เมื่อได้ยินเซี่ยงเส้าจุนซักถาม หัวหน้าคนงานยักไหล่อย่างไม่สนใจ “อากาศร้อน พวกคนงานเหนื่อย ก็เลยให้พวกเขาพัก!”
พักเหรอ
แววตาของเซี่ยงเส้าจุนนิ่ง “พวกนายจะพักไปถึงเมื่อไร”
“เรื่องนี้เหรอ……ดูอารมณ์ก่อนแล้วกัน ถ้าอารมณ์ดีก็เริ่มงานได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดี ก็ต้องรอก่อน!”
“นาย!……”
“พวกนายทำงานไม่จริงจังแบบนี้ ไม่อยากได้เงินเหรอ”
“ชิ! เงินแค่นั้น ยังไม่พอให้ฉันเล่นไพ่นกกระจอกแพ้แค่คืนเดียวเลย จะได้หรือไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร……”
เซี่ยงเส้าจุนมองหัวหน้าคนงานอย่างโมโห “ได้! ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมขอแจ้งพวกนาย! พวกนายถูกเลิกจ้างแล้ว! รีบพาคนของนายออกไปจากที่นี่!”
“โอ้ๆ……คนงานของฉันดั้นด้นมาไกล เพื่อทำงานให้นาย จะไล่เรายังไงก็ได้อย่างนั้นเหรอ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ”
“งั้นพวกนายจะเอายังไง หรือเพราะเรื่องเงิน ถ้าเป็นเช่นนี้ เรามาคุยกันดีๆ ก็ได้……”
“ฮ่าๆ……ประธานเซี่ยงใจกว้างจริงๆ งั้นเพิ่มเงินจากเดิมสักร้อยเท่าเป็นไง……”
“อะไรนะ ร้อยเท่างั้นเหรอ พวกนายโลภเกินไปแล้ว!”
เซี่ยงเส้าจุนขมวดคิ้ว ตอนนี้เข้าเพิ่งเข้าใจว่าคนพวกนี้จงใจหาเรื่อง!
“โอ้ๆ……ไม่ว่าประธานเซี่ยงจะพูดยังไง พวกเราเหนื่อย ขอพักผ่อนก่อน ถ้าประธานเซี่ยงไม่มีอะไรแล้ว ก็เชิญตามสบาย!”
หัวหน้าคนงานพูดทิ้งท้าย และเดินสะบัดตูดออกไป ถึงจะมีอำนาจในการบุกเบิกเหมืองทองคำ แต่การที่จะเริ่มบุกเบิก ต้องเอาพวกดินข้างบนเหมืองทองคำออกไปจนหมดเสียก่อน แต่เครื่องจักรที่ต้องใช้กำจัดดินบนพื้นผิว ก็คือรถขุดดิน!
ถ้าไม่มีรถขุดดิน ก็ทำอะไรต่อไม่ได้ ทั้งหมดจะเสียเปล่า!
ไม่ง่ายเลยกว่าเซี่ยงเส้าจุนจะหาโอกาสได้ คนตระกูลเซี่ยงมองความสำเร็จของเขาอย่างกระหาย จะให้เกิดปัญหาในช่วงสำคัญไม่ได้เด็ดขาด!
ไม่ว่าใครก็สามารถอดทนได้ แต่เขารอไม่ได้อีกแล้ว!
คิดไปคิดมา เซี่ยงเส้าจุนหยิบมือถือโทรหาใครบางคน หลังจากผ่านไปนาน มีเสียงเกียจคร้านดังออกมา “ฮัลโหล ใครอะ”
“รองผู้อำนวยการหวัง ผมเซี่ยงเส้าจุนเอง ”
“อ๋อ คุณชายใหญ่ตระกูลเซี่ยงนี่เอง……”
ถึงปากจะเรียกว่าคุณชายใหญ่ตระกูลเซี่ยง แต่น้ำเสียงที่ออกมา ไม่มีความนอบน้อมสักนิด
“รองผู้อำนวยการหวัง ที่ไซต์งานของผมเกิดเรื่องนิดหน่อย คุณส่งคนมาไกล่เกลี่ยหน่อยได้ไหม”
“เกิดอะไรขึ้น”
เซี่ยงเส้าจุนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าวๆ ฝั่งนั้นเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดออกมาช้าๆ “คุณชายใหญ่ตระกูลเซี่ยง เรื่องนี้ผมเห็นใจนะ แต่ผมช่วยไม่ได้จริงๆ!”
“เรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ ทำได้เพียงพูดเกลี้ยกล่อมเท่านั้น อีกย่าง คนงานของเขาก็พูดมีเหตุผลนะ คุณจะอย่าใช้แรงงานคนอื่นหนัก จนไม่ให้พวกเขาพัก เขาเลยอารมณ์ไม่ดี เลยต้องการพักผ่อนไง……”
“แต่พวกเขาจงใจยื้อเวลา ให้การบุกเบิกเหมืองของผมล่าช้ากว่าปกติ!”
“จงใจยื้อเวลาเหรอ พวกเขาได้ประโยชน์อะไรล่ะ เขาพูดชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ทำงานและไม่รับเงินของคุณ……”
จู่ๆ เซี่ยงเส้าจุนก็พูดอะไรไม่ออก เขาอ้าปากแต่ไม่รู้จะพูดอะไร ต่อมาเขาพูดต่ออย่างไม่ยอมแพ้ “แต่พวกเขาทำร้ายคนงานของผมด้วย ยังไงคนที่เป็นตำรวจอย่างพวกคุณต้องมาดูแล!”
“ทำร้ายคนเหรอ เป็นยังไงกันบ้าง ส่งโรงพยาบาลหรือยัง ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลไหม”
ผู้รับผิดชอบข้างๆ เดินเข้ามา และพูดเบาๆ ว่า “ประธานเซี่ยง คนงานของเขาไปโรงพยาบาลกับคนงานที่บาดเจ็บของเรา และพวกเขาออกค่ารักษาทั้งหมด เขาแสดงท่าทีดีมาก!”
คนปลายสายได้ยินเสียงของผู้รับผิดชอบ รองผู้อำนวยการหวังพูดว่า “ใช่ไหมล่ะ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว แต่เขาให้ความร่วมมืออย่างดี จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ชดใช้สิ่งที่ควรชดใช้แล้ว ถึงตำรวจอย่างเราไป ผลก็เหมือนเดิม……”
“แต่……”
“คุณชายเซี่ยง ช่วงนี้คดีเยอะมาก อย่ามาสร้างความวุ่นวายให้เรา เพราะเรื่องเล็กๆ แบบนี้เลย ลาก่อน!”
ภายในห้องกองบังคับการตำรวจอันกว้างใหญ่ รองผู้อำนวยการหวังวางสาย และยิ้มให้กับคนชุดสูทที่อยู่ตรงข้าม “คุณว่าพูดแบบนี้โอเคไหม”
คนตรงข้ามพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นจึงเอาซองจดหมายออกจากกระเป๋า และยื่นให้ “ไม่เลวนี่ รองผู้อำนวยการหวังน่าคบหา แน่นอนว่าผมจะตอบแทนคุณอย่างดี!”
“คุณชายเซี่ยงเรียกใช้ผม ถือเป็นความกรุณาจากคุณชาย ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไร ถ้าผมช่วยได้ ผมจะไม่ปฏิเสธเลย!”
ชายที่อยู่ในชุดสูทคือเซี่ยงปิง เขาถูกเสิ่นเสว่เหลียนส่งมาที่นี่!
“ฮ่าๆๆได้ยินมาว่าผู้อำนวยการหวังจะย้ายไปที่อื่นแล้ว ผมขอให้คุณได้เลื่อนตำแหน่งสูงๆ เลยนะครับ!”
ดวงตาของหวังเจิ้งไห่เป็นประกาย การที่เขาช่วยเหลือเซี่ยงปิงขนาดนี้ เขาต้องการเพียงประโยคนี้เท่านั้น!
“ไอ้เวรพวกนี้!”
เซี่ยงเส้าจุนกัดฟันกรอด เขามองพื้นที่ว่างเปล่าไกลสุดลูกหูลูกตา จู่ๆ เขาก็รู้สึกสับสนขึ้นมา!
ถ้าคนอย่างเซี่ยงเส้าจุนไม่ได้ความช่วยเหลือจากเซี่ยงเส้าหลง นายมันก็ไม่ได้ความขนาดนี้เชียวหรือ
ขนาดเรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้ นายจะเอาอะไรไปช่วยพ่อ จะเอาตระกูลเซี่ยงกลับมาได้ยังไง
เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา
“พี่ เกิดอะไรขึ้น”
น้ำเสียงอันอบอุ่นดังขึ้นข้างหลัง เซี่ยงเส้าหลงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม เซี่ยงเส้าจุนอึ้งไป “นายมาได้ยังไงเส้าหลง”
“ได้ยินว่าที่นี่มีเรื่องนิดหน่อย ผมเลยแวะมาดู”
เซี่ยงเส้าจุนซ่อนความคิดเมื่อครู่ และเล่าเรื่องให้เซี่ยงเส้าหลงฟังคร่าวๆ เซี่ยงเส้าหลงได้ยินก็เข้าใจทันที มีคนจงใจก่อเรื่อง เพื่อขัดขวางการเปิดเหมืองของเซี่ยงเส้าจุน!
“ใช่คนของเสิ่นเสว่เหลียนหรือเปล่า”
“ไม่รู้ แต่มีความสามารถขนาดนี้ และยังไม่ต้องการให้เราเปิดเหมืองได้อย่างปกติ มีเธอคนเดียวเท่านั้น!”
“เรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง!”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มบางๆ จากนั้นล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง และเดินเข้าไป “ใครเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ออกมาซะ”
เพล้ง!
มีเสียงขวดแตกดังขึ้นไกลๆ หัวหน้าคนงานเมื่อครู่ เดินเข้ามาอย่างไม่เป็นมิตร “ดื่มเหล้านิดหน่อยก็ยังไม่หยุด มีอะไรอีก”
เขาเดินมาหน้าเซี่ยงเส้าหลงและมองอย่างประเมิน เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นายเป็นใคร”
“ทำงานสิ”
“ข้าบอกแล้วไง ถ้าอารมณ์ไม่ดี……”
พลั่ก!
ยังไม่ทันพูดจบ องครักษ์เสื้อเลือดที่ตามมาด้วย ถีบไปที่ท้องน้อยของหัวหน้าคนงาน จนกระเด็นออกไปไกล มันรุนแรงมาก!
“ไอ้เวรเอ๊ย! พวกเรา เอาอาวุธไปจัดการมัน!”
เมื่อเห็นลูกพี่ถูกกลั่นแกล้ง พวกลูกน้องก็ล้อมเข้ามา เซี่ยงเส้าหลงกวาดตามองอย่างไม่สบอารมณ์ และแสยะยิ้มออกมา “คนพวกนี้เหรอ”
“มองอะไร! จัดการมันเลย!”
องครักษ์เสื้อเลือดที่อยู่ข้างหลัง เหมือนหมาป่าหิวโหยที่เข้าไปในฝูงแกะ มีเสียงร้องโอดครวญดังออกมาไม่หยุด ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันตั้งสติ การต่อสู้ฝ่ายเดียวครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว
“เริ่มงานเลยไหม”
เซี่ยงเส้าหลงเดินมาข้างหน้าหัวหน้าคนงาน เขายิ้มและเอ่ยถาม
หัวหน้าคนงานมองลูกน้องที่นอนกองบนพื้น เขากลืนน้ำลายลงคอ ผู้ชายหน้าตาใสสะอาดตรงหน้า ตอนนี้น่ากลัวเหมือนปีศาจ เมื่อเจอคำถามของเซี่ยงเส้าหลง เขาไม่คิดจะสู้ แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของคนนั้น ความกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจก็ค่อยๆ หายไป
“ไม่……ไม่ทำ!”
เซี่ยงเส้าหลงเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนเสิ่นเสว่เหลียนจะทุ่มเงินจำนวนมาก เพื่อใช้งานคนพวกนี้!
เซี่ยงเส้าหลงไม่ได้เถียงกับพวกเขาต่อ เขามองรถขุดดินสิบกว่าคันที่จอดอยู่บนไซต์งาน และเดินไปหาเซี่ยงเส้าจุน “พี่ใหญ่ พี่หาคนอื่นที่สามารถขับรถขุดดินมาได้ไหม”
“ฉันจะลองดู!”
เซี่ยงเส้าจุนหยิบมือถือขึ้นมา หลังจากโทรไปหลายเบอร์ เขาก็ส่ายหน้าให้เซี่ยงเส้าหลงอย่างสิ้นหวัง “พอพวกคนขับรถขุดดินได้ยินว่าเป็นที่นี่ ต่างพากันหาเหตุผลมาอ้างและปฏิเสธ!”
“มีคนรู้จักบอกว่ามีคนใหญ่คนโตเตือนพวกเขา ทั้งเมืองอ๋องเซี่ยง ถ้าใครกล้ามาทำงานที่ไซต์งานนี้ ก็จะได้เห็นดีกัน!”
แววตาของเซี่ยงเส้าหลงแน่นิ่ง “ตอนนี้ที่เมืองอ๋องเซี่ยง คนที่มีอำนาจขนาดนี้ คงมีเพียงแค่คนในตระกูลเซี่ยงเท่านั้น ต้องเป็นฝีมือเสิ่นเสว่เหลียนแน่นอน!”
เมื่อเห็นพวกเขาทำอะไรไม่ถูก หัวหน้าคนงานหัวเราะออกมา เขาพูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “นายเก่งไม่ใช่เหรอ ถึงจะเก่งกว่านี้แล้วยังไงล่ะ มีความสามารถก็ทำให้พวกเราทำงานสิ!”
“ไม่มีพวกเรา พวกนายก็ทำอะไรไม่ได้!”
“เหรอ อย่างนั้นเหรอ”
ขณะนั้น ชายรูปร่างผอม ใส่แว่นสะพายกระเป๋าเป้สีดำ เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อเห็นเขา เซี่ยงเส้าหลงยิ้มออกมา ในเมื่อเขามาแล้ว ก็แก้ไขปัญหาตรงหน้าได้แล้ว……