พริบตาเดียว ทุกคนพากันตะลึง!
จู่ๆผู้หญิงที่พะเน้าพะนอจ้าวชงอยู่เมื่อกี้โพล่งด่ากราด “ตาบอดหรอ! รู้ไหมว่าแกทำร้ายใครไปเมื่อกี้?”
“นั่นน่ะคุณชายตระกูลจ้าวนะ!”
“รีบคุกเข่าขอโทษคุณชายตระกูลจ้าวซะ ไม่อย่างนั้นแกได้ตายไม่รู้ตัวแน่!”
เพี๊ยะ!
จ้าวชงยืนขึ้นมาตบหน้าผู้หญิงคนนั้น แล้วดูยังไม่หนำใจ แถมถีบให้อีกหนึ่งที ตะคอกอย่างโมโหใส่ว่า “ไสหัวไปอีกด้านเลย!”
เธอโดนจ้าวชงตบจนหน้ามึน หันมามองเขาอย่างน้อยใจพลางกระเง้ากระงอดว่า “คุณ…คุณชายจ้าว ตบฉันทำไมล่ะคะ ฉันพูดแทนคุณอยู่นะ!”
จ้าวชงมองหล่อนเขม็งอย่างโกรธจัด “พูดแทนฉัน? เธอไม่ทำฉันจนตายก็บุญพอแล้ว!”
พูดจบ ก็วิ่งเหยาะๆไปถึงข้างตัวผู้ชายวัยกลางคน ยิ้มประจบว่า “อารอง มาได้ไงครับเนี่ย?”
จ้าวซือเต๋อถลึงตาใส่เขาอย่างแรง พูดด้วยสีหน้าโกรธจัดว่า “ถ้าฉันไม่มา แกคงทำลายตระกูลจ้าวย่อยยังแน่!”
จ้าวชงทำหน้าไม่เห็นด้วย “อารอง พูดเพ้อเจ้ออะไรน่ะครับ!”
“ทั่วทั้งเมืองซูหังใครแหย็มได้แหย็มไม่ได้ ผมรู้ดี ปกติถึงผมจะซุกซนไปหน่อย แต่พวกที่ห้ามไปแหย็มหาเรื่องเด็ดขาด ผมไม่ได้ไปยุ่งเลยนะ!”
“ไม่ได้ไปยุ่งเลย?”
จ้าวซือเต๋อชี้ไปที่เซี่ยงเส้าหลงที่อยู่ด้านข้างพลางถาม “แล้วตอนนี้แกทำอะไรหา?!”
“ไอ้บ้า รีบคุกเข่าขอขมาคุณเซี่ยงซะ!”
จ้าวชงสีหน้าตกใจ “อารอง วันนี้อาดื่มไปกี่กก.เนี่ย? ให้ผมขอขมาไอ้คนจนนี่?”
“ไอ้เลวเอ๊ย!”
จ้าวซือเต๋อทั้งตกใจและโมโห ปกติเซี่ยงเส้าหลงอยู่ชายแดนเหนือ คนที่รู้ชื่อเขามีน้อยมาก แต่จ้าวซือเต๋อเดินทางไปทั่ว และเคยมีโอกาสได้เห็นความน่าเกรงขามของกองทัพชายแดนเหนือที่เซี่ยงเส้าหลงเป็นผู้นำทัพหนึ่งครั้ง!
มีแต่คนที่เคยเห็นความน่ากลัวของเซี่ยงเส้าหลงมาก่อน ถึงจะรู้ว่านายพลน้อยชายแดนเหนือคนนี้น่ากลัวแค่ไหน!
คุมทหารม้าชายแดนเหนือกว่าสามหมื่นนาย ท่วงท่าเก่งกล้าไร้คู่ต่อสู้ รับรองว่าไม่ใช่คนที่นักธุรกิจอย่างพวกเขาจะไปแหย็มหาเรื่องได้เลย!
พอเห็นท่าทางไม่ยี่หระของจ้าวชงแล้ว จ้าวซือเต๋อกัดฟันกรอด โค้งต่ำลงให้กับเซี่ยงเส้าหลง พูดอย่างนอบน้อมว่า “คุณเซี่ยงครับ หลานผมคนนี้เกเรแต่เด็ก หากล่วงเกินคุณเซี่ยงไปอย่างใด ได้โปรดอย่าถือสาเลยนะครับ!”
“ผมขอขมาคุณแทนเขานะครับ!”
“อารอง! อาทำอะไรน่ะ!”
จ้าวชงดึงรั้งจ้าวซือเต๋อไว้ พลางว่า “อาเป็นรองประธานเครือบริษัทกรุ๊ปตระกูลจ้าวของเรานะ เป็นหน้าเป็นตาของตระกูลจ้าวเรา กลับมาโค้งคำนับขอโทษไอ้คนจนนี่ในที่รโหฐานต่อหน้าคนมากมาย อาไม่ขายหน้าแต่ผมขายหน้านะ!”
พูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นตะคอกเสียงเย็นใส่เซี่ยงเส้าหลงว่า “ไอ้หนู! แกโชคดีมากนะ! ยังไม่รีบไสหัวไปอีก? แกจะรออารองฉันขอขมาแกหรือไง?!”
เซี่ยงเส้าหลงมองเขาด้วยสายตาลุ่มลึก พลางว่า “ขาผม คุณไม่เอาแล้ว?”
“แกคิดว่าฉันไม่กล้าหรือไง?”
“ว้าว! ใครต้องการขาคู่หมั้นฉันกันละเนี่ย?”
เสียงอ่อนหวานหนึ่งลอยมา พอหันไปดู หูเม่ยเอ๋อย่างเท้าเข้ามาอย่างสง่างาม นวยนาดมาอย่างช้าๆ
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของ จ้าวชง หูเม่ยเอ๋อกอดแขนเซี่ยงเส้าหลง เอนหัวพิงไหล่เขาอย่างสนิทสนม พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ที่รัก ทำไมพึ่งมาล่ะคะ ฉันหิวแล้วนะ….”
เซี่ยงเส้าหลงตัวแข็งเกร็ง รู้สึกถึงกลิ่นหอมที่ลอยมากระทบจมูกและความนุ่มนิ่มที่แขน ความปรารถนาแต่เดิมถูกจุดปะทุทันที!
“หู…คุณหู คุณว่าไงนะ?”
จ้าวชงรับไม่ได้กับภาพตรงหน้านี้ สีหน้าเขาดูตกตะลึงมาก!
หูเม่ยเอ๋อที่ทำให้คนทั่วทั้งเมืองซูหังบ้าคลั่งไปตามๆกัน กลับเรียกไอ้คนจนที่ไม่มีอะไรโดดเด่นนี่เลยว่าที่รัก?
หูเม่ยเอ๋อกลับยิ้มหวานบอก “ฉันบอกว่า นี่คือคู่หมั้นฉัน เป็นคู่หมั้นที่คุณปู่หมั้นให้ฉันตั้งแต่แบเบาะ พวกเรารู้จักกันแต่เด็ก รักกันดีด้วย คุณว่าจริงไหมคะ ที่รัก?”
เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้ารับตาม เขายื่นมือออกไปโอบเอวหูเม่ยเอ๋ออย่างเป็นธรรมชาติ ใช้แรงเล็กน้อย และมองไปยังเธอด้วยสายตาอ่อนหวานเล็กน้อยพลางว่า “ใช่ ที่รัก ไม่เจอกันนานเลย ผมคิดถึงคุณมากเลยนะ!”
เธอรับรู้ได้ถึงแรงกดที่เอว และได้กลิ่นผู้ชายลอยเข้าจมูก ใบหน้าของหูเม่ยเอ๋อเริ่มมีแววแดงระเรื่อ ถึงเธอจะทรงเสน่ห์ล่มเมืองมาเนิ่นนาน แต่โตจนป่านนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสใกล้ชิดขนาดนี้กับผู้ชายแปลกหน้าเลยนะ!
“ไม่!ผมไม่เชื่อ!”
จู่ๆจ้าวชงตะโกนดังออกมา เขาตะคอกดังใส่เซี่ยงเส้าหลง “เอามือสกปรกของแกออกไป!”
“เทพธิดาอย่างคุณหนูเม่ยเอ๋อ มีหรือที่จะให้มดตัวน้อยอย่างแกมาแปดเปื้อน?”
“จ้าวชง!”
จ้าวซือเต๋อตะคอกดัง “แกยังทำเรื่องไม่พอใช่ไหม?! คุณเซี่ยงเป็นคนที่แกจะด่าทอยังไงก็ได้หรือไง? รีบขอขมาเดี๋ยวนี้เลย!”
“ขอขมาอะไร!”
จ้าวชงในตอนนี้โดนความริษยาปิดกั้นหมดแล้ว เขาผลักมือจ้าวซือเต๋อออก “ผมไม่รู้ว่าวันนี้อาเป็นบ้าอะไร แต่ผมบอกอาไว้เลย ถึงอาจะเป็นอารองผม แต่ก็เป็นระดับลูกน้องคนหนึ่งในตระกูลจ้าว!”
“ส่วนผมเป็นผู้สืบทอดในอนาคตของตระกูลจ้าว ถือเป็นเจ้านายของอา!”
“แก!…แก!…”
จ้าวซือเต๋อโกรธจนตัวสั่นเทา พูดอะไรไม่ออกเลย!
“ใครก็ได้ โยนไอ้ขยะที่โป้ปดมดเท็จนี่ออกไปซะ!”
หูเม่ยเอ๋อสีหน้าเย็นชาลงฉับพลันพลางว่า “จ้าวชง คุณไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง?”
“คิดจะโยนตัวคู่หมั้นออกไปต่อหน้าฉันหูเม่ยเอ๋อเนี่ยนะ?”
“คุณหนูเม่ยเอ๋อ! คุณต้องโดนไอ้ขยะนี่หลอกเอาแล้วแน่ๆ! ผมจ้าวชงมีหน้าที่ต้องช่วยคุณจัดการปัญหาอยู่แล้วสิ!”
จ้าวชงพูดอย่างจริงจังหนักแน่นว่า “รออะไรอีก? ลงมือสิ!”
การ์ดกลุ่มหนึ่งท่าทางดุร้ายล้อมกรอบเซี่ยงเส้าหลงไว้ตรงกลาง หูเม่ยเอ๋อก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวพลางว่า “ฉันจะดูสิว่าใครกล้า?”
ใครจะรู้ เซี่ยงเส้าหลงกลับหัวเราะร่วนออกมา และดึงเธอไปอีกด้าน เขากวาดตามองรอบด้านด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางว่า “ก็แค่พวกน่ากลัวแต่ไร้ฝีมือกลุ่มหนึ่งเท่านั้น น่ากลัวตรงไหนกัน?”
จ้าวชงโกรธจนหน้าแทบเบี้ยว “พวกน่ากลัวแต่ไร้ฝีมือ? นี่เป็นการ์ดระดับท็อปที่ฉันใช้เงินจำนวนมากจ้างมา แต่ละคนน่ะสามารถสู้แบบหนึ่งต่อห้าได้สบายเลย!”
“ไอ้หนู รอก่อน เดี๋ยวฉันจะเลาะฟันแกให้หมดปาก ให้แกรู้ว่า แกล้งทำเท่น่ะผลมันจะเป็นยังไง!”
“ลงมือได้!”
พอพูดจบ เห็นแต่ร่างดำเตี้ยร่างหนึ่งปราดเข้าไปด้านหน้าเซี่ยงเส้าหลง จากนั้นเกิดเสียงดังปึ้กขึ้น ร่างใหญ่ร่างหนึ่งกระโดดขึ้นกลางอากาศ จากนั้นการ์ดแต่ละคนที่ใช้เงินจำนวนมากจ้างมาลอยกระเด็นออกไป แค่แป๊บเดียวก็ร้องครวญครางบนพื้นกันหมด
เซี่ยงเส้าหลงเหมือนรู้อยู่ก่อนแล้ว เขาพูดเสียงเรียบว่า “มาเร็วดีนี่! ทางเมืองเทียนไห่จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
ร่างดำเตี้ยหมุนตัวกลับมา โค้งคำนับอย่างนอบน้อมรายงานว่า “เรียบร้อยหมดแล้วครับ เลี่ยหลงให้ผมเดินทางมาก่อน เพราะกลัวนายพลน้อยทางนี้จะต้องการกำลังคน ส่วนสิบสององครักษ์เสื้อเลือดกำลังตามมาครับ!”
เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปด้านหน้าจ้าวชงที่กำลังยืนอึ้ง พลางมองเขายิ้มๆว่า “ฟันของผม คุณคงเลาะไม่ได้แล้วล่ะ แต่ปากเหม็นๆของคุณนี่ มันทำให้คนรู้สึกไม่ชอบใจเอามากๆเลยนะ…”