้ว ก้าวเดินอย่างไวสองสามก้าวจนเดินไปข้างกายเจี่ยนอี๋นั่ว: “คุณใจเย็น ๆก่อนนะครับ! ผมไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณ!”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและส่ายหัว: “แล้วถ้าหากคุณจงใจโกหกฉัน? คุณจะโกหกฉันยังไง?ฉันเจี่ยนอี๋นั่วเป็นคนเลว ฉันรักคุณ แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณมาล้อเล่นเป็นนี้อีกต่อไปแล้ว!”

“อี๋นั่ว……”เหลิ่งเซ่าถิงพยายามยื่นมือออกไปและคว้าแขนของเจี่ยนอี๋นั่ว

แต่เจี่ยนอี๋นั่วรีบหลบหลีกทันที หันหลังแล้วเดินออกจากห้องของเหลิ่งเซ่าถิง

“อี๋นั่ว……”เหลิ่งเซ่าถิงไม่เคยเห็นท่าทางเจี่ยนอี่นั่วโกรธขนาดนี้มาก่อน เขายังรู้ว่าเขาทำเกินไปแล้วจริงๆ และที่เจี่ยนอี๋นั่วโกรธมันก็สมควรแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าจะทำให้เจี่ยนอี๋นั่วโกรธ แต่ว่าเหลิ่งเซ่าถิงก็อดไม่ได้ที่ต้องทำอย่างนั้น ก็เป็นดั่งเช่นการที่เขาบอกชื่อ “จู๋เจียน” ออกไป เจี่ยนอี๋นั่วก็จะเดาได้ทันทีว่าเป็นเขาอย่างแน่นอน

ในช่วงเวลานี้อารมณ์มักจะอยู่เหนือเหตุผลเสมอและทำให้เหลิ่งเซ่าถิงตัดสินใจทำมันลงไป เหลิ่งเซ่าถิงต้องการตามเจี่ยนอี๋นั่วให้ทันและเร็วขึ้นหน่อย แต่ขาซ้ายของเขาปวดอย่างมากเนื่องจากการออกกำลังกายอย่างหนักเกินไป

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วและมองไปที่ด้านหลังของเจี่ยนอี๋นั่ว และพูดอย่างรวดเร็ว: “อี๋นั่ว คุณรอก่อน……”

เนื่องจากความเจ็บปวดที่ตรงขา ทำให้เหลิ่งเซ่าถิงล้มลงกับพื้น และแม้แต่เสียงของเขาก็อ่อนแอลง หลังจากได้ยินเสียงของเหลิ่งเซ่าถิงล้มลงกับพื้น ซึ่งเดิมทีเจี่ยนอี๋นั่วอารมณ์ของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ เธอรีบหยุดและหันกลับมาทันที

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเห็นเหลิ่งเซ่าถิงล้มลงกับพื้น ใบหน้าผอมๆ ก็ซีดเซียวยิ่งขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วรีบวิ่งไปพยุงเหลิ่งเซ่าถิง ขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?ขาของคุณ……”

เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่ขาซ้ายของเหลิ่งเซ่าถิง รีบเอื้อมมือไปจับทันที เหลิ่งเซ่าถิงรีบยกมือขึ้นบังมือของเจี่ยนอี๋นั่ว และร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นอย่างเจ็บปวด:“ ไม่เป็นอะไร คุณไม่จำเป็นต้องดู”

“แล้วถ้าฉันอยากดูล่ะ ?”เจี่ยนอี๋นั่วดวงตาแดงก่ำจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิง: “คุณประธานเหลิ่งคะคุณจะจัดการกับฉันอย่างไรคะ? จะทำให้ฉันเสียครอบครัวของฉันไป?หรือจะปล่อยให้ฉันติดคุก?หรือจะให้ฉันซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขาแห่งนี้ ? ถ้าหากต้องการจัดการกับฉัน ถ้าอย่างนั้นคุณประธานเหลิ่งต้องหาทางอื่นแล้วล่ะค่ะ เพราะเหตุการณ์พวกนี้ฉันผ่านมันมาจนหมดแล้ว ”

เหลิ่งเซ่าถิงลดสายตาลง ในเวลานี้เขาผอมบางกว่าเหลิ่งเซ่าถิงในความทรงจำของเจี่ยนอี๋นั่วมาก และดูเหมือนว่าเขาจะเปราะบางและอ่อนแอมาก

“ ถ้าคุณต้องดูจริงๆแล้วล่ะก็ ผมจะให้คุณได้ดู” เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม เขายกมือขึ้นแล้วค่อยๆดึงขากางเกงด้านซ้ายขึ้น

เมื่อขาซ้ายของเหลิ่งเซ่าถิงถูกออกมา เจี่ยนอี๋นั่วก็รีบปิดปากของเธอ แล้วก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว นี่คือเนื้อของมนุษย์เหรอ? มีแผลเป็นอยู่ทั่วและบิดเบี้ยวอย่างประหลาด

“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?ฉันอยากฟังความจริง!” เจี่ยนอี๋นั่วถามเบา ๆ ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

เจี่ยนอี๋นั่วคุ้นเคยกับร่างกายของเหลิ่งเซ่าถิงเป็นอย่างดี เธอรู้ดีว่าขาของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นแข็งแรงมากเพียงใด ผิวหนังของเขามีความมันวาวที่มีสุขภาพดีโดยไม่มีรอยแผลเป็นเลยแม้แต่น้อย

ในขณะที่แสดงเป็น “คุณจู๋” เหลิ่งเซ่าถิงยังคงหลบเจี๋ยนอี๋นั่วตลอด ไม่ต้องการให้เธอเห็นขาซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บของเขา แต่ตอนนี้เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเห็นขาซ้ายที่หักของเขา เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มด้วยความโล่งใจ: “หนึ่งปีก่อน คู่ต่อสู้ของผมคนหนึ่งส่งระเบิดมาให้ผม แม้ว่ามันจะพบได้ทันเวลา แต่ระเบิดนั้นทรงพลังมากจนทำให้ฉันได้รับบาดเจ็บ เดิมคิดว่าฉันคงไม่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว ดังนั้นผมจึงหาเฉิงเว่ยหรานเพื่อต้องการให้เขามาดูแลพวกคุณ เขาสมบูรณ์แบบมาก และเป็นไปตามมาตรฐานของสามีที่สมบูรณ์แบบ”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและกล่าวว่า: “ผมไม่ได้คาดหวังว่าผมจะรอดชีวิต แต่ขาข้างนี้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงเกินไป และผมยังคงต้องฟื้นตัวอย่างช้าๆ แม้แต่หมอที่เก่งที่สุดในโลกก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าผมจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม จากนี้ไปผมอาจต้องทนเจ็บปวดกับขาคู่นี้ และเวลาเดินอาจจะดูง่อย ๆ……เจี่ยนอี๋นั่ว ผม ไม่อยากให้คุณเห็นสภาพของผมที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เหลิ่งเซ่าถิงคนที่คุณรัก ควรจะเป็นเหลิ่งเซ่าถิงที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่เหมือนคนง่อย ”

เจี่ยนอี๋นั่วนั่งยองๆนั่งข้างๆ เหลิ่งเซ่าถิง จ้องมองไปที่ขาซ้ายของเหลิ่งเซ่าถิง เสียงแหบแห้งและค่อยๆหัวเราะอย่างขมขื่น: “เหลิ่งเซ่าถิงเคยสมบูรณ์แบบหรือ?เขาเป็นคนที่หยิ่งยโสและเฉยเมยไม่ใช่เหรอ?และไม่รู้ว่าการที่รักใครสักนั้นควรรักยังไง เขารู้เพียงแค่ว่าจะจัดการชีวิตของผู้อื่นตามความประสงค์ การคำนึงถึงสิทธิ เห็นสิ่งเหล่านี้สำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด ตอนนี้ขาที่ง่อยจะทำให้เหลิ่งเซ่าถิงจากคนที่หยิงสโสและเฉยเมยกลายเป็นคนที่เป็นมิตรมากขึ้น ถ้าหากเป็นคนง่อยจริงๆ คุณจะมีข้อดีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งข้อ”

“อืม……”เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้น ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเช็ดน้ำตาให้เจี่ยนอี๋นั่ว และพูดเบา ๆ ว่า:“ ดังนั้นคุณอย่าร้องไห้อีกแล้วนะ”

เจี่ยนอี๋นั่วออกแรงเช็ดน้ำตา สำลักและพูดว่า:“ฉันจะช่วยพยุงคุณขึ้นมาเอง”

เหลิ่งเซ่าถิงหน้าคิ้วขมวดพูดขึ้นว่า:“คุณไม่ต้อง”

“คุณโกหกฉันมานานแล้ว คุณเป็นหนี้ฉัน!” เจี่ยนอี๋นั่ววางมือของเหลิ่งเซ่าถิงไว้บนไหล่ของเธอ และช่วยให้เหลิ่งเซ่าถิงลุกขึ้นยืน

หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงยืนขึ้น ก็ถูกเจี่ยนอี๋นั่วพยุงกลับไปนั่งที่ห้อง เหลิ่งเซ่าถิงรีบดึงขากางเกงลง เขาพยายามปกปิดรอยบาดเจ็บที่ขา เจี่ยนอี๋นั่วรีบขวางไว้ให้หยุดทันที และพูดอย่างเย็นชา: “ฉันได้เห็นมันทั้งหมดแล้ว และตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องปิดมันแล้วถึงจะปิดมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ตอนนี้ขาของคุณเจ็บขนาดนั้น คุณต้องรักษาอย่างไร?”

เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว: “ช่วยโทรหาเหล่าสวีหน่อย เขาจะช่วยนวดให้ผมเอง”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ ชี้ไปที่โทรศัพท์บนโต๊ะ จากนั้นก็พูดหมายเลขสั้น ๆ ออกมา เจี่ยนอี๋นั่วแตะจมูกสักครู่ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็โทรออก เมื่อสายถูกเชื่อมต่อ เสียงตอบรับจากปลายสายก็ดังขึ้นเสียงเป็นเสียงของชายชรา: “มีอะไรเหรอครับ?คุณท่าน เมื่อกี้นี้คุณหนูเจี่ยนรีบเข้าไปอย่างอารมณ์หงุดหงิด ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหมครับ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ แต่ขาของคุณท่านของคุณกำลังปวดมากค่ะ เขาต้องการให้คุณมานวดให้เขาหน่อยค่ะ”

เหล่าสวีรีบตอบกลับทันที:“คุณหนูเจี่ยน ……ครับ……ได้ครับได้ครับ ……กระผมจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้ครับ”

เมื่อเหล่าสวีพูดจบ ก็รีบวิ่งขึ้นมา รีบโค้งงอเล็กน้อยไปทางเจี่ยนอี๋นั่วและกล่าวขอโทษ: “กระผมขอโทษครับ ระยะนี้ที่กระผมได้โกหกคุณหนูเจี่ยนครับ ”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและมองไปที่เหล่าสวี: “ภรรยาของคุณ ลูกชายและลูกสะใภ้ของคุณ เป็นเรื่องโกหกด้วยใช่ไหม?”

เหล่าสวีมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง เมื่อเห็นเหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า เหล่าสวีก็ยิ้มออกอย่างขมขื่นและพูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“นั้นมันไม่ใช่เรื่องโกหกหรอกครับ”

เจี่ยนอี๋นั่วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ล้มละลายจริงๆเหรอคะ?”

เหล่าสวีพยักหน้า: “ผมเคยล้มละลายจริงๆครับ แต่เดิมผมเป็นแพทย์แผนจีน และบริษัทของผมก็เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์แผนจีน คุณหนูเจี่ยนครับ ผมหลอกลวงคุณแค่ตัวตนที่แท้จริงของคุณท่านเท่านั้นครับ เรื่องอื่นๆผมไม่เคยหลอกลวงคุณเลยครับ ผมหวังว่าคุณจะไม่โกรธผมนะครับ”

“ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธ” เจี่ยนอี๋นั่วเหลือบมองไปทีเหลิ่งเซ่าถิง: “คุณควรดูอาการของคุณประธานเหลิ่งก่อนเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อนแล้ว”

เหลิ่งเซ่าถิงรีบจ้องมองไปทางเจี่ยนอี๋นั่ว หน้าขมวดคิ้ว:“อี๋นั่ว……”

เจี่ยนอี๋นั่วหันไปมองที่เหลิ่งเซ่าถิง ใช้แรงเช็ดน้ำตาของเธอ และถามด้วยรอยยิ้มฝืนๆว่า: “คุณประธานเหลิ่งต้องการพูดอะไรกับฉันเหรอคะ?เตรียมที่จะดูว่าฉันจะรู้สึกอย่างไรใช่ไหมคะ ?คุณประธานเหลิ่งที่คุณต่อสู้แย่งชิงมรดกของตระกูลเหลิ่งจนทำให้คุณบาดเจ็บ คุณไม่ได้ทำเพื่อฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องรู้สึกทราบซึ้งหรอกนะคะ คุณคงรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่มากใช่ไหมที่ต้องแบกรับภาระมากมายขนาดนี้ ทำให้ฉันอยู่อย่างสบายมาแล้วสองสามปีแล้ว แม้ว่าคุณกำลังจะตายอยู่แล้วคุณยังหาผู้ชายมาดูแลฉันและซวงซวงอีก แต่คุณเคยคิดไหมว่าฉันต้องการทุกอย่างที่คุณมอบให้ฉันหรือเปล่า? ฉันต้องการมันหรือเปล่า?”

“ผมรู้”เหลิ่งเซ่าถิงก้มหัวลง พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“เป็นความผิดของผมเอง”

เจี่ยนอี๋นั่วสูดหายใจเข้าลึกๆจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิง:“ตอนนี้ข้างกายคุณปลอดภัยแล้วเหรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงหน้าคิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว:“นอกจากเหลิ่งหมิงอันยังหาไม่พบ นอกนั้น ……”

“ที่นี่ไม่ควรเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการพักฟื้นหรอกนะคะ ถ้ายังเสียเวลาต่อไป เมื่อไหร่คุณถึงจะหาย ?พรุ่งนี้ คุณรีบกลับไปเถอะค่ะ รีบกลับไปรักษาขาที่บาดเจ็บโดยเร็วที่สุด ” เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงนี่ และเดินสองสามก้าวจนเดินไปถึงประตู

จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็หยุดกะทันหัน หันไปมองเหลิ่งเซ่าถิงและพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:“ ก่อนอื่นเตรียมที่นั่งสองที่นั่งสำหรับฉันและซวงซวงด้วย ฉันจะกลับไปถามความคิดเห็นของซวงซวงก่อน ถ้าหากเธอเห็นด้วย พวกเราจะกลับไปพร้อมกับคุณ”

เหลิ่งเซ่าถิงพยายามลุกขึ้นยืนทันที แต่เพิ่งจะลุกขึ้นเขาก็ต้องนั่งลงเพราะขาที่บาดเจ็บของเขา เขาจึงต้องนั่งลง เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ ก่อนหน้านี้ซวงซวงยังเด็ก และที่นี่จะปลอดภัยมากกว่า แต่ว่าตอนนี้ซวงซวงโตแล้ว เธอก็อยากเจอหน้าคุณพ่อของเธอด้วย ในเมื่อคุณสามารถมาดูฉันและซวงซวงแล้ว นั้นหมายความว่ามันไม่อันตรายเหมือนที่ผ่านมาแล้ว ใช่ไหมคะ ?ถ้าหากคุณอนุญาตฉันก็อยากเป็นเจี่ยนอี๋นั่วและมีชีวิตอยู่ต่อไป ”

ใช้ชีวิตอยู่โดยการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลมาหลายปีแล้ว แม้ว่ามันจะดูมั่นคงมากก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องที่ทรมานสำหรับเจี่ยนอี๋นั่ว บางครั้งเจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่เข้าใจว่าเธอเป็นใครกันแน่ เจี่ยนอี๋นั่วคนก่อนหน้านี้เป็นเธอจริงๆใช่ไหม?

“มันไม่อันตรายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ว่า……” เหลิ่งเซ่าถิงจ้องมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงที่เบา

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เจี่ยนอี๋นั่วก็ขมวดคิ้วและขัดจังหวะคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิง: “ตอนที่ซวงซวงทำชามแตกเป็นครั้งแรก บาดโดนนิ้วมือของตัวเอง แต่ครั้งที่สองก็รู้วิธีหลีกเลี่ยงมัน เป็นเพราะฉันกลัวที่เธอจะโดนบาด ดังนั้นจะไม่ให้เธอจับชามตลอดชีวิตอย่างนั้นเหรอ?ก่อนหน้านี้ที่ฉันตัดสินใจอยู่ที่นี่ เป็นเพราะซวงซวงยังเด็ก และฉันกลัวว่าเลือดข้างนอกจะทำให้เธอตกใจ แต่ตอนนี้คุณพ่ออย่างคุณที่หายไปนานแสนนาน ดูเหมือนจะเป็นโรคในใจของเธอและสาเหตุหลักๆสาเหตุนี้ ทำไมคะ? คุณอยากจะพูดอะไรอีกคะ? ”

เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหัวเบา ๆ พิงพนักเก้าอี้และพูดด้วยน้ำเสียงเบา: “ถ้าหากเธอตกลง ถ้าอย่างนั้นผมจะพาพวกคุณกลับไปด้วยกัน ”

เจี่ยนอี๋นั่วเหลือบมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง จากนั้นก็เดินออกจากห้องของเหลิ่งเซ่าถิง เหล่าสวีที่กำลังทายาให้กับเหลิ่งเซ่าถิงรีบพูดด้วยรอยยิ้ม: “คุณท่านครับ นี่เป็นการรวมตัวของครอบครัวขึ้นอย่างอบอุ่นอีกครั้งแล้วนะครับ?”

เหลิ่งเซ่าถิงฝืนยิ้มและส่ายหัว: “อี๋นั่ว เธอเกลียดผมแล้วจริงๆ”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงนี่ ก้มหัวลง มองลงที่ขาของเขา จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม:“แต่เป็นแบบนี้ก็ดี เธอควรเจอผู้ชายที่ดีกว่านี้”

แต่เมื่อเขาพูดจบรอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆจางหายไปจากใบหน้าของเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงกำมือแน่นแววตาเต็มไปด้วยความหึงหวง แม้จะมืดมนเล็กน้อย เหล่าสวีเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ใบหน้าของเหลิ่งเซ่าถิง และก้มหัวลงทันที

เจี่ยนอี๋นั่วเดินไปที่โรงเรียนประถมของเจี่ยนซวง หลังจากที่รอเจี่ยนซวงเลิกเรียน เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วโบกมือเรียกเจี่ยนซวง เมื่อเห็นเจี่ยนซวงวิ่งมาหาเธอด้วยรอยยิ้ม เจี่ยนอี๋นั่วถามเจี่ยนซวงด้วยรอยยิ้มว่า :“วันนี้เป็นยังไรบ้างคะลูก?”

เจี้ยนซวงแตะที่จมูกและพูดด้วยความภาคภูมิใจ :“วันนี้เยี่ยมมากค่ะ หนู หนูสอบวิชาคณิตศาสตร์ผ่านแล้วนะคะ คุณแม่คะ หนูเก่งมากใช่ไหมคะ ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า:“อืม ใช่สิจ๊ะ ยอดเยี่ยมมากจริงๆนะคะ”

ยังเป็นเหมือนทุกวัน เจี่ยนอี๋นั่วจูงมือเจี่ยนซวงจากโรงเรียนกลับถึงบ้าน เจี่ยนอี๋นั่วจับเจี่ยนซวงนั่งลง ถามเจี่ยนซวงด้วยรอยยิ้มว่า:“ คุณแม่อยากถามคำถามหนึ่งนะคะ หนูอยากเป็นเหยียนเหยียนหรือซวงซวงคะ?”

เจี่ยนซวงกระพริบตาและถามอย่างสงสัย:“ คุณแม่คะ นี่คุณแม่ถามคำถามอะไรคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูดว่า:“บางทีหนูอาจจะกลับไปเป็นซวงซวงอีกครั้ง หนูเต็มใจไหมคะ?”

“จริงเหรอคะ!” เจี่ยนซวงรีบกระโดดขึ้นทันที: “หนูจะได้กลับไปเป็นซวงซวงอีกครั้งแล้ว! หนูอยากเป็นซวงซวงค่ะคุณแม่ พวกเราสามารถกลับไปได้แล้วใช่ไหมคะ สามารถเจอคุณน้าเล่อเล่อแล้วใช่ไหมคะ และยังมีคุณน้าหมิงจูด้วยใช่ไหมคะ และยังมี……ยังมี……”

เมื่อเจี่ยนซวงพูดถึงนี่จ้องมองไปที่ท่าทางของเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า :“แล้วยังมีคุณพ่อด้วย……”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าและมองไปที่เจี่ยนซวงที่กำลังจะหัวเราะออกมา เจี่ยนอี๋นั่วกดไหล่ของเจี่ยนซวงและพูดอย่างจริงจังว่า: “หนูอาจถูกแยกจากแม่นะลูก หนูต้องเผชิญอันตราย และก่อนหน้าที่ถูกลุงคนเลวนั้นลักพาตัว หนูอาจได้รับบาดเจ็บเช่นกัน หรือ……หรือถึงตาย……และจะไม่มีวันได้เจอหน้าแม่อีกตลอดชีวิต ถ้าเป็นแบบนี้ หนูก็เต็มใจและยอมที่จะเป็นซวงซวงใช่ไหมคะ?”

เจี่ยนซวงตกตะลึงกับคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ค่อยๆพยักหน้าอย่างช้าๆ: “คุณแม่คะ หนูเป็นซวงซวงตั้งแต่แรกแล้วนะคะ”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท