หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 224 คุณโกหกฉันอีกแล้ว

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “งั้นตอนนี้ฉันจะเชื่อคุณอีกครั้งแล้วกันค่ะ”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็ยิ้มแล้วมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง ก่อนจะถามเขาต่ออย่าอดไม่ได้ว่า : “แลเวคุณนายเหลิ่งล่ะคะ? ฉันไม่ได้ข่าวของท่านเลย”

จริงๆแล้วเจี่ยนอี๋นั่วนั้นอยากจะถามมากว่าเจอตัวเหลิ่งหมิงอันแล้วหรือยัง แต่เมื่อได้ยินว่าแม้แต่เหลิ่งเซ่าถิงก็หาตัวเขาไม่เจอ เหลิ่งหมิงอันคงจะซ่อนตัวอยู่ดีมากๆแน่ ถ้าหากอยากจะตามหาตัวเหลิ่งหมิงอันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อสิ่งที่ถามนั้นไม่ได้คำตอบ เจี่ยนอี๋นั่วก็เลยไม่อยากถามอีก จึงถามถึงเพียงคุณนายเหลิ่ง

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มอยู่สักพัก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า : “ท่าอายุมากแล้ว หลายปีมานี้เลยอึนๆหน่อยน่ะ ตอนนี้เธออยู่ที่คฤหาสน์เหลิ่ง ไม่ค่อยออกไปเจอใครแล้วล่ะ แม่แต้ฉันท่านยังจำไม่ได้เลย แต่แปลกมากที่ท่านยังจำซวงซวงได้อยู่”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเข่นนั้นเธอก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที : “ฉันไม่พาเจี่ยนซวงไปเจอท่านหรอกค่ะ!”

เหลิ่งเซ่าถิงเงยหน้าขึ้นมามองเจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ฉันก็ไม่ปล่อยให้เธอกับเจี่ยนซวงไปเจอท่านหรอก เรื่องที่ผ่านมาแล้วของตระกูลเหลิ่ง ฉันไม่ต้องการให้พวกเราเข้าไปเกี่ยวข้องอีก”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเช่นนั้นเธอก็รู้สึกอดไม่ได้ที่จะไม่ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วถามว่า : “คุณนายเหลิ่ง………ป่วยหนักหรอคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่ชอบคุณนายเหลิ่ง แต่ถึงแม้ว่าคุณนายเหลิ่งจะเจ้ากี้เจ้าการ แล้วก็ทำกับเธอมาเยอะ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำให้เธอนั้นเจ็บตัวแต่อย่างใด เจี่ยนอี๋นั่วพูดกับเหลิ่งอี๋นั่วทันทีว่า : “ตอนนี้ท่าอยู่คนเดียว น่าสงสารนะ”

เหลิ่งเซ่าถิงมองหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว : “ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน เหลิ่งอันหมิงก็คงไม่กล้าทำอะไรร้ายแรงหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน เธอก็คงยังเป็นภรรยาของฉัน คงไม่มีความสูญเสียมากมายเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้ลงมือทำอะไรกับเธอก็ตาม แต่เธอก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ฉันไม่มีทางปล่อยท่านหรอก”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองเหลิ่งเซ่าถิง ก่อนจะพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า : “ทำไมคุณดูโกรธมากกว่าฉันอีกล่ะคะ? ฉันใจอ่อนไปหมดแล้ว แต่ใจคุณยังมีความเกลียดชังอยู่หรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าก่อนจะหันหน้ามามองเจี่ยนอี๋นั่ว : “คนที่ทำไม่ดีกับเธอ ฉันจำหมดนั่นแหละ รวมถึงตัวฉันด้วย”

เจี่ยนอี๋นั่วเอียงหน้าแล้วมองหน้าเหลิ่งเซ่าถิง แล้วก็ถามด้วยความตกใจ : “อะไรกันคะ? แม้แต่ตัวคุณก็ไม่เว้นหรอคะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า : “ไม่!”

เจี่ยนอี๋นั่วอดที่ยิ้มไม่ได้ เธอมองหน้าเหลิ่งเซ่าถิงก่อนจะยิ้มแล้วพูดออกมาว่า : “ถ้าคุณไม่เว้นแม้แต่ตัวคุณ คุณคิดจะลงโทษตัวเองยังไงคะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยรอยยิ้ม : “ลงโทษตัวเองด้วยการรักและทะนุถนอมเธอตลอดไปไง ไม่เปลี่ยนใจจากเธอ จะกลัวเธอคนเดียวเลย!”

ใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่วแดงระเรื่อ ก่อนจะหันหน้าหนี : “คุณพูดเก่งกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะคะ”

เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหน้า : “เพราะต้องพูดแต่ความจริงไง เมื่อก่อนตอนที่เธออยู่กับฉัน ฉันเอาแต่พูดสิ่งเหล่านี้ด้วยความรู้สึกผิด คิดว่าเอาทุกอย่างไว้ในใจเป็นเรื่องที่ดี เก็บไว้คนเดียวดีที่สุด แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่าทุกๆสิ่งมันไม่ได้ดีไปกว่าการที่ได้อยู่ด้วยกันกับเธอเลย ก็เลยพูดออกมาทุกอย่างไง”

เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ : “ทำไมคุณหนังหน้าหนาจังคะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงส่าหย้าพร้อมกับยิ้มออกมา : “ฉันกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไง เมื่อก่อนฉันคิดว่าแค่พวกเธอมีชีวิตอยู่ ถึงฉันจะไม่ได้เจอหน้าเธอ มันก็เพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้ฉันอยากจะอยู่กับเธอ อยู่กับลูก อยู่ด้วยกัน”

เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ เจี่ยนอี๋นั่วก็มองมาที่เหลิ่งเซ่าถิง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่แล้วพูดว่า : “คูรเปลี่ยนไปแล้วจริงๆนะคะ”

“เวลามันผ่านมาตั้งนาน ทำไมจะไม่เปลี่ยนล่ะ?” เมื่อเจหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงแค่นี้เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะพูดขึ้นว่า : “จริงๆแล้วเธอจะให้โอกาสฉัน…………”

คำพูดของเหลิ่งเซ่าถิงไม่ทันพูดจบ ก็มีเสียงของเด็กคนนึงตะโกนขึ้นมาแล้ว : “เจี่ยนซวงตกลงไปในน้ำ!”

เมื่ออเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเช่นนั้นเธอก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เธอรีบวิ่งไปที่เด็กน้อยคนที่บอกว่าเจี่ยนซวงตกน้ำทันที เนื่องจากว่าอยากให้เจี่ยนซวงมีพื้นที่เป็นของตัวเองจึงมีบอดี้การ์ดคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ไกลมาก เจี่ยนอี๋นั่วเองก็ประมาท แต่เธอไม่คิดว่าเจี่ยนซวงจะเบื่อที่จะต้องอยู่ในคฤหาสน์แล้วเปลี่ยนมาเล่นข้างนอก และลูกสาวก็จะตกน้ำ

เจี่ยนอี๋นั่วเห็นเจี่ยนซวงที่กวักมือไม่หยุดอยู่ในน้ำ เธอก็รีบกระโดดลงน้ำไปโดยที่ไม่ลังเลอะไรเลย เธอใช้แรงของเธอทั้งหมดว่ายน้ำไปหาเจี่ยนซวง แต่เจี่ยนอี๋นั่วเพิ่งจะกระโดดลงน้ำเธอก็ได้ยินเสียงน้ำจากอีด้านหนึ่งแล้ว จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็ว่ายไปหาเจี่ยนซวงเร็วยิ่งกว่าเจี่ยนอี๋นั่ว

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเห็นเช่นนั้น เธอก็ขมวดคิ้วมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง ในใจของเธอขาวโพลน เหลิ่งเซ่าถิงโกหกเธออีกแล้ว จริงๆแล้วขาของเขาไม่ได้หัก

เจี่ยนอี๋นั่วทำใจให้สงบลงให้เหมือนกับน้ำของแม้น้ำนี้ช้าๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกับเหลิ่งเซ่าถิง ปล่อยให้เขาไปช่วยเจี่ยนซวงก่อน เจี่ยนอี๋นั่วรีบว่ายน้ำไปหาเจี่ยนซวงทันที ก่อนที่เธอกับเหลิ่งเซ่าถิงจะพาเจี่ยนซวงขึ้นจากน้ำ เมื่อพากันขึ้นมาได้แล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็รีบวางเจี่ยนซวงลงบนพื้นทันทีก่อนจะลูบหลังลูกสาวด้วยแรง

เจี่ยนซวงไออกมาเพราะสำลักน้ำอยู่หลายครั้ง เธอคายน้ำออกมา ก่อนจะร้องไห้กับเจี่ยนอี๋นั่ว : “หม่าม้า หนูตกใจมากเลยค่ะ ! หนูคิดว่าหนูจะจมน้ำตายซะแล้ว”

ตาของเจี่ยนอี๋นั่วขึ้นสีแดงทันที และอดไม่ได้ที่จะพูดเสียงดังขึ้นด้วยความโกรธ : “ยังกลัวอยู่หรอคะ? เมื่อกี้หนูตกลงไปในน้ำได้ยังไง? หม่าม้าเคยบอกหนูแล้วใช่มั้ยว่าอย่าลงน้ำคนเดียว? หนูลงไปทำไมคะ?”

เจี่ยนซวงตกใจเมื่อเธอโดนดุ ก่อนจะร้องไห้โฮออกมาอย่างหนัก : “หนูคิดว่าน้ำจะตื้นนี่คะ!”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเห็นเจี่ยนซวงร้องไห้ เธอก็ตะโกนออกมาดังๆทันทีว่า : “หนูทำผิดแล้วยังจะกล้าร้องไห้อยู่อีกหรอคะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงรีบห้ามเจี่ยนอี๋นั่วทันที ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “เธออย่าเพิ่งโมโหนะ”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วหันหน้ามามองเหลิ่งเซ่าถิง เธอเห็นขาขวาของเขาอย่างมั่นคงและไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดออกมาแต่อย่างใด เจี่ยนอี๋นั่วจึงขมวดคิ้วแล้วตะคอกใส่เขาว่า : “ไม่ต้องโมโหงั้นหรอคะ? เด็กไม่รู้เรื่องอะไร แต่ทำไมคุณต้องโกหกฉันด้วย? ขาของคุณหักไม่ใช่หรอคะ? ทำไมตอนนี้ถึงได้หายดีแล้วล่ะคะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงก้มหน้ามองขาของตัวเอง ก่อนจะขมวดคิ้ว : “ฉัน……ฉันไม่ได้…….”

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกหวาดระแวง ตอนนี้ราวกับว่าตัวเธอนั้นเสียสติไปแล้ว เธอรู้แค่ว่าตอนนี้สมองของเธอนั้นยั่งเหยิงและโกรธไปหมด เธอมองเจี่ยนซวงก่อนจะหันหน้ามามองที่เหลิ่งเซ่าถิง แล้วหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า : “ดูเหมือนขาของท่านประธานเหลิ่งจะหายดีแล้วนะคะ ฉันคงไม่ต้องอยู่ดูแลคุณแล้ว ท่านประธานเอาแต่โกหกฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณได้มันมามากพอแล้วค่ะ! ซวงซวง หนูยินดีที่จะไปกับหม่าม้ามั้ยคะ? ถ้าหนูอยากอยู่กับคุณพ่อต่อ หนูก็อยู่ตรงนี้ ถ้าหนูจะไปหนูก็ไปกับหม่าม้าเลย!”

เจี่ยนซวงไม่เคยเห็นเจี่ยนอี๋นั่วโมโหขนาดนี้มาก่อน เจี่ยนซวงรีบยกมือขึ้นมาแล้วพูดขึ้นทันทีว่า : “หม่าม้าคะ หนูจะไปกับหม่าม้า”

เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เจี่ยนซวง ก่อนจะยื่นมือมาหาเจี่ยนซวง เจี่ยนซวงรีบวิ่งเข้าไปหาเจี่ยนอี๋นั่วทันที เจี่ยนอี๋นั่วอุ้มเจี่ยนซวงแล้วพูดกับเหลิ่งเซ่าถิงอย่างไม่หันหน้ามามองว่า : “ไม่ต้องช่วยฉันเก็บของนะคะ แค่จัดการหารถให้ฉันสักคันก็พอ เรื่องที่อยู่ฉันจะหาเอง”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า : “อือ เดี๋ยวฉันไปส่งเธอ ถ้าเธอหายโกรธแล้ว……”

“ฉันไม่มีทางหายโกรธค่ะ ไม่ต้องตามฉันมานะคะ! ถ้าคุณตาม ฉันจะโกรธมากกว่านี้!” เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วที่อุ้มเจี่ยนซวงอยู่ตอนนี้พูดจบ เธอก็เดินจากเหลิ่งเซ่าถิงไปอย่างรวดเร็ว

เจี่ยนอี๋นั่วอุ้มเจี่ยนซวงมาหาลั่วหยาง ก่อนจะถามลั่วหยางว่า : “หนูจะไปกับเราสองคนหรือจะอยู่กับคุณพ่อคะ?”

ลั่วหยางเม้มปากมองหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะค่อยๆมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงที่กำลังเดินตามมา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า : “ผมจะอยู่ที่นี่ครับ”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองลั่วหยาง แล้วถามว่า : “ไม่ไปกับหม่าม้าหรอคะ?”

ลั่วหยางส่ายหน้าไปมา : “ไม่ครับหม่าม้า”

เจี่ยนอี๋นั่วหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้งและพยายามควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองให้มากที่สุด เพื่อจะไม่แสดงออกมาต่อหน้าลูก เธอฝืนยิ้ม : “งั้นหนูก็อยู่กับคุณพ่อนะคะ ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็ขอคุณพ่อนะ คนของคุณพ่อดูแลหนูดีแน่นอน ถ้าหม่าม้าจัดการอะไรเสร็จแล้วหม่าม้าจะโทรมาหานะคะ อ่า……คุณพ่อกับหม่าม้าทะเลาะกัน แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของหนูนะ”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะค่อยๆหุบยิ้ม แล้วก็อุ้มเจี่ยนซวงเดินจากไป

ถึงแม้ว่าขาขวาของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่เนื่องจากขาซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บมาก่อน เมื่อเขาโดนน้ำเย็นแบบนั้นมันเลยทำให้แผลเดินเจ็บขึ้นมา เขาเดินขากะเผลกไปหาลั่วหยาง ก่อนจะพูดกับลั่วหยางว่า : “ตอนนี้พ่อไปตามพวกเธอมาไม่ได้ ทำไมไม่ตามหม่าม้ากับน้องไปล่ะ? ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ยังไม่คุ้นเคยกับพวกธอสองคนหรอ?”

ลั่วหยางขมวดคิ้วก่อนจะเม้มริมฝีปาก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า : “ถึงคุณพ่อกับหม่าม้าจะเลิกกัน ก็ควรมีลูกอยู่ด้วยฝั่งละคนนะครับ เจร่ยนซวงไปกับหม่าม้าแล้ว ผมก็ต้องอยู่กับคุณพ่อ……..อีกอย่าง……”

เหลิ่งเซ่าถิงก้มหน้ามามองลั่วหยาง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า : “อีกอย่างอะไร?”

ลั่วหยางมองเหลิ่งเซ่าถิง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วก็พูดกับคนเป็นพ่อว่า : “อีกอย่าง คุณพ่อก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะให้หม่าม้ากับน้องกลับมาแน่ๆ ผมเลยไม่ไปๆมาๆน่ะครับ มันเสียเวลา”

เหลิ่งเซ่าถิงมองลั่วหยางแล้วหัวเราะออกมา : “มั่นใจในตัวพ่อขนาดนั่นเลยหรอ?”

ลั่วหยางส่ายหน้าก่อนจะพูดด้วยความไร้เดียงสาว่า : “ผมไม่มั่นใจในหม่าม้าต่างหากครับ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้ ยังจะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อหน้าผม ยังไงหม่าม้าก็ถูกคุณพ่อเล้าโลมกลับมาได้แน่นอนครับ หม่าม้าใจอ่อนยิ่งกว่าคุณผู้ชายเหลิ่งอีกนะครับตอนนี้ คุณพ่อก็รู้ว่าหม่าม้าจะโกรธ คุณพ่อก็ยังจะโกหกอีก หม่าม้าโกรธขนาดนั้นแล้ว หม่าม้าก็ยังแคร์ความรู้สึกของผม ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรากับคุณพ่อ หม่าม้าไม่มีทางสู้ไหวหรอกครับ!”

เมื่อลั่วหยางพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วก็สะพายกระเป๋าของตัวเอง แล้วเดินตรงไปที่รถทันที

เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกของตัวเองก่อนจะยิ้มอย่าขมขื่น : “แต่หวังว่าเธอจะพ่ายแพ้ต่อฉันนะ”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน