หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 213 อย่าแตะต้องตัวฉัน

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

แต่ขณะที่เหลิ่งเซ่าถิงยื่นมือออกไป เจี่ยนอี๋นั่วก็ง้างมือตบไปที่หน้าของเหลิ่งเซ่าถิงอีกครั้ง เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและพูดกับเหลิ่งเซ่าด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา :“อย่าแตะต้องตัวฉัน!”

เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆขยับมือกลับมาและพูดด้วยน้ำเสียงแหบ “ผมทำให้คุณตกใจกลัวหรือเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้พูดอะไรออกมา ดวงตาของเธอแดงก่ำ เธอรีบปิดเสื้อผ้าของเธอที่ถูกเหลิ่งเซ่าถิงฉีกจนขาด เม้มริมฝีปากของเธอและรีบยืนขึ้นทันที

เหลิ่งเซ่าถิงมองไปที่ด้านหลังของเจี่ยนอี๋นั่ว และอดไม่ได้ที่จะตะโกนถามเบา ๆ : “อี๋นั่ว เราสามารถอยู่ด้วยกันต่อไปได้หรือไม่?”

เจี่ยนอี๋นั่วหยุดทันทีเธอหายใจเข้าลึก ๆ และถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ :“คุณมองฉันเป็นตัวอะไร? เป็นของเล่นหรือเป็นคน? เป็นเครื่องมือสำหรับระบายอารมณ์ หรือแค่เป็นแม่ของเด็กๆเท่านั้น คุณต้องการที่จะให้ลั่วหยางเป็นทายาทผู้สืบทอดตระกูลใช่ไหม ดังนั้นจึงรับฉันและซวงซวงกลับมา ?เป็นเพราะต้องการกักขังลั่วหยาง หรือต้องการให้ใครบางคนเห็นว่าคุณมีครอบครัวที่แข็งแรงและสมบูรณ์แบบ และเมื่อสักครู่นี้การกระทำที่คุณทำต่อฉัน? ”

เหลิ่งเซ่าถิงทำหน้าเศร้าเล็กน้อย และมองไปที่ด้านหลังของเจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “คุณมักจะคิดว่าการที่ผมไปรับพวกคุณกลับมา เป็นเพราะต้องการลั่วหยางเหรอ?”

“แล้วมันไม่ใช่เหรอ?” เจี่ยนอี่นั่วหันกลับมาและมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง: “ฉันไม่รู้ว่าคุณยังมีแผนอะไรอีก! เหลิ่งเซ่าถิง ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อคุณ ฉันอยากจะเชื่อคุณมาก แต่ความไว้วางใจในตัวคุณมันหมดลงแล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะแยกทางกับฉันตอนไหน ไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นเมื่อไหร่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยคิดที่จะนึกถึงอดีตเลย และไม่มีข่าวคราวที่เกี่ยวกับคุณปรากฏขึ้นต่อหน้าฉันอีกเลย แต่ฉันก็ยังผ่านมันมาได้ นี่ก็แสดงให้เห็นว่า พวกเราไม่จำเป็นต้องเป็นของกันและกัน พวกเรายังมีทางเลือกอื่น รอยแตกร้าวระหว่างเรา เป็นเรื่องยากที่จะให้มันกลับมาเหมือนเดิม หลายปีที่ผ่านมานี้เราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ฉันเดาไม่ออกว่าในใจของคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริง และเรื่องไหนเป็นเรื่องหลอกลวง? คุณก็อาจจะรู้แล้วว่าฉันไม่สามารถเข้าใจคุณ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี เห็นได้ชัดเจนว่าความสงบสุขในทุกวันนี้ของฉัน เพราะคุณเป็นคนแย่งมันมา ”

เหลิ่งเซ่าถิงมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วด้วยดวงตาที่แดงก่ำ และพูดอย่างเย็นชา: “ผมไม่ได้คิดแบบนั้น คุณเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา และเป็นผู้หญิงที่ผมรักที่สุด ปัญหาของเราในตอนนี้ เกิดจากการตัดสินของผมในครั้งนั้นจึงก่อให้เกิดปัญหาเหล่านี้ นี่เป็นสิ่งที่ผมก่อขึ้น ผมก็จะแก้ไขมันด้วยตัวผมเอง ”

เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงและส่ายหัว: “จะแก้ไขได้อย่างไร?ทำให้ย้อนเวลากลับไปได้อย่างนั้นเหรอ? เหลิ่งเซ่าถิงพวกเราอย่าบังคับใจกันอีกเลยนะ แม้ว่าเวลาอาจจะย้อนกลับไปในอดีตได้ ฉันก็เลือกที่จะไม่ตกหลุมรักคุณอีก ”

หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องของเจี่ยนซวง เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆพยุงกำแพงลุกขึ้นยืนและพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า:“แล้วถ้าหากผมต้องการบังคับมันล่ะ?”

หลังจากผ่านความยากลำบากมาก่อนหน้านี้ เหลิ่งเซ่าถิงไม่เชื่อว่าในที่สุดก็ถึงวันที่เขาสามารถปกป้องเจี่ยนอี๋นั่วได้แล้ว แต่เจี่ยนอี๋นั่วกลับไม่ต้องการอยู่กับเขา

หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ เขาก็เห็นลั่วหยางเปิดประตูห้อง เดินออกมาและจ้องมองมาที่เขา

ลั่วหยางจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิงด้วยแววตาที่ไร้อารมณ์ และพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า:“ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณจะแย่มาก”

เหลิ่งเซ่าถิงมองไปที่ลั่วหยางและพูดด้วยรอยยิ้ม: “แต่มันจะค่อยๆดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป”

ลั่วหยางเหลือบมองไปที่ห้องของเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวง แล้วส่ายหัวเบา ๆ : “ดูเหมือนว่านิสัยของเธอแย่มาก และเธอเหมาะที่จะเป็นภรรยาของคุณจริงๆหรือ?”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและกล่าวว่า: “ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเธอแล้ว ภรรยาของผมไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขมากมาย ขอเพียงแค่ผมรักเธอก็พอแล้ว”

“ความรัก?” ลั่วหยางซึ่งยังเด็กแสดงสีหน้าแบบผู้ใหญ่ เขาเอียงศีรษะและมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงอย่างสงสัย ราวกับว่าเขาไม่เข้าใจว่าคำนี้มีความหมายว่าอย่างไร

เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก ได้แต่ยิ้มให้ลั่วหยางและพูดว่า:“ ไปนอนเถอะลูก”

ลั่วหยางเหลือบมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง จากนั้นก็ขมวดคิ้วและกลับเข้าไปในห้อง เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆเดินกลับห้องของเขาด้วยขาซ้าย หลังจากกลับมาถึงห้อง เหลิ่งเซ่าถิงนอนหงายลงบนเตียง ยกมือขึ้นปิดตาและค่อยๆเผยรอยยิ้มที่ไม่เห็นคุณค่าของตนเอง

ความเจ็บปวดที่ขาซ้ายของเขาค่อยๆปวดรุนแรงขึ้น ทำให้รอยยิ้มของเหลิ่งเซ่าถิงขมขื่นขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆลุกขึ้น ก้มลงมองลงไปที่ขาซ้ายของเขา แล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ

หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วกลับมาถึงห้องของเธอ ก็ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ และเธอก็ไม่สามารถหลับลงได้เลย ตอนนี้ในสมองของเจี่ยนอี๋นั่วสับสนวุ่นวายไปหมด เป็นเพราะการกระทำของเหลิ่งเซ่าถิงเมื่อกี้นี้ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นและลูบที่ริมฝีปากของเธอ เมื่อเธอสัมผัสโดนบาดแผลบนริมฝีปากของเธอที่ถูกเหลิ่งเซ่าถิงกัด ความเจ็บปวดเล็กน้อยนั้น ก็ยืนยันได้อีกครั้งว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้มันเป็นเรื่องจริง เหลิ่งเซ่าถิงจูบเธอจริงๆ แต่หลังจากที่ผ่านไปหลายปี หัวใจของเธอยังคงเต้นเร็วขึ้นและเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะจูบของเหลิ่งเซ่าถิง

เจี่ยนอี๋นั่วหงุดหงิดพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน ในวันรุ่งเช้าฟ้าเริ่มสว่าง เมื่อเธอลืมตาขึ้น ก็เห็นเจี่ยนซวงนอนอยู่ข้างกายเธอ ถามด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“คุณแม่คะ ริมฝีปากของคุณแม่เป็นอะไรคะ?เป็นเพราะเมื่อคืนคุณแม่แอบไปกินขนม แล้วกัดโดนริมฝีปากของตัวเองใช่ไหมคะ ?”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบปิดริมฝีปากของเธอและพูดอย่างรีบร้อน:“เปล่าจ๊ะ ไม่มีอะไรจ๊ะ เด็กคนนี้นี่ดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย?ยังไม่รีบตื่นขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันอีก และเตรียมไปทานอาหารเช้าได้แล้ว?”

เจี่ยนซวงเม้มริมฝีปากของเธอและพึมพำด้วยน้ำเสียงเบา: “เอ๊ะ?ทำไมคุณแม่ดุจังเลยคะ? ซวงซวงตื่นนานแล้วค่ะ กำลังจะไปล้างหน้าและใส่เสื้อผ้าแล้วคะ จริงๆเลย เมื่อคนหน้าตาไร้ความรู้สึกคนนั้นโผล่มา คุณแม่เหมือนจะไม่สนใจซวงซวงแล้วนะคะ นี่คุณแม่ยังดุใส่ซวงซวงขนาดนี้”

“คนหน้าตาไร้ความรู้สึก?”เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วจ้องมองไปทางเจี่ยนซวง:“หนูหมายถึงพี่ชายของหนู ลั่วหยางเหรอคะ?”

เจี่ยนซวงกระพริบตาทันที และพูดด้วยรอยยิ้ม: “คุณแม่คะ แค่หนูพูดคุณแม่ก็เดาได้เลย คุณแม่ก็คิดเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะว่าเขาดูเหมือนปลาที่ตายแล้ว……”

ในขณะที่เจี่ยนซวงกำลังพูดอยู่ ยังเลียนแบบรูปลักษณ์ของลั่วหยางที่แสดงสีหน้าออกมาอย่างเย็นชา

เจี่ยนอี๋นั่วสีหน้าเคร่งเครียดทันที และตะโกนเสียงดังใส่เจี่ยนซวง : “เจี่ยนซวง!”

เจี่ยนซวงตกใจจนตัวสั่น รีบหดตัวทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงเบา: “คุณแม่คะ หนูรู้ว่าหนูผิดไปแล้ว หนูจะไม่ตั้งชื่อเล่นให้กับพี่ชายอีกแล้วค่ะ หนูจะดีต่อพี่ชายให้มากๆนะคะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พี่ชายจะกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันพวกเรา พวกเราต้องสามัคคีและรักกัน และเป็นพี่น้องที่ดีที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คุณแม่คะ ซวงซวงจะไปล้างหน้าแล้วนะคะ ”

หลังจากที่เจี่ยนซวงพูดคำสารภาพผิดและมีทัศนคติที่ดีแล้ว เจี่ยนซวงพูดในสิ่งที่เจี่ยนอี๋นั่วต้องการจะพูดกับเธอ เธอช่วยเจี่ยนอี๋นั่วปลดปล่อยมันออกมา เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วกำลังตกตะลึงอยู่นั้น เจี่ยนซวงก็รีบลุกจากเตียงวิ่งตรงไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัวทันที

เมื่อเห็นเจี่ยนซวงวิ่งหนีจนไม่เห็นแม้แต่เงา เจี่ยนอี๋นั่วก็ยกมือขึ้นลูบที่ริมฝีปากของเธอ และถอนหายใจออกมา:“ มันร้ายแรงขนาดนี้เลยเหรอ?”

หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วเดินไปจนถึงหน้าห้องน้ำ และเหลือบมองไปที่ริมฝีปากของเธอ เจี่ยนอี๋นั่วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที รอยแผลบนริมฝีปากของเธอชัดเจนมากและถึงแม้เธอจะทาลิปสติกก็ไม่สามารถปกปิดได้ เจี่ยนอี๋นั่วจับที่อ่างล้างหน้า และถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ หลายปีผ่านไป ทำไมทักษะการจูบของเหลิ่งเซ่าถิงถึงยังไม่พัฒนาขึ้นเลยนะ! นี่คือการจูบ หรือเป็นการกัดกินเนื้ออยู่กันแน่?

เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจอย่างหมดหนทาง พิงที่อ่างล้างหน้า หน้าขมวดคิ้ว และเธอไม่อยากออกไปจากห้องเลยเมื่อต้องไปเผชิญหน้ากับเหลิ่งเซ่าถิง แต่เจี่ยนซวงไม่ยอมให้เจี่ยนอี๋นั่วซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำเพื่อหนีความจริงทั้งหมดนี้แน่ เมื่อเจี่ยนซวงเห็นว่าเจี่ยนอี๋นั่วเข้าไปห้องน้ำเป็นเวลานานมากแล้วยังไม่ออกมาสักที เธอก็ตะโกนออกมาเสียงดัง: “คุณแม่คะ…… คุณแม่ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ซวงซวงหิวข้าวแล้วคะ อยากลงไปกินข้าวแล้วคะ”

เจี่ยนอี๋นั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เดินออกจากห้องน้ำ และพาเจี่ยนซวงเดินออกจากห้องไปพร้อมกัน หลังจากที่เดินออกจากห้อง ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงกำลังเดินลงไปชั้นล่าง ก็เห็นลั่วหยางนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารอย่างเรียบร้อย มือถือนมหนึ่งแก้วและกำลังดื่ม ผิวของลั่วหยางนั้นขาวมาก และเมื่อเขาจับนมแก้วนั้น มันก็ดูขาวกว่าน้ำนมที่มีสีขาวบริสุทธิ์เสียอีก

เจี่ยนซวงรีบดึงมือเจี่ยนอี๋นั่วทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า: “คุณแม่คะ เขาเป็นพี่ชายจริงๆใช่ไหมคะ ไม่ใช่พี่สาวใช่ไหมคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วลูบหัวเจี่ยนซวงและพูดด้วยรอยยิ้ม: “เขาเป็นพี่ชายของซวงซวงจริงๆคะ คำถามนี้ห้ามถามพี่ชายหนูนะคะ เดี๋ยวพี่ชายหนูจะไม่พอใจเอา และมันไม่เหมาะสมมากที่จะถามคำถามแบบนี้นะคะ”

เจี่ยนซวงถามอย่างสงสัย:“ถ้าอย่างนั้นถามว่าพี่ชายเป็นพี่สาวไหม จะทำให้พี่ชายโกรธหรือเปล่าคะ หรือเรียกว่าพี่ชายว่าเป็นคนที่ไร้ความรู้สึก จะทำให้พี่ชายโกรธหรือเปล่าคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วหน้าขมวดคิ้วและเหลือบมองเจี่ยนซวง: “ถ้าหนูกล้าที่จะทำการทดลองนี้ และพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าพี่ชายของหนูแล้วล่ะก็ คุณแม่ก็จะทำโทษหนูโดยการตีที่น่องอวบๆของหนูนะคะ ”

เจี่ยนซวงร้องไห้สะอื้นและพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ คุณแม่ลำเอียงมากจริงๆ หนูก็แค่คิดเฉยๆ ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย !”

“แม่รู้ว่าหนูกำลังคิดที่จะทำอะไร ดังนั้นคุณแม่จะตักเตือนหนูไว้ล่วงหน้า” เจี่ยนอี๋นั่วยักคิ้วพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เจี่ยนซวงหน้ามุ่ยและพูดด้วยความโกรธ: “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เห็นว่าคุณแม่จะตักเตือนพี่ชายบ้างละคะ ลำเอียงจริงๆ!หนูไม่สนใจแล้ว หนูจะไปทานข้าวแล้วค่ะ”

หลังจากเจี่ยนซวงพูดจบ เธอก็วิ่งไปที่โต๊ะอาหารและหยิบอาหารเช้าของเธอทันที

เจี่ยนอี๋นั่วหายใจเข้าลึก ๆ และเดินไปนั่งที่ด้านข้างเจี่ยนซวง แล้วก็หยิบชามโจ๊กขึ้นมา ตักโจ๊กเข้าปาก โจ๊กนี้เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้เป็นคนทำ แต่มีคนส่งมาจากข้างนอกเหรอ? แต่ในเมื่อเหลิ่งเซ่าถิงเรียกคนนำอาหารมาส่ง ตอนนี้เขาไปไหนแล้วล่ะ? หรือบริษัทมีงานด่วน เขาจึงไปทำงาน?

“ขาของเหลิ่งเซ่าถิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และตอนนี้เขากำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง” ลั่วหยางจิบนมและพูดด้วยน้ำเสียงแบบเด็ก ๆ

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว: “บาดเจ็บที่ขาอย่างรุนแรง? ขาของเขากำเริบอีกแล้วเหรอ?”

“มันไม่ใช่อาการกำเริบ แต่เป็นกระดูกหัก” ลั่วหยางจิบนมอีกครั้งและพูดอย่างเย็นชา:“ ดูเหมือนว่าเมื่อคืนเขาจะได้รับบาดเจ็บ”

ทันใดนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็จำเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ที่เหลิ่งเซ่าถิงล้มลงไป เป็นไปได้ไหมว่าเมื่อคืนเหลิ่งเซ่าถิงต้องการกันไม่ให้เธอล้มลงกับพื้น เขาก็เลยเอาตัวมาบังไว้จนได้รับบาดเจ็บที่ขาอย่างรุนแรง ? แต่เนื่องจากขาของเหลิ่งเซ่าถิงหักแล้ว แล้วทำไมเขาถึงมีแรงที่กระทำกับเธอได้มากขนาดนี้ด้วยล่ะ

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากกระดูกหักแล้ว แต่ก็คงเป็นเพราะเธอเขาถึงได้รับบาดเจ็บ เจี่ยนอี๋นั่วคิดถึงนี่ ก็รู้สึกกระวนกระวายใจนั่งไม่นิ่งแล้ว เธอรีบลุกขึ้นทันทีและพูดว่า :“เดี๋ยวคุณแม่จะขึ้นไปดูที่ชั้นบนหน่อย”

เจี่ยนซวงหยิบชามโจ๊กขึ้นมา แล้วมองไปที่เครื่องเคียงบนโต๊ะอย่างไม่เต็มใจและพูดด้วยน้ำเสียงเบา: “ถ้าอย่างนั้นหนูก็เช่นกัน …… ”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบพูดทันที: “ซวงซวงคะ หนูไม่ต้องขึ้นไปแล้วนะคะ หนูทานข้าวก่อนเถอะค่ะ”

จากนั้นเจี่ยนซวงก็รีบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทันที แม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นคุณพ่อของเธอ แต่เจี่ยนซวงยังไม่ได้มีความผูกพันกับเหลิ่งเซ่าถิงมากเท่าไหร่นัก เวลานี้ในโลกของเจี่ยนซวงก็มีเพียงเจี่ยนอี๋นั่วคนเดียวที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด จากนั้นคุณแม่ก็อยู่เหนือคุณพ่อเหลิ่งเซ่าถิงของเธอ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน