ณัฐณิชาเกือบจะทำให้กันรพีเริ่มพูดได้อยู่แล้ว ใครจะรู้ว่าผู้ช่วยนรินทร์จะมาขัดจังหวะเสียก่อน
เธอตวัดสายตาคมเฉียบมองไปทันที นั่นทำให้ผู้ช่วยนรินทร์ตกใจกลัวจนตัวสั่น
“เอ่อ……นายหญิง ท่านประธานบอกว่าได้เวลากลับแล้ว อย่าลืม……สิ่งที่คุณต้องการ” ผู้ช่วยนรินทร์พูดอย่างระมัดระวัง
ให้ตายสิธราเทพ!
นอกจากใช้เรื่องจี้หยกมาขู่ฉัน แล้วยังจะทำอะไรได้อีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อณัฐณิชาไม่ได้จับไว้ กันรพีจึงยกกระดานวาดภาพแล้วหนีไป ณัฐณิชาได้แต่คอตกขมขื่นกลับไปกับผู้ช่วยนรินทร์
แต่ทว่า ธราเทพยุ่งอยู่กับงานในห้องทำงาน เธอกลับต้องว่างไม่มีอะไรทำน่าเบื่อ!
อยากให้พี่ชายคนนั้นสอนตัวเองวาดภาพจังเลย……
ณัฐณิชาคิดอย่างนั้นแล้วเอามือเท้าคางอย่างจนใจ ธราเทพออกไปข้างนอกสองชั่วโมงเพราะต้องเข้าประชุม เธอปัดเปิดทั้งวีแชทและเว่ยป๋อขึ้นมาดูแล้วทั้งหมด ว่างมากจนราจะขึ้นแล้ว
“กริ๊งกริ๊งกริ๊ง……”
ทันใดนั้นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นจนณัฐณิชาสะดุ้งตกใจ อาการง่วงนอนของเธอหายไปทันที เงี่ยหูฟังครู่หนึ่ง ถึงได้พบว่าเสียงดังมาจากโต๊ะทำงานของธราเทพ
เอ๊ะ?
ทำไมเขาไม่เอามือถือไปด้วยล่ะ
ณัฐณิชาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ต้องการรอจนกว่าโทรศัพท์จะวางสาย แต่หลังจากคิดไปคิดมา สายของธราเทพ ปกติมักจะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจล่ะ ต้องรับใช่หรือไม่
ครู่เดียวสายก็เข้ามาอีกครั้ง ณัฐณิชาลังเลครู่หนึ่ง แต่แล้วก็กดรับ
“ท่านประธาน เรื่องที่คุณให้พวกเราสืบนั้นสืบได้แล้วครับ ความจริงของณัฐณิชาที่ปรากฏตัวพร้อมกับยายของเธอในปีนั้น พวกเราเข้าไปหาเพื่อนบ้าน บอกกันว่ายายของเธอตลอดมาเอาแต่ปิดปากเงียบ ไม่เคยพูดถึงเรื่องในอดีต เดาว่าที่มาของณัฐณิชาน่าจะมีปัญหา”
“………..”
“ท่านประธาน คุณฟังอยู่หรือเปล่าครับ พวกเราพบเพื่อนบ้านเก่าของเธอ อาจจะหารูปยายของณัฐณิชาได้ หลังจากนั้นก็จะสืบได้ความมากขึ้นครับ……”
เสียงผู้ชายแปลกหน้าดังขึ้นที่ปลายสาย ฟังคำพูดของเขา ขนบนตัวณัฐณิชาลุกชันไปทั้งกาย
เธอถือโทรศัพท์ไว้อย่างซื่อบื้อ ลืมแม้กระทั่งการตอบกลับ
อีกฝั่งส่งเสียงเรียกอยู่สามสี่ครั้ง บางทีอาจสงสัยว่าหลังจากต่อสายติดแล้วเหตุใดไม่มีคนตอบกลับ หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่งจึงวายสายไป ณัฐณิชากำโทรศัพท์มือถือ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย
เธอไม่รู้ว่าเวลานี้ควรร้องไห้หรือหัวเราะดี
ฮ่าฮ่า?
นภสรณ์ไม่ได้โกหกอย่างที่คิด ธราเทพกำลังสืบเรื่องของตัวเองอยู่จริงๆ……
สืบเรื่องของเธอไปทำไม
กลัวว่าเธอเป็นคนที่ถูกส่งมาปล้นทรัพย์สินของเขา หรือกลัวว่าเธอเป็นคนที่ไม่มีที่มาที่ไปแน่ชัดกันล่ะ หรือบางที แค่สืบคนที่ใกล้ชิดกับตน…….
แต่ตอนนั้นธราเทพเสนอเรื่องแต่งงานมาเองนะ ถ้าไม่เชื่อใจตน ทำไมต้องเสนอ
“ณัฐณิชา ใครให้คุณยุ่งกับมือถือผม”
ทันใดนั้น เสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นที่ข้างหู เสียงทุ้มต่ำกลมกล่อม เหมือนเสียงเชลโล่อันยอดเยี่ยม ณัฐณิชาจ้องมองโทรศัพท์มือถือในมือตัวเอง เพิ่งได้สติรู้ตัวว่าตนยังกำโทรศัพท์มือถือของเขาอยู่
เธอยิ้มเย้ยหยัน ไม่รู้ว่าใช้อารมณ์แบบไหนในการพูดออกมา “ขอโทษ ฉันไม่ควรยุ่งกับของของคุณ”
“หืม?” ธราเทพคิ้วกระตุก
นี่เป็นภาพลวงตาเหรอ
เขารู้สึกว่าณัฐณิชาที่อยู่ตรงหน้าเหมือนมีบางอย่างต่างไปจากเดิม……
ณัฐณิชาเอาโทรศัพท์มือถือใส่มือของเขา ปลายนิ้วสัมผัสฝ่ามือของเขา ดวงตาค่อยๆ เปียกชื้นทีละน้อย เธอรีบเงยหน้าขึ้น ไม่ให้น้ำตาตัวเองรินไหล จากนั้นก็พยายามดึงมุมปากยิ้มให้ตัวเองดูเหมือนนิ่งสงบ “ธราเทพ เรามาคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเถอะ”