มีเงินจะทำอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
เสือดำแม้จะต่อสู้เก่งกาจ แต่เขาก็ตัวคนเดียว ต่อหน้ามหาเศรษฐีแห่งเมืองเทียนผู้ร่ำรวยหลายพันล้านอย่างไห่ซ่งจื้อตง อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่เจ้านายของเขา ก็ยังต้องเกรงกลัว!
ซ่งจื้อตงพยักหน้าให้เซี่ยงเส้าหลงอย่างคลุมเครือ จากนั้นเดินไปด้านหน้า มองเสือดำ ใบหน้าฉายแววเหยียดหยาม “ก็แค่ผีน้อยที่ไม่สามารถเจอแสงได้ ยังคู่ควรที่จะพูดจาใหญ่โตที่นี่ด้วยเหรอ?”
“ไม่จำเป็นต้องถึงเทพเจ้าฟ้าดินหรอก ฉันซ่งจื้อตงอยู่นี่ ให้ฉันได้เห็นหน่อยสิ ว่านายใช้อะไรแตะต้องตัวเขา!”
ความโอหังที่สง่างาม ทำให้สีหน้าเสือดำ น่าเกลียดยิ่งนัก!
แต่เขาไม่กล้าเถียงกลับ ในฐานะคนสนิทของท่านเฮยอู่ เขาย่อมรู้ว่า คนที่ท่านเฮยอู่ยอมรับว่าในเมืองเทียนไห่ผู้ที่เป็นคู่แข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือมหาเศรษฐีแห่งเทียนไห่ นั้นมีอำนาจใหญ่มากแค่ไหน!
ในขณะนี้ เหอเทียนหลงเดินเข้ามา แล้วพูดว่า “คุณซ่งใช่ไหม? กะแค่ไอ้คนตัวเล็กๆคนหนึ่ง มันคุ้มค่าแล้วเหรอที่จะสร้างความบาดหมางกับท่านเฮยอู่?”
“กระผมเหอเทียนหลงจากตระกูลเหอแห่งเมืองอ้าว รบกวนคุณซ่งไว้หน้าผมด้วย คนคนนี้ปล่อยให้พวกเราจัดการ ตระกูลเหอ ยินดีที่จะคบคุณซ่งเป็นเพื่อน!”
“นายเป็นใคร อย่างนายเนี่ยนะก็เหมาะที่จะเป็นเพื่อนกับฉัน!”
ซ่งจื้อตงตอบอย่างไร้ความปรานี “ต่อให้ปู่ของนาย ราชาพนันเหอเชียนชิวถ้าเห็นฉัน ก็ถือว่าอยู่รุ่นราวคราวเดียวกับฉัน ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างนาย ถือสิทธิ์อะไรมาพูดคำใหญ่โตอยู่ที่นี่?”
ดวงตาของซ่งจื้อตงเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง “ตระกูลเหอ แต่ละรุ่นยิ่งอยู่ยิ่งด้อยจริงๆ!”
“คุณ!……”
“คุณอะไรคุณ! ฉันบอกนาย หากยังกล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกสักคำ ฉันก็ไม่ถือสาที่จะช่วยเหอเชียนชิวสั่งสอนลูกหลานแทนเขา!”
“ต่อให้ทุบตีนายจนพิการ นายเชื่อหรือไม่ ว่าเหอเชียนชิวก็ต้องยิ้มแล้วพูดว่าทุบตีได้ดี!”
สีหน้าของเหอเทียนหลงดูน่าเกลียดขึ้นทันที เขาอยากจะโต้แย้ง แต่เขาก็รู้ว่า ซ่งจื้อตงพูดถูก ในฐานะที่เป็นมหาเศรษฐีพันล้านที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน และเป็นบุคคลระดับเดียวกับปู่ของเขา ส่วนเขาเป็นแค่นายน้อยของตระกูลเหอเมื่ออยู่ตรงหน้าเขา แม้แต่ผายลมก็ไม่ใช่!
ซ่งจื้อตงมองเหอเทียนหลงที่เหมือนมะเขือถูกตี ซ่งจื้อตงก็หันไปมองทางเสือดำ พูดอย่างโอหังว่า “บอกท่านเฮยอู่ คน ฉันรับกลับไปแล้ว หากยังอยากจะหาเรื่องอะไรอีก ก็รีบมาหาฉันได้เลย!”
เสือดำสีหน้ากลับมาเป็นปกติ หยิบโทรศัพท์ออกมาเครื่องหนึ่ง ในสาย เสียงที่เฮฮาของท่านเฮยอู่ดังออกมา “ฉันก็ว่าในเมืองเทียนไห่นั้นมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใช้เงิน80ล้านโดยไม่กะพริบตาสักนิด ที่แท้ก็เป็นคนของเฮียซ่งนี่เอง!”
ซ่งจื้อตงยิ้มแห้งๆ “ช่วงนี้ธุรกิจกระผมยุ่งมาก ไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ แต่งานประมูลของท่านเฮยอู่จะขาดผมได้อย่างไร ก็เลยตั้งใจส่งคนมาร่วมสนับสนุนธุรกิจของท่านเฮยอู่ ท่านเฮยอู่คงไม่ถือสานะครับ?”
“ฮ่าฮ่า…… เฮียซ่งมาช่วยสนับสนุนธุรกิจของผม กระผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง! ดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้ เป็นการเข้าใจผิด! เสือดำ พาคนกลับ!”
ดวงตาของซ่งจื้อตงเป็นประกาย โบกมือ “พวกเรากลับ”
“เดี๋ยวก่อน!”
ทันใดนั้น เสียงของท่านเฮยอู่ก็ได้ดังออกมาจากโทรศัพท์อีกครั้ง ซ่งจื้อตงหยุดฝีเท้าลง “ท่านเฮยอู่ยังมีอะไรจะแนะนำอีกหรือ?”
“คืนนี้เกิดเรื่องบาดหมางใจกัน คืนพรุ่งนี้ผมจะจองภัตตาคารไว้ ขอเรียนเชิญเฮียซ่งและชายหนุ่มผู้นี้ ได้ไหมครับ?”
ซ่งจื้อตงมองไปทางเซี่ยงเส้าหลง
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มเยาะ “อาหารนี้ ไม่จำเป็นแล้ว!”
“ในเมื่อ ทางคนละทาง ยังไงก็ไปด้วยกันไม่ได้ !”
ขณะที่เขากำลังจะหันหลังเดินกลับไป เสียงของท่านเฮยอู่ดังขึ้นอีกครั้ง “นายไม่อยากรู้หรือว่า ใครเป็นเจ้าของหยกแขวนถังโบราณชิ้นนั้น?”
ฝีเท้าของเซี่ยงเส้าหลง หยุดลงทันที
“พรุ่งนี้สองทุ่ง ภัตตาคารเทียนหลานไห่เก๋อ พวกเราไม่เจอไม่กลับ!”
เมื่อสิ้นเสียง โทรศัพท์ก็วางสาย
เสือดำมองเซี่ยงเส้าหลงอย่างลึกซึ้ง จากนั้นหันหลังเดินจากไป
กลุ่มคน มาไวไปไว เมื่อเห็นแผ่นหลังของเสือดำที่ค่อยๆหายไป ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลง มีความฆ่าเคืองแอบแฝงอยู่!
ตกดึก หลังจากส่งอวิ๋นเสว่เหยนกลับบ้าน เซี่ยงเส้าหลงก็ตรงไปที่บ้านของซ่งจื้อตง
“โฉนดที่ดินริมน้ำทอง? ฮึ่ม! ถึงว่าท่านเฮยอู่ไอ้แก่นั้นถึงได้เสแสร้งแกล้งทำเป็นเชิญนาย เกรงว่า จุดประสงค์ไม่ได้อยู่ที่การเลี้ยงดื่มละมั่ง!”
ซ่งจื้อตงมองสัญญาบนโต๊ะ แล้วยิ้มเยาะ
“ที่ดินผืนนี้ฉันหมายตามานานแล้ว เสียดายที่ท่านเฮยอู่เป็นตายร้ายดีก็ไม่ขาย ทำให้กิจการช่วงนี้ไม่สามารถเริ่มได้อย่างราบรื่น ขาดทุนไปไม่น้อย!”
“เพื่อน นายช่วยออกหน้า ไม่เพียงแต่ช่วยฉันซื้อได้ป้ายหยกหวานหลงอันมีค่า แล้วยังช่วยฉันเอาโฉนดที่ดินริมน้ำทองมาได้ นายนี่คือตัวนำโชคของฉันจริงๆ!”
เซี่ยงเส้าหลงพูดเบาๆว่า “เกรงว่า ที่ดินผืนนี้ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด”
“หืม? คำพูดนี้หมายความว่ายังไง?”
“นายคิดว่า พรุ่งนี้ท่านเฮยอู่เลี้ยงอาหารที่ภัตตาคาร เพียงเพราะแก้ไขความเข้าใจผิดระหว่างฉันกับเหอเทียนหลงงั้นหรือ?”
“นายน้อยตระกูลเหอแห่งเมืองอ้าวผู้นี้ เกรงว่ายังไม่มีบารมีใหญ่ขนาดนั้น!”
“นายหมายความว่า…… เพื่อโฉนดที่ดินนี้?”
ซ่งจื้อตงไม่ได้โง่ แค่สะกิดก็เข้าใจ
เซี่ยงเส้าหลงหลับตาลงเล็กน้อย “ไม้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร พรุ่งนี้ ฉันจะต้องไป อีกอย่าง……”
เขาลืมตาขึ้นกะทันหัน มีแววอาฆาต “ไอ้คนที่ชื่อเสือดำ ต้องตาย!”
กองทัพพิทักษ์อาณาจักร จะตายอย่างไม่สงบได้อย่างไร?
เสือดำ เขาต้องใช้ชีวิตแลกด้วยชีวิต!
แม้จะไม่รู้จักกัน แต่วิญญาณของทหารห้ามถูกดูถูก!
นี่เป็นการเคารพอันยิ่งใหญ่ที่เซี่ยงเส้าหลงมีต่อทหาร!
เวลา ผ่านไปเร็วเดียวก็ถึงคืนพรุ่งนี้แล้ว
ภัตตาคารเทียนหลานไห่เก๋อ สถานที่ส่วนบุคคลแห่งหนึ่ง ที่นี่ เป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลของท่านเฮยอู่ ปกติจะเต็มไปด้วยลูกค้าของภัตตาคารเทียนหลานไห่เก๋อ แต่วันนี้ กลับเงียบเหงา ถึงแม้จะมีแสงไฟชัดแจ้ง แต่ก็กลิ่นอายแห่งการฆ่าแอบแฝงอยู่
รถโรลส์รอยซ์สุดหรูคันหนึ่งจอดตรงหน้าประตู และมีคนลงมาทั้งหมดสามคน
ซ่งจื้อตง เซี่ยงเส้าหลง และอีกคนที่ไม่ได้เจอมานาน ฉิวหนิว
ที่หน้าประตู คนที่ดูแลรับผิดชอบก็คือคนที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว เฮียเสี่ยวหม่า
“เชิญ!”
ซ่งจื้อตง เซี่ยงเส้าหลงไม่มีความกลัว ทั้งสองเดินเคียงข้างกัน เดินตามเฮียเสี่ยวหม่าเข้าไปในภัตตาคารเทียนหลานไห่เก๋อ ภายในห้องส่วนตัวที่หรูหรา โต๊ะกลมขนาดใหญ่สำหรับ20ที่นั่ง แต่วางเก้าอี้ไว้เพียง4ตัว ตัวหนึ่งว่างเปล่า ส่วนที่เหลืออีกสามที่นั่ง มีท่านเฮยอู่ เหอเทียนหลงกับอีกหนึ่งคนที่่ไม่รู้จักชื่อ
ท่านเฮยอู่ยังคงทำท่าสงบนิ่ง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มีความหมายแอบแฝงอยู่ ยื่นมือออกไปทางพวกเขา “เชิญ!”
เก้าอี้มีแค่ตัวเดียว แต่ซ่งจื้อตงกับเซี่ยงเส้าหลง มีกันอยู่สองกัน
เหอเทียนหลงกับชายที่ไม่รู้จักชื่อ มองเขาสองคนด้วยใบหน้าที่หยอกล้อ
ซ่งจื้อตงสีหน้าไม่เปลี่ยน นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของท่านเฮยอู่ ทุกคนไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนอง ด้วยฐานะของซ่งจื้อตง เขามีสิทธิ์นั่งที่ตรงนั้น!
ส่วนเซี่ยงเส้าหลง ซ่งจื้อตงไม่สนใจเลย เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนของเขา เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา!
จากนั้น เซี่ยงเส้าหลงยิ้มแล้วก็เดินไปตรงหน้าชายที่ไม่รู้จักชื่อ ยิ้มและพูดว่า “ขอโทษด้วยนะ ที่ตรงนี้ ผมถูกใจ”
เพี๊ยะ!
ชายคนนั้นเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว ตบโต๊ะทันที “เชี่ย!นายเป็นใคร บังอาจมาพูดอย่างนี้กับฉันได้ยังไง?!”
เหอเทียนหลงที่อยู่ด้านข้างใส่สีตีไข่ “คุณโต้ว คุณเพิ่งมาครั้งแรก อาจจะยังไม่เข้าใจ คุณเซี่ยงคนนี้ ไม่ธรรมดานะ!”
โต้วหมิงฉายแววเหยียดหยามลึกๆ เก็บซ่อนความอยากระเบิดที่แขนมือ แล้วพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ไม่ธรรมดาแค่ไหน? จะทนหมัดในมือของฉันได้ไหม?”
เหอเทียนหลงรู้สึกมีความสุขในความโชคร้ายของเขา มองไปที่เซี่ยงเส้าหลง แนะนำอย่างยั่วยุว่า “ฉันขอแนะนำก่อน นี่คือ นักมวยระดับนานาชาติคุณโต้วหมิง วันนี้เพิ่งมาถึงเมืองเทียนไห่ เพื่อเยี่ยมท่านเฮยอู่”
“นายดูสิ ตอนแรกที่ตรงนี้เตรียมไว้ให้นาย แต่คุณโต้วหมิงคือแขก ถ้าไม่ต้อนรับก็คงไม่ดีมั่ง…..”
โต้วหมิงแค่นเสียงเหยียดหยาบและเย็นชาว่า “งานเลี้ยงอาหารระดับนี้ ไม่ใช่ไอ้ขยะที่ไหน ก็มีสิทธิ์นั่ง!”
เซี่ยงเส้าหลงก้มหัวเบาๆ “ใช่แล้ว ขยะ ไม่คู่ควรที่จะนั่ง!”
เมื่อสิ้นเสียง ฉิวหนิวที่อยู่ด้านหลังก้าวออกมา เสมือนภูเขาลูกเล็กลูกหนึ่ง ปรากฏอยู่ตรงหน้าโต้วหมิง
โต้วหมิงขมวดคิ้ว แค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา พร้อมชกกำปั้นอย่างไร้ความปรานี “ไอ้โง่นี่มันมาจากไหน บังอาจมาขวางของฉัน ไสหัวออกไปซะ!”
เพี๊ยะ!
ฉิวหนิวจับมือของเขาไว้ ใบหน้าที่คมแหลมฉายแววฆ่าเคือง จากนั้นใช้แรงบดขยี้อย่างแรง ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องโหยที่ทำให้คนขนลุกก็ได้ดังก้องขึ้น ข้อมือที่แข็งแรง ถูกบิดเหมือนโรตีกรอบที่รูปร่างบิดเบี้ยว เลือดสดๆที่ไหลออกมา ทำให้ทั่วทั้งแขนถูกย้อมเป็นสีแดง!
จากนั้น โต้วหมิงเสมือนลูกไก่ถูกฉิวหนิวถือไว้ในมือ แล้วก็โยนออกไปราวกับขยะ ศีรษะกระแทกกับกำแพงที่แข็งอย่างหนัก เสียงตึงดังขึ้น จากนั้นก็สลบไป
ท่านเฮยอู่ยังคงยิ้ม แต่สายตาที่มองเซี่ยงเส้าหลงนั้น แฝงไปด้วยความเคร่งเครียด
ฉิวหนิวดูเหมือนทำเรื่องเล็กนิดเดียว เอาเก้าอี้มาเช็ด แล้วเชิญเซี่ยงเส้าหลงนั่งอย่างนอบน้อม เซี่ยงเส้าหลงนั่งลง สายตามองไปที่สีหน้าอันน่าเกลียดของเหอเทียนหลง ถามด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายเหอ เมื่อกี้บอกว่า ไอ้คนนี้ เป็นแชมป์อะไรนะ?”
สีหน้าเหอเทียนหลงดูน่าขยะแขยงราวกับกินแมลงเข้าไป เมื่อกี้ยังคุยโม้ว่าเป็นนักมวยระดับนานาชาติ ถูกคนของเซี่ยงเส้าหลงต่อยแค่หมัดเดียวก็เกือบตาย หน้านี่แตกเป็นเสี่ยงๆ
“เหอะเหอะ…..”
อยู่ดีๆท่านเฮยอู่ก็หัวเราะ กวักมือเรียกพนักงาน “ในเมื่อทุกคนมาครบแล้ว งั้นก็สั่งอาหารก่อนเถอะ!”
ผู้จัดการห้องอาหารรีบเดินเข้ามา หยิบเมนูให้ท่านเฮยอู่ดู แล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า “ท่านเฮยอู่ วันนี้ท่านทานอะไรดีครับ?”
ท่านเฮยอู่หัวเราะคิกคักแล้วผลักมือ “ผู้มาเยือนคือแขก ให้แขกดูก่อน”
ผู้จัดการห้องอาหารยื่นเมนูให้กับซ่งจื้อตง แต่ซ่งจื้อตงกลับหลับตาเล็กน้อย ดูก็ไม่ดู พูดเสียงเรียบว่า “เพื่อน ภัตตาคารเทียนหลานไห่เก๋อเป็นสถานที่ดีมาก พ่อครัวก็สุดยอด ท่านเฮยอู่อุตส่าห์ควักเนื้อ อยากกินอะไร ไม่ต้องเกรงใจ!”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มแล้วรับเมนูมา เปิดไปพูดไปว่า “ขอบคุณท่านเฮยอู่ที่ต้อนรับ!”
“ไม่ทราบว่าท่านเฮยอู่ มีอะไรที่กินไม่ได้บ้างไหม?”
ท่านเฮยอู่ก็ยังคงดูเหมือนเป็นคนดียิ้มแย้มแล้วพูดว่า “คนมันแก่แล้ว กินอาหารที่หวานเกินไปไม่ได้ น้องเซี่ยงเราพบกันครั้งแรก อยากกินอะไรก็สั่งได้เลย ไม่ต้องกังวลฉันหรอก”
“ทำอย่างนั้นได้อย่างไร! ร่างกายสำคัญที่สุด!”
“มา สั่งอาหาร!”
“ผัดเปรี้ยวหวานหลีฮื้อ ผัดเปรี้ยวหวานหมูสันนอก! ผัดเปรี้ยวหวานหนังองุ่น!”
เมื่อสิ้นเสียง สีหน้าท่านเฮยอู่จากที่เกิดเรื่องเป็นร้อยก็ยังคงเดิมนั้น รอยยิ้มก็แข็งทื่อเล็กน้อย
ลูกน้องของเขา มองเซี่ยงเส้าหลงอย่างโกรธเกรี้ยว มีแต่ซ่งจื้อตง หัวเราะออกมาเบาๆ นายเอาราชานักมวยนั้นมาขยะแขยงฉัน ฉันเลยรับตอบกลับ เพื่อนคนนี้ของฉัน ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลย เรื่องทุกอย่าง ไม่เคยยอมเสียเปรียบเลยสักนิด!
ผู้จัดการห้องอาหารสัมผัสถึงบรรยากาศที่กดดัน ขาทั้งสองข้างสั่น ถามอย่างกล้าๆกลัวๆว่า “ท่าน…… ท่านยังจะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหม?”
เซี่ยงเส้าหลงปิดเมนู “ไม่ละ แค่นี้พอ!”
“งั้น….. คุณมีอะไรที่กินไม่ได้บ้างไหม?”
“มีสิ!”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ห้ามหลีฮื้อ!ห้ามสักนอก! ห้ามหนังองุ่น!”
เพี๊ยะ!
เสือดำที่อยู่ด้านหลังท่านเฮยอู่ทนไม่ไหว ก้าวออกมาหนึ่งก้าว แล้วด่าว่า “นายตั้งใจที่จะแกล้งกันใช่ไหม? งั้นเปลี่ยนเป็นเสิร์ฟน้ำตาลให้นายสามจานเลยดีไหม!”
“ไม่! เสิร์ฟหกจาน!”
“แค่สามจาน ฉันกลัวว่าไม่อาจส่งท่านเฮยอู่ไปได้!”
หวือ!
ลูกน้องอดทนไม่ได้อีกต่อไป เงาแสงดาบโผล่ออกมา ทันใดนั้น ในห้องส่วนตัว เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท!
“เหอะเหอะ…..”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะของท่านเฮยอู่ก็ดังขึ้น สายตาของเขาจ้องมองไปที่เซี่ยงเส้าหลง เอ่ยปากพูดว่า “ไอ้น้องชาย ดูท่า นายอยากจะเป็นศัตรูกับฉันซะแล้ว……”
เซี่ยงเส้าหลงเอนหลังพิงเก้าอี้ ยกน้ำชาบนโต๊ะขึ้นดื่มจนหมด หัวเราะเบาๆ “ก็ใช่ไง ไม่งั้นทำไมฉันจำไม่ได้ว่าที่เมืองเทียนไห่ ฉันยังมีเพื่อนแบบนายอีกคน……”
อาหารยังไม่เสิร์ฟ เครื่องดื่มยังไม่เปิด แต่กลิ่นควันนั้น ยิ่งอยู่ยิ่งเข้มข้น……