หลังจากที่เซี่ยงเส้าหลงและคนอื่น ๆ เดินออกไปจากตระกูลซ่งแล้ว เหอย่านจือก็เดินออกไปอย่างระมัดระวังและกล่าวว่า “ท่านพ่อ พวกเขากลับไปแล้วเหรอ?”
ซ่งจ้านพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ดูเหมือนว่าเหอย่านจือจะไม่เห็นมัน และกล่าวด้วยความโกรธว่า “เป็นแค่กลุ่มทหารเล็ก ๆ คิดว่าตนเองเป็นใคร ถ้าที่นี่เป็นเขตอิทธิพลของตระกูลซ่งแล้ว ฉันจะ………”
“หุบปาก!”
ซ่งจ้านกล่าวด้วยความโมโห!
เหอย่านจือตกใจทันที มองซ่งจ้านที่เต็มไปด้วยความโกรธ อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยความคับข้องใจว่า “ท่านพ่อ ทำไม? ลูกสะใภ้พูดผิดหรือ?”
“อีคนชั้นต่ำนั้นก็แค่ถูกตบตีเท่านั้น? เธอมีคุณสมบัติอะไรที่ฉันต้องไปขอโทษเธอด้วย?”
“ฮึ่ม! ดูเหมือนว่าคุณจะเสพสุขความมั่งคั่งนานเกินไปแล้ว เลยทำให้คุณกลายเป็นคนที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”
สีหน้าของซ่งจ้านไม่สบอารมณ์ สะบัดแขนเสื้อ แล้วกล่าวว่า “ช่วงนี้ คุณดูแลชิงจู๋อยู่ที่บ้านให้ดี ๆ หากไม่มีคำสั่งของผม ห้ามคุณออกไปข้างนอกเด็ดขาด!”
“ท่านพ่อ! ฉัน……”
“เอาล่ะ! เรื่องนี้ก็ทำตามที่ผมสั่ง!”
เมื่อเห็นซ่งจ้านเดินจากไป เหอย่านจือจับมือตนเองไว้แน่น เธอรู้สึกโกรธจนหน้าแดงก่ำ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความชั่วร้าย!
อีคนชั้นต่ำ!
ฉันจะจำความแค้นนี้ไว้ คอยดูต่อไปเถอะ!
ตระกูลฟาง!
แม้ว่าจะเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่ฟางหวาก็มีสติที่สมบูรณ์ เขาคว้าปกคอเสื้อของคนรับใช้คนหนึ่ง และจ้องมองอย่างโกรธเคือง “คุณพูดอะไร? เซี่ยงเส้าหลงนำกองทหารไปที่ตระกูลซ่ง ไม่เพียงแค่พาอวิ๋นเสว่เหยนกลับมาอย่างปลอดภัยดี แล้วยังมีตาเฒ่าซ่งจ้านเดินออกมาส่งด้วยตนเองหรือ?”
คนรับใช้หดคอด้วยความหวาดกลัว แล้วพยักหน้า “ใช่…..ใช่ คุณชาย คุณส่งผมไปเฝ้าสังเกตทุกย่างก้าวของตระกูลซ่งอย่างลับ ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ผมเห็นกับตาตนเอง!”
ปัง!
ฟางหวาใช้เท้าเตะเขาจนกระเด็นออกไป สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน!
ฟางฉวนโบกมือส่งสัญญาณให้ผู้ใต้บังคับบัญชาออกไป จากนั้นเดินไปข้างหน้าและกล่าวด้วยความกังวลว่า “คุณชาย หรือว่าพวกเรา……..”
ฟางหวาขัดจังหวะเขาอย่างหยาบคาย “ท่านอาฉวน! ผมจะพูดอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา!”
คราวนี้ฟางฉวนไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเขาและกล่าวว่า “แต่คุณชาย พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด!”
“ถึงแม้ว่าตอนนั้นฟ้าจะมืด ผมก็มั่นใจฝีมือลูกน้องของตนเอง แต่ตอนนี้นายน้อยของตระกูลซ่งยังไม่ตาย ถ้าหากพวกเขาตรวจพบว่าเป็นฝีมือของพวกเรา…….”
“ถ้าเราสร้างศัตรูที่เป็นเชื้อสายราชวงศ์อีก เกรงว่าแม้แต่ตระกูลฟางของพวกเราจะตกอยู่ภายใต้ความกดดัน…….”
ปัง!
ฟางหวาตบโต๊ะอย่างแรง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ “เซี่ยงเส้าหลงคนนี้ ดวงดีจริง ๆ!”
“เดิมคิดว่าลอบทำร้ายซ่งชิงจู๋แล้วใส่ร้ายป้ายสีให้อวิ๋นเสว่เหยน ก็จะทำให้ตระกูลซ่งกับเซี่ยงเส้าหลงต่อสู้กัน และผมจะรอเวลาตักตวงผลประโยชน์ แต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นไปตามความประสงค์!”
“ท่านอาฉวน คุณพูดถูก ด้วยสถานะและนิสัยของซ่งจ้านแล้ว การที่เขาเดินไปส่งเซี่ยงเส้าหลงด้วยตนเอง เกรงว่าระหว่างคนทั้งสองจะมีความลับบางอย่าง”
“ถ้าพวกเขาสองคนร่วมมือกัน เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว จะทำให้ผมลำบากไม่น้อย!”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาประกายเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง “ถ้าต้องการที่จะแย่งชิงโรงที่หนึ่ง ต้องไปหาหูเม่ยเอ๋อ และถ้าอยากได้หูเม่ยเอ๋อ ก็ต้องกำจัดเซี่ยงเส้าหลงก่อน!”
“ท่านอาฉวน ผมจะต้องไปสักครั้ง!”
“คราวนี้ ผมจะทำให้เซี่ยงเส้าหลงไม่มีโอกาสที่จะสามารถฟื้นได้ตลอดไป!”
อีกฝั่งหนึ่ง เมื่อมองอวิ๋นเสว่เหยนที่กำลังหลับอยู่ในรถ เซี่ยงเส้าหลงรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก เขาค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมตนเองออกแล้วคลุมให้เธอ จากนั้นก็ลงจากรถอย่างเงียบ ๆ
“นายพลน้อย!”
เลี่ยหลงทักทายทันที
เซี่ยงเส้าหลงกล่าวเบา ๆ ในขณะที่ลมเหน็บหนาวพัดมา “เลี่ยหลง คุณคิดว่าคนที่ใส่ร้ายพวกเรานั้นเป็นใคร?”
ประกายเจตนาฆ่าอย่างลึกปรากฏในดวงตาของเลี่ยหลง “ในเมืองซูหาง คนที่เป็นศัตรูกับพวกเรา มีเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
“ฟางหวา!”
เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้า “ถูกต้อง เขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้!”
“อย่างไรก็ตาม พวกเรารู้ว่าเป็นเขา แต่ไม่มีหลักฐาน คราวนี้ผมยังมาทันเวลา แต่ถ้ามีคราวหน้า ผมไม่กล้านึกเลยว่าเหยนเหยนจะโดนทำร้ายอย่างไร!”
เลี่ยหลงคุกเข่าลงบนพื้นทันที “นายพลน้อย! ผมและคนอื่น ๆ ปกป้องคุ้มคุณนายได้ไม่ดี ขอนายพลน้อยโปรดลงโทษด้วย!”
“ลุกขึ้นเถอะ!”
เซี่ยงเส้าหลงกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “คุณเป็นราชาทหารจากสนามรบ คุณเก่งในการเข่นฆ่าศัตรู แต่เมื่อกล่าวถึงการปกป้องคุ้มครองคน คุณด้อยไปเล็กน้อย”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็หันไปมองทางทิศตะวันตก “ที่นี่ อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านหมาป่า?”
สีหน้าของเลี่ยหลงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “นายพลน้อย หรือว่าคุณคิดจะ……..”
“ฮ่า ๆ ผมไม่ได้เจอท่านผู้อาวุโสมานานแล้ว ใช้โอกาสนี้ไปเยี่ยมเยียน แล้วก็ขอยืมคนที่เก่งกลับมาด้วย!”
“ส่งเหยนเหยนกลับบ้านอย่างปลอดภัย แล้วออกคำสั่งของผมให้กองทัพชายแดนเหนือทั้งหมดเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม!” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ความรู้สึกของสงครามแวบเข้ามาในดวงตาของเขา “ข่าวที่ซ่งจ้านบอกผมนั้น ผมสนใจเป็นอย่างมาก…….”
เมืองที่อยู่ใกล้กับเมืองซูหาง ถูกเรียกว่าเมืองซาน ตามชื่อเมือง สิ่งที่มีมากที่สุดในเมืองนี้คือพื้นที่รกร้าง!
นี่คือหนึ่งในภูเขาที่รกร้างนับร้อยแห่งของเมืองซาน ไม่มีใครรู้ว่าภูเขานี้ชื่ออะไร มันเป็นภูเขาสูงชัน ขรุขระ ห่างไกลจากความพลุกพล่านวุ่นวายของมหานคร กลับกันที่นี่เหมือนสวรรค์ที่ลึกลับและเงียบสงบ
กลางหุบเขาที่รกร้าง มีหมู่บ้านเล็ก ๆ แปลกตาตั้งอยู่ ตอนเย็นจะมีควันลอยไปตามสายลม เหมือนหมู่บ้านธรรมดาทั่วไป ตรงทางเข้าหมู่บ้าน มีตัวหนังสือสีแดงสลักอยู่บนหินศิลาที่เอียงอยู่ บอกเล่าเรื่องราวชื่อหมู่บ้านบนภูเขาเล็ก ๆ แห่งนี้
หมู่บ้านหมาป่า!
ไม่มีคนอาศัยอยู่ภายในรัศมีหนึ่งร้อยกิโลเมตรของหมู่บ้านหมาป่า ถนนที่ขรุขระของที่นี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง ส่วนสาเหตุหลักคือ ระหว่างทางไปที่หมู่บ้านหมาป่านั้น มีป่าลึกที่มีแก๊งหมาป่าอาศัยอยู่
ในป่าหมาป่า ยังไม่มีหมาป่าปรากฏ พวกเขายังคงรักษาธรรมชาติของสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในป่าลึก คือโลกของพวกมัน
ท้องฟ้าเริ่มสว่าง
บนถนนสายเล็ก ๆ ที่แทบไม่มีคนปรากฏ วันนี้ได้ต้อนรับแขกคนหนึ่ง