“ไม่จำเป็นหรอก ผมกับคุณชายฟางน่าจะไม่มีทางได้ทำการค้าอะไรกัน ดังนั้นไม่ต้องรู้จักกันก็ได้!”ลางสังหรณ์บอกเซี่ยงเส้าหลงว่า คนอย่างฟางหวาอันตรายมาก ดังนั้นไม่ถึงจุดจำเป็นจริงๆ ต้องหาทางหลีกเลี่ยงการปะทะตรงๆกับฟางหวาเร็วเกินไป!
ถึงเซี่ยงเส้าหลงจะไม่กลัว แต่สำหรับคนที่เขาดูไม่ออก ระมัดระวังไว้ก่อนเป็นดี!
“แม่งเอ๊ย! แกอย่ามาอวดดีไม่ไว้หน้านะ! พี่ใหญ่ฉันยอมลดตัวมาเชื้อเชิญแก แกกลับ…”
“หวังโชง!”
สีหน้าฟางหวาตัดบทหวังโชงอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก น้ำเสียงเย็นเยือกลง “ในเมื่อคุณเซี่ยงไม่อยากคบค้ากับผม ทำไมต้องบังคับเขาด้วยล่ะ?”
“ผมรบกวนแล้ว เม่ยเอ๋อ คืนนี้หวังว่าจะสนุกกับให้เต็มที่นะครับ!”
ระหว่างพูด ฟางหวาหมุนตัวจากไป หวังโชงถลึงตาใส่เขาเขม็ง เหล่ใส่เซี่ยงเส้าหลงหลายครั้ง จากนั้นก็เดินตามเขาไป สีหน้าเคร่งเครียดของเซี่ยงเส้าหลงกลับไม่ได้หายไป จากนั้นก็พูดขึ้น “คนคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!”
“เขาไม่ธรรมดาจริงๆ ฉันบอกคุณได้แค่ว่า เมืองซูหังเมื่อก่อนมีตระกูลหูเป็นผู้นำ สองปีก่อนฟางหวามาที่เมืองซูหัง ใช้เวลาแค่สองปีก็ยึดเอาดินแดนของตระกูลหูไปกว่าครึ่ง ไม่เพียงเพราะอำนาจของตระกูลฟาง ตัวฟางหวาเองก็น่ากลัวมากด้วย!”
“แล้วเจ้าตระกูลหูก็ยอมทนมอบดินแดนกว่าครึ่งออกไปโดยง่าย?”
หูเม่ยเอ๋อพูดเสียงเอื่อยๆ “ไม่ยอมแล้วยังไง? ตอนแรกคุณปู่คิดจะไล่ฟางหวาออกจากเมืองซูหังเหมือนกัน แต่ใช้หมดทุกเส้นสายที่มีแล้ว ถึงพึ่งจะสืบค้นเรื่องตระกูลฟางได้เล็กน้อย แต่แค่ส่วนน้อยก็ทำให้คุณปู่ไม่กล้าหาเรื่องเขาอีกแม้แต่น้อย!”
พูดจบหูเม่ยเอ๋อมองเขาอย่างมีความหมาย “ในบรรดาสิบสองตระกูลลึกลับ ตระกูลหลี่แห่งหล่งซี เคยได้ยินไหม?”
เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้า ในบรรดาสิบสองตระกูลลึกลับ ตระกูลหลี่ไม่เผยความสามารถของตัวเองอ่อนน้อมถ่อมตนมาก
“คุณปู่เคยบอกฉัน ผู้นำตระกูลตระกูลหลี่เคยออกปากเรียกฟางหวาว่าเจ้านาย!”
เซี่ยงเส้าหลงหรี่ตาลงทันที!
สิบสองตระกูลลึกลับ มีตระกูลไหนบ้างไม่ได้สืบทอดมายาวนานกว่าร้อยปี ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดทั้งนั้น สามารถทำให้เจ้าตระกูลอย่างนั้นเรียกว่าเจ้านายได้ งั้นตระกูลฟางจะยิ่งใหญ่ถึงระดับไหนกันเนี่ย?!
แต่ว่าไม่นาน ความตกใจในแววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นความฮึกเหิมท้าทาย ยิ่งยากเท่าไหร่ ความท้าทายก็ยิ่งน่าสนใจ ไม่ใช่หรือไง?
ผ่านไปไม่นาน การเต้นรำก่อนเปิดงานได้เริ่มขึ้น ทุกคนพากันเกาะกลุ่มคุยเล่นสนุกสนาน ส่วนหูเม่ยเอ๋อกับเซี่ยงเส้าหลงสองคนกลับยืนนิ่งอยู่มุมหนึ่ง ดูแตกต่างออกไป
ไม่ไกลกันนัก สีหน้าฟางหวามองสำรวจพวกเขาอย่างเคร่งเครียด ผ่านไปไม่นาน ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามา “คุณชายฟาง สืบมาเรียบร้อยครับ เซี่ยงเส้าหลง หัวหน้ากองทัพชายแดนเหนือ มีฉายาว่านายพลน้อย มีทหารในมือสามหมื่นนาย คอยปกป้องชายแดนเหนือ!”
“เชอะ ก็แค่แม่ทัพคนหนึ่งเท่านั้นเอง!” หวังโชงที่ยืนอยู่อีกด้านแคะหูอย่างไม่แคร์ “หูเม่ยเอ๋อนี่โง่หรือเปล่า? ไปชอบแม่ทัพเนี่ยนะ?”
ดวงตาฟางหวาสะท้อนกับแสงไฟ ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปอยู่นาน จู่ๆเขาก็พูดขึ้น “หวังโชง ได้ยินว่าเมื่อกี้ที่ทางเข้างาน นายกับเขาเข้าใจผิดกันนิดหน่อย?”
“ในเมื่อรู้จัก งั้นต่อไปก็คือเพื่อนกัน ไปแก้ความเข้าใจผิดซะหน่อยดีกว่า!”
“คุณชายฟาง คุณให้ผมไป..กับแม่ทัพคนหนึ่ง” หวังโชงบ่นอุบ ทันใดนั้น เขาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แสยะยิ้มมุมปาก โพล่งออกมาว่า “ครับ ผมรู้แล้วว่าต้องทำยังไง!”
เซี่ยงเส้าหลงที่กำลังยืนคุยกับหูเม่ยเอ๋อหางตากระตุก เห็นหวังโชงนำลูกน้องหลายคนเดินตรงมาทางพวกเขา และมายืนตรงหน้าเซี่ยงเส้าหลง พลางยื่นมือออกมายื่นแก้วเหล้ามาตรงหน้าเซี่ยงเส้าหลง
“เมื่อกี้ที่หน้าทางเข้างาน เข้าใจผิดกันนิดหน่อย! คนอย่างผมหวังโชงนะ ไม่ใช่คนใจแคบอะไร ดื่มแก้วนี้ลงไป เรื่องเมื่อกี้ก็แล้วกันไปแล้วกัน หวังโชงผมก็จะนับคุณเป็นเพื่อนคนหนึ่งเลย!”
เซี่ยงเส้าหลงคิ้วขมวดเล็กน้อย ลืมเรื่องเขาจะดื่มไหมไปก่อน ดูจากสีเหล้านี้ แค่ดูไม่รู้เลยว่าใส่ส่วนผสมอะไรลงไปบ้าง เกิดดื่มลงไปจริงๆ อาจจะโดนพิษตายเลยก็ได้?
นึกว่าเขาโง่หรือไง?
ดังนั้นเซี่ยงเส้าหลงส่ายหัว น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “ผมดื่มเหล้าไม่เป็น”
“ดื่มเหล้าไม่เป็น?”
ผู้ชายด้านหลังหวังโชงไม่พอใจละ “เป็นลูกผู้ชาย มีกินเหล้าไม่เป็นได้ที่ไหนกัน? ฉันว่าแกจงใจไม่ให้เกียรติพี่ชงของเรามากกว่า!”
ผู้ชายคนอื่นก็พากันเฮโลด้วย หวังโชงโบกมือ จากนั้นสายตามองจ้องมาที่เขา “เหล้าที่คนอย่างฉันหวังโชงเชื้อเชิญ ไม่ใช่ใครอยากดื่มก็ดื่ม หรือไม่อยากดื่มก็ไม่ดื่มได้!”
“หวังโชง! อย่าให้มันเกินไปนะ!”
หูเม่ยเอ๋อแทรกขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์ตระกูลหวังของนาย นายยังไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งใส่ใครที่นี่!”
“คุณหนูหู พูดแบบนี้ไม่ถูกมั้งคะ!”
คู่ควงสาวคนหนึ่งที่ยืนดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆเอ่ยปากแทรกขึ้น “พี่ชงเชิญเขาดื่ม เท่ากับให้เกียรติเขา เขาไม่ดื่ม เห็นได้ชัดว่าดูถูกพี่ชง คู่ควงคุณมาจากไหนน่ะ ดูท่ากร่างไปหน่อยไหม!”
ถึงฐานะของหวังโชงจะเทียบฟางหวาไม่ติด แต่ในบรรดาตระกูลต่างๆของเมืองซูหัง ก็ถือว่าเป็นระดับสูง ห่างชั้นกับตระกูลหูแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง ดังนั้นต่อให้เป็นคุณหนูสาวสวยจากบางตระกูล ก็ยังมีไม่น้อยที่ประจบเขาอยู่!
สายตาหูเม่ยเอ๋อฉายประกายวิบวับ คืนนี้คนที่เซี่ยงเส้าหลงต้องเผชิญหน้าคือฟางหวา ไม่ใช่ลูกกระจ๊อกอย่างหวังโชง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาที่เขามากไปนัก!
พอคิดอย่างนี้ เธอยิ้มเย้ายวน “อยากดื่มเหล้า? เอาสิ! ฉันดื่มให้!”
ระหว่างพูด หูเม่ยเอ๋อยื่นมือจะหยิบแก้ว แต่โดนหวังโชงขวางไว้ “คุณหนูหู เหล้าแก้วนี้ผมเชิญเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยนะ!”
“ถ้าเขาไม่อยากดื่มจริงก็ได้ ขอเพียงเขายอมไสหัวไปจากที่นี่โดยดี เหล้าแก้วนี้ก็ไม่ต้องดื่มแล้วล่ะ!”
หวังโชงเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา
“หวังโชง นายรู้ไหมว่ากำลังพูดอะไร?”
สีหน้าหูเม่ยเอ๋อเคร่งขรึมลงมาทันที!
“ผมต้องรู้ดีอยู่แล้ว!” หวังโชงยื่นแก้วมาตรงหน้าประชิดติดริมฝีปากล่างของเซี่ยงเส้าหลงเลย “ไม่ไสหัวไป ก็ดื่มลงไปซะ!”
“ผมดื่มเหล้าไม่เป็น!”
น้ำเสียงเซี่ยงเส้าหลงยังเรียบเฉยอยู่
ซ่า!
ไม่ทันการ หลังจากเซี่ยงเส้าหลงพูดจบ หวังโชงสาดเหล้าในมือเข้าที่หน้าเซี่ยงเส้าหลงทันที การกระทำแบบทันทีทันใดแบบนี้ ไม่มีใครได้สติรู้ตัวทันกันสักคน!
“หวังโชง! นายทำอะไร!”
หวังโชงกลับยิ้มอย่างสะใจ “ขอโทษ พอดีมือลื่น”
หูเม่ยเอ๋อถลึงตาใส่เขาหนึ่งที ก่อนหยิบผ้าออกมาซับเหล้าที่ใบหน้าเซี่ยงเส้าหลง การกระทำสนิทสนมนี้ฟางหวาเห็นชัดเต็มตา สีหน้าเคร่งขรึมของเขายิ่งทะมึนมากขึ้นอีก!
ถึงหูเม่ยเอ๋อจะมีเสน่ห์ตั้งแต่เกิด แต่ปกติค่อนไปทางเย็นชา เซี่ยงเส้าหลงคนนี้มีอะไรดี ทำให้หูเม่ยเอ๋อสนิทสนมกับเขาต่อหน้าผู้คนได้ขนาด?
หรือว่าเขาเป็นคู่หมั้นหูเม่ยเอ๋อจริงๆ?
เป็นไปไม่ได้!
เท่าที่ตนสืบมา ไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องการหมั้นหมายตั้งแต่เด็กของทั้งคู่เลย!
เซี่ยงเส้าหลงเช็ดเหล้าที่หน้าจนหมด มองดูหวังโชงที่มีสีหน้าสะใจ พลางหยิบขวดเหล้าอีกขวดที่ยังไม่ได้เปิดจากข้างๆขึ้นมา ยิ้มมุมปากอย่างสนุก มองดูหวังโชงพลางว่า “ในเมื่ออยากดื่มเหล้า แก้วเดียวจะสนุกอะไรล่ะ?”