ตึ่งตึ่ง!
หวังเจิ้งไห่กลืนน้ำลายเข้าไปเอื๊อกใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ไอ้……ไอ้เชี่ยนี้เป็นของจริง ใครบอกว่ามันเป็นของปลอม!
สถานะคนที่อยู่ต่อหน้านี้……
ไม่นานนัก หวังเจิ้งไห่ เปลี่ยนท่าทีมาเป็นเคารพนอบน้อมพูดด้วยความระมัดระวังว่า “ขอถามหน่อย ท่านคือ…….”
“นายพลน้อยชายแดนเหนือ เซี่ยงเส้าหลงเหรอ!”
ซู่!
เม็ดเหงื่อไหลจากหน้าผากของเขา
เมื่อครู่ เป็นเขานั่นเองที่ไม่รู้จักที่ตาย ตะคอกเสียงดังใส่นายพลน้อย?
จากนั้นเถาซิ่งเอ๋อที่ยืนอยู่ด้านข้าง รีบคว้าแขนหวังเจิ้งไห่ไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดันแกมหวาดกลัว “น้าเขย ดูสิ! ปืนเหล่านี้ไม่ใช้ปืนปลอม เป็นปืนจริง ๆ! ปืนจริง ๆทั้งนั้น!”
“เขาขนอาวุธสงครามผิดกฎหมาย โทษร้ายแรงอีก! คุณรีบฆ่าเขาตอนนี้ทันที!”
เพียะ!
หวังเจิ้งไห่ตบหน้าไปหนึ่งฉาด จนทำให้เถาซิ่งเอ๋อล้มลงทรุดไปนั่งกับพื้น จากนั้นสบถด่าด้วยสีหน้า โกรธเคืองว่า “สารเลว! อยากจะตายก็ไปตายคนเดียวเถอะ! อย่าดึงฉันให้ไปตายกับแกด้วย!”
เถาซิ่งเอ๋อ มือลูบที่ใบหน้า มองหวังเจิ้งไห่ ด้วยความรู้สึกไม่เชื่อกับตาตัวเอง “คุณ…… คุณตบฉันทำไม คุณเป็นลุงของฉันนะ!”
“ฉันจะรีบกลับไปหย่าทันที ด้วยไอคิวสองร้อยห้าสิบของแก ป้าของแกก็คงจะฉลาดประมาณนี้!”
พอพูดจบเดินเข้าไปด้วยสีหน้าประจบประแจงพูดว่า “นายพลน้อย ผู้น้อยมีตาหามีแววไม่ จึงได้ล่วงเกินท่านไป ท่านโปรดให้อภัยด้วย!”
“ท่านลองดูว่า ยังมีส่วนไหนที่ให้ผู้น้อยได้รับใช้? ท่านเอ่ยปากได้ทันที ข้าน้อยจะทำอย่างเต็มที่ ไม่มีทางบิดพลิ้ว!”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มมุมปากขึ้นพูดว่า “ดูแลพื้นที่รอบ ๆ บริเวณ10ไมล์ อย่าให้ใครเข้ามาได้!”
“รับทราบ!”
หวังเจิ้งไห่ ทำความเคารพ “รับประกันว่าภารกิจต้องสำเร็จแน่นอน!”
หวังเจิ้งไห่เดินออกไป ใบหน้าเถาซิ่งเอ๋อ แสดงอารมณ์หวาดกลัวลนลานอย่างเห็นได้ชัด!
เธอหวาดกลัวมาก!
เซี่ยงเส้าหลง ในตอนนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับปีศาจร้ายในนรก ทั้งลึกลับและน่าสะพรึงกลัว
“ตอนนี้ ยังมีใคร มาช่วยอีกมั้ย?”
ใบหน้าเถาซิ่งเอ๋อเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ไม่! ไม่! ฉันยังมีคน ยังมีคนที่สามารถมาช่วยฉันได้!”
พูดจบ หยิบโทรศัพท์มือถือโทรออกไปด้วยท่าทีลนลาน ไม่นานนัก ได้ยินเสียงปลายสายเป็นเสียงที่คุ้นเคย ในดวงตาของเถาซิ่งเอ๋อ เผยให้เห็นประกายแห่งความหวังพูดด้วยท่าทีร้อนใจว่า “อาหวัง! ฉันเอง ซิ่งเอ๋อ! ช่วยฉันด้วย คุณอามาช่วยฉันด้วย!”
เสียงปลายสายเงียบไป จากนั้น มีเสียงถอนหายใจขึ้นมาและพูดว่า “ซิ่งเอ๋อ ฝากไปบอกพ่อของเธอด้วย เลือกมาคนหนึ่งแล้วส่งตัวไปคฤหาสน์เจ้าเมือง เพื่อให้เหลือสายเลือดตระกูลเถาไว้คนหนึ่ง!”
ตึ่ง!
เถาซิ่งเอ๋อขาอ่อนแรงนั่งไปกองกับพื้น โทรศัพท์ที่ถืออยู่ก็ตกลง ดวงตาทั้งสองไร้ซึ่งวิญญาณ ใบหน้าเหมือนดั่งคนตาย!
เซี่ยงเส้าหลงเดินเข้ามาหาอย่างช้า ๆ ก้มหน้ามองเธอพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “จดจำไว้ ชาติหน้าจะต้องทำตัวเป็นคนดี!”
ขณะที่แสงอาทิตย์ ยามรุ่งอรุณสาดส่องไปทั่วท้องฟ้า มีข่าวสะท้านแผ่นดินเรื่องหนึ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง กระจายไปทั่วเมืองเทียนไห่!
คนตระกูลเถา 3รุ่นทั้งหมด 43คน ตายในกองเพลิงในชั่วข้ามคืน เหลือรอดเด็กอายุ13ปีเพียงคนเดียว!
มหาเศรษฐีลึกลับผู้มีอำนาจทางการเงินเข้าช่วยเหลือบริษัทเถาซื่อกรุปอย่างต่อเนื่อง ในเวลาอันสั้น การพังพินาศเป็นเสี่ยง ๆ ดุจดั่งดอกไม้ไฟบนท้องฟ้า พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
ภายในบ้าน ทั้งสองคนตื่นนอนตะวันสายโด่ง เส้นผมหยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงเหมือนรังนกบนหัวของอวิ๋นเสว่เหยน ส่งสายตาเจ้าเล่ห์จ้องมองเซี่ยงเส้าหลง จ้องมองจนเขาทำตัวไม่ถูกไม่เป็นตัวของตัวเองพูดออกมาว่า “เหยนเหยน คุณ……คุณมองผมอย่างนี้ มีอะไรเหรอ?”
“คุณเป็นใครกันแน่?”
“ผมเป็นสามีของคุณ และเป็นพ่อของเยนเอ๋อไง!”
บนใบหน้าของเซี่ยงเส้าหลง มีเม็ดเหงื่อเล็ก ๆผุดออกมา ขณะที่เผชิญหน้ากับการซักถามให้รู้ความจริงของอวิ๋นเสว่เหยน มันช่างยากลำบากกว่าการออกไปรบเสียอีก!
“แต่ว่า……”
“เอาล่ะ เมื่อครู่คุณตกใจจนเกินไปมากกว่า เดี๋ยวผมออกไปซื้อแม่ไก่มาบำรุงสักหน่อย รอผมอยู่ที่บ้านอย่าเพิ่งไปไหนนะ!”
หลังพูดจบ ไม่รอให้อวิ๋นเสว่เหยนซักไซ้อีก รีบเปิดประตูออกไปทันที!
ณ ตลาดขายผัก เซี่ยงเส้าหลงเปรียบเสมือนวอร์มบอยคนหนึ่ง สวมกางเกงโปร่งสบาย สองมือหิ้วตะกร้าผักเดินฮัมเพลงเบา ๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“เซี่ยงเส้าหลง!”
เสียงปลายสายดังขึ้น เป็นเสียงร้องไห้ของอวิ๋นเสว่เหยน และพูดว่า “คุณรีบมาที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เยนเอ๋อ!เยนเอ๋อ เกิดเรื่องแล้ว!”
เมืองเทียนไห่ โรงพยาบาลของรัฐ ภายในห้องผู้ป่วย อวิ๋นเสว่เหยน ส่งเสียงอ้อนวอนกับคนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวว่า “คุณพยาบาล ฉันขอร้องคุณแล้วล่ะให้ลูกสาวของฉันได้ทำการผ่าตัดก่อนเถอะ หากรอต่อไป แผลบนใบหน้าของเธอจะต้องเป็นแผลเป็นแน่ ๆ!”
“ลูกสาวของฉันยังเล็ก แผลเป็นแบบนี้จะทำลายเธอไปทั้งชีวิตเชียวนะ!”
ใบหน้านางพยาบาลสวมชุดขาวเรียบเฉยเย็นชาพูดขึ้นว่า “เธอจะมีแผลเป็นหรือไม่มี เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?”
“ฉันจะบอกให้พวกคุณฟัง ค่ารักษาพยาบาลยังไม่ชำระ อย่าพูดถึงการผ่าตัดเลย รีบเก็บข้าวของออกไปจากห้องพักผู้ป่วย เดี๋ยวนี้!”
“คุณ…… คุณทำไมถึงพูดอย่างนี้ล่ะ?”
อวิ๋นเสว่เหยนคว้าแขนของนางพยาบาลไว้ เดิมที ผมที่ยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงอยู่แล้ว ผสมรวมกับดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้ดูเหมือน แม่บ้านที่เป็นโรคเสียสติ!
“เฮ้ย คุณจะทำร้ายร่างกายกันเลยเหรอ?
“เห็นท่าทางการแต่งตัวของคุณแบบนี้ มองดูแล้ว ก็เหมือนยาจกคนหนึ่ง แม้แต่ค่ารักษาพยาบาลยังชำระไม่ได้ ยังจะมีหน้าอยู่อีกทำไม เข้ามาในโรงพยาบาล โดยไม่ดูนำหน้าตัวเอง ทำให้ฉันเสียเวลามากเลยนะ!”
มองเห็นท่าทางมอมแมมของเธอ นางพยาบาลสบถด่าไปด้วยท่าทีเหยียดหยาม
เพียะ!
เสียงตบดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องพักผู้ป่วย นางพยาบาลใช้มือลูบที่ใบหน้า จ้องมองถมึงทึงอย่างไม่เชื่อสายตา
“คุณ……คุณ กล้าตบฉันเหรอ?”
“หากคุณกล้าที่จะพูดจาพล่อย ๆ อีก ฉันจะฆ่าคุณเสียเดี๋ยวนี้เลย เชื่อไม่เชื่อ!”
น้ำเสียงเซี่ยงเส้าหลงเย็นชาเหมือนดั่งเรือนจำเย็นจิ่วโยว ท่าทางเย่อหยิ่งพูดจาดูถูกเหยียดหยามของนางพยาบาลเมื่อครู่ เปลี่ยนท่าทีเป็นหวาดกลัวในทันที!
“รีบไปเตรียมการผ่าตัดเดี๋ยวนี้ หากยังมัวทำอะไรชักช้าอีก ฉันจะเอาชีวิตแกมาชดเชย!”
อวิ๋นเสว่เหยนเห็นการปรากฏตัวของเซี่ยงเส้าหลง อดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้าไปกอด ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง!
เซี่ยงเส้าหลงตบไปที่หลังของเธอเบา ๆ สายตามองดูเยนเอ๋อที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าดูไม่ดีเอาเสียเลย!
ใบหน้าที่ดูน่ารักแต่เดิม กลับถูกห่อด้วยผ้าพันแผลเสียครึ่งหน้า เหมือนกับว่าสัมผัสอะไรได้บางอย่าง ดวงตาที่เคยปิดสนิทแต่เดิม ค่อย ๆเปิดขึ้นมา มองเห็นเซี่ยงเส้าหลง ดวงตาที่เคยสิ้นหวัง กลับเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง
“ คุณพ่อ”
เยนเอ๋อ ส่งเสียงเรียกเบา ๆ เซี่ยงเส้าหลง รีบโค้งตัวลงไป ลูบศีรษะ เธอเบาๆและพูดว่า “เยนเอ๋อ พ่ออยู่นี่ พ่อมาหาลูกแล้ว! “
“ คุณพ่อ เยนเอ๋อปวดตามาก หรือว่าตาของเยนเอ๋อ จะมองไม่เห็นอีกแล้ว……”
“เยนเอ๋อ ลูกวางใจ มีพ่ออยู่ทั้งคน พอจะไม่มีทางทำให้เยนเอ๋อ ลูกของพ่อต้องตาบอด ตอนนี้ลูกหลับตา นอนหลับ หลังจากตื่นขึ้นมา ลูกก็จะเป็นเยนเอ๋อที่น่ารักของคุณพ่อเหมือนเดิม ดีไหม?”
ภายใต้การปลอบใจของเซี่ยงเส้าหลง เยนเอ๋อค่อย ๆหลับตาลง จากนั้น แววตาของเซี่ยงเส้าหลง กลับมาดูถมึงทึงอีกครั้ง ราวกับ ภูเขาไฟที่ใกล้จะปะทุ แต่อดกลั้นความเดือดดาลนี้ไว้!
“เกิดเรื่องอะไรกันแน่?”
เสียงที่แสดงความอดกลั้นสุดประดัง ค่อย ๆดังขึ้น
อวิ๋นเสว่เหยน สะอึกสะอื้นตอบว่า “หลังจากคุณไปได้ไม่นาน ฉันก็ได้รับโทรศัพท์ จากคุณครูของเยนเอ๋อพูด……พูดว่าเยนเอ๋อทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียน!”
“เพื่อนนักเรียนล้อเลียนเยนเอ๋อว่า เป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อ เยนเอ๋อไม่ยอมรับ ทั้งสองก็เลยชกต่อยกัน ผลสุดท้ายเยนเอ๋อ เป็นผู้ชนะ เพื่อนนักเรียนคนนั้นถูกบังคับให้ขอโทษ คิดไม่ถึงว่า ผู้ปกครองของเพื่อนคนนั้นมาเห็นเข้าพอดี ไม่พูดพร่ำทำเพลง วิ่งเข้ามาคว้าตัวเยนเอ๋อ เหวี่ยงกระเด็นออกไป จนทำให้ดวงตาของเยนเอ๋อกระแทกกับขอบโต๊ะ คุณหมอพูดว่า คลาดอีกนิดเดียว ดวงตาของเยนเอ๋อ ต้องบอดแน่ ๆ”
แครก!
ภายใต้ความเดือดดาลสุดประดังของเซี่ยงเส้าหลง หัวเตียงผู้ป่วยที่เป็นสเตนเลสดี ๆ กลับบิดกันจนเป็นเกลียว!
ผู้ใหญ่ทั้งคนจิตใจอำมหิตทำได้แม้กระทั่งเด็กตัวเล็ก ๆอย่างนี้ไม่เรียกว่าคนแล้ว!
“ เซี่ยงเส้าหลง! คุณรีบหาวิธีเถอะ! รอยแผลบนใบหน้าของเยนเอ๋อ ถ้าไม่รีบทำการผ่าตัด เธออาจจะเสียโฉมได้นะ!”
“ แต่ว่าพวกเราตอนนี้….. ตอนนี้ไม่มีเงินจ่ายเพื่อทำการผ่าตัดเลย!”
เซี่ยงเส้าหลง สูดหายใจเข้าลึก ๆ ยิ้มให้กับอวิ๋นเสว่เหยนพูดว่า “ไม่มีปัญหา ผมจัดการได้ทั้งหมด!”
ไม่นานนัก ภายใต้การจัดการของเซี่ยงเส้าหลง เยนเอ๋อก็ได้คิวเข้าทำการผ่าตัด
อวิ๋นเสว่เหยนใบหน้าเป็นกังวล ถามขึ้นว่า “คุณเอาเงินมาจากที่ไหน?”
“ยืมมาจากเพื่อน”
เซี่ยงเส้าหลง ตอบแบบขอไปที จากนั้นมีชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวปรากฏตัวอยู่หน้าห้องผ่าตัด ไม่ได้ไปดูเยนเอ๋อที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย กลับเดินเข้ามาหาเซี่ยงเส้าหลงกับอวิ๋นเสว่เหยนขมวดคิ้ว จ้องมองเหมือนกำลังดูท่าที
“คุณทั้งสองคนเป็นผู้ปกครองของผู้ป่วยใช่ไหม?”
สิ่งที่ดูโอ้อวด แฝงไว้ด้วยการเหยียดหยามอยู่กลาย ๆ
เซี่ยงเส้าหลง กวาดสายตาดู แผ่นป้ายที่ติดอยู่ที่หน้าอก เขียนตัวอักษรไว้ว่า ผู้จัดการแผนกศัลยกรรม หลิงไป่เสียง
“ผู้จัดการหลิน ผมเป็นพ่อของผู้ป่วย ดวงตาลูกสาวของผม ถูกกระแทกจนได้รับบาดเจ็บ ขอรบกวนคุณช่วยรีบทำการผ่าตัดโดยด่วน”
“บาดแผลผมดูแล้วอยู่ใกล้กับดวงตามาก หากไม่รีบทำการผ่าตัดโดยด่วน เกรงว่าจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้!”
น้ำเสียงของหลิงไป่เสียงพูดออกมาดูแปลกเล็กน้อย
“ถูกต้อง ผู้จัดการหลิน งั้นรบกวนคุณรีบผ่าตัดโดยด่วนเถอะ!”
อวิ๋นเสว่เหยนพูดอ้อนวอนด้วยท่าทีร้อนใจ
“โอ้ โรงพยาบาลของเราก็มีกฎของโรงพยาบาล เวลานี้ ก็ใกล้จะเลิกงานแล้ว ถ้าหากต้องทำการผ่าตัด จะต้องกินเวลาส่วนตัวของผมไปด้วย!”
สีหน้าของเซี่ยงเส้าหลง ขึงขังขึ้นมาทันทีพูดว่า “ที่คุณพูดหมายความว่าอะไร?”
“หมายความว่าอะไร หรือว่าคุณไม่เข้าใจความหมายนี้เหรอ?”
หลิงไป่เสียงใช้สัญญาณมือชูนิ้วโป้งนิ้วชี้และนิ้วกลางออกมาเพื่อบอกเป็นนัย
“คุณ! คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง ตอนนี้มีข้อบังคับใช้ทางการ ว่าแพทย์ไม่สามารถรับเงินใส่ซองจากคนนอกได้ คุณทำอย่างนี้ มันผิดกฎหมายทั้ง ๆที่รู้!”
ฟังคำพูดย้อนถามของอวิ๋นเสว่เหยน สีหน้าของหลิงไป่เสียงเปลี่ยนทันที “ฮึ! คุณอย่าพูดจามั่วซั่ว! ฉันเอ่ยปากบอกว่าจะรับเงินตั้งแต่เมื่อไหร่?!”
“ในเมื่อพูดจากันไม่รู้เรื่อง งั้นก็รอไปก่อนเถอะ หลังจากนี้อีกสามชั่วโมง หลังจากที่ฉันเข้างานแล้ว ฉันค่อยทำการผ่าตัดให้กับลูกสาวของคุณ!”
“หยุดก่อน!”
เซี่ยงเส้าหลง ดึงมือรั้งตัวหลิงไป่เสียงไว้!
“เฮ้ คุณจะทำอะไร หรือว่าคิดจะทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์?”
เซี่ยงเส้าหลงใช้สายตาที่เย็นชามองดูเขา ไม่นานนัก ก็ค่อย ๆ หยิบเงินสดปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วพูดว่า “ผู้จัดการหลิน ตอนนี้ผมมีเงินสดเท่านี้ ยังไงก็รบกวนคุณด้วย!”
รับเงินมา พินิจพิเคราะห์ดูความหนาของเงิน หลิงไป่เสียงเผยใบหน้าที่เหยียดหยามและพูดขึ้นว่า “ยาจกเอ๋ย ช่างเถอะ ถือเสียว่าฉันมีน้ำใจให้แล้วกัน!”
“ทุกคน เตรียมเครื่องมือผ่าตัด!”
มองเห็นเยนเอ๋อ เข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด ไฟสีแดงสว่างขึ้น ใบหน้าของอวิ๋นเสว่เหยน เต็มไปด้วยความกังวล จิตใจ จู่ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้น
“วางใจเถอะ แม้นว่าจรรยาบรรณทางการแพทย์ของหลิงไป่เสียงจะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ยังไงเขาก็เป็นผู้จัดการแผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาลของรัฐ อีกทั้งยังรับเงินของพวกเราไปแล้ว ผ่าตัดแค่เล็กน้อย เยนเอ๋อ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก!”
สิ้นคำพูด จู่ ๆก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น นางพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด เคาะประตูด้วยท่าทีร้อนรน “ผู้จัดการหลิน! ผู้จัดการหลิน!”
เซี่ยงเส้าหลง รีบ ดึงตัวเธอออกมาด้านข้างพูดด้วยเสียงดุดันว่า “คุณจะทำอะไร! ไม่เห็นไฟสีแดงสว่างอยู่เหรอ ด้านในกำลังทำการผ่าตัดไม่ใช่เหรอ?”
ใครจะไปรู้นางพยาบาลสะบัดแขนของเขา เหลือกตามองเขา “คุณเป็นใครกัน เข้ามาสอดเรื่องคนอื่นทำไม?”
“นางพยาบาลคนนี้ทำไมถึงพูดอย่างนี้ล่ะ?”
นางพยาบาลใช้มือเท้าสะเอวพูดขึ้นว่า “ฉันก็จะพูดอย่างนี้แหละ ดูท่าทางการแต่งตัวจน ๆอย่างพวกคุณ ยังมาทำเสแสร้งอะไรอีก!”
ขณะที่กำลังทะเลาะกันเสียงดังอึกทึก จู่ ๆ ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก หลิงไป่เสียงได้เปลี่ยนชุดพร้อมที่จะผ่าตัดแล้ว แสดงสีหน้ารำคาญว่า “ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายอะไรกัน! ไม่รู้หรือไงว่าที่นี่คือห้องผ่าตัด?”
นางพยาบาลเห็นหลิงไป่เสียงปรากฏตัว ก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับเซี่ยงเส้าหลงอีก รีบเดินเข้าไปหาในทันที “ผู้จัดการหลิน คุณหนูใหญ่ของบริษัทอวี้ไห่กรุป จู่ ๆก็เกิดไส้ติ่งอักเสบขึ้นมา เรียกให้ท่านไปทำการผ่าตัด!”
หลิงไป่เสียงขมวดคิ้ว และพูดว่า “ห้องผ่าตัดที่ไหน?”
“เอ่อ…… ห้องผ่าตัดห้องอื่นของพวกเรา กำลังอยู่ระหว่างผ่าตัด ไม่สามารถจัดสรรห้องได้ภายในเวลาอันสั้น”
ครู่เดียวหลิงไป่เสียง ก็เข้าใจความหมายของนางพยาบาล คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดออกมาว่า “พวกคุณทุกคน ส่งตัวผู้ป่วยกลับไปที่ห้อง และเตรียมทำการผ่าตัดให้กับคุณหนูใหญ่ของบริษัทอวี้ไห่กรุปก่อน!”
“ทำอย่างนี้ได้ยังไง!”
อวิ๋นเสว่เหยนที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันระเบิดโทสะพูดว่า “เห็นอยู่ชัด ๆว่ากำลังทำการผ่าตัดให้ลูกสาวของฉัน ถือดีอะไรให้คนอื่นให้คนอื่นผ่าตัดก่อน?”
หลิงไป่เสียงจ้องมองอวิ๋นเสว่เหยนด้วยสายตาเย็นชาพูดว่า “ถือดีอะไรเหรอ? ก็เพราะว่าบริษัทอวี้ไห่กรุปเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลนี้น่ะสิ!”
“หลีกออกไป อย่ายืนเกะกะแถวนี้!”
หลิงไป่เสียงผลักตัวอวิ๋นเสว่เหยนเพื่อหลีกให้พ้นทาง ทันใดนั้นเซี่ยงเส้าหลงเข้ายืนประจันหน้า คว้าแขนของเขาไว้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผู้จัดการหลิน ทำอย่างนี้เกรงว่าจะเกินเลยไปหน่อยหรือเปล่า?”
“หากจะว่ากันด้วยเรื่องอาการของผู้ป่วย อาการของลูกสาวผมก็เร่งด่วนกว่าอาการไส้ติ่งอักเสบของคุณหนูอะไรคนนั้น!”
“หากว่ากันตามกฎของโรงพยาบาล เงินที่เราสมควรชำระให้กับโรงพยาบาลก็ชำระแล้ว เงินที่ไม่ควรจ่ายให้ก็จ่ายไปแล้ว ว่ากันด้วยเหตุและผล จะอย่างไร พวกเราก็จะต้องได้ทำการผ่าตัดก่อน!”
“ไม่อยากเสียเวลากับพวกคุณแล้ว!”
หลิงไป่เสียงถอดแมสออก ชี้นิ้วไปที่ใบหน้าของเซี่ยงเส้าหลงพูดว่า “บาดแผลของลูกสาวคุณ ใกล้กับดวงตามาก การผ่าตัดที่ละเอียดเช่นนี้ ทั่วทั้งเมืองเทียนไห่ เกรงว่าคงจะมีผมเพียงคนเดียวไม่มีใครอื่นที่จะทำได้อีกแล้ว!”
“ผมให้คุณรอ!ยังไงคุณก็ต้องรอ!”
แววตาเซี่ยงเส้าหลงเย็นชาขึ้นในทันที จับนิ้วของเขาไว้ ออกแรงหัก ทำให้หลิงไป่เสียง ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเซี่ยงเส้าหลง ส่งสายตาเย็นชาและพูดกับเขาว่า “จะพูดจากับผม ทางที่ดีอย่าเอานิ้วชี้หน้าผม!”
“ไม่อย่างนั้น อาจจะหักเอาง่าย ๆนะ!”
เซี่ยงเส้าหลงเปลี่ยนท่าทีภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่อวิ๋นเสว่เหยนกลับไม่นำมาใส่ใจ รีบคว้าตัวเซี่ยงเส้าหลงไว้ เอ็ดไปด้วยความร้อนใจว่า “เซี่ยงเส้าหลง!คุณจะทำอะไร!รีบปล่อยผู้จัดการหลินเดี๋ยวนี้!”
“ใช่ถูกต้องแล้ว! คุณรีบปล่อยผมเดี๋ยวนี้!”
หลิงไป่เสียงในเวลานี้ ก็ไม่ลืมที่จะแสดงท่าทียโส “คุณไม่สนใจใบหน้าของลูกสาวคุณแล้วเหรอ ผมจะบอกให้คุณฟัง ตราบใดที่ผมยังพอใจ ผมสามารถทำให้ใบหน้าของเธอที่เดิมทีจะไม่มีรอยแผลเป็นอะไรเลย กลับกลายเป็นความอัปยศให้กับเธอทั้งชีวิต!”
ในกลุ่มคนจำนวนมาก หมอคนหนึ่งพูดจาออกมาเช่นนี้ในที่สาธารณะ นางพยาบาล และหมอคนอื่น กลับก้มหน้าก้มตาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเห็นได้ชัดว่าโดยปกติแล้วหลิงไป่เสียง มีท่าทีถือดีว่างอำนาจ ในโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ!
เมื่อเกี่ยวข้องกับใบหน้าของเยนเอ๋อ อวิ๋นเสว่เหยนร้อนใจขึ้นมาทันที รีบเข้ามาพูดจาอ้อนวอนว่า “ผู้จัดการหลิน พวกเราผิดเอง คุณอย่าทำกับเยนเอ๋ออย่างนี้เลย……”
“เซี่ยงเส้าหลง! ปล่อยมือ! รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
เซี่ยงเส้าหลง คลายมือออก หลิงไป่เสียง ยิ่งแสดงท่าทีถือดีมากยิ่งขึ้น ชี้นิ้วตวาดเขาเสียงดังว่า “คนอย่างผมอยากชี้หน้าคุณแล้วจะเป็นยังไง?!”
“พวกยาจกจนกรอบอย่างพวกคุณ ทำได้เพียงต้องอดทนรอเท่านั้น!”
“คุกเข่าต่อหน้าผมเสียเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ลูกสาวของคุณ ก็จะ……”
กร๊อบ!
“โอ้ย!”
เสียงร้องดังสนั่นด้วยความเจ็บปวด ทุกคนต่างตกตะลึง มีเพียงเซี่ยงเส้าหลงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนมองดูเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พูดจาเลอะเทอะอะไร!”
“แกกล้าหักนิ้วของฉันเลยเหรอ?”
หลิงไป่เสียงไม่เชื่อสายตาตัวเอง ความเจ็บปวดที่โดนหักนิ้วยังไม่เท่ากับความตกใจ!
“ผู้จัดการหลิน!รปภ.! รีบไปเรียกรปภ.เดี๋ยวนี้!”
จากนั้นไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าดังตึงตังตามมา รปภ.รูปร่างกำยำจำนวนสี่ห้าคน เข้ามาในทันที และยืนล้อมเซี่ยงเส้าหลงไว้ คนที่เป็นหัวหน้าแสดงท่าทางดุดันพูดขึ้นว่า “ผู้จัดการหลิน เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
หลิงไป่เสียง เนื้อตัวสั่นเทาชี้หน้าเซี่ยงเส้าหลง “กระทืบมันซะ! กระทืบให้ตาย! เกิดเรื่องอะไรผมรับผิดชอบเอง!”
หัวหน้ารปภ.เดิมก็เป็นคนดุร้ายอยู่แล้ว หลังได้ยินคำพูด ก็ยกไม้กระบองขึ้นมา หมายที่จะฟาดหัว ด้วยกำลังเช่นนี้หากโดนเข้าไป ก็อาจจะหัวล้างข้างแตกได้
ปึ่ง!
เซี่ยงเส้าหลงใช้สองมือเปล่า คว้ากระบองไว้ มองไปรอบ ๆด้วยสายตาเย็นชาและพูดว่า “นี่คือวิธีการรับรองผู้ป่วยของพวกคุณงั้นเหรอ? ไม่พูดกันด้วยเหตุผลก็ลงไม้ลงมือ?”
“เชี่ยอะไร เลิกพูดไร้สาระได้เเล้ว!”
หัวหน้า รปภ.ก้าวร้าวมากพูดว่า “ที่นี่ คำพูดของผู้จัดการหลินนั่นแหละคือเหตุผล!”
แววตาเซี่ยงเส้าหลงขึงขัง “ได้สิ งั้นก็ทำให้ฉันดูหน่อยสิ ว่าเหตุผลของพวกแกจะมีสักแค่ไหน!”