“นังแพศยา แกกล้าตีฉันเหรอ?” ชายกลางคนหัวล้านทำหน้าดุดัน แววตาที่มองหวังเหม่ยลี่เต็มไปด้วยไฟโทสะ
ผู้หญิงชั่วคนนี้กลับกล้ามาตีเขาได้ กินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไง ขนาดภรรยาเขาก็ยังไม่เคยตีเขาแบบนี้เลย
“ไอ้คนหลอกลวง ฉันก็จะตีแกนั่นแหละ!”
“ก็แกอยากได้ลาภยศจอมปลอมเองนี่ ทำเองก็ต้องรับผลกรรมเอง!”
“แกกล้าหลอกฉันเหรอ?! ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่!”
ดวงตาทั้งสองของหวังเหม่ยลี่แดงก่ำราวกับหญิงวิปลาส พุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายราวกับคนคลั่ง ใช้เล็บข่วนใบหน้าเขา
อีกฝ่ายตั้งตัวหลบไม่ทัน ใบหน้าถูกเล็บข่วนจนเป็นแผลสองแผลทันที เจ็บแสบ เลือดไหล
“แกกล้าข่วนฉัน? ไสหัวไปซะ!”
จากนั้นก็ยื่นมือตบหน้าหวังเหม่ยลี่ฉาดหนึ่ง หน้าบวมไปทันที
“อ๊าย…! ไอ้สารเลว! ฉันขอสู้ตายกับแกล่ะ!”
หวังเหม่ยลี่เริ่มฟัดข่วนใบหน้าชายกลางคนหัวล้านราวกับเสือน้อยคลุ้มคลั่ง
อีกฝ่ายแม้จะเป็นผู้ชาย แต่ร่างกายก็หมดสภาพไปนานแล้ว กำลังมีไม่มาก ทั้งสองต่อสู้กันอย่างสูสี เมื่อล้มลงพื้นก็ตะลุมบอนกันอีก
สองคนที่เมื่อครู่รักใคร่กลมเกลียว พริบตาเดียวก็กลับถือหอกมีดเข้าหากัน และทั้งหมดนี้ย่อมตกเป็นผลงานของเซี่ยงเส้าหลง
ยืมมีดฆ่าคน ยุแยงตะแคงรั่ว เขาทำได้คล่องแคล่วเสียไม่มี
“หลัวผิง พวกเรากลับ ให้พวกเขาสู้กันเองเถอะ”
เซี่ยงเส้าหลงหัวเราะเล็กน้อย ออกจากห้องไปพร้อมกับหลัวผิง
แม้จะจากไปไกลแล้ว แต่ก็ยังแว่วได้ยินเสียงสองคนนั้นตบตีด่าทอกันอยู่ ดังชัดเสียดหู
“คุณเซี่ยง ขอบคุณมากครับ”
นอกโรงแรม หลัวผิงโค้งตัวให้กับเซี่ยงเส้าหลง พูดอย่างตื้นตัน
เขารู้ว่าหากวันนี้ไม่ได้ความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย เขาต้องถูกหวังเหม่ยลี่เสียดสี รังแก
ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่เพียงแต่ระบายอารมณ์แทนเขา ซ้ำยังช่วยเขาแก้แค้นอีก สำหรับหลัวผิงแล้วนี่ไม่ต่างอะไรกับผู้มีพระคุณของตัวเอง
เซี่ยงเส้าหลงเอามือไขว้หลังมองหลัวผิง ปล่อยให้สายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน จากนั้นจู่ๆ ก็พูดขึ้น “หลัวผิง คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงช่วยคุณ?”
หลัวผิงไม่ตอบ ยืนนิ่งรอเซี่ยงเส้าหลงพูดต่อ
ถึงเขาจะซื่อ แต่ไม่ได้โง่ และรู้ดีว่าโลกนี้ไม่มีการช่วยเหลือที่ไม่มีเหตุผล
เมื่อคิดถึงจุดนี้ น้ำเสียงก็นอบน้อมกว่าเดิม เอ่ยปากพูด “คุณเซี่ยง ขอแค่มีเรื่องที่ผมทำได้ก็เชิญสั่งมาได้เลยครับ ถึงต้องบุกน้ำลุยไฟก็ไม่หวั่น!”
แต่ทันใดนั้นเซี่ยงเส้าหลงกลับเปลี่ยนเรื่องพูด “หลัวผิง คุณคิดว่าผู้ชายน่าจะใช้ชีวิตยังไง?”
“อยู่อย่างอดสูจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย หรือว่าทุ่มสุดตัว ทำการใหญ่สักครั้ง?”
“ลูกผู้ชายเมื่อมีปณิธาน มุ่งมั่นฝ่าฟันแล้วย่อมผงาดเป็นมังกร! หลัวผิง คุณมีวรยุทธ์ยอดเยี่ยม หรือจะยอมเป็นแค่ยามเล็กๆ ขนาดจะดูแลแม่ให้ดีก็ยังไม่ได้ ต่ำต้อยแบบนี้ไปตลอดชีวิตเหรอ?”
ในฐานะที่เป็นผู้ชาย เขามีชีวิตอย่างไร้ศักดิ์ศรี ในฐานะที่เป็นลูก แม้แต่แม่ตัวเองก็ยังดูแลให้ดีไม่ได้ เพียงเพราะตัวเองไร้ความสามารถ จนปัญญาต้องเห็นแม่ป่วยนอนติดเตียงต่อหน้าต่อตา เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าเขาก็เผยความอับอายและความละอายใจ
เซี่ยงเส้าหลงตบบ่าเขาเบาๆ มองเขาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ถ้าคุณยินยอม ผมจะมอบที่ที่ให้คุณแสดงความสามารถของตัวเองได้ เป็นไง?”
หลัวผิงลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยปากถาม “คุณเซี่ยง ไม่ทราบคุณมีอาชีพอะไรครับ?”
เซี่ยงเส้าหลงพูดอย่างภาคภูมิ “ชายแดนเหนือ!”
“ชายแดนเหนือ? นั่นมันที่ไหนกันครับ?”
หลัวผิงกะพริบตา สำหรับคนทั่วไปแล้ว ‘ชายแดนเหนือ’ เป็นสถานที่แห่งปริศนา
“นั่นเป็นที่ที่คุณจะได้เรียนรู้และแสดงความสามารถได้เต็มที่ เป็นที่ที่ทำให้คุณได้ทำการใหญ่เป็นที่ที่ทำให้ลูกผู้ชายเลือดพล่าน!”
เซี่ยงเส้าหลงพูดอย่างภาคภูมิ “รักษาชายแดนของประเทศด้วยชีวิต!”
“ยามราตรีหลับใหล พวกเราแบกภาระหนักหน่วงออกประจัญบาน!”
“หลัวผิง ตอนนี้รู้แล้วหรือยังว่าผมทำงานอะไร?”
ร่างกายหลัวผิงสั่นสะท้านในบัดดล แต่เล็กมาเขาก็ฝันจะพิทักษ์บ้านเมือง แต่เพราะความบีบคั้นในการดำรงชีวิตจึงไม่ได้สมดั่งใจหวังมาตลอด บัดนี้ เซี่ยงเส้าหลงยอมมอบโอกาสเขา แล้วเขาจะไม่ไขว่คว้าได้อย่างไร?
ทันใดนั้นเขาค้อมตัวลงต่ำ “ขอเพียงคุณเซี่ยงให้โอกาส ผมก็ยินดีติดตามคุณไปทุกที่ อุทิศเลือดทุกหยด พิทักษ์บ้านเมือง!”
เซี่ยงเส้าหลงหัวเราะพยุงเขาขึ้นแล้วพูด “อย่าเรียกผมว่าคุณเซี่ยงเลย ในเมื่อเป็นทหารของผมแล้ว ก็เรียกผมว่าผู้นำเถอะ!”
“ครับ! ท่านผู้นำ!”
บางที…ในอีกหลายปีข้างหน้า แม้แต่เซี่ยงเส้าหลงเองก็คงคิดไม่ถึง ว่าเขาเซี่ยงเส้าหลง จอมพลชายแดนเหนือปราบศัตรูพ่าย กับหลัวผิงนักรบทมิฬ ที่เป็นหัวหน้าแปดกองธงราชันย์จะได้พบกันอย่างปาฏิหาริย์เช่นนี้
กริ๊ง…
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเซี่ยงเส้าหลงก็ดังขึ้น เมื่อรับสายแล้วถึงรู้ว่าอวิ๋นเสว่เหยนโทรมา
“เส้าหลง!”
เสียงของอวิ๋นเสว่เหยนมีความกังวลเล็กน้อย “เมื่อกี้พี่เส้าจุนรับสายโทรศัพท์แล้วก็สีหน้าไม่ดีออกไป ไปตั้งหนึ่งชั่วยามกว่าแล้วยังไม่กลับมาเลย ฉันเป็นห่วง คุณไปตามหาเขาหน่อยดีไหม?”
หัวใจเซี่ยงเส้าหลงตึกตักทันที แวบแรกในหัวสมองก็คือตระกูลเซี่ยงได้เคลื่อนไหวแล้ว!
เขาคิดทุกอย่างไว้ในแผนการหมด แต่กลับคิดไม่ถึงไปเรื่องเดียว ก็คือการทำการเพียงลำพังของเซี่ยงเส้าจุน!
“เหยนเหยน พวกเลี่ยหลงยังอยู่ไหม?”
อวิ๋นเสว่เหยนพยักหน้า “ยังอยู่กันครบ”
“ให้เลี่ยหลงมารับสาย!”
ไม่กี่วินาที เสียงของเลี่ยหลงก็ดังขึ้น “ครับ นายพลน้อย!”
“ให้สิบสององครักษ์เสื้อเลือดคุ้มกันความปลอดภัยของเหยนเหยนกับเยนเอ๋ออย่างแน่นหนา ห้ามห่างแม้แต่ก้าว! ถ้าพวกเธอสองแม่ลูกเป็นอะไรไปแม้แต่น้อย ลงโทษตามกฎทหาร!”
“รับทราบ!”
“โยกกำลังพลห้าพันจากชายแดนเหนือเข้าเมืองอ๋องเซี่ยงโดยด่วน ต้องหาร่องรอยพี่ของฉันให้เจอ!”
เมื่อวางสายแล้ว ดวงตาเซี่ยงเส้าหลงก็พลันโทสะเดือดพล่าน เสิ่นเสว่เหลียนนะเสิ่นเสว่เหลียน ทางที่ดีอย่าทำเกินไปนัก ถ้าพี่ชายฉันบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว ฉันจะให้ทุกคนลงหลุมไปพร้อมกับเขา!
เวลานี้ ณ อาคารร้างแห่งหนึ่งในเมืองอ๋องเซี่ยง เซี่ยงเวิ่นเหอกำลังมองเซี่ยงเส้าจุนอย่างเล่นสนุกอยู่ ด้านหลังเขามีคนยืนเป็นระเบียบกว่าห้าสิบคน เงียบกริบ มีเพียงจิตสังหารที่เหลือล้น ฉวัดเฉวียนอยู่ลับๆ ในค่ำคืนที่เงียบสงัดนี้ เพิ่มความตึงเครียดมากขึ้นไปอีกเป็นสามเท่า!
องครักษ์ปาอ๋องของตระกูลเซี่ยง สืบทอดกันมาทุกยุคทุกสมัย เป็นกำลังสำคัญค้ำยันให้ตระกูลเซี่ยงคงอยู่ในสิบสองตระกูลลึกลับอันเลื่องชื่อ
องครักษ์ปาอ๋องถือกำเนิดตามการก่อตั้งของตระกูลเซี่ยง พวกเขาไม่โศกไม่ยินดี ไม่มีมิตรและศัตรู ถูกอบรมอย่างโหดเหี้ยมเลือดเย็นมาแต่เล็ก มีเพียงการตายอย่างซื่อสัตย์เพื่อตระกูลเซี่ยงเท่านั้นที่เป็นความคิดหนึ่งเดียวในหัวพวกเขา
พูดง่ายๆ ก็คือ องครักษ์ปาอ๋องเป็นอาวุธสังหารที่ตระกูลเซี่ยงเลี้ยงไว้โดยเฉพาะ การบ่มเพาะองครักษ์ปาอ๋องแต่ละคนล้วนต้องเสียกำลังทรัพย์ กำลังคนนับไม่ถ้วน องครักษ์ปาอ๋องจะไม่ปรากฏตัวตามใจชอบ ทว่าวันนี้กลับเคลื่อนพลทีเดียวห้าสิบนาย นี่เพียงพอให้เห็นว่าตระกูลเซี่ยงให้ความสำคัญกับเซี่ยงเส้าหลงขนาดไหน รวมไปถึงการตัดสินใจในการสังหารคืนนี้!
“เซี่ยงเส้าจุน แกยังกล้ามาคนเดียวอีกเหรอ? ไอ้เดนเซี่ยงเส้าหลงนั่นล่ะ?!”
เมื่อเผชิญกับการถากถางอย่างไร้มารยาทของเซี่ยงเวิ่นเหอ เซี่ยงเส้าจุนก็กดความหวาดหวั่นในใจแล้วพูด “มีธุระอะไรกับเส้าหลง? พูดกับฉันก็เหมือนกัน!”
“แหมๆ ทำไมคนไม่เอาไหนอย่างแกวันนี้ถึงได้กล้าพูดขนาดนี้นะ?”
เซี่ยงเส้าจุนยิ้มเหยียด จากนั้นก็โยนกระดาษพับหนึ่งมาที่เท้าเขา พูดอย่างโอหัง “ง่ายมาก! เซ็นชื่อในนั้นซะ! ”
“นี่อะไร?”
“ใบประกาศว่าเศษเดนอย่างพวกแก ยินยอมออกจากตระกูลเซี่ยง ละทิ้งสายเลือดทั้งหมดของตระกูลเซี่ยง!”
“อะไรนะ?!”
เซียงเส้าจุนเบิกตาโพลง ปฏิเสธแบบฉับพลัน “เป็นไปไม่ได้!”
“ไม่เซ็น?”
ดวงตาเซี่ยงเวิ่นเหอแวบรังสีพิฆาต น้ำเสียงดุดัน “ไอ้คนไม่เอาไหน แกคิดให้ดีนะ ถ้าไม่เซ็น งั้นวันนี้แกก็คงไปจากที่นี่ไม่ได้…”
จันทรามืดมิด วายุโหมกระหน่ำ ค่ำคืนแห่งเพชฌฆาต!
รกร้างห่างไกลผู้คน แดนฝังกลบกระดูก!
ราตรีนี้ สายลมหนาว คนยิ่งหนาว/สะท้าน…