ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี – บทที่ 26อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า ได้ดั่งใจปรารถนา

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

จางเหล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูใบหน้าชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แววตา แสดงท่าทีเหยียดหยามขึ้นและพูดว่า “คุณเป็นใครกัน?”

“ผมขอเตือนคุณไว้ก่อน เรื่องของคนอื่น ไม่ใช่ว่าจะสอดเข้ามาง่าย ๆ!”

“ฮ่าฮ่า งั้นต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมเป็นคนที่นิสัยเสียเรื่องหนึ่ง ชอบที่จะสอดเรื่องของชาวบ้านด้วยสิ!”

หลังพูดจบ จะก้าวเดินออกไป แต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆกลับว่องไวกว่าเขาก้าวหนึ่ง

เซี่ยงเส้าหลงก้มหน้าลงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับอวิ๋นเสว่เหยนที่อยู่ข้างๆว่า “เหยนเหยน เยนเอ๋ออยู่ในห้องผ่าตัดคนเดียว เกรงว่า ลูกจะตกใจกลัว คุณเข้าไปในห้องอยู่กับเขาดีไหม?”

พูดจบ ก็ส่งสัญญาณด้วยสายตาให้กลับคณบดีหวัง คณบดีหวังก็เป็นคนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าเรียบง่ายคนนี้ มีความสัมพันธ์อย่างไรกับซ่งจื้อตง แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่า ชายหนุ่มคนนี้เมื่อเทียบกับซ่งจื้อตงยังดูลึกลับและไม่ควรที่จะทำให้เขาโมโห ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจอย่างถูกต้อง รีบเดินมาด้านข้างของอวิ๋นเสว่เหยนและพูดว่า “คุณผู้ชายท่านนี้พูดได้ถูกต้อง บาดแผลของคนไข้ใกล้กับดวงตามาก ด้วยสภาพจิตใจของคนไข้แล้ว ย่อมมีแรงกดดันมากพอสมควร ถ้าในตอนนี้หากมีญาติคอยอยู่ใกล้ ๆเธอ ก็จะสามารถลดแรงกดดันในใจของคนไข้ได้เป็นอย่างมาก”

อวิ๋นเสว่เหยน ได้ยินคำพูด ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที จึงรีบพูดขึ้นว่า “จริง ๆเหรอ? งั้นฉันจะรีบเข้าไปอยู่ใกล้ ๆเยนเอ๋อ”

“ดีมาก งั้นเชิญทางนี้ครับ”

ขณะที่อวิ๋นเสว่เหยน กำลังจะเดินตามคณบดีเข้าไปข้างใน จู่ ๆก็หยุดฝีเท้า มองไปที่เซี่ยงเส้าหลง ใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่ สับสนพูดเบาๆว่า “ระวังตัวด้วยล่ะ”

เซี่ยงเส้าหลงหันหลังกลับ หัวเราะและตอบกลับไปว่า “วางใจได้!”

บางที คำพูดอ่อนโยนจำพวกนี้ที่พูดออกมาน้อยครั้ง จนทำให้อวิ๋นเสว่เหยนหน้าแดงระเรื่อหันหลังกลับและเดินจากไป สายตามองดูด้านหลังของเธอ ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลง ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยน แต่ความอ่อนโยนเปลี่ยนไปในขณะที่หันหลังกลับมาอย่างช้า ๆ สีหน้าของเขาเปลี่ยนมาเย็นชาขึ้น จนกระทั่งหันมาเผชิญหน้า คนที่อยู่รอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะตกใจจนตัวสั่น!

เวลานี้ เป็นเดือนเก้า อากาศไม่หนาว แต่ว่าบรรยากาศในเวลานี้ กลับทำให้คนรู้สึกหนาวเหน็บสั่นสะท้าน!

ซ่งจื้อตงถอยหลังกลับไปครึ่งก้าว ในดวงตา กลับส่องประกายที่ลึกล้ำ

ครั้งก่อนเห็นเขาลงมือด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าจะเป็นสามปีที่แล้ว หวนคิดถึงช่วงเวลาที่ได้บุกป่าฝ่าดงมาด้วยกัน……

เซี่ยงเส้าหลงบิดเอวไปมาเล็กน้อย เสียงกระดูกดังกร๊อบแกร๊บ ส่งเสียงพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย “นานแล้วที่ไม่ได้ออกกำลังกายแบบนี้ ไม่รู้ว่า จะเป็นเหมือนเมื่อก่อนสักกี่เปอร์เซ็นต์!”

จางเหล่ยส่งเสียงฮึด้วยท่าทีเหยียดหยาม “แสร้งทำวางท่าเท่านั้น! ไปจัดการมัน……”

คำสุดท้ายไม่ทันได้เอ่ยออกจากปาก ในขณะที่กำลังชุลมุน ต่อหน้าผู้คน เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องอยู่ในหู แต่ใช้เวลาประเดี๋ยวเดียว ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนที่มีท่าทีดุดัน ตอนนี้ กลับไปนอนกองอยู่บนพื้น ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

“แก…… แกกล้าดียังไงทำร้ายคนของบริษัทอวี้ไห่กรุป?”

จางเหล่ยตัวสั่นเทาใช้นิ้วชี้ออกไปพูดกับเซี่ยงเส้าหลง โดยไม่เชื่อกับตาตัวเอง

“บริษัทอวี้ไห่กรุป?”

เซี่ยงเส้าหลงขมวดคิ้วเล็กน้อยพูดขึ้นว่า “เมืองเทียนไห่ มีบริษัทกรุปชื่อนี้ด้วยเหรอ?”

ซ่งจื้อตงที่ยืนอยู่ข้างๆ สำทับขึ้นมาทันที หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรออกไปและพูดว่า “ภายในห้านาที ฉันต้องการให้บริษัทอวี้ไห่กรุป หายไปจากเมืองเทียนไห่!”

ได้ยินคำพูดนี้ จางเหล่ยเดือดดาลมาก “จะให้บริษัทอวี้ไห่กรุปหายไป? พวกคุณสองคน เป็นบ้าไปหรือเปล่า!”

“ชกต่อยเก่งแล้วเป็นยังไงเหรอ? ผมจะบอกให้คุณฟัง สิ่งที่บริษัทอวี้ไห่กรุปมีก็คือเงิน หาก5คนสู้ไม่ได้ 50คน 500คนพอหรือเปล่า ล่ะ!”

“บริษัทอวี้ไห่กรุป จะหายไปเมื่อไหร่ เรื่องนี้ฉันไม่รู้ แต่พวกคุณทั้งสอง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็จะต้องหายไป!”

จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรออกไป “พี่หวัง รีบส่งพรรคพวกมาสักห้าสิบคน พร้อมอาวุธครบมือมาที่โรงพยาบาลโดยด่วน มีเด็กสองคนกล้ามาหาเรื่องกับบริษัทอวี้ไห่กรุป!”

“ดีมาก เร็ว ๆหน่อย!”

จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ ยิ้มด้วยท่าทีดุดัน “ตอนนี้ให้คุกเข่าขอร้อง ไม่แน่ว่า ฉันมีจิตใจดี ไว้ชีวิตไร้ค่าของพวกแกทั้งสองคน!”

เซี่ยงเส้าหลง ไม่สนใจคำพูดเขาแม้แต่น้อย ยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาพูดเบา ๆว่า “ยังเหลืออีกสามนาที”

หลิงไป่เสียง หัวเราะเสียงดัง และพูดว่า “รองประธานจาง ดูพวกงี่เง่าสองคนนี้สิ ยังทำท่าทีขึงขังจริงจัง ฮ่าฮ่า อยากจะขำ!”

“ฮึฮึ! รอให้ คนของฉันมาก่อนเถอะ จะให้พวกแกร้องไห้ไม่เป็นภาษา!”

ช่วงเวลาผ่านไปทุกวินาที ขณะที่เข็มยาว มาถึงเลขศูนย์ ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลง ก็เปล่งประกายขึ้นอีกครั้งและพูดว่า “ครบห้านาทีแล้ว!”

กริ๊งกริ๊งกริ๊ง!

เสียงโทรศัพท์ของจางเหล่ยดังขึ้นในเวลาพอดิบพอดี เขาสะดุ้งขึ้น สายตาจ้องไปที่เซี่ยงเส้าหลงพูดด้วยน้ำเสียงย่ามใจว่า “

หนุ่มน้อย คนของฉันมาถึงแล้ว ตอนนี้หมดเวลาร้องขอชีวิตแล้วล่ะ!”

“เฮ้!เหล่าหวัง พวกคุณถึงไหนแล้ว?”

“พี่รอง แย่แล้ว!”

“พี่น้องของพวกเราทุกคน ถูกกลุ่มคนที่ไม่ทราบชื่อทำร้าย พี่น้องของเราบาดเจ็บก็มาก พิการก็เยอะ จากนั้นก็มีสายตรวจมา แม้แต่โรงพยาบาลก็ไปไม่ทัน พี่น้องของพวกเราโดนจับตัวไปหมด!”

“อะไรนะ?!”

ดวงตาของจางเหล่ย แทบจะทะลักออกมาจากเบ้าตา “เกิดเรื่องนี้ได้ยังไง?!”

“พี่รอง คุณต้องรีบช่วยหาวิธี พวกเรา……”

พูดยังไม่ทันจบความ ได้ยินแค่เพียงเสียงดังอึกทึก ในสายโทรศัพท์ จากนั้นได้ยินเสียงพูดว่า อย่าขยับ ใส่กุญแจมือ โทรศัพท์ กลับกลายเป็นเสียงของความวุ่นวาย จางเหล่ยรีบวางสายโทรศัพท์ทันที เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าหม่นหมองสบตากับแววตาเย็นชาของเซี่ยงเส้าหลงพอดี

“รองประธานจาง คนของพวกคุณไปไหนแล้วล่ะ? จะให้ผมไปคอยต้อนรับอยู่หน้าประตูไหม?”

หลิงไป่เสียงดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาอยากจะให้เซี่ยงเส้าหลงเข้ามาคุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิตต่อหน้าเขา

“ไปรับกับมารดาแกสิ ออกไปให้พ้น!”

จางเหล่ยกระฟัดกระเฟียดสบถด่าไปคำโต ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นคนรักของตนเองโทรเข้ามา เวลานี้ จะมีจิตใจพูดคำหวานได้อย่างไร จึงตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง ใครจะไปรู้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง โทรมาติดต่อกันถึงสามครั้ง จึงรับสายด้วยท่าทีจำยอม “อยากจะซื้ออะไรก็ไปซื้อเอง ตอนนี้ผมไม่ว่าง ไม่มีเวลาพูดคุยกับคุณ!”

เสียงปลายสาย ไม่ใช่เสียงที่อ่อนหวานเหมือนอย่างที่คิดไว้ กลับเป็นเสียงร้องไห้ดังขึ้นมา “คุณมันใจร้าย ยังจะซื้ออะไรอีกล่ะ!”

“ไม่เหลือแล้ว! ไม่มีอะไรเหลือแล้ว!”

จางเหล่ยตกใจถามขึ้นว่า “ไม่เหลืออะไร? ไม่มีอะไรเหลือเหรอ!”

“บ้าน! รถ! เงิน! และยังมีใบหุ้น วัตถุโบราณที่คุณแอบเก็บในตู้เซฟนิรภัยของธนาคาร ทั้งหมดถูกอายัดไว้หมดแล้ว! “

ตึ่ง ตึ่ง!

ขณะนี้จางเหล่ยยืนไม่อยู่แล้ว ล้มลงไปนั่งกองบนพื้น ใบหน้าเหม่อลอย พริบตาเดียวเหมือนว่าเขาจะรู้สึกอะไรได้มาบางอย่าง เงยหน้าขึ้นจ้องมองไปทางเซี่ยงเส้าหลงพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “เป็น……เป็นแก?”

“จางเหล่ย!”

ทันใดนั้น มีเสียงดังกังวานมาจากทางเดิน จากนั้นก็มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามา คนที่เดินนำหน้า แม้นว่าจะสวมเสื้อสูท แต่ไอเพชรฆาตแผ่ซ่านไปทั่วตัว ไม่ทันจะรอให้จางเหล่ยตอบสนองกลับ กระชากคอเสื้อให้เขาลุกขึ้นยืนและพูดว่า “แกไปทำเชี่ยอะไรมากันแน่!”

“พี่ใหญ่ ผม……”

“แกเป็นเชี่ยอะไรอีกล่ะ! 5นาที! ก็คือ5นาที!”

“บริษัทอวี้ไห่กรุป! หมดแล้ว! ไม่มีอะไรเหลือแล้ว! ฉันเห็นมันสลายไปกับตาตนเอง!”

“อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังฝากบอกมาประโยคหนึ่งว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็เป็นเพราะแก แกมันสารเลว ไปทำผิดต่อใครกันแน่!”

จางชิงเหวี่ยงจางเหล่ยกระเด็นไป หากไม่ใช่เป็นน้องชายแท้ ๆของตนล่ะก็ ก็คงยากที่จะมีชีวิตรอด!

จางเหล่ย ล้มเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ในขณะนั้นเอง ก็ปรากฏ รองเท้าหนังขัดเงามันวาวคู่หนึ่งอยู่ตรงหน้า เงยหน้าขึ้นมองซ่งจื้อตง ก้มหน้าลงมองอย่างช้า ๆ แย้มยิ้มพูดกับเขาว่า “ตอนนี้คงจะรู้แล้วใช่มั้ยว่า อะไรคือสมดั่งใจปรารถนา?”

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

Status: Ongoing
ลูกสาวถูกขายให้เป็นเจ้าสาวเด็ก ภรรยาตกเป็นหมากให้คนอื่น เซี่ยงเส้าหลงกลับมาพร้อมกับความโกรธ รวบอำนาจแห่งความยิ่งใหญ่ เทพสงครามเดือดผนึกโลก ยกกองทัพออกศึกสะท้านปฐพี

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท