หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 220 ทายาให้ผม

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังไปในทิศทางที่ดี ยื่นตะเกียบไปที่มือของลั่วหยาง และพูดด้วยรอยยิ้ม: “เดี๋ยวจะตักข้าวให้ลูกนะคะ ลูกอยากทานเท่าไหร่จ๊ะ?”

“ข้าวครึ่งชาม” หลังจากที่ลั่วหยางพูดจบ เขาก็นั่งลงอย่างเป็นระเบียบ และเมื่อเจี่ยนอี๋นั่วยื่นข้าวไปให้เขา เขาก็เริ่มทานข้าวทันที

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและมองไปที่ลั่วหยาง หลังจากที่ตักข้าวให้จนครบทุกคนแล้ว จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วก็นั่งลง

เหลิ่งเซ่าถิงเห็นว่าเจี่ยนอี๋นั่วได้คีบอาหารมาหนึ่งคำ แล้วพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ว่า :“เป็นเพราะอาหารปรุงเสร็จไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยง มันอาจจะอยู่ในกล่องเก็บความร้อนเป็นเวลานานแล้ว เป็นเพราะอาหารรสชาติไม่ดีใช่หรือเปล่า?ไม่รู้ว่าจะถูกปากทุกคนหรือเปล่านะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูดว่า: “ถูกปากแน่นอนค่ะ คุณไม่ต้องคิดมากอย่างนั้นแล้วนะคะ อาหารถูกปากรสชาดอร่อย”

เจี่ยนซวงยกมือขึ้นทันทีและตะโกนว่า :“อร่อยมากจริงๆค่ะ อร่อยมากจริงๆค่ะ คุณพ่อวางใจเถอะค่ะ ”

ลั่วหยางพยักหน้าเช่นกัน เหลิ่งเซ่าถิงจึงก้มหน้าลงและทานโจ๊กไปหนึ่งคำ

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เพราะเมื่อตอนกลางวันเด็กทั้งสองคนหลับมากเกินไป จึงทำให้อารมณ์ดี พวกเขาเดินไปรอบ ๆ เล่นกันอย่างเสียงดัง ถ้าพูดตามความจริงแล้วก็คือลั่วหยางกำลังอ่านหนังสืออยู่ แต่เจี่ยนซวงเดินตามหลังลั่วหยางต่างหาก และเดินเล่นเดินไปเดินมารอบๆเล่นเสียงดังมาก

เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเจี่ยนซวงเล่นเสียงดังเธอก็หน้าคิ้วขมวดทันที เจี่ยนอี๋นั่วนึกขึ้นได้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงยังไม่ได้พักผ่อน จึงเก็บตะเกียบของเธอ ยิ้มและพูดกับเหลิ่งเซ่าถิง: “เด็กสองคนนี้ไม่รู้ว่าจะเล่นอีกนานแค่ไหน วันนี้ช่วงบ่ายคุณไม่ได้พักผ่อน คุณง่วงมากใช่ไหมคะ ?ไม่งั้นคุณไปนอนก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวฉันจะพาเด็ก ๆ ลงไปเล่นข้างล่างเอง”

เหลิ่งเซ่าถิงจิบชาคำหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนอี๋นั่ว ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:“ ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การพักผ่อนหรอกนะ คุณลืมที่จะทายาให้ผมหรือเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วหยุดชะงัก ดวงตาของเธอเบิกกว้างขมวดคิ้วและมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงด้วยความลำบากใจ: “คุณต้องการทายาจริงๆหรือคะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าเบา ๆ และถอนหายใจออกมาเบา ๆ : “ถ้านอกจากทายาให้แล้ว ยังสามารถอาบน้ำให้ผมด้วยแล้วล่ะก็จะยิ่งดีเลยล่ะ ”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเหลิ่งเซ่าถิงพูดเช่นนี้ เธอก็ไม่สนใจเรื่องการทายาแล้ว และรีบชี้ไปที่ขาข้างขวาของเหลิ่งเซ่าถิงและพูดว่า:“ ขาของคุณกลายเป็นแบบนี้แล้ว คุณยังสามารถอาบน้ำได้อีกเหรอคะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากของเขา และพูดด้วยท่าทางเศร้าหมอง: “แต่ผมรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย แต่ถ้าหากคุณไม่เต็มใจอาบน้ำให้ผม ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ ผมทนได้”

เจี่ยนอี๋นั่วยังจำได้ว่าตอนที่เธอเคยอาศัยอยู่กับเหลิ่งเซ่าถิงนั้น เหลิ่งเซ่าถิงเป็นคนที่ต้องอาบน้ำทุกวันในตอนเช้าและตอนเย็นหนึ่งครั้ง ตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงไม่สามารถแม้แต่จะอาบน้ำได้ เพราะอาการบาดเจ็บที่ขา เขาไม่เพียงแค่จะทรมานเท่านั้น แต่ยังน่าจะรู้สึกไม่สบายตัวสุดๆเลยล่ะ

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วนึกถึงนี่ ก็ขมวดคิ้วทันที และพูดด้วยน้ำเสียงเบา : “ถ้าอย่างงั้น…… ถ้าอย่างงั้นฉันเช็ดตัวให้คุณดีไหมคะ?เดี๋ยวเอาผ้าเปียกน้ำเช็ดให้ค่ะ ……”

“ได้สิ” เหลิ่งเซ่าถิงยังไม่ทันรอให้เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เขาก็พยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ได้สิ”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเหลิ่งเซ่าถิงดูเหมือนจะวางแผนไว้นานแล้ว และเขามั่นใจว่าเธอจะไม่อาบน้ำให้เขา ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินว่าเธอเต็มใจที่จะเช็ดหลังของเขา เหลิ่งเซ่าถิงก็ตอบตกลงทันที

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วคิดถึงนี่ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว บ่นพึมพำว่าตัวเองนั้นโง่เขลามาก จากนั้นก็พูดเบา ๆว่า : “งั้นฉันจะพาเด็กๆไปเล่นอยู่ข้างล่างก่อน แล้วเดี๋ยวฉันค่อยมาทายาให้คุณนะคะ ”

เด็กทั้งสองมีพฤติกรรมที่ดีมากในตอนนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องให้เจี่ยนอี๋นั่วลงไปส่ง พวกเขาก็เดินลงไปเล่นชั้นล่างด้วยตัวเอง อันที่จริงเจี่ยนอี๋นั่วไม่ต้องการให้เด็กทั้งสองลงไปข้างล่างเร็วนัก เธออยากให้เด็กๆทั้งสองคนอยู่นานกว่านี้ด้วยซ้ำ เพื่อที่เธอจะได้ถ่วงเวลาให้นานกว่านี้หน่อย สุดท้ายเด็กทั้งสองทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

หลังจากที่เด็กทั้งสองคนเดินลงไปข้างล่าง เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่มีข้ออ้างล่วงเวลาได้อีกต่อไป ทำได้เพียงเดินไปข้างกายเหลิ่งเซ่าถิงอย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ยาที่จะทาอยู่ไหนคะ ?”

เหลิ่งเซ่าถิงซึ่งนอนรออยู่บนเตียงแล้ว ก็รีบเปิดลิ้นชักข้างเตียงทันที หยิบยาออกมาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า:“ทาตรงนี้”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปากของเธอ รับยาแล้วพยักหน้าเล็กน้อย: “อืม …… ดูแล้วยาตัวนี้สรรพคุณดีมากนะคะ ถ้างั้นตอนนี้ฉันจะลงมือทายาให้คุณแล้วนะคะ ……คุณช่วยดึงกางเกงขึ้นหน่อยค่ะ ”

“ก่อนที่จะทายา ควรเช็ดตัวก่อนไม่ใช่หรือ?” เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยรอยยิ้ม:“ ไม่งั้นหลังจากทายาแล้วคุณจะเช็ดตัวยังไง?”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปาก อันที่จริงเธอพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะผ่านขั้นตอนนี้ไป แต่เธอไม่คาดคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะยังคงจำมันได้ตลอดเวลา เจี่ยนอี๋นั่วเงยมองขึ้นไปที่เหลิ่งเซ่าถิง และเห็นว่าเหลิ่งเซ่าถิงก็กำลังมองตรงมาที่เธอ ตอนนี้ท่าทางของเหลิ่งเซ่าถิงเหมือนกำลังสงสัย “คุณคงไม่คิดจะผิดสัญญาใช่ไหม”

เจี่ยนอี๋นั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ กระพริบตาและกัดริมฝีปาก จากนั้นก็คิดในใจว่า: วันนี้เธออับอายขายขี้หน้าจนไม่รู้จะอับอายขนาดไหนแล้ว ยังต้องกลัวอะไรอีกล่ะ? ยังมีเรื่องอะไรที่น่ากลัวกว่านี้อีกเหรอ?

หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วเตรียมใจและทำใจได้แล้ว ก็หน้าคิ้วขมวดรีบหันไปพูดกับเหลิ่งเซ่าถิงว่า:“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปเตรียมน้ำอุ่นและนำผ้าขนหนูมานะคะ”

หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบเธอก็รีบลุกขึ้นและไปที่ห้องน้ำทันที ในขณะที่เธอเปิดก๊อกน้ำอยู่ เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก มองตัวเองในกระจกซ้ำ ๆ และกำลังพยายามทำใจอยู่: ไม่เป็นอะไรหรอกเจี่ยนอี๋นั่ว !ถือซะว่าตัวเองเป็นตุ๊กตาไม้รูปคนล่ะกันนะ!แค่ถือซะเป็นพยาบาลพิเศษที่ดูแลคนแก่ที่พิการแล้วกันนะ!

หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วทำใจได้แล้ว เธอรีบนำกะละมังน้ำร้อนและนำผ้าขนหนูกลับมา เจี่ยนอี๋นั่วเห็นเหลิ่งเซ่าถิงก้มหัวลงและปลดกระดุมชุดนอนทีละเม็ด

เจี่ยนอี๋นั่วพึ่งทำใจได้ไม่นาน ดังนั้นในสิ่งที่ทำใจได้แล้วกำลังพังทลายลง เจี่ยนอี๋นั่วรีบหันหน้าหนี และตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนกว่า :“นี่คุณ คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆปลดกระดุมขมวดคิ้วและพูดว่า:“ผมกำลังปลดกระดุมอยู่ อย่าบอกนะว่าจะต้องถอดเสื้อแล้วค่อยเช็ดตัวให้คุณอ่ะ ? แล้วถ้าไม่ถอดเสื้อผ้าจะเช็ดตัวได้อย่างไรล่ะ”

ดวงตาของเจี่ยนอี๋นั่วเบิกกว้าง และพูดด้วยความตื่นตระหนก: “งั้น งั้น….. งั้นก็ไม่ควรรีบขนาดนี้ไหมคะ?คุณก็ไม่ต้องถอดแล้ว …… ”

“ คุณไม่ต้องการให้ผมถอดใช่ไหม? หรือถ้าอย่างนั้นคุณต้องการช่วยผมถอดเหรอ?” เหลิ่งเซ่าถิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิงก็รู้ได้ทันทีว่าเหลิ่งเซ่าถิงจงใจตีความหมายของเธอให้ผิดเพี้ยน เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ เม้มริมฝีปากขมวดคิ้วและพูดว่า :“เหลิ่งเซ่าถิง คุณหยุดล้อเล่นอีกต่อไปได้ไหมคะ ถ้าหากคุณยังพูดแบบนี้อีก ฉันก็ไม่มีวิธีที่จะสนใจคุณได้อีกต่อไปแล้วจริงๆ ”

เหลิ่งเซ่าถิงรีบพูดทันที: “เอาเถอะ ผมจะไม่พูดอะไรที่ทำให้คุณรำคาญอีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นคุณสามารถช่วยผมได้ไหม?”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเหลิ่งเซ่าถิงพูดเช่นนี้ และค่อยๆหันหน้ามองไปทางเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว เธอรู้ด้วยว่าถ้าหากเธอต้องการเช็ดตัวก็คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากไม่ถอดเสื้อผ้า

เจี่ยนอี๋นั่วทำได้เพียงกัดฟันยกมือขึ้น แล้วเอื้อมมือไปที่กระดุมของเหลิ่งเซ่าถิง แต่ในเวลานี้ เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกเสียใจอย่างกะทันหัน เหตุใดเธอจึงตกลงรับปากเหลิ่งเซ่าถิงได้เร็วขนาดนั้น และปล่อยให้ตัวเองมาถอดเสื้อผ้าให้กับเหลิ่งเซ่าถิงได้อย่างไรกัน? เธอควรรอสักครู่ รอจนกว่าเหลิ่งเซ่าถิงถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกแล้ว เธอก็ค่อยยื่นมือออกมาอีกครั้งก็ได้นี่ ตอนนี้เธอรู้สึกอายมากกว่าเมื่อกี้นี้เสียอีก!

คิดซะว่าเขาเป็นเพียงตุ๊กกาไม้รูปคนล่ะกันนะ! ก็เหมือนพยาบาลที่ดูแลคนไข้ทั่วไปล่ะกัน!

เจี่ยนอี๋นั่วแอบคิดทบทวนในสิ่งที่ในใจเธอเคยคิดซ้ำ จากนั้นค่อยๆยื่นมือไปที่เหลิ่งเซ่าถิง เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วปลดกระดุมเม็ดแรกของเหลิ่งเซ่าถิงออก ปลายนิ้วเย็นของเจี่ยนอี๋นั่วก็สัมผัสโดนผิวของเหลิ่งเซ่าถิง ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วอ้าปากค้างด้วยความตกใจและนิ้วของเธอสั่นเล็กน้อย จากนั้นมือของเจี่ยนอี๋นั่วก็เคลื่อนลงอย่างช้าๆ เธอค่อยๆปลดกระดุมเม็ดที่สองของเหลิ่งเซ่าถิง จากนั้นก็ปลดกระดุมเม็ดที่สาม……

หลังจากปลดกระดุมเม็ดที่สามแล้ว อารมณ์ขี้อายของเจี่ยนอี๋นั่วก็ค่อยๆหายไป เธอขมวดคิ้วและมองไปที่หน้าอกของเหลิ่งเซ่าถิง ตอนนี้ชุดนอนหลวม ๆ ของเหลิ่งเซ่าถิงถูกถอดออกไปครึ่งหนึ่ง เจี่ยนอี๋นั่วสามารถมองเห็นรอยแผลเป็นบนหน้าอกของเหลิ่งเซ่าถิงได้อย่างชัดเจน หากแต่ว่ารอยแผลเป็นบนหน้าอกของเหลิ่งเซ่าถิงนั้น มันน่ากลัวมาก

รอยแผลเป็นบนหน้าอกของเหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้ร้ายแรงเท่ากับรอยบาดเจ็บที่ขา แต่ทุกรอยแผลเป็นนั้นใกล้เคียงกับตำแหน่งหัวใจของเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่รอยแผลเป็นเหล่านั้น ราวกับว่าเธอได้เห็นว่าเหลิ่งเซ่าถิงต้องผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้เกือบตายครั้งแล้วครั้งเล่า

เจี่ยนอี๋นั่วทนไม่ไหวที่จะขมวดคิ้วออกมา เบิกตากว้างจ้องมองไปที่แผลเป็นบนร่างกายของเหลิ่งเซ่าถิงอย่างลำเอียด รอยแผลเป็นเหล่านั้นมีขนาดเล็กแม่นยำและลึกมาก และมันเป็นตำแหน่งที่สำคัญและสามารถเอาชีวิตเหลิ่งเซ่าถิงได้ทันทีเลย

เดิมเจี่ยนอี๋นั่วตื่นตระหนกตกใจแต่เธอก็ค่อยๆรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจขึ้นมา เธออดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปจับรอยแผลเป็นตรงหน้าอกของเหลิ่งเซ่าถิง เมื่อสัมผัสกับรอยแผลเป็นที่นูนขึ้นเล็กน้อยบนหน้าอกของเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วก็ขมวดคิ้วและถามว่า: “เจ็บไหมคะ? ”

เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะออกมาเบา ๆ : “ไม่เจ็บครับ เวลานั้นผมสลบไปแล้ว และไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วสูดลมหายใจเพื่อไม่ให้ร้องไห้ออกมา และพูดด้วยน้ำเสียงเบา: “คุณก็ผ่านมันมาแบบนี้เหรอ?มีชีวิตอยู่ด้วยรอยแผลเป็นทั้งตัว?”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและพูดว่า:“มันก็ผ่านมาได้แล้วนี่ ไม่ใช่เหรอ?ขอโทษนะ ผมลืมไปว่าผมยังบาดเจ็บอยู่ ถ้าผมรู้ตัวให้เร็วกว่านี้ผมจะไม่รบกวนคุณมาเช็ดตัวให้ผมอย่างแน่นอน”

เจี่ยนอี๋นั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขมวดคิ้วและพูดว่า:“ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเต็มใจทำค่ะ”

หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็ถอดชุดนอนของเหลิ่งเซ่าถิงออกทันที จากนั้นถอดกางเกงนอนของเหลิ่งเซ่าถิงออก และปล่อยให้เหลิ่งเซ่าถิงนอนบนเตียงโดยใส่แค่กางเกงขาสั้นเท่านั้น ในเวลานี้เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้รู้สึกขี้อายและตื่นตระหนกแล้ว ในตอนนี้เธอต้องการดูแลเหลิ่งเซ่าถิงให้ดีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

หลังจากถอดเสื้อผ้าของเหลิ่งเซ่าถิงออกจนหมด เจี่ยนอี๋นั่วก็ใช้ผ้าขนหนูแช่ในน้ำร้อนและถูตัวเหลิ่งเซ่าถิงเล็กน้อยในขณะถูอยู่ เจี่ยนอี๋นั่วแอบนับรอยแผลเป็นบนร่างกายของเหลิ่งเซ่าถิง ในตอนแรกเจี่ยนอี๋นั่วยังคงจำเลขที่นับได้อยู่ แต่พอตอนหลังรอยแผลเป็นก็ถูกซ้อนทับกัน และเจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้ว่าควรจะนับรอยแผลเป็นนั้นได้ยังไงอีก

เหลิ่งเซ่าถิงเห็นเจี่ยนอี๋นั่วซึ่งก้มศีรษะลงและไม่พูดไม่จา และเขาเข้าใจว่าเจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกทรมานใจขนาดไหน เจี่ยนอี๋นั่วกำลังทนทุกข์กับความทุกข์ทรมานที่เขาได้รับในอดีต เหลิ่งเซ่าถิงมีความสุขชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นก็หดหู่เพราะความเศร้าของเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งเซ่าถิงพูดอย่างรวดเร็ว: :“ไม่ต้องเสียใจหรอก ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ต้องมาสนใจผมแล้ว ผมทำเองดีกว่า”

ทันใดนั้นเหลิ่งเซ่าถิงรู้สึกเสียใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาไม่ควรให้เจี่ยนอี๋นั่วมาช่วยเช็ดหลังให้เขาเลย แต่เจี่ยนอี๋นั่วกลับขมวดคิ้วและผลักมือของเหลิ่งเซ่าถิงออกไป และพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:“ที่ฉันช่วยคุณมันสมควรแล้ว คุณมาผลักมือฉันออกทำไมเนี่ย ?”

ทันใดนั้นทั้งสองคนก็ไม่มีความคิดอื่นอีกเลย และไม่พูดไม่จากันทั้งสองคน ได้ยินแต่เสียงที่เจี่ยนอี๋นั่วเช็ดหลังให้กับเหลิ่งเซ่าถิงเท่านั้น เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเช็ดตัวของเหลิ่งเซ่าถิงแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็เปิดหลอดยา และถามเหลิ่งเซ่าถิงว่า: “ยาหลอดนี้ ต้องทายังไง?คุณช่วยบอกฉันหน่อย”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าและบอกเจี่ยนอี๋นั่วว่าจะเริ่มทายาจากตรงไหนก่อน เจี่ยนอี๋นั่วไม่ลังเลใด ๆ รีบก้มหัวลงขมวดคิ้วทันที และค่อยๆถูยาให้เหลิ่งเซ่าถิงอย่างตั้งใจ เมื่อยานั้นทาจนถึงน่อง ค่อยๆนวดทีละนิดทีละนิด และต้องถูซ้ำ ๆ ยานั้นจึงจะเห็นผล

เดิมทีหลิ่งเซ่าถิงยังคงอดทนกับมันได้ แต่ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะไอแค่กออกมา:“ อืม ครีมนั้น ทาได้จนทั่วแล้ว ไม่ต้องทาต่ออีกแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้นมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง จากนั้นก็จงใจแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร และลดสายตาลงทันที: “จะหยุดทาได้อย่างไรกัน?นี่ยังทาไม่เสร็จเลย ”

เหลิ่งเซ่าถิงรีบปิดปากของเขา และไอออกมาสองสามครั้ง: “เวลานี้ไม่ต้องทาต่อแล้ว ผม……ตอนนี้ผมไม่ค่อยสะดวกนิดหน่อย”

เจี่ยนอี๋นั่วนั่งข้างเตียง เอียงศีรษะและมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงอย่างสงสัยขมวดคิ้วและถาม: “คุณไม่สะดวกตรงไหน?

มองแล้วไม่สะดวกเหรอคะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงผงะไปชั่วขณะ และเขาก็คิดได้ทันทีว่าเจี่ยนอี๋นั่วจงใจแสร้งทำเป็นสับสน เหลิ่งเซ่าถิงรู้ทันทีว่าเจี่ยนอี๋นั่วรู้ทันความคิดของเขา เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วและพูดเบา ๆ :“คุณโกรธผมแล้วใช่ไหม ?ผมขอโทษด้วยนะ”

เจี่ยนอี๋นั่วหายใจเข้าลึก ๆ ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น: “ฉันโกรธนิดหน่อย แต่ไม่ใช่แค่โกรธคุณเท่านั้น แต่โกรธที่ตัวฉันเองด้วย”

“ คุณโกรธอะไร?” เหลิ่งเซ่าถิงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้นมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง ขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉันโมโหตัวเองที่…… ”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงนี่ ก็รีบขยับศีรษะและจูบไปที่ริมฝีปากของเหลิ่งเซ่าถิงทันที เจี่ยนอี๋นั่วโกรธตัวเองจริงๆ เธอโกรธที่อายุมากขนาดนี้แล้วแต่เธอยังคงหลงเสน่ห์เหลิ่งเซ่าถิงอยู่ และหักห้ามใจไม่ไหว แล้วเธออดไม่ได้ที่จะจูบเหลิ่งเซ่าถิง

เจี่ยนอี๋นั่วเคยบอกว่าเธอไม่ต้องการอยู่กับเหลิ่งเซ่าถิง แต่ในเวลานั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน เธอไม่ต้องการอยู่กับเหลิ่งเซ่าถิงอีกต่อไปแล้ว แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้ดีว่าเหตุผลที่ไม่อยากอยู่กับเหลิ่งเซ่าถิงนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่เพราะเจี่ยนอี๋นั่วไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อเหลิ่งเซ่าถิงจริงๆ แม้ว่าภายใต้นามแฝงเหลิ่งเซ่าถิงจะถูกเรียกว่า “คุณจู๋” เจี่ยนอี๋นั่วจะยังคงตกหลุมรักเขาเหมือนเดิม จะไม่มีความรู้สึกต่อเขาได้อย่างไร?

คนที่เจี่ยนอี๋นั่วเคยเกลียด เธอเคยเกลียดเหลิ่งหมิงอันและเคยเกลียดฉู่หมิงเซวียน ความแค้นที่แท้จริงนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความรู้สึกของเธอที่มีต่อเหลิ่งเซ่าถิง เมื่อเธอเกลียดใครสักคนแล้วเธอเกลียดจนอยากฆ่าพวกเขา แต่สำหรับเหลิ่งเซ่าถิงนั้น เธอมีเพียงความไม่พอใจ……

ใช่สิ แค่เพียงไม่พอใจ เจี่ยนอี๋นั่วไม่พอใจ เธอไม่พอใจที่ถูกเหลิ่งเซ่าถิงโบกมือไล่ให้ไป จากนั้นเหลิ่งเซ่าถิงโบกมือให้เธอกลับมาอยู่ข้างกายเขา เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นของเล่นที่เหลิ่งเซ่าถิงที่ถูกโบกมือไปมาอยู่อย่างนี้ แต่เธอกลับยังคงหลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำอยู่ ขอแค่เหลิ่งเซ่าถิงเรียกหาเท่านั้นก็จะมาหาเขาทันที

ตราบใดที่เหลิ่งเซ่าถิงกวักมือเรียกเธอ เธอก็จะกลับมาอยู่ข้างกายของเหลิ่งเซ่าถืงอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเธอไม่เคยจากไปไหนยังไงยังงั้น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท